ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 563 เจ้าป้อนข้า
ตอนที่ 563 เจ้าป้อนข้า
วันนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นถูกทุกคนคารวะสุรา แววตาเริ่มเมานิดๆ พอได้ยินผู้อื่นพูด ก็ยิ้มรับคำว่า “เป็นชาวเมืองหนิงโจวเหมือนกัน ย่อมต้องช่วยประคับประคองกัน”
เขาไม่อยากกล่าววาจาตามมารยาทพวกนี้ แต่แม้เขายังไม่เข้าสู่วงการขุนนาง ก็รู้ว่าวันหน้าในวงการขุนนางก็คงต้องรับมือผู้อื่นเช่นนี้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ก็มีคนด้านหลังยกสุราเข้ามาคารวะเขา เป็นเจิ้งจื้อซิ่งนั่นเอง
เจิ้งจื้อซิ่งยิ้มคำนับเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ชอบคุณพี่อวิ๋นจิ่นที่ช่วยเหลือ ข้าคารวะพี่หนึ่งจอก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเจิ้งจื้อซิ่งชนจอกสุราดื่มไปคำหนึ่ง แต่ไม่ได้ดื่มหมด
เพียงแต่ตอนเขาเพิ่งจะจิบไปคำหนึ่ง พลันได้ยินเจิ้งจื้อซิ่งเข้ามากระซิบข้างหูว่า “อวิ๋นจิ่น ข้าอยากถามเจ้าหน่อย เจ้าได้ข้อสอบมาก่อนหรือไม่”
ในงานเลี้ยงยามนี้ทุกคนกินดื่มกันครึกครื้น ไม่มีผู้ใดสนใจเจิ้งจื้อซิ่งกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เพียงแต่พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินวาจาเจิ้งจื้อซิ่ง แววตาก็พลันเย็นเยียบ เขาเหลือบตาขึ้นมองด้วยสีหน้าเย็นเยียบ ถามเจิ้งจื้อซิ่งน้ำเสียงเข้มว่า “วาจาเจ้านี้หมายความเช่นไร”
เจิ้งจื้อซิ่งตกใจรู้ตัวทันที เขาคิดถือโอกาสที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นเริ่มเมานิด แอบลองหลอกถามดู คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้กลับไม่ได้เมา เจิ้งจื้อซิ่งรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที เขาฉีกยิ้มกล่าวว่า “ถามดู ก็แค่ถามดูเท่านั้น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเขาด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “เจ้าคิดว่าข้าไม่มีความสามารถเช่นนั้นหรือ”
คนผู้นี้คิดอิจฉาริษยาเขามาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่นิสัยเดิมไม่ใช่คนเลว ดังนั้นหลายครั้งเซี่ยอวิ๋นจิ่น จึงไม่ถือสาหาความเขา แต่ตอนนี้ดูท่าเขาเหมือนจะริษยาโกรธแค้นตนขึ้นมาแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นอดหัวเราะเสียดสีไม่ได้ เสียทีที่ก่อนหน้านี้เขาบอกเรื่องชื่อผู้คุมสอบหลักสองคนให้เขารู้ ปรากฏคนผู้นี้ถึงกับริษยาโกรธแค้นเขาขึ้นมาแล้ว ฮึ
เจิ้งจื้อซิ่งเห็นสีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นแปรเปลี่ยน รีบยกสุราขอขมาทันที “อวิ๋นจิ่น ข้าถามไปอย่างนั้น เจ้าอย่าได้ถือสา”
วันหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นย่อมต้องก้าวขึ้นไป ไม่แน่ว่าเขายังต้องอาศัยอีกฝ่าย ดังนั้นเจิ้งจื้อซิ่งไม่คิดมีเรื่องกับเขาจึงรีบขอขมา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่คิดมีเรื่องในงานเลี้ยงกันจนเสียบรรยากาศ ได้แต่ยกจอกสุราขึ้นรับ แต่ก็ไม่ได้พูดอันใดอีก ทว่าคนผู้นี้ในใจเขากลายเป็นบุคคลที่ถูกทอดทิ้งแล้ว
