ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 602 ชายหญิงไม่อาจชิดใกล้
ตอนที่ 602 ชายหญิงไม่อาจชิดใกล้
ลู่เจียวไม่คิดสนใจจ้าวหลิงเฟิงอีก นางคิดถึงอีกเรื่องหนึ่ง มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับจ้าวหลิงเฟิงกล่าวว่า “ข้าคิดถึงเรื่องหนึ่งได้ หากมอบสูตรยาให้อ๋องเยียน ก็เหมือนไม่อาจมอบให้สามโรงผลิตเราผลิต ตอนนี้อ๋องเยียนไม่คิดเผยสถานะพวกเจ้าทั้งสองคน หากมอบสูตรยาให้สามโรงผลิตผลิต ย่อมต้องถูกพวกอ๋องจิ้นจับตามอง หากพวกเขาส่งคนมาตรวจสอบ ก็ย่อมตรวจสอบคนเบื้องหลังพบ”
“หากสูตรยาไม่มอบให้สามโรงผลิตเราผลิต แต่สูตรยาต้องเพิ่มตัวยาที่ข้าปรุงเองอีกนิดหน่อย จึงจะผลิตยาแก้อักเสบแท้จริงได้”
พอลู่เจียวกล่าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เข้าใจทันที เจียวเจียวคิดเติมน้ำพุจิตวิญญาณลงไปในยาแก้อักเสบประสิทธิภาพของยาแก้อักเสบก็จะยิ่งดีขึ้นอีกหลายเท่า และยานี้ก็จะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้ว่าลู่เจียวทำเช่นนี้ นอกจากหาเงินแล้วยังคิดเพื่อราษฎร ในใจเขารู้สึกภาคภูมิใจมาก ค่อยๆ หันไปมองจ้าวหลิงเฟิง กล่าวว่า “พวกเจ้าเปิดอีกโรงผลิตในหลิวหยางได้ หลิวหยางเป็นพื้นที่ของอ๋องเยียน และเป็นพื้นที่ตั้งบ่อเกลือแร่เจี่ยเหยียน เช่นนี้ก็ไม่ทำให้ผู้อื่นสืบมาถึงพวกเรา และสะดวกต่อการผลิตยา”
จ้าวหลิงเฟิงกับลู่เจียวพอได้ฟังก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้
“ได้ ทำตามที่ใต้เท้าเซี่ยว่า”
สามคนหารือกันเสร็จ จ้าวหลิงเฟิงมองลู่เจียวกล่าวว่า “ข้ากลับไปจะรีบส่งคนไปบ่อเกลือแร่เจี่ยเหยียน นำเกลือเจี่ยเหยียนกลับมาให้เจ้า ให้เจ้าทดลองทำดู”
“ตกลง”
ลู่เจียวต้องสกัดเอาเพนิซิลลินออกมา จากนั้นก็ผสมกับเกลือเจี่ยเหยียนให้เป็นยาแก้อักเสบที่ใช้กิน
จ้าวหลิงเฟิงได้ยินคำตอบลู่เจียวก็ดีใจรีบลุกขึ้นยืน เตรียมจะกลับไปจัดการเรื่องนี้ ปรากฏพอลุกขึ้นยื่นก็พบว่าบุตรสาวไม่อยู่ จ้าวหลิงเฟิงเองก็ขี้เกียจจะดึงดันลากบุตรสาวกลับแล้ว
“อวี้หลัวก็ฝากทั้งสองท่านดูแลแล้ว”
กล่าวจบก็หันหลังจากไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังสบตากับลู่เจียว ไม่ต้องการบุตรสาวแล้วหรือ ทิ้งไว้บ้านพวกเขาเช่นนี้หรือ ไม่กลัวบุตรสาวรู้จะเสียใจหรือ
ปรากฏพอจ้าวอวี้หลัวรู้บิดาตนเองไปแล้ว ก็ส่งเสียงร้องอย่างดีใจ วิ่งไปตรงหน้าเอ้อร์เป่า กล่าวว่า “เอ้อร์เป่า ข้าอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเจ้าได้แล้ว”
ต้าเป่า ซานเป่า ซื่อเป่าหัวเราะคิก ตอนพวกเขายังเล็ก ยังไม่รู้ว่าคู่หมายคืออันใด ไม่ได้รู้สึกอันใด ตอนนี้โตขึ้นมาหน่อยแล้ว รู้แล้วว่าอันใดคือคู่หมาย ดังนั้นจึงหัวเราะเอ้อร์เป่า
