ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 538 ความสัมพันธ์ระหว่างกัน
ตอนที่ 538 ความสัมพันธ์ระหว่างกัน
ซิ่งอันโหวกับฮูหยินซิ่งอันโหวอยู่ได้ครู่หนึ่งก็กลับไป ไม่ได้อยู่รับประทานอาหารที่จวนขุนพลหวังต่อ
เป็นเพราะสุขภาพท่านโหวไม่ดีมากจริงๆ ฮูหยินซิ่งอันโหวก็ไม่มีอารมณ์จะอยู่รับประทานอาหารต่อ
ทั้งสองคนออกจากจวนขุนพลหวังก็ขึ้นรถม้าจวนโหว ในที่สุดท่านโหวก็ดึงมือเยี่ยซื่อไปกุมไว้อย่างอดใจไม่ไหว
“ชิงหนิง เจ้าว่าหนุ่มผู้นั้น เขาจะเป็นบุตรชายพี่สาวข้าหรือไม่ เขาหน้าตาเหมือนพี่สาวข้ามาก”
เยี่ยซื่อเห็นท่านโหวเช่นนี้ก็อดทำให้เขาไม่เบิกบานใจไม่ได้ กล่าวจริงจังว่า “ข้ารู้สึกว่าเขาอาจเป็นบุตรชายพี่สาวท่านโหว ข้ารู้สึกว่าเขาไม่เพียงแต่รูปโฉมภายนอกเหมือน แม้แต่กิริยาการพูดการจาก็เหมือนพี่สาวท่าน บุตรชายคล้ายมารดา”
เยี่ยซื่อกล่าวจนสุดท้ายตนเองก็พลอยเริ่มเชื่อว่าเซี่ยจวี่เหรินก็คือบุตรชายของพี่สาวท่านโหว
นางหันหน้าไปมองซิ่งอันโหวกล่าวว่า “พรุ่งนี้ข้าไปตระกูลเซี่ยสักครา ลองสอบถามเรื่องราวครอบครัวของพวกเขา ไม่แน่อาจได้ข่าวคราวอันใดบ้าง”
“ตกลง”
สองสามีภรรยากล่าวจบก็ยิ้มออก
ครอบครัวลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นอยู่กินอาหารกลางวันเสร็จจึงค่อยกลับ
ฮูหยินขุนพลหวังรั้งให้พวกเขาอยู่ต่ออีกสักครู่ ลู่เจียวยิ้มปฏิเสธ สาเหตุหลักเพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่นต้องกลับไปบ้านทบทวนตำรา ฮูหยินขุนพลหวังเองก็รู้สึกว่าไม่ควรรั้งพวกเขาให้อยู่ต่อ จึงออกไปส่งพวกเขา
ทั้งครอบครัวขึ้นรถม้าแล้ว เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็สะลึมสลือจะหลับ ลู่เจียวจึงกล่อมพวกเขาหลับ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นถามลู่เจียวอย่างเป็นห่วง “สุขภาพท่านน้ามีทางแก้ไขหรือไม่”
“มีทางก็มีทาง แต่เขาเป็นโรคทางใจ โรคทางใจจำเป็นต้องให้หมอรักษาโรคทางใจมารักษา หากเขาเองปล่อยวางไม่ลง เอาแต่อารมณ์อัดอั้น แม้แต่เทพเซียนมาเองก็ช่วยไม่ได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วงสุขภาพซิ่งอันโหว
ลู่เจียวยื่นมือไปกุมมือเขาไว้พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เจ้าอย่าได้เป็นห่วง ข้าต้องทุ่มเทรักษาท่านน้า วันนี้ท่านน้าเห็นเจ้าก็ตื่นตกใจอย่างเห็นได้ชัด ข้าเดาว่าไม่แน่พวกเขาอาจจะมาสืบความบ้านเรา ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะเผยชาติกำเนิดเจ้าให้เขารู้ น้าเจ้ารู้ชาติกำเนิดเจ้า ไม่แน่ก็อาจคลายปมในใจลงได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังก็คลายคิ้วที่ขมวดลง สีหน้าคลายความกังวลลงไม่น้อย