งานเลี้ยงจบลงอย่างรวดเร็ว บรรดานักเรียนพากันลุกขึ้นกล่าวอำลา ค่ำคืนนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังต้องไปร่วมงานเลี้ยงฉยงหลิน พวกเขาไม่อาจอยู่ที่นี่นานนัก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นให้พ่อบ้านเซียวพาบรรดานักเรียนออกไปส่ง จากนั้นก็เขาลุกขึ้นเดินไปเรือนด้านหลัง
เรือนด้านหลัง จู้เป่าจูได้ยินงานเลี้ยงด้านหน้าเลิกแล้ว ก็ร้อนใจรีบลุกขึ้นเตรียมจะกลับ
ลู่เจียวสั่งการหร่วนจู๋ให้ส่งจู้เป่าจูกลับ
หร่วนจู๋รับคำสั่งไปส่งจู้เป่าจู ระหว่างทางจู้เป่าจูได้พบเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่กำลังกลับเรือนด้านหลัง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นจ้องมองแต่ทางไม่เหลือบสายตาไปมองที่ใด จึงไม่ได้หยุดฝีเท้าทักทายจู้เป่าจู
จู้เป่าจูหยุดฝีเท้ามองเซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินไปยังเรือนด้านหลัง
พบว่าเขายังคงเย็นชาดังเดิม ไม่ได้เพราะสอบจ้วงหยวนได้ ก็จะเย่อหยิ่งหรือเหิมเกริม แต่ยามพบสตรีก็ยังไม่ชายตามองราวกับมองไม่เห็นดังเดิม
จู้เป่าจูหัวเราะเบาๆ หร่วนจู๋อดถามนางไม่ได้ “จู้เหนียงจื่อเป็นอันใดหรือ”
จู้เป่าจูส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่มีอันใด เห็นท่าทางเซี่ยจ้วงหยวนก็รู้สึกว่าพี่ลู่เลือกคนถูกแล้ว”
กล่าวถึงเซี่ยอวิ๋นจิ่น หร่วนจู๋ก็ยิ้ม “ก็จริง เหนียงจื่อเราสายตาแหลมคมจริงๆ แม้คุณชายสอบจ้วงหยวนได้ ก็ยังคงดีกับเหนียงจื่อมาก ไม่ได้ผิดไปจากเดิมแม้แต่นิด”
“เช่นนั้นก็ดี”
อย่างไรก็มีคนมีความสุข แม้ว่าคนผู้นั้นไม่ใช่ตนเอง พี่ลู่มีความสุข นางเองก็ดีใจกับนางด้วย
จู้เป่าจูหันหลังจูงเจิ้งเมี่ยวเดินออกจากตระกูลเซี่ย
ในเรือนบุปผา ลู่เจียวเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นท่าทางเมานิดๆ ก็ส่งสายตาจ้องใส่เขาอย่างไม่พอใจ “เจ้าดื่มไปไม่น้อยกระมัง ลืมแล้วหรือว่าคืนนี้ยังต้องไปร่วมงานเลี้ยงฉยงหลิน เจ้าดื่มจนเป็นเช่นนี้ คืนนี้จะไปร่วมงานเลี้ยงฉยงหลินได้อย่างไร”
ลู่เจียวเพิ่งกล่าวจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันยิ้มควักผ้าเช็ดหน้าออกจากแขนเสื้อ ผ้าเช็ดหน้าเปียกชื้นไปด้วยกลิ่นสุราเข้ม
ลู่เจียวมองดูก็รู้ว่าเขาบ้วนสุราทิ้งใส่ผ้าเช็ดหน้าในแขนเสื้อ ดังนั้นเขาน่าจะดื่มไปไม่เท่าไร
“เจ้านะ ไม่รู้จะว่าอันใดเจ้าจริงๆ”
ลู่เจียวกล่าวจบก็สั่งการเฝิงจือนอกประตูว่า “ให้ฮวาเสิ่นยกน้ำแกงสร่างเมามาหน่อย”
แม้ว่าเขาไม่ได้ดื่มไปมาก แต่ลู่เจียวก็ยังให้เฝิงจือไปยกน้ำแกงสร่างเมาที่เตรียมไว้มา คนผู้นี้ยังต้องไปร่วมงานเลี้ยงฉยงหลินในค่ำคืนนี้อีก
เฝิงจือรับคำไปยกน้ำแกงสร่างเมามา เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นในเรือนบุปผาไม่มีคนแล้ว ก็ยื่นมือไปกอดลู่เจียว ก้มลงจุมพิตนางทีหนึ่ง
“อย่างไรเจียวเจียวก็รักข้าที่สุด”
