ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 527 ความปรารถนาของลู่เจียว
ตอนที่ 527 ความปรารถนาของลู่เจียว
ลู่เจียวไร้วาจาจะกล่าว เห็นหมอหลวงฉีถูกลงไม้ลงมือแล้วก็รู้สึกเห็นใจมาก
หมอหลวงฉีกลับมีสีหน้าชินชาเสียแล้ว แม้แต่ฮูหยินกับฉีเหล่ยเองก็เห็นเป็นเรื่องปกติ
ลู่เจียวจะกล่าวอันใดได้ นางยิ้มมองหมอหลวงฉีกับฮูหยินกล่าวว่า “พวกท่านเรียกข้าว่าเจียวเจียว เรียกท่านพี่ข้าว่าอวิ๋นจิ่น พวกเราอายุยังค่อนข้างน้อย”
นายผู้เฒ่าฉีหัวเราะดังลั่น ยิ้มกล่าวว่า “ดูๆ เจียวเจียวดีมากใช่หรือไม่”
หมอหลวงฉีรู้สึกอาย รีบเชิญเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเดินเข้าจวน
“อวิ๋นจิ่น เชิญ เจียวเจียว เชิญ”
ฮูหยินฉีกับฉีเหล่ยเชิญเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เข้าไปด้วยกัน
ฮูหยินฉีเห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ใจละลายตามไปแล้ว ยื่นมือไปจูงมือสองหนูน้อย ถามพวกเขาอย่างสนิทสนมว่า “ได้ยินว่าพวกเจ้าเป็นแฝดสี่”
“ใช่แล้วขอรับ พวกเราเป็นแฝดสี่ ข้าคือเอ้อร์เป่า นี่คือต้าเป่า ซานเป่า ซื่อเป่า”
เอ้อร์เป่าแนะนำตัวอย่างสุภาพและมีมารยาท ไม่ได้มีความกลัวคนแปลกหน้าแม้แต่น้อย วาจาที่กล่าวออกมาก็มีมารยาทยิ่ง
ฮูหยินฉีเห็นแล้วในใจก็นึกชมชอบ เงยหน้ามองฉีเหล่ยกล่าวว่า “เหล่ยเอ๋อร์ เจ้าดูน้องชายหน้าตาดีเพียงใด เจ้าดูแล้วไม่อยากได้บ้างหรือ รีบแต่งภรรยาสักคน มีลูกน้อยน่ารักสักสองสามคน”
ฉีเหล่ยพอได้ฟังก็มีสีหน้าดำคล้ำ ท่านแม่เขาเห็นหน้าเขาก็เร่งให้เขาแต่งงาน ตอนนั้นที่เขาไปตำบลชีหลี่กับจ้าวหลิงเฟิงก็เพราะท่านแม่เขาวันๆ เอาแต่จับจ้องเขา จะให้เขาแต่งงาน เขาจึงได้ติดตามจ้าวหลิงเฟิงไป
ใช่ว่าฉีเหล่ยไม่อยากแต่ง แต่เพราะงานหมั้นสองงานล้วนเกิดเหตุคาดไม่ถึง คนในเมืองหลวงไม่น้อยกล่าวว่าเขาดวงแข็งข่มภรรยา พอเขาโมโหขึ้นมาก็เลยไม่คิดแต่งงาน
“ท่านแม่ ท่านชอบก็ไปดูแลบุตรชายพี่ใหญ่สิ ก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ”
หมอหลวงฉีกับฮูหยินฉีมีบุตรชายเพียงแค่สองคน ฉีม้อบุตรชายคนโตกับฉีเหล่ยบุตรชายคนรอง
บุตรชายคนโตแต่งงานมีลูกไปนานแล้ว บุตรชายรองกลับเกิดเหตุครั้งแล้วครั้งเล่า ทำเอาในใจบุตรชายรองติดภาพลบจนไม่อยากแต่งงาน
“เหล่ยเอ๋อร์ นี่ไม่เหมือนกัน”
ขณะสองแม่ลูกกำลังคุยกันอยู่นั้น หมอหลวงฉีด้านหน้าก็กระแอมไอทีหนึ่ง วันนี้เป็นวันคารวะอาจารย์ของฉีเหล่ย พูดเรื่องพวกนี้ทำไมกัน
หมอหลวงฉีด้านหน้ากล่าวกับลู่เจียวว่า “ได้ยินบุตรชายข้าบอกว่า อาจารย์ลู่วิชาการแพทย์ร้ายกาจมาก วันหน้าข้าก็อยากขอแลกเปลี่ยนความรู้กับอาจารย์ลู่สักหน่อย”
นายผู้เฒ่าฉีกล่าวไม่พอใจว่า “เจ้าอย่าเอาแต่กล่าววาจามารยาทเกรงใจ เรียกเจียวเจียว แล้วก็พูดจาสบายๆ ผ่อนคลายหน่อย”
ฉีกังถูกบิดาทำเอาจนปัญญา ได้แต่ยิ้มมองลู่เจียวกล่าวว่า “เจียวเจียว วันหน้าพวกเรามาถกวิชาแพทย์เป็นอย่างไร”
ลู่เจียวมองเห็นนายผู้เฒ่าฉีคนที่สอง นางกลัวว่าตนเองจะได้พบกับนายผู้เฒ่าฉีที่เอาแต่เกาะติดไม่ยอมไปไหนอีกคน คิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มกล่าวว่า “ไว้วันไหนมีเวลาก็มาถกหารือกันได้”
“ตกลง”
ฉีกังเป็นหมอหลวงในวัง ส่วนใหญ่ย่อมไม่ค่อยมีเวลา แม้แต่วันนี้ยังต้องลากิจกับในวังเป็นกรณีพิเศษ จึงมาต้อนรับแขกที่บ้านได้
ทุกคนพูดไปก็เดินไปเรือนกลางของตระกูลฉี ยามนี้เรือนกลางมีคนรออยู่ไม่น้อย
บุตรสาวบุตรเขยตระกูลฉี ยังมีครอบครัวบุตรชายรองกับสะใภ้รองของนายผู้เฒ่าฉี รวมทั้งลูกๆ ก็มากันพร้อมหน้า
แต่ในบรรดาคนเหล่านี้มีสตรีนางหนี่งใบหน้ายิ้มแย้มสะดุดตาอย่างมาก สตรีผู้นี้ร่างสูงใหญ่ หน้าตาสง่าผึ่งผาย ยามยิ้มก็จะทำให้คนรู้สึกดี
ลู่เจียวกำลังมองประเมินนาง หญิงผู้นี้ก็ลุกขึ้นยืน รีบเดินไปยื่นมือดึงมือนางมากุมไว้
“เจ้าคือเจียวเจียวกระมัง ข้าคือหลี่ว์หว่าน ฮูหยินขุนพลหวัง”
ลู่เจียวรีบคารวะนางอย่างเกรงใจ “คารวะฮูหยินขุนพล”
หลี่ว์หว่านยิ้มดึงนางไว้ ไม่ยอมให้นางคำนับ “เจ้าอย่าได้เกรงใจอันใดกับข้า เรียกข้าน้าหลี่ว์ก็ได้ ท่านขุนพล…”
หลี่ว์หว่านกล่าวจบไม่ทันจบ นายผู้เฒ่าฉีก็ส่งเสียงดังไม่พอใจ “หลี่ว์หว่าน ไม่ถูกต้องนะ เจียวเจียวเรียกเจ้าน้า เจ้าก็สถานะเท่ากับข้า? เห็นอยู่ว่าเจ้าสถานะเท่ากับสะใภ้ข้า เจ้าควรให้เจียวเจียวเรียกเจ้าว่าพี่”
หลี่ว์หว่านหลุดขำ คิดแล้วก็พยักหน้า “นายผู้เฒ่า กล่าวได้ถูกต้อง”
นางกล่าวจบหันไปมองลู่เจียวกล่าวว่า “วันหน้าเจ้าก็เรียกข้าว่าพี่ก็พอ ท่านขุนพลของเราได้เจ้าช่วยเอาไว้ ขอบคุณ ขอบคุณเจ้าแล้ว”
ลู่เจียวช่วยต่อแขนให้ขุนพลหวัง และยังทำได้สำเร็จ คนตระกูลฉีเองก็รู้เรื่องนี้ ทุกคนต่างรู้สึกว่าน่าประหลาดใจมาก
ยามนี้ได้ยินหลี่ว์หว่านเอ่ยถึงเรื่องนี้ นายผู้เฒ่าฉีกับหมอหลวงฉีต่างก็รู้สึกสนใจเข้าไปรุมล้อมลู่เจียว “เจียวเจียว เจ้าบอกกับพวกเราหน่อยว่า เหตุใดแขนขาดแล้วจึงต่อกลับไปได้ และถึงกับสมบูรณ์ดีดังเดิม”
ความจริงการผ่าตัดต่อแขน ได้ใช้น้ำพุจิตวิญญาณในห้วงอากาศของลู่เจียว น้ำพุจิตวิญญาณมีสรรพคุณในการฟื้นคืนเส้นประสาท ดังนั้นแขนจึงสมบูรณ์ดังเดิมได้
ทว่าลู่เจียวไม่อาจบอกเช่นนี้ได้ ได้แต่ยิ้มกล่าวว่า “การต่อแขน ประการแรกใช้ยาปฏิชีวนะ ประการที่สอง ข้าได้ศึกษาหายาใหม่ ที่ฟื้นคืนเส้นประสาทได้ ใช้ยาสองอย่างนี้รวมกันก็ต่อแขนให้กลับคืนมีแรงเป็นปกติได้”
พอลู่เจียวกล่าว นายผู้เฒ่าฉีกับหมอหลวงฉีต่างประหลาดใจ “ยาสองอย่างนี้เป็นยาวิเศษจริงๆ”
ฉีเหล่ยรีบกล่าวทันทีว่า “น่าเสียดาย การผลิตยาปฏิชีวนะ ต้องหาเหมืองแร่เจี่ยเหยียน หาเหมืองแร่เจี่ยเหยียนได้ ก็จะทำยายาปฏิชีวนะได้ ยาปฏิชีวนะที่อาจารย์กล่าวถึงก็ใช้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยติดเชื้ออักเสบ”
นายผู้เฒ่าฉีกับหมอหลวงฉีกล่าวพร้อมกันว่า “เช่นนั้นก็รีบส่งคนไปหาสิ”
“พวกเราส่งคนไปหาแล้ว ตอนนี้ยังหาไม่พบ”
นายผู้เฒ่าฉีกับหมอหลวงฉีพยักหน้า จากนั้นก็ถามลู่เจียวว่า “เช่นนั้นยาอีกประเภทเล่า”
“ยานั้นไม่มีปัญหา เพียงแต่แคว้นต้าโจวไม่มีสำนักยาหลวง ยาเหล่านี้ไม่ผ่านการทดลอง ไม่กล้าให้คนใช้พลการ หากได้ผ่านสำนักยาหลวง สำนักยาหลวงตรวจสอบรับรองประสิทธิภาพของยา จากนั้นก็ออกหนังสืออนุญาต ยานี้ก็จะผลิตอย่างเป็นทางการได้”
นายผู้เฒ่าฉีสบตากับหมอหลวงฉี “สำนักยาหลวง?”
เดิมลู่เจียวมีความคิดสร้างกลุ่มหมอขึ้นช่วยผู้ป่วยรักษาโรค ตอนนี้กลับกำลังคิดตั้งสำนักยาหลวงในแคว้นต้าโจว ประการแรก สามารถตรวจสอบยาสำเร็จรูป ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการผลิตยาให้เป็นประโยชน์ต่อราษฎร ประการที่สอง สามารถใช้สำนักยาหลวงสร้างบุคลากรวิชาการแพทย์ให้กับพื้นที่ต่างๆ ในแคว้นต้าโจว จากนั้นก็จะสร้างสำนักยาหลวงขึ้นในแต่ละพื้นที่ เช่นนี้ก็จะลดจำนวนคนตายทั่วแคว้นต้าโจวในวงกว้างได้ ในพื้นที่ที่พบโรคภัยระบาด ก็ควบคุมได้รวดเร็ว
ลู่เจียวบอกความคิดนี้กับนายผู้เฒ่าฉีกับหมอหลวงฉี ทั้งสองคนสบตากันแล้วก็ส่ายหน้าบอกว่า “ตอนนี้เกรงว่าไม่อาจทำได้ พระพลานามัยฝ่าบาทตอนนี้ไม่อาจให้ความสนใจในเรื่องนี้ได้ และ…”
ทว่าทั้งสองคนไม่พูดอะไรต่ออีก ตอนนี้ฝ่าบาทอาจระแวงว่าที่เจ้าเสนอเรื่องสำนักยาหลวงกับเขา อาจคิดว่าเจ้ามีเจตนาอันใดกันแน่ อย่าได้ถึงตอนนั้นหาว่าเจ้าคิดไม่ซื่อ ทั้งครอบครัวจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย
ลู่เจียวคิดแล้วก็พอเข้าใจความหมายของนายผู้เฒ่าฉีพ่อลูก นอกจากฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ จึงจะเสนอให้ตั้งสำนักยาหลวงได้ ฮ่องเต้ปัจจุบันนี้ไม่มีทางเป็นไปได้
ลู่เจียวคิดถึงว่าอ๋องเยียนจะเป็นผู้ขึ้นครองราชย์ เซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นคนสนิทอ๋องเยียน วันหน้าหากนางเสนอจัดตั้งสำนักยาหลวง ด้วยนิสัยอ๋องเยียน มีแต่ดีใจ ไม่มีทางไม่พอใจ
ลู่เจียวครุ่นคิดยิ้ม “เรื่องนี้ไว้วันหน้าค่อยว่าก็แล้วกัน”