ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 547 ซื้อบ้าน
ตอนที่ 547 ซื้อบ้าน
ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองด้านหลัง ทั้งบ้านราวกับทะเลเพลิง อีกนิดเดียว พวกเขาก็จะตายในกองเพลิงแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเปล่งรัศมีดุดันรอบกาย สีหน้าโมโหอย่างมาก
ลู่เจียวเห็นเขาเช่นนี้ ก็ปลอบใจอย่างอ่อนโยนว่า “โชคดีไม่เป็นอะไร รีบให้คนไปดับไฟเถอะ”
นางกล่าวจบหันหน้าไปสั่งการคนให้ดับไฟ
ยามนี้เพื่อนบ้านโดยรอบต่างตกใจ ทุกคนวิ่งมาช่วยกันดับไฟ
คนมากจัดการได้ง่ายหน่อย แต่เพราะในกองเพลิงมีน้ำมันถง จึงไม่อาจดับได้โดยง่าย
การเคลื่อนไหวที่นี่สะเทือนไปถึงที่สำนักรักษาความสงบเมืองหลวง สำนักรักษาความสงบส่งคนมาช่วยดับไฟทันที
สองฝ่ายเจอหน้ากัน ลู่เจียวก็จำได้ว่าเป็นคนที่ก่อนหน้านี้ม่อเป่ยแนะนำให้นางรู้จัก รองผู้บัญชาการถังซวิน
ถังซวินเห็นลู่เจียวก็แปลกใจ “ลู่เหนียงจื่อ บ้านพวกเจ้าเกิดไฟไหม้ได้อย่างไร”
ลู่เจียวแววตาเยียบเย็นกล่าวว่า “มีคนวางเพลิงเผาบ้านเรา พวกเราจับตัวโจรไว้ได้สองคน ขอรองผู้บัญชาการถังออกหน้าให้พวกเราด้วย”
ลู่เจียวกล่าวจบก็มองไปยังพ่อบ้านเซียว พ่อบ้านเซียวโบกมือให้คนนำตัวคนชุดดำสองคนที่จับตัวได้ออกมา เพื่อป้องกันคนชุดดำกัดลิ้นฆ่าตัวตาย ดังนั้นพ่อบ้านเซียวจึงสกัดจุดพวกเขาเอาไว้
ถังซวินได้ฟังคำพูดลู่เจียว รีบสั่งการให้ทหารสำนักรักษาความสงบเมืองหลวง นำโจรชั่วสองคนไปขังไว้
จากนั้นก็เขาก็สั่งการให้คนสำนักรักษาความสงบเมืองหลวงช่วยตระกูลเซี่ยดับไฟ
ไฟนี้ลุกไหม้ถึงสองชั่วยามจึงดับมอดได้ ยามนี้บ้านตระกูลเซี่ยดำเป็นตอตะโกไปแล้ว
ครั้งนี้ตระกูลเซี่ยเสียหายหนักมาก แต่ของสำคัญลู่เจียวเก็บไว้ห้วงอากาศก่อนหน้านี้แล้ว
เพียงแต่ข้าวของเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ถูกเผาไหม้ไปหมด ยามนี้เด็กๆ พากันร้องไห้ดัง
ของเล่นที่ท่านแม่ทำให้พวกเขา ภาพวาดครอบครัวที่ท่านพ่อวาดให้พวกเขา ยังมีเสื้อผ้าของเล่นที่ท่านยายท่านตาให้พวกเขา ห่วงเก้าวงกับตัวต่อไม้สามมิติที่ท่านปู่ฉีที่ซื้อให้พวกเขา ยังมีของขวัญที่จะมอบให้เพื่อนๆ ล้วนถูกเผาราบ
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่คิดถึงของพวกนี้แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบหายใจไม่ทัน
ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบปลอบใจพวกเขา “เอาละ ไม่ร้องแล้ว พวกเราไม่เป็นอะไรก็โชคดีมากแล้ว”
ต้าเป่าปวดใจกล่าวว่า “ท่านแม่ ของเล่นที่ท่านแม่ให้พวกเราไม่อยู่แล้ว”
นั่นเป็นของที่ท่านแม่ทำเองกับมือเลยนะ
ฮือ ฮือ
เอ้อร์เป่าปวดใจกล่าวว่า “ยังมีเสื้อผ้าที่ท่านยายกับท่านตาให้ ของเล่นของท่านน้าก็ไม่เหลือแล้ว”