วันรุ่งขึ้นลู่เจียวกำลังอยู่ที่บ้านเล่นแข่งขันกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ระยะนี้พวกลูกทั้งสี่ให้ความสนใจกับของเล่นใหม่ไม่น้อย เช่นห่วงเก้าวง ตัวต่อไม้สามมิติ เป็นต้น เด็กๆ สนใจของเหล่านี้มาก ลู่เจียวว่างก็จะเล่นกับพวกเขา
แม่ลูกเล่นกันเบิกบานใจอย่างมาก
นอกประตู เฝิงจือเดินเข้ามารายงานว่า “เหนียงจื่อ ฮูหยินซิ่งอันโหวมาเยือน”
ลู่เจียวคิ้วกระตุกทีหนี่ง แววตาพลันเข้าใจทันที นางหันไปมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวว่า “ท่านแม่มีแขกต้องไปต้อนรับ พวกเจ้าไปเล่นในห้องกันนะ”
“ขอรับ ท่านแม่”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่หยิบของเล่นลุกเดินออกไป สหายติดตามสี่คนที่รออยู่ด้านนอกก็ตามพวกเขากลับห้อง
เรือนตะวันออกพริบตาก็ครึกครื้นกันขึ้นมา
นอกประตูใหญ่ตระกูลเซี่ย บ่าวเชิญฮูหยินซิ่งอันโหวเข้ามา
ลู่เจียวลุกขึ้นไปต้อนรับนางอย่างสุภาพ เชิญนางนั่งลง “ฮูหยินท่านโหวมาได้อย่างไร”
แววตาฮูหยินซิ่งอันโหวเปล่งประกายวาบ ยิ้มกล่าวว่า “เมื่อวานท่านโหวอยู่ด้วย ข้าจึงไม่กล้าถามลู่เหนียงจื่อถึงอาการท่านโหวเรา วันนี้ตั้งใจมาเยือนก็เพื่อถามถึงอาการป่วยของท่านโหวให้ละเอียดสักหน่อย ลู่เหนียงจื่อ อาการป่วยท่านโหวเรามีทางรักษาได้หรือไม่”
นางกล่าวจบแววตาก็คล้ายมองประเมินห้องโถงรับแขกตระกูลเซี่ยไปด้วย
ลู่เจียวรู้ว่าวันนี้นางมาเพื่อการอันใด แต่ไม่คิดเอ่ยเปิดโปงนาง จึงยิ้มกล่าวว่า “ฮูหยินท่านโหววางใจ ข้าจะทุ่มเทรักษาท่านโหวอย่างเต็มที่”
เยี่ยซื่อได้ยินลู่เจียว ในใจก็รู้สึกซาบซึ้งใจ กล่าวขอบคุณลู่เจียวอย่างจริงใจ “ขอบคุณเจ้าแล้ว”
นางกล่าวจบก็ทอดถอนใจอย่างเคร่งเครียด “ชะตาชีวิตท่านโหวช่างลำบากนัก ขอให้ครั้งนี้เขาอดทนผ่านพ้นไปได้”
ลู่เจียวเลิกคิ้วสั่งการเฝิงจือ “ตามยายเฒ่าชิวเข้ามารินน้ำชาให้แขก”
เยี่ยซื่อเองก็ไม่ทันสนใจรายละเอียดนี้ ยังคงตกอยู่ในอารมณ์เศร้าเสียใจ
ยายเฒ่าชิวเดินเข้าประตูมา พอเข้ามาก็เห็นเยี่ยซื่อ
แม้ว่าเยี่ยซื่อแก่แล้ว แต่ยายเฒ่าชิวมองปราดเดียวก็จำได้ว่าเป็นเยี่ยซื่อ นางตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็พยายามระงับอาการตนเองเอาไว้ เดินเข้าไปรินน้ำชาให้ฮูหยินท่านโหว
“ฮูหยิน เชิญดื่มน้ำชา”
เยี่ยซื่อยื่นมือไปรับมาวางข้างโต๊ะที่ตนนั่ง
พร้อมกับหันไปมองยายเฒ่าชิว เดิมก็มองไปอย่างไม่ได้สนใจอันใด มองแล้วก็หันไปทางอื่นต่อ
แต่นางเหมือนคิดอันใดขึ้นมาได้ในทันที หันขวับไปมองยายเฒ่าชิวอีกครั้ง
พอมองก็จำได้ทันทีว่าเป็นยายเฒ่าชิว
ยายเฒ่าชิวอยู่รับใช้ข้างกายคุณหนูใหญ่หลินอี๋หย่ามาตลอด ฮูหยินท่านโหวย่อมจดจำนางได้ แม้ว่านางแก่ไปมาก แต่ยังคงมองเค้าโครงใบหน้าตอนยังสาวออก