เอ้อร์เป่าหน้าแดง ส่งสายตาถลึงจ้องใส่ต้าเป่า ซานเป่ากับซื่อเป่า จากนั้นก็เขาหันไปมองจ้าวอวี้หลัว เอ่ยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “จ้าวอวี้หลัว ชายหญิงไม่อาจชิดใกล้ พวกเราโตแล้ว วันหน้าอย่าเอาแต่มาเกาะติดอยู่ที่นี่ เช่นนี้ก็จะถูกคนหัวเราะเยาะเอาได้ อีกอย่างหากเจ้าโตไปจะออกเรือนได้อย่างไร”
จ้าวอวี้หลัวสีหน้าไม่สนใจ กล่าวว่า “ข้าไม่ออกเรือนกับผู้อื่น ข้าจะแต่งกับเจ้า”
เอ้อร์เป่ากล่าวด้วยสีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อว่า “ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าไม่แต่งกับเจ้า”
จ้าวอวี้หลัวโมโหกล่าวว่า “ทำไมเจ้าไม่อยากแต่งกับข้า ข้าสวยไม่พอหรือ หรือว่าไม่ดีพอ หรือข้าชอบเจ้าไม่พอ เจ้าว่ามา เจ้าบอกมา ข้าจะแก้ไข”
เอ้อร์เป่าฟังจนอึ้งไป ไม่รู้ว่าควรโต้กลับเช่นไร
สาวงามตัวน้อยยิ้มอย่างได้ใจ
ตระกูลเซี่ยจัดงานเลี้ยงสามวัน ทุกคนในหมู่บ้านกินกันจนพุงกาง สุดท้ายก็กินกันไม่ลงอีกแล้ว
ในหมู่บ้านตั้งแต่ผู้ใหญ่ยันเด็กน้อยล้วนไม่มีผู้ใดไม่เบิกบานใจ นอกจากพวกเซี่ยต้าเฉียงแห่งตระกูลเซี่ย พวกเซี่ยต้าเฉียงยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกปวดใจ หากน้องสามไม่จัดงานเลี้ยงนี้ เอาเงินมอบให้พวกเขาจะดีเพียงใด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวขี้เกียจจะสนใจพวกเขา
ลู่เจียวถึงกับแอบมาพบกับแม่หม้ายหวังและบ่าวหญิงสูงวัยที่ตนส่งมาก่อนหน้านี้ กำชับพวกนางสองคนว่าต้องจับตาดูครอบครัวเซี่ยต้าเฉียงกับเซี่ยอวิ๋นหวาให้ดี หากพวกเขากล้าแอบทำอันใดผิดกฎหมาย จะต้องส่งคนนำจดหมายไปแจ้งที่ตัวเมือง
แม่หม้ายหวังกับบ่าวหญิงสูงวัยรับคำพร้อมกัน
สามวันถัดมา เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็เก็บของเรียบร้อย เตรียมเดินทางไปรับตำแหน่งที่เมืองหนิงโจว
จู๋จ่างกับผู้ใหญ่บ้านพาคนในหมู่บ้านมาส่งพวกเขา ตอนนี้พื้นที่สร้างสำนักศึกษาประจำวงศ์ตระกูลเลือกไว้แล้ว ก็รอแค่เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่งคนมาสร้าง
“ข้ากลับถึงเมืองหนิงโจวก็จะสั่งการให้ท่านอาเซียวกลับมาจัดการเรื่องนี้ พวกท่านไม่ต้องร้อนใจไป”
จู๋จ่างกับผู้ใหญ่บ้านรู้จักท่านอาเซียว ก็คือเซียวซานที่เดิมเคยอยู่ในหมู่บ้าน พอได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นว่าจะให้เซียวซานมาดูแลเรื่องพวกนี้ จู๋จ่างกับผู้ใหญ่บ้านก็ดีใจ เช่นนี้พวกเขาก็จะได้คุยกันได้
“ได้ ทุกอย่างฟังตามที่อวิ๋นจิ่นจัดการ”
หน้าประตู คนในหมู่บ้านพากันเอ่ยกันคนละคำสองคำ
“พวกเราเชื่ออวิ๋นจิ่น”
“ใช่ เชื่อเจ้าว่าจะจัดการเรื่องพวกนี้เรียบร้อย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพูดจากับจู๋จ่างและผู้ใหญ่บ้านอีกสองสามคำ จากนั้นก็ลุกขึ้นคิดจะไป