ซานเป่ากับซื่อเป่าเองก็ร้องไห้จนหายใจไม่ทัน “ท่านแม่ เหตุใดคนเลวจึงชอบรังแกพวกเรา”
ลู่เจียวยองลงนั่งมองพวกเขากล่าวว่า “ชีวิตคนเราย่อมต้องเจอกับอุปสรรคปัญหาเช่นนี้เช่นนั้น ดังนั้นพวกเราต้องพยายามทำตัวเองให้แข็งแกร่ง จึงจะรับมือคนเลวได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ร้องไห้กันอย่างปวดใจเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก กล่าวตามตรงแล้ว ก็เพราะเขาไร้ความสามารถ หากเขาร้ายกาจกว่านี้ วันนี้เซียวถิงจะกล้ามาหาเรื่องเขาหรือ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเผยแววตาเยียบเย็น ลู่เจียวกอดปลอบใจลูกๆ กล่าวว่า “เอาละ อย่าได้เสียใจไป ไว้แม่ทำให้พวกเจ้าใหม่ ดีหรือไม่”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ปวดใจกล่าวว่า “ไม่เหมือนกัน ของนั้นเป็นของที่ท่านแม่ทำให้พวกเราเป็นครั้งแรก”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “แม่รู้ แต่ของเราพวกนั้นถูกเผาไหม้ไปแล้ว เทียบกับของพวกนั้นแล้ว พวกเราทั้งครอบครัวยังมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด พวกเจ้าว่าใช่หรือไม่”
นางกล่าวเช่นนี้ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็คิดอย่างจริงจัง เห็นว่าเป็นเหตุผลเช่นนี้จริง จึงมิได้เศร้าเสียใจมากมายอันใดต่อ
ทั้งสี่คนแย่งกันยื่นมือออกไปโอบกอดลู่เจียว “ท่านแม่กล่าวได้ถูกต้อง”
แม้ว่าเห็นด้วยกับคำพูดของลู่เจียว แต่ก็ยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์
ต้าเป่าจึงกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึงเคร่งขรึมว่า “ท่านแม่วางใจ วันหน้าพวกเราจะต้องพยายามเรียนหนังสือ พยายามทำตนเองให้แข็งแกร่ง วันหน้าพอพวกเราโต ก็จะรับมือกับคนเลวพวกนั้นได้”
ต้าเป่ากล่าวจบ ที่เหลืออีกสามคนก็รับคำเสียงดังพร้อมกันว่า “ใช่”
ลู่เจียวเห็นพวกเขาไม่ได้เศร้าเสียใจแล้ว ก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมา นางลูบหลังปลอบใจเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เเล้วก็ปล่อยพวกเขา
“บ้านเราถูกเผาไปหมดแล้ว ได้แต่ต้องหาที่อยู่ใหม่แล้ว”
ลู่เจียวเพิ่งกล่าวจบ นอกประตูพลันมีเสียงเอะอะดังโวยวายขึ้น “ใต้เท้าถัง บ้านของพวกเราถูกคนวางเพลิงเผาไปแล้ว พวกเราก็เห็นใจพวกเขามาก แต่บ้านของพวกเราก็พลอยถูกเผาไปด้วย พวกเราสองตระกูล จะทำเช่นไร เรื่องนี้ต้องมีคำตอบให้พวกเรา”
“ใช่ เรือนตะวันออกกับเรือนด้านหลังบ้านข้าถูกเผาราบไปครึ่งหนึ่ง คงไม่อาจให้พวกเราสองตระกูลยอมรับชะตากรรมนี้กระมัง ต้องให้ตระกูลเซี่ยชดใช้”
หน้าประตูตระกูลเซี่ย ถังซวินกล่าวว่า “เรื่องนี้ข้าจะบอกกับตระกูลเซี่ยเอง”
“แต่ตอนนี้พวกเราสองตระกูลทำเช่นไร”
