ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 575 วางกับดัก
ตอนที่ 575 วางกับดัก
ลู่เจียวมองดูพระชายาอ๋องเยียนมากอีกหน่อย หญิงผู้นี้คือว่าที่ฮองเฮา ฮองเฮาไม่ค่อยปรองดองกับฮ่องเต้ นางช่วยบุตรชายสังหารผู้คนมากมาย สุดท้ายถูกฮ่องเต้สั่งลงโทษปลดจากตำแหน่ง ขังในตำหนักเย็น
แต่หญิงผู้นี้ก็เป็นคนโหดเหี้ยม เพื่อให้บุตรชายตัดสินใจชิงบังลังก์ นางตัดสินใจปลิดชีวิตตนเองในตำหนักเย็น
พระเอกจึงตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะแย่งชิงบังลังก์เพื่อมารดา
สุดท้ายก็แย่งบังลังก์มาได้ดังหวัง ได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้
ลู่เจียวคิดไปก็มองประเมินนางไป แค่มองพระชายาทั้งสามก็รู้ว่าพระชายาอ๋องจิ้นนิสัยอ่อนโยน เห็นลู่เจียวคำนับก็พยักหน้าให้นางลุกขึ้น
พระชายาอ๋องเยียนนิสัยเย็นชา แต่ก็มิได้หักหน้าท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ พยักหน้าให้ลู่เจียวเล็กน้อย
พระชายาอ๋องเซวียนกลับมีนิสัยเปิดเผย นางเห็นลู่เจียวคำนับ นางก็รีบยิ้มกล่าวว่า “ภรรยาเซี่ยจ้วงหยวนหน้าตางดงามจริง มิน่า….”
วาจาต่อมาไม่ได้กล่าวออกมา แต่คนที่คุ้นเคยกับสถานการณ์เบื้องหลังเช่นนี้ย่อมเข้าใจ
วาจาต่อจากนี้ไม่ใช่บอกชัดว่าอ๋องฉินบอกว่าลู่เหนียงจื่อหน้าตาดีหรือ
ลู่เจียวเองก็ได้ยินเซี่ยอวิ๋นจิ่นเคยเล่าเรื่องนี้ ดังนั้นพอพระชายาอ๋องรุ่ยเอ่ย ลู่เจียวก็เข้าใจความหมายแอบแฝง ยิ้มเงยหน้ามองไปยังพระชายาอ๋องรุ่ยด้วยแววตาเยียบเย็น กล่าวว่า “พระชายาอ๋องรุ่ยหน้าตาดีกว่า คนได้พบเห็น เกรงว่าไม่มีวันลืม”
วาจานี้ทำให้คนในที่นั้นไม่น้อยรู้ว่าภรรยาเซี่ยจ้วงหยวนผู้นี้ไม่ได้รังแกกันง่ายๆ
พระชายาอ๋องรุ่ยสีหน้าไม่ดีนัก
ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ไม่พอใจกล่าวว่า “เอาละ เจียวเจียวเป็นผู้มีพระคุณต่อจวนอู่กั๋วกง พวกเจ้าให้ความเกรงใจนางหน่อย”
แม้ว่าพระชายาอ๋องจิ้น พระชายาอ๋องเยียนกับพระชายาอ๋องรุ่ยเป็นพระชายา แต่ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่เป็นบุตรสาวองค์หญิงใหญ่ แต่ไรมาองค์หญิงใหญ่ก็ไม่เกรงกลัวผู้ใด พวกนางไม่กล้ากับท่านหญิง เหวินอันเซี่ยนจู่ อีกอย่างท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ยังเป็นนายหญิงปกครองในจวนอู่กั๋วกง
อู่กั๋วกงเป็นที่ไว้วางพระทัยของฝ่าบาทมาก
พระชายาอ๋องจิ้นกับพระชายาอ๋องเยียนและพระชายาอ๋องรุ่ยยิ้มพร้อมกัน กล่าวว่า “ท่านพี่กล่าวได้ถูกต้อง ลู่เหนียงจื่อรีบนั่งลงเถอะ”
ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ยังแนะนำฮูหยินให้ลู่เจียวรู้จักอีกหลายคน ข้างกายพวกนางล้วนรายล้อมไปด้วยฮูหยินสูงศักดิ์ พวกที่สถานะต่ำต้อยย่อมไม่กล้าเข้าใกล้
ครั้งก่อนองค์หญิงใหญ่จัดงานเลี้ยงชมบุปผาที่จวน เชิญแขกสตรีมากันไม่นับว่ามาก แต่ครั้งนี้ฮูหยินชนชั้นสูงศักดิ์ในเมืองต่างมากันเกือบครบ ดังนั้นลู่เจียวจึงนับว่าได้มีโอกาสจดจำทุกคนครบ
“ท่านนี้คือฮูหยินเฉิงเต๋อโหว ท่านนี้คือคุณหนูใหญ่หลินหรูเยว่จวนเฉิงเต๋อโหว”