ลู่เจียวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไม่ได้บอกว่าไม่ได้ดื่มไปมากหรือ กล่าววาจาเมามายอันใด”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกอดนางไว้ ลงแนบชิดใบหูนาง กล่าวน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจียวเจียว เทียบกับการสอบจ้วงหยวนได้แล้ว เรื่องที่ข้าดีใจที่สุดก็คือเจ้ายอมอยู่กับข้า จริงนะ ขอเพียงแค่คิดถึงว่าข้างกายข้าจะมีเจ้า ไม่ว่าทำอันใด ในใจก็รู้สึกเต็มไปด้วยพลัง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบลู่เจียวไม่ทันได้ซาบซึ้งใจ เขาก็พลันกระซิบอีกว่า “เจียวเจียว นอนกลางวันเป็นเพื่อนข้าดีหรือไม่”
ลู่เจียวมองคนผู้นี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ ดังนั้นกล่าวมาตั้งมากมายก็เพื่อกล่อมให้นางไปนอนกลางวันเป็นเพื่อนเขาอย่างนั้นหรือ
ลู่เจียวส่งเสียงฮึคิดจะปฏิเสธ นอกประตูเฝิงจือก็ยกน้ำแกงสร่างเมาเข้ามา แต่พอเข้ามาเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่น กอดลู่เจียว เฝิงจือก็หน้าแดง รีบถอยออกไปด้วยสัญชาตญาณทันที
ลู่เจียวเห็นเฝิงจือก็รู้สึกเขินผลักเซี่ยอวิ๋นจิ่น “เจ้าปล่อยข้า รีบไปดื่มน้ำแกงสร่างเมา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นเฝิงจือ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือ มองเฝิงจือกล่าวว่า “นางเป็นบ่าวเจ้า ควรต้องชินเข้าไว้ หรือว่าวันหน้าพวกเราสองสามีภรรยาจะใกล้ชิดกันสักหน่อยก็ต้องคอยหลบผู้คน”
เฝิงจือเห็นสายตาเย็นเยียบเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็รีบก้าวเข้ามา ยิ้มกล่าวว่า “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ไม่เป็นไร คุณชายกับเหนียงจื่อใกล้ชิดกันเถอะ ตอนนี้บ่าวตาบอด มองไม่เห็นเจ้าค่ะ”
ลู่เจียวถูกหยอกจนขำ ยื่นมือไปหยิกเอวเซี่ยอวิ๋นจิ่นทีหนึ่ง เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็ยิ้มปล่อยตัวลู่เจียว
ลู่เจียวบอกให้เฝิงจือยกน้ำแกงเข้ามา นางยื่นมือไปรับมาส่งให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น “ดื่มน้ำแกงให้หมด แล้วก็ไปนอนสักครู่ ตกค่ำเจ้ายังต้องไปร่วมงานเลี้ยงฉยงหลินกับใต้เท้าซุนและใต้เท้าหวา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็รับคำเบาๆ แต่ไม่ได้ยื่นมือไปรับน้ำแกงมา มองลู่เจียวด้วยแววตาอบอุ่น “เช่นนั้นเจ้าป้อนข้า”
ลู่เจียวหันหน้าไปมองเฝิงจือทันที แต่เฝิงจือรู้ความรีบหลบออกไปแล้ว ลู่เจียวก็โล่งอก แล้วอบรมเซี่ยอวิ๋นจิ่น “เจ้าสามขวบหรือ ดื่มน้ำแกงก็ต้องให้คนป้อน”
แม้ว่าปากกล่าวเช่นนี้ แต่ก็เคลื่อนไหวไม่หยุด บรรจงป้อนน้ำแกงให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มเบิกบานใจ ดื่มน้ำแกงจนหมด จากนั้นเขาก็ดึงลู่เจียวไปนอนกลางวัน
เดิมลู่เจียวก็คิดนอนกลางวันสักครู่ จึงไม่ปฏิเสธที่จะไปนอนเป็นเพื่อนเขา
พอล้มตัวลงนอน ทั้งสองคนก็เริ่มคุยกันคนละคำสองคำ เซี่ยอวิ๋นจิ่นเล่าเรื่องเจิ้งจื้อซิ่ง “วันหน้าอย่าได้สนใจเจ้าหมอนี่อีก ข้าไม่อยากให้ข้างกายข้ามีหลี่เหวินปินคนที่สอง”