ฮูหยินท่านโหวมองยายเฒ่าชิวด้วยสีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ ยกมือขยี้ตาด้วยสัญชาตญาณ จากนั้นก็มองอีกที
สุดท้ายหลุดส่งเสียงร้องได้ขึ้นว่า “หมิงอวี้ เจ้ายังมีชีวิตอยู่”
ยายเฒ่าชิวร้องไห้ออกมา “เจ้าค่ะ ฮูหยิน บ่าวยังมีชีวิตอยู่”
ฮูหยินท่านโหวเองก็ขอบตาแดง หลุดส่งเสียงละล่ำละลักว่า “ยังมีชีวิตอยู่ก็ดีๆ”
นางกล่าวจบพลันคิดถึงว่านี่คือตระกูลเซี่ย ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเซี่ยจวี่เหรินใช่บุตรชายพี่สาวท่านโหวหรือไม่ ดังนั้นอย่าเพิ่งกล่าวอันใดดีกว่า
ฮูหยินท่านโหวครุ่นคิดหันหน้าไปมองลู่เจียว ปรากฏกลับเห็นในห้องโถงว่างเปล่า
ลู่เจียวให้เฝิงจือออกไปก่อนแล้ว
ฮูหยินท่านโหวมองเห็นในห้องโถงไม่มีคน ก็รีบยื่นมือไปคว้ายายเฒ่าชิวมานั่งข้างกายตนเอง “หมิงอวี้ ข้าถามเจ้าเรื่องหนึ่ง เซี่ยจวี่เหรินแท้จริงใช่บุตรชายอีกคนของพี่อี๋หย่าหรือไม่”
ยายเฒ่าชิวปาดน้ำตา กล่าวว่า “เจ้าค่ะ เขาก็คือบุตรชายอีกคนที่คุณหนูคลอด คุณชายน้อยไม่เพียงแต่เรียนได้เก่งกาจ แต่ยังฉลาดเหมือนคุณหนูมาก”
ฮูหยินท่านโหวได้ฟัง ก็ตื่นเต้นดีใจยากระงับ “นี่เป็นเรื่องดีจริง หากท่านโหวรู้เรื่องนี้จะต้องดีใจมาก”
ยายเฒ่าชิวได้ฟังฮูหยินท่านโหวก็คิดถึงว่าก่อนหน้านี้ลู่เจียวบอกเรื่องหนึ่งกับนาง ก็อดมองฮูหยินท่านโหวอย่างเป็นห่วงไม่ได้ กล่าวว่า “ข้าได้ยินเหนียงจื่อว่า สุขภาพท่านโหวไม่ดีอย่างมาก เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร หากคุณหนูในปรภพได้รู้ต้องเสียใจอย่างมากเป็นแน่”
ฮูหยินท่านโหวได้ฟังยายเฒ่าชิวก็รีบกล่าวว่า “หมิงอวี้ เจ้าไปจวนโหวเกลี้ยกล่อมท่านโหวกับข้าได้หรือไม่ สุขภาพเขาไม่ดีเพราะปมในใจตอนนั้น พี่อี๋หย่าจากไปก็คือปมในใจเขา เขาคิดมาตลอดว่าตนเองไม่ดี ไร้สามารถปกป้องพี่สาวตนเอง เสียแรงที่พี่สาวเขาเลี้ยงดูเขามา หลายปีมานี้เขาเอาแต่ตำหนิตนเอง ดังนั้นสุขภาพจึงได้ยิ่งทรุดลงทุกวัน”
“เจ้าไปเกลี้ยกล่อมท่านโหวกับข้าได้หรือไม่ บอกเขาว่าท่านพี่เขาไม่โทษเขา ท่านพี่ไม่อยากให้เขาต้องทำร้ายตนเองเช่นนี้ หากท่านพี่ในปรภพได้รู้ต้องโมโหอย่างมากเป็นแน่”
ยายเฒ่าชิวได้ฟังฮูหยินท่านโหวก็เห็นด้วย “ได้ ข้าไปจวนโหวกับฮูหยินสักครั้ง”
ขณะทั้งสองคนคุยกันอยู่นั้น ลู่เจียวก็พาคนออกไปนอกห้อง ยามนี้ทั้งสองฝ่ายต่างรู้สายสัมพันธ์กันกระจ่างแล้ว แม้ว่าไม่ได้กล่าวออกมาโดยตรง แต่ในใจก็สนิทสนมกันขึ้นมาไม่น้อย
“เจียวเจียว ข้าเรียกเจ้าเจียวเจียวได้หรือไม่”
ฮูหยินซิ่งอันโหวยิ้มมองลู่เจียว ลู่เจียวยิ้มพลางพยักหน้า “ฮูหยินเชิญเรียก”