ฮูหยินเฉิงเต๋อโหวเห็นลู่เจียวก็รู้สึกอึดอัด สาเหตุก็เพราะนางนึกถึงครั้งก่อนลู่เจียวรักษาให้บุตรสาวนาง ลู่เหนียงจื่อรู้ว่าบุตรสาวนางกินยาเพื่อไม่ต้องการแต่งกับซื่อจื่อจวนอ๋องฉิน หากนางเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปถึงหูซื่อจื่อจวนอ๋องฉิน บุตรสาวนางน่าจะโชคร้ายแล้ว เมื่อก่อนซื่อจื่อจวนอ๋องฉินยังมีบิดา เขาก็ยังดีหน่อย ตอนนี้บิดาเขาจากไปแล้ว เกรงว่าคนผู้นี้ก็ยิ่งเหิมเกริมทำการอันไร้ขื่อไร้แป
ฮูหยินเฉิงเต๋อโหวคิดไปก็ยิ้มทักทายขึ้น “ลู่เหนียงจื่อ ครั้งก่อนโชคดีที่ได้เจ้าช่วยรักษาให้บุตรสาวข้า”
ฮูหยินเฉิงเต๋อโหวกล่าวจบ มองไปยังหลินหรูเยว่กล่าวว่า “เยว่เยว่ รีบขอบคุณลู่เหนียงจื่อ”
ในใจหลินหรูเยว่ไม่ยินดี แต่ไม่อาจแสดงออกต่อหน้าทุกคน นางลุกขึ้นอย่างสุภาพ ส่งยิ้มเอ่ยขอบคุณลู่เจียว “ครั้งก่อนขอบคุณลู่เหนียงจื่อ”
นางกล่าวจบ คนข้างกายนางก็ถามว่า “ภรรยาเซี่ยจ้วงหยวนวิชาการแพทย์ดีมากหรือ”
ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่รับคำกล่าวว่า “ดีมาก”
นางกล่าวจบก็ไม่สนใจผู้อื่น ยื่นมือไปคว้าลู่เจียวให้ลงนั่งข้างนาง ทั้งสองคนเริ่มคุยกัน
ผู้อื่นเห็นภาพนี้ก็ไม่อาจกล่าวอันใดมากอีก ได้แต่หันไปคุยเรื่องตน
เพียงแต่หลินหรูเยว่เอาแต่มองลู่เจียวด้วยความอิจฉา หญิงบ้านนาคนหนึ่งถึงกับได้ว่าที่ใต้เท้าโส่วฝู่ไปครอง ได้เป็นฮูหยินสูงศักดิ์ในเมืองหลวง ถือสิทธิ์อันใด
หลินหรูเยว่แววตาลึกล้ำจ้องมองลู่เจียว ฮูหยินเฉิงเต๋อโหวเห็นท่าทางนางก็อดผลักนางทีหนึ่งไม่ได้ “เจ้าจ้องมองลู่เหนียงจื่อเช่นนั้นทำไมกัน น่าอึดอัด วันนี้แม่พาเจ้ามาก็เพื่อให้คนได้เห็นเจ้า เจ้าก็ทำตัวดีๆ”
ฮูหยินเฉิงเต๋อโหวยังไม่รู้ว่าบุตรสาวตนทุ่มเทปักใจต่อเซี่ยอวิ๋นจิ่น
หลินหรูเยว่คิดถึงการจัดการของตนเองขึ้นมา ก็พลันยิ้มออก หากนางทำให้ลู่เจียวเสื่อมเสียชื่อเสียงได้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็จะไม่ต้องการภรรยาเช่นนี้อีก รอให้นางถูกขับไล่ออกจากเมืองหลวง นางก็จะส่งคนไปสังหารนางทิ้ง วันหน้านางก็จะแต่งงานกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้
ลู่เจียวไม่สนใจหลินหรูเยว่ นางกำลังสนทนากับท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่
แต่ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ชอบความสงบ ไม่ชอบเสียงดังวุ่นวาย นางคุยกับลู่เจียวได้สองสามคำก็รู้สึกไม่ชอบบรรยากาศวุ่นวายที่นี่ ดึงลู่เจียวลุกขึ้น กล่าวว่า “พวกเราออกไปคุยกันดีกว่า ที่นี่เสียงดังเกินไป”
“เจ้าค่ะ”
ลู่เจียวรับคำ เดินออกไปกับท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ หร่วนจู๋กับสาวใช้ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่รีบตามไป
“เจ้าอยู่เมืองหลวงชินหรือยัง”
ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ถามอย่างห่วงใยลู่เจียว ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “กล่าวกับท่านหญิงตามตรง ความจริงก็แค่ไม่ค่อยชิน ที่ไม่ชินที่สุดก็คือชนชั้นสูงศักดิ์ในเมืองหลวงมากมายนับไม่ถ้วน คนเช่นพวกเราที่ไร้สถานะตำแหน่งก็ย่อมต้องอดทนอดกลั้น แต่นิสัยข้าก็ไม่ใช่คนที่ทนอันใดได้ ดังนั้นก็มักรู้สึกอัดอั้นตันใจ”
ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ถอนหายใจ “ทำเจ้าลำบากแล้ว แต่หากมีคนมาหาเรื่องเจ้า เจ้าก็มาหาข้าได้ ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
ลู่เจียวยิ้มขอบคุณท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ “ขอบคุณท่านหญิง”
“เจ้านี่ไม่ต้องมาเกรงอกเกรงใจอันใดข้า หากบุตรสาวข้า…”
ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่นึกถึงบุตรสาวตนขึ้นมา ลู่เจียวกลัวนางเสียใจแล้วจะกำเริบอีก ก็รีบกล่าวว่า “เซียงจวินต้องมีชีวิตที่มีความสุข ไม่ว่าอยู่ที่ใด ช้าเร็วสักวันหนึ่ง นางย่อมกลับมา”
ลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ก็เบิกบานใจ “ใช่ บุตรสาวข้าช้าเร็วสักวันหนึ่งต้องกลับมา”
นางกล่าวจบก็ถามลู่เจียวถึงแผนการในวันหน้าของเซี่ยอวิ๋นจิ่น “เข้าไปเป็นรับตำแหน่งงานเรียบเรียงในสำนักศึกษาฮั่นหลินหรือ หากไม่คิดอยู่สำนักศึกษาฮั่นหลิน ข้าช่วยพวกเจ้าได้”
ลู่เจียวรีบส่ายหน้า “หากเบื้องบนจัดการเรียบร้อย ต้องการความช่วยเหลือใด ข้าย่อมไปหาท่านหญิงอย่างแน่นอน”
ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ยิ้มพยักหน้า “หากเจ้าพบเจอกับเรื่องยุ่งยากใด จะต้องมาหาข้า ท่านแม่ข้าเป็นองค์หญิงใหญ่ ภคินีฝ่าบาท นางยังพอจัดการอะไรได้บ้าง อีกอย่างจวนอู่กั๋วกงก็ยังพอมีอิทธิพลอยู่บ้าง”
ลู่เจียวยิ้มให้ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ “ขอบคุณท่านหญิง”
ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ส่งยิ้มให้นาง ด้านหลังพลันมีคนวิ่งเข้ามา เป็นบ่าวตระกูลหลิว “ท่านหญิง คุณชายรองบอกว่ามีเรื่องขอพบท่านหญิง เพียงแต่เขาไม่อาจมาที่เรือนด้านหลังได้ ให้บ่าวมาบอกกับท่านหญิงว่าเขารอท่านหญิงอยู่ที่ประตูฉุยฮวาเหมิน[1]ที่เรือนด้านหลัง”
ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่พอได้ฟังมีสีหน้าไม่ได้การแล้ว ตั้งแต่นางหายป่วย ได้ยินบุตรชายทำเพื่อหญิงที่ทำร้ายนางกับบุตรสาวนางผู้นั้น ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ก็ไม่พอใจบุตรชายรอง แต่ไรมาไม่เคยมีสีหน้าที่ดีให้เขา
“เขาหาข้ามีเรื่องอันใด”
คนรับใช้ตระกูลหลิวรีบกล่าวว่า “บ่าวไม่ทราบ เพียงแต่บอกว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน”
[1] เรือนสี่ประสานเป็นสถาปัตยกรรมที่พักอาศัยแบบจีน จากประตูรั้วหน้าสุดเข้าไปจะมีลานเรียกว่าลานหนึ่ง ถ้าเป็นขนาดใหญ่ ที่นี่จะมีโถงกลางรับแขกจากนั้นจะผ่านประตูตกแต่งงดงามอีกหนึ่งบานไปสู่ลานสองหรือเรือนในที่เป็นที่อยู่ของฝ่ายหญิงในเรือน ประตูนี้เรียกว่าประตูฉุยฮวาเหมิน มีลักษณะเสาลอยจากพื้น ในที่นี้จะใช้คำว่าประตูชั้นใน กุลสตรีในเรือนจะไม่ก้าวออกจากประตูนี้