ไม่คิดว่ายังไม่ทันจากไป หลินตงนอกประตูก็รีบเข้ามารายงานว่า “นายท่าน ด้านนอกมีสหายร่วมชั้นเรียนนายท่านมาท่านหนึ่ง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกคิ้ว ถามว่า “สหายร่วมชั้นเรียนท่านไหน”
“ตู้ซิ่วไฉ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันคิดถึงสหายร่วมชั้นเรียนก่อนหน้านี้ ตู้อี้ผู้นี้มีสายสัมพันธ์กับเขาไม่เลว ตู้อี้ผู้นี้นิสัยเงียบๆ ไม่เปิดเผย ไม่ค่อยชอบพูด และยังกตัญญูโง่เขลา แต่นับว่าเป็นคนใช้ได้
แต่จากความเข้าใจของเขาต่อตู้อี้ เขาควรจะไม่มาหาเขาถึงจะถูก อยู่ๆ มาหาเขาเช่นนี้ เขาต้องมีเรื่องอย่างแน่นอน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบสั่งการหลินตงไปเชิญเขาเข้ามา
หลินตงหันหลังออกไป ในห้อง จู๋จ่างกับผู้ใหญ่บ้านก็ลุกขึ้นกล่าวว่า “อวิ๋นจิ่น เจ้ามีแขก ก็ไปต้อนรับเถอะ พวกเราจะออกไปรอเจ้าที่ลานด้านนอก”
“ได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดาว่าตู้อี้มาหาเขายามนี้ ย่อมต้องมีเรื่องให้เขาช่วย ไม่เช่นนั้นเขาไม่มีทางมา
จู๋จ่างกับผู้ใหญ่บ้านเพิ่งก้าวออกไป ตู้อี้กับถานเสี่ยวยาก็ก้าวเข้ามาอย่างเร่งรีบ
ทั้งสองคนเข้ามาก็รู้สึกเก้กังอย่างมาก โดยเฉพาะถานเสี่ยวยา เห็นลู่เจียวสดใสงดงาม ก็ยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในตัวเอง แต่เพื่อท่านพี่ได้มีหนังสือเรียน นางต้องฝืนเก็บกดความรู้สึกอึดอัดในใจลง
ลู่เจียวย่อมมองออกว่าถานเสี่ยวยาอึดอัด นางยิ้มลุกขึ้นเดินตรงหน้าถานเสี่ยวยาดึงมือนางให้มานั่ง
“พวกเจ้ามีเวลามาได้อย่างไร”
ลู่เจียวมองสีหน้าตู้อี้กับถานเสี่ยวยาออกว่าไม่ดีนัก สีหน้าท่าทางอิดโรยอยู่สักหน่อย
ตู้อี้กับถานเสี่ยวยาเห็นลู่เจียวท่าทางเป็นกันเองเช่นนี้ ทั้งสองคนก็เบาใจลงพร้อมกัน เดิมตอนมาพวกเขายังเป็นห่วงมาก กลัวว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวจะไม่สนใจพวกเขา ตอนนี้เห็นลู่เจียวยังคงเหมือนกับเมื่อก่อน ในใจทั้งสองคนก็โล่งอก
ถานเสี่ยวยามองลู่เจียวอย่างรู้สึกเก้อเขิน “ความจริงก็มีเรื่องมารบกวนพวกเจ้า”
นางกล่าวจบหันไปมองตู้อี้ด้านหลัง ตู้อี้กัดฟันเอ่ยว่า “ตามหลักข้าไม่ควรบุ่มบ่ามมาเยือนเช่นนี้ แต่พบเจอปัญหาจริงๆ ดังนั้นจึงได้มาขอพบใต้เท้าเซี่ย ขอใต้เท้าเซี่ย…”
ตู้อี้กล่าวไม่ทันจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มกล่าวว่า “ตู้อี้ เจ้านี่ใช้ได้ที่ไหนกัน พวกเราเป็นสหายร่วมชั้นเรียน พูดคุยกันส่วนตัวเอาแต่เรียกใต้เท้าเซี่ย ใต้เท้าเซี่ย เดิมเจ้าเรียกข้าอย่างไรก็เรียกเหมือนเดิม”
ตู้อี้ในใจยิ่งผ่อนคลายลง เขายิ้มเก้อเขิน กล่าวว่า “พี่อวิ๋นจิ่น ความจริงข้ามาครั้งนี้ก็เพราะคิดขอให้พวกท่านช่วย”