ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 428 สุนัขร้อนใจรีบร้อนโดดกำแพง
ตอนที่ 428 สุนัขร้อนใจรีบร้อนโดดกำแพง
หลี่เหวินปินกล่าวจบยังเชื้อเชิญลู่เจียว “ขอลู่เหนียงจื่อส่งคนไปร้านอาหารสั่งให้ทำอาหารมาโต๊ะหนึ่ง บอกพวกเขาว่ามาเก็บเงินที่ข้า”
“ได้”
ลู่เจียวพยักหน้าเห็นด้วย หลี่เหวินปินเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวมีแขกก็ลุกขึ้นกล่าวอำลา
จ้าวหลิงเฟิงรอเขาออกไปแล้วก็หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว “ทำไมข้ารู้สึกว่าคนผู้นี้ดูแปลกๆ”
จ้าวหลิงเฟิงไม่รู้เรื่องที่หลี่เหวินปินวางอุบายทำร้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็ไม่ได้คิดบอกอะไร เพียงยิ้มกล่าวว่า “เดาว่าถูกตระกูลจางรังแกจนสมองพิการไปแล้ว”
จ้าวหลิงเฟิงไม่พูดเรื่องหลี่เหวินปินอีก แต่ไปคุยเรื่องสามโรงผลิตแทน
“น้ำมันจากโรงหีบน้ำมันขายดีมากจนไม่พอแบ่งขาย พ่อค้าหลายคนมาถึงโรงผลิตพวกเรา เพราะเครื่องจักรแรงงานคน ทำให้โรงหีบน้ำมันผลิตน้ำมันออกมาไม่เพียงพอ ส่วนโรงเวชสำอางที่เจ้าเขียนวิธีทำสบู่ให้ก็ลองทำออกมาแล้ว ไม่เพียงแต่สีสวย กลิ่นก็หอม และข้าให้คนทดลองใช้แล้ว พบว่าได้ผลไม่เลวอย่างมาก”
“โรงเวชสำอาง ข้าให้เฉิงเสียงรับสมัครคนแล้วก็จะเริ่มผลิตสบู่หอม วันนี้ที่ข้ามา ประการแรก เอาสบู่มาให้พวกเจ้าทดสองสักหน่อย ประการที่สอง มาเอาตัวยาปรุงสบู่จากลู่เหนียงจื่อกลับไป ที่สำคัญก็คืออยากคุยกับลู่เหนียงจื่อเรื่องโรงผลิตยาสร้างเสร็จแล้ว ลู่เหนียงจื่อวางแผนผลิตยาอะไร ยาไม่เหมือนสินค้าอื่น ต้องหาคนมาทำการทดลองก่อน ทดลองเสร็จมั่นใจว่าได้ผลจึงจะบอกกันปากต่อปาก จากนั้นจึงจะผลิตได้”
นี่เป็นกระบวนการที่กินเวลาพอสมควร ลู่เจียวได้ฟังจ้าวหลิงเฟิงก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ถามว่า “แคว้นต้าโจวไม่มีสำนักยาหลวงหรือ”
หากมีสำนักยาหลวง ก็นำยาไปสำนักยาหลวงให้หมอยาทดลองก็พอ
ลู่เจียวจำได้ว่าในนิยายเคยเขียนว่า ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังมา สมัยโบราณก็มีองค์กรเช่นสำนักยาหลวงอะไรพวกนี้แล้ว หรือว่าในนิยายนี้ไม่มีสำนักยาหลวง
ลู่เจียวกล่าวจบ จ้าวหลิงเฟิงรีบส่ายหน้า “ไม่มี ในวังมีสำนักหมอหลวง แต่พวกเขารับผิดชอบแค่คนในวัง ไม่รับผิดชอบดูแลชาวบ้านนอกวัง”
ลู่เจียวเงียบงัน ไม่รู้จะพูดอะไรต่ออีก หากเป็นเช่นนี้ ยาที่ผลิตจะออกสู่ตลาดได้ย่อมกินเวลา ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ตั้งแต่การผลิตไปจนผลิตออกมาให้คนทดลอง ให้คนมีชื่อเสียงทดลอง รับรองประสิทธิภาพของยาว่าใช้ได้ และรับรองว่ายานี้ไม่มีผลเสีย ไม่เช่นนั้นขายยาออกไป คนอื่นว่ายาเจ้ามีปัญหา ถึงตอนนั้นมาหาเรื่องเจ้า มีเงินเท่าไรก็ชดใช้ไม่ไหว
เรื่องนี้ลู่เจียวไม่เคยคิดมาก่อน
“ข้ารู้แล้ว ให้ข้าคิดก่อนว่าจะผลิตยาอะไรดี”