สองตระกูลข้างบ้านตระกูลเซี่ย ตระกูลหนึ่งเป็นขุนนางเล็กๆ ในเมืองหลวง บ้านเป็นสมบัติตกทอดจากบรรพชน ถูกเพลิงเผาไปไม่น้อย
อีกบ้านเป็นพ่อค้าที่มีเงินทองมาก ถูกเผาไปไม่มาก ประเด็นคือพวกเขารู้สึกว่าไม่เป็นมงคล ไม่คิดอยู่บ้านนี้แล้ว ในใจคิดอยากขายบ้านให้ตระกูลเซี่ย แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยวาจานี้ ดังนั้นจึงร่วมมือกับข้างบ้านที่ถูกเผาหนักมาหาถังซวินด้วยกัน
ถังซวินเห็นสองตระกูลท่าทางเอาเรื่อง ก็รู้สึกปวดหัว
“เอาละ ข้าเข้าไปคุยกับตระกูลเซี่ยดูว่าจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร”
ถังซวินเพิ่งกล่าวจบ ก็มีคนส่งเสียงจากในประตูออกมาว่า “พวกเราทำให้สองตระกูลลำบากไปด้วย พวกเราจะรับผิดชอบชดใช้ให้ แน่นอนว่าหากทั้งสองตระกูลไม่คิดรับค่าชดใช้ ก็ขายบ้านให้เราได้”
ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินออกจากประตูมา
เพื่อนบ้านสองตระกูลข้างบ้านได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็โล่งอก โดยเฉพาะครอบครัวพ่อค้าก็ยิ่งดีใจ เอ่ยปากก็จะถามถึงเงิน แต่ลู่เจียวกลับแย่งเอ่ยขึ้นก่อนว่า “หากขายบ้านให้ข้า ห้ามเอ่ยปากเกินขอบเขต หากเอ่ยเรียกร้องเกินขอบเขต เราก็ไม่เอาบ้านแล้ว”
นางกล่าวจบก็มีสีหน้าเคร่งเครียดกล่าวว่า “หากพวกเจ้าต้องการมากกว่าปกติ พวกเราก็ไม่ได้มีเงินมากมายเพียงนั้น”
นางกล่าวจบ เพื่อนบ้านที่เป็นพ่อค้าก็ไม่กล้าเอ่ยอีก เขากลัวว่าขอมากไป ลู่เจียวจะไม่ซื้อบ้านพวกเขา เขารังเกียจบ้านอัปมงคลนี้แล้วจริงๆ
พ่อค้าครุ่นคิดแล้วก็มองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “เอาละ บ้านพวกเจ้าเองก็โชคร้าย ข้าไม่ต้องการจากพวกเจ้ามาก ให้ข้าแปดพันตำลึงก็พอ”
พ่อค้ากล่าวจบ ก็ไม่รอลู่เจียวตอบ ร้อนใจกล่าวว่า “ไม่ใช่ข้าต้องการจากพวกเจ้ามากเกินไปนะ แต่บ้านเราใหญ่กว่าบ้านเจ้าสามเท่าได้ แปดพันตำลึงถือว่าข้าเรียกน้อยไปแล้วด้วย ก็ถือเสียว่าทำความดีก็แล้วกัน”
ได้ยินว่าเพื่อนบ้านมาเมืองหลวงเพื่อร่วมการสอบ หากคนเขาสอบได้จิ้นซื่อ วันหน้าก็เป็นขุนนาง เขาก็ควรมีน้ำใจให้เขาสักหน่อย
ลู่เจียวรู้ว่าพื้นที่ข้างบ้านใหญ่กว่า นางก็รู้ว่าแปดพันตำลึงก็ไม่ได้มากมายเท่าไรจริง ตนเองบ้านเล็กๆ แค่นี้ก็สองสามพันตำลึงแล้ว นับประสาอันใดกับบ้านเขาพื้นที่ใหญ่เช่นนั้น
แต่แม้เป็นเช่นนี้ นางก็ไม่อาจรับปากในทันที เพราะจะทำให้คนเห็นว่าพวกนางมีเงินมาก
“ทำไม?”
ลู่เจียวขมวดคิ้ว ท่าทางลำบากใจ
พ่อค้าครุ่นคิดแล้วก็เห็นว่าเป็นจวี่เหริน แม้บ้านมีกิจการ เกรงว่าก็คงไม่ได้ร่ำรวยอันใด แม้ว่าตนเองเรียกน้อยแล้ว แต่เขาก็อาจจะไม่มีเงินทองมากมายนัก สุดท้ายกัดฟันกล่าวว่า “เจ็ดพันหกร้อยตำลึง น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว”