ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 434 เห็นชีวิตคนดังผักปลา
ตอนที่ 434 เห็นชีวิตคนดังผักปลา
เถียนฮวนไม่ได้สังเกตสายตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นบนเตียง ยังคงคุยกับลู่เจียวอย่างสนิทสนม
“เจ้าไม่เป็นไร ข้าก็วางใจ ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าบ้านพวกเจ้าเกิดเรื่องเมื่อคืนวานนี้ ข้าตกใจแทบตาย กลัวเจ้าเกิดเรื่องอะไร”
“เจียวเจียว วันหน้าเจ้าอย่าไปมาหาสู่กับคนอันตรายอีก เห็นอันตรายก็หลบให้ไกลหน่อย มีเรื่องอะไรก็ให้หร่วนจู๋ไปทำ”
ในห้องสีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ่งดำทะมึน
จ้าวหลิงเฟิงเห็นก็อารมณ์ดี พลันรู้สึกว่าความจริงเถียนฮวนก็มีประโยชน์ อย่างน้อยหญิงผู้นี้ก็ทำให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นโมโหแทบตายได้ ไม่เลวๆ
จ้าวหลิงเฟิงจึงไม่รีบร้อนจากไป นั่งชมเรื่องสนุกอยู่ในห้องต่อ
สุดท้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่นทนไม่ไหว “เจียวเจียว ข้าหิวแล้ว”
ลู่เจียวยังไม่ทันได้กล่าวตอบ เถียนฮวนก็หันหน้าไปใส่เขาอย่างไม่พอใจ “เจ้าหิว เจ้าก็หาอะไรกินเองไม่เป็นหรืออย่างไร ไม่มีมือหรือ”
แต่นางใส่เสร็จก็นึกได้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นคนเจ็บ ได้แต่หัวเราะแหะๆ ขึ้นมา
“เซี่ยซิ่วไฉ เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
กล่าวจบก็เห็นสีหน้าซีดขาวของเซี่ยอวิ๋นจิ่น นางอดพึมพำไม่ได้ “ผู้ชายแท้ๆ บาดเจ็บแค่นิดหน่อย ถึงกับท่าทางอ่อนแอเช่นนี้ได้ เจียวเจียวอยู่กับเจ้าจะมีความสุขหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นอดโมโหเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไม่ได้ “หากคุณหนูหกทนดูข้าไม่ได้ ก็กลับบ้านไปได้”
เถียนฮวนรีบยิ้มกล่าวขอโทษ อย่างไรก็เป็นสามีเจียวเจียว นางไม่ควรทำให้เขาโมโหมากเกินไป และที่น้องชายนางดีขึ้นมาได้ก็เพราะเซี่ยซิ่วไฉ ที่สำคัญที่สุดก็คือเมื่อก่อนเขาดีกับน้องชายนางมาก เถียนฮวนรีบยิ้มประจบ
“ความผิดข้าเอง เจ้าอย่าได้โมโห”
ลู่เจียวนึกขำ บอกให้เถียนฮวนนั่งลงคุยกัน
เถียนฮวนไม่กล้าหาเรื่องอีก กลัวเซี่ยอวิ๋นจิ่นโมโหแล้วไล่นางออกไป
แต่คิดถึงเรื่องที่ตระกูลเซี่ยเจอมาติดๆ กันหลายเรื่องก็อดเสนอไม่ได้ว่า
“ข้าว่าพวกเจ้าต้องไปวัดไหว้พระจริงๆ แล้ว ปีนี้เหมือนมีแต่เรื่องไม่ดี”
ลู่เจียวยกมือตบหน้าผาก วัดนี่ศักดิ์สิทธิ์เพียงนี้เลยหรือ ทุกคนพอเห็นพวกนางเช่นนี้ก็พากันบอกให้ไปวัดไหว้พระ
ที่ครอบครัวพวกนางเกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ ความจริงก็เป็นเพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปแตะต้องสี่ตระกูลใหญ่เข้า ดังนั้นจึงได้เกิดเหตุร้ายมากมายเช่นนี้ แน่นอนคนเช่นหลี่เหวินปินถือว่าเป็นเรื่องสุดวิสัย
ลู่เจียวครุ่นคิดในใจ ปากก็ตอบออกไป “กำลังคิดจะไปไหว้พอดี แต่ต้องรอให้บาดแผลอวิ๋นจิ่นหายดีก่อนค่อยหาเวลาไป”
เถียนฮวนพยักหน้า “ข้าก็ว่าหลี่เหวินปินสมองผิดปกติ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นพวกโรคจิต”
ที่นางรู้มา เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไม่ได้มีความแค้นกับเขา เขาถึงกับลงมือสังหารเซี่ยอวิ๋นจิ่น นี่ไม่ใช่ว่าสมองผิดปกติแล้วจะเป็นอะไรได้
ในห้องทุกคนอดวิเคราะห์เรื่องหลี่เหวินปินขึ้นมาไม่ได้ สุดท้ายลู่เจียวสรุปว่า “บุตรชายที่มีแต่มารดาหม้ายดูแลเติบใหญ่ เดิมก็เสียสมดุลในใจอยู่แล้ว กอปรกับตระกูลจางก็ไม่ได้สวยงามดังที่เขาหวังไว้ ดังนั้นในใจจึงสั่งสมเป็นความคับแค้น จะว่าไปก็ล้วนเป็นปัญหาจากการอบรมสั่งสอน”
กล่าวถึงตรงนี้ จ้าวหลิงเฟิงกับเถียนฮวนก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเหตุผลของลู่เจียวพร้อมกัน
ดังนั้นเด็กๆ ในบ้านจะต้องอบรมให้ดี
ทุกคนคุยกันไปได้พักหนึ่ง จ้าวหลิงเฟิงกับเถียนฮวนก็ขอตัวกลับ ปรากฏทั้งสองคนเพิ่งก้าวออกไป ก็ทะเลาะกันขึ้นมาอีก
ในห้องลู่เจียวสบตากับเซี่ยอวิ๋นจิ่นไร้วาจาจะกล่าว “ทั้งสองคนชาติก่อนต้องเป็นคู่เวรคู่กรรมกันมาอย่างแน่นอน พอเจอหน้าก็ทะเลาะกัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแอบคิด หากจับทั้งสองคนมาคู่กัน วันหน้าเขาจะสงบลงไปเพียงใดกัน
เขาครุ่นคิดแล้วก็ยิ้มถามลู่เจียวว่า “ข้าได้ยินคนบอกว่า ไม่ใช่คู่ไม่พานพบกัน เจ้าว่าพวกเขาทั้งสองคนมีโอกาสจะอยู่ร่วมกันได้หรือไม่”
ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็แทบไม่อยากจะเชื่อ “ทะเลาะกันขนาดนั้น จะอยู่ร่วมกัน?”
“ทะเลาะไปทะเลาะมา สุดท้ายก็กลายเป็นผูกพัน ก็อยู่ด้วยกันได้แล้วไม่ใช่หรือ”
ลู่เจียวคิดถึงเมื่อก่อนก็เคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาไม่น้อย ดังนั้นจ้าวหลิงเฟิงกับเถียนฮวน?
นางคิดแล้วก็รู้สึกว่าทั้งสองคนก็เหมาะสมกันดี จ้าวหลิงเฟิงสูงศักดิ์สง่างาม เถียนฮวนก็สง่างามเปิดเผย ทั้งสองคนยืนคู่กันแล้วก็ดูดีอย่างมาก
“ไว้ข้าแอบถามฮวนฮวนว่าคิดอย่างไรกับจ้าวหลิงเฟิงดีไหม”
พอลู่เจียวกล่าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ห้ามนางทันที “อย่าถาม ให้พวกเขาค่อย ๆ พัฒนาไป เช่นนี้จึงจะเดินไปจนร่วมเส้นทางได้”
ตอนนี้ทั้งสองคนไม่ถูกชะตากันไม่รู้ตัว หากมีคนไปเตือนเช่นนั้น ไม่แน่อาจระวังตัวกันขึ้นมา
ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็คิดว่ามีเหตุผล นี่เป็นเรื่องของคนอื่น นางไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว หากเถียนฮวนไปพบเอาคนเลวเข้า นางออกมาเตือนจึงจะได้ แต่จ้าวหลิงเฟิงไม่ใช่คนเช่นนั้น ดังนั้นวันหน้าจะเป็นเช่นไรก็ให้พวกเขาพัฒนาไปอย่างอิสระเองก็แล้วกัน
ลู่เจียวยิ้มพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นก็คิดได้ว่าก่อนหน้านี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นบอกว่าหิว นางจึงถามอย่างห่วงใย “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าหิวไม่ใช่หรือ ข้าให้คนไปเตรียมของกินมาให้เจ้ากินสักหน่อย ดีไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังจะเอ่ย นอกประตู หลินตงก็เข้ามารายงาน “คุณชาย ท่านอาเซียวกับท่านอาหลี่กลับมาแล้ว บอกว่ามีเรื่องรายงานคุณชาย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบมองไปยังลู่เจียวทันที เซียวซานกับหลี่หนานเทียนกลับมาแล้ว ย่อมต้องสืบพบเรื่องของตระกูลใหญ่ทั้งสี่แล้ว
“เชิญพวกเขาเข้ามา”
หลินตงรีบเชิญเซียวซานกับหลี่หนานเทียนเข้ามา
ทั้งสองคนไม่ทันได้พูดอะไร ลู่กุ้ยก็รายงานอีกว่า “นายอำเภอหู สวี่เซี่ยนเว่ยกับมือปราบจ้าวก็มาด้วย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบให้ลู่กุ้ยเชิญพวกนายอำเภอหูเข้ามา
นายอำเภอหู สวี่เซี่ยนเว่ย มือปราบจ้าว สามคนเข้ามาอย่างรวดเร็ว
สวี่เซี่ยนเว่ยผอมลงไม่น้อย พอเข้ามาก็เดินตรงมาตรงหน้าลู่เจียว ขอให้ลู่เจียวช่วยตรวจชีพจรให้เขา ดูว่าสภาพร่างกายฟื้นคืนได้เป็นอย่างไรบ้าง
ลู่เจียวไม่ได้ปฏิเสธ ยื่นมือไปจับชีพจรให้สวี่เซี่ยนเว่ย พอตรวจชีพจรก็พบว่าเขาฟื้นฟูสุขภาพได้ไม่เลว
ลู่เจียวยิ้มกล่าวกับสวี่เซี่ยนเว่ยว่า “ท่านฟื้นฟูสุขภาพได้ไม่เลว ออกกำลังกายต่อไป เชื่อว่าไม่นานก็จะสำเร็จสมดังหมาย”
“เยี่ยม รอให้ในจวนข้ามีคนตั้งครรภ์ก่อน ข้าจะต้องมอบป้ายเชิดชูเกียรติ ‘กวนอิมประทานบุตร’ ให้แก่เจ้า”
ลู่เจียวรีบปฏิเสธ “มิต้องเกรงใจ”
สวี่เซี่ยนเว่ยกลับไม่สนใจนาง หันไปยิ้มมองนายอำเภอหูกับมือปราบจ้าว “รอให้บ้านข้ามีข่าวดีก่อน ถึงตอนนั้นจะเชิญพวกเจ้าไปกินเลี้ยง”
“ได้”
ทุกคนกล่าวจบก็หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองไปยังนายอำเภอหูกับพวกสวี่เซี่ยนเว่ย “ก่อนหน้านี้ข้าส่งคนไปสืบเรื่องคนสี่ตระกูลใหญ่ พวกเขากลับมาพอดี พวกท่านลองมาฟังข่าวที่สืบมาได้พร้อมกับข้า”
มือปราบจ้าวกล่าวว่า “ระยะนี้ข้าเองก็นำคนออกแอบสืบเรื่องสี่ตระกูลใหญ่ พบว่าพวกเขาลักลอบทำเรื่องชั่วช้าไว้ไม่น้อย”
นายอำเภอหูกับสวี่เซี่ยนเว่ยมองหลี่หนานเทียนกับเซียวซาน “เล่ามาได้เลย”
ท่านอาเซียวบอกให้หลี่หนานเทียนเล่าก่อน หลี่หนานเทียนเล่าขึ้นว่า “แม้ว่าสี่ตระกูลใหญ่เป็นแค่พ่อค้าเล็กๆ แต่แอบทำเรื่องชั่วช้าไว้ไม่น้อย พวกเขาต่างมีคุกส่วนตัว หากบ่าวหรือชาวนาเช่าที่ทำกินไม่ยอมเชื่อฟัง ก็จะถูกจับไปขังคุกทรมาน พวกเขาบังคับซื้อที่ดิน หากผู้ใดไม่ขาย ก็จะหาโอกาสจัดการพวกเขาจนบ้านแตกสาแหรกขาด”
“บรรดาคุณชายก็ยังรังแกผู้ชายข่มเหงผู้หญิง ก่อนหน้านี้เหลียงจื่อเหวินฆ่าหญิงสาวอย่างโหดเหี้ยมไปไม่น้อย ความจริงตระกูลอื่นก็เป็นเช่นกัน พวกเขายังแอบสร้างสนามประลองสัตว์แห่งหนึ่ง แต่ที่นำมาประลองกันก็คือคนกับสัตว์ ส่วนพวกเขาก็เปิดรับพนัน หาเงินจากการพนันด้วยวิธีนี้”