นางต้องผลิตยาธรรมดาที่กินแล้วไม่ตาย อย่าผลิตยาที่รักษาโรคยากเกินไป
ในห้องโถง จ้าวหลิงเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย “เช่นนั้นก็ได้ เจ้าเอาตัวยาปรุงสบู่ให้ข้าก่อน ข้าส่งไปโรงผลิตให้พวกเฉิงเสียงเริ่มผลิตสบู่หอม หาเงินก่อนค่อยว่ากัน”
“ได้”
ลู่เจียวสั่งให้เฝิงจือไปเรือนด้านหลังเอาน้ำพุจิตวิญญาณที่นางผสมไว้ก่อนหน้านี้ออกมา น้ำพุจิตวิญญาณเติมยาลงไปสองสามอย่าง คนปกติดมแล้วก็คิดว่าเป็นตัวยา
จ้าวหลิงเฟิงรับตัวยาปรุงสบู่แล้วก็ไป ยามนี้ลู่เจียวสีหน้าเต็มไปด้วยความคิด เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นสีหน้านางเช่นนี้ ก็ถามอย่างห่วงใย “เป็นอะไรไปหรือ”
ลู่เจียวเงยหน้ามองเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ก่อนหน้านี้ข้าคิดง่ายเกินไป ข้าคิดแต่ว่าแคว้นต้าโจวมีสำนักยาหลวงอะไรพวกนี้ ที่จะทดสอบยาได้ ยาที่ผลิตออกมาก็ส่งไปที่สำนักยาหลวงให้หมอยาทดสอบยาก็พอ ผ่านการทดสอบจากสำนักยาหลวงแล้ว ก็จะไม่มีคนมาเอาเรื่องพวกเราเพราะประสิทธิภาพของยา แต่ตอนนี้แคว้นต้าโจวไม่มีสำนักยาหลวง ยาพวกเราต้องหาคนมาทดลองก่อน ยังต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงอีกด้วย จากนั้นจึงใช้ชื่อเสียงกระจายข่าวออกไป ขั้นตอนเหล่านี้ทำให้ยุ่งยากเพิ่มขึ้นไม่น้อย”
ลู่เจียวกล่าวจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เลิกคิ้วคิด จากนั้นก็กล่าวว่า “เรื่องพวกนี้ก็ดูเหมือนเป็นเรื่องยุ่งยากจริง พวกเจ้าหาคนมาทดลองยา แต่เพราะไม่มีทางการให้การรับรอง ยาที่ผลิตออกมาก็ย่อมมีคนเอาไปก่อเป็นเรื่องเป็นราวได้ โดยเฉพาะคนที่มีอำนาจพวกนั้น ก็ยิ่งเอาไปกระพือให้เป็นเรื่องได้”
ลู่เจียวไม่พูดอะไรอีก เดิมนางคิดว่าสินค้าที่จะหาเงินได้ดีที่สุดก็คือยา และนางเปิดโรงผลิตยาก็เพื่อประโยชน์ของชาวบ้าน คิดไม่ถึงว่าจะยากลำบากเพียงนี้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดแล้วก็กล่าวว่า “พวกเจ้าผลิตยาออกมาสักสองสามอย่างก่อน จากนั้นก็ส่งให้คนที่ต้องการใช้ได้ทดลองใช้ก่อน หากพวกเขาเชื่อว่ายาพวกเจ้ารักษาพวกเขาได้ ต้องการเท่าไรก็ผลิตเท่านั้น”
วิธีการของเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เป็นวิธีการที่ดี เพียงแต่ทำเช่นนี้ จะให้ชาวบ้านอยากใช้ยาของนาง นับเป็นเรื่องยากอยู่ไม่น้อย?
ดังนั้นสำนักยาหลวงอะไรพวกนี้ก็ควรมีไว้ ลู่เจียวขมวดคิ้วครุ่นคิด
แต่นางนึกขึ้นมาได้ว่าเย็นนี้หลี่เหวินปินจะเลี้ยงอาหารเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็รีบเตือนเซี่ยอวิ๋นจิ่น
“เจ้าระวังหน่อย ข้าสงสัยหลี่เหวินปินจะเป็นดังสุนัขร้อนใจรีบร้อนโดดกำแพง เจ้าอย่าปล่อยให้ตนเองบาดเจ็บ”
“ข้าจะระวังตัว เจียวเจียวอย่าได้เป็นห่วง”
ตกค่ำ เซี่ยอวิ๋นจิ่นอยู่ที่เรือนด้านหน้ากินอาหารเย็นกับหลี่เหวินปิน ลู่เจียวอยู่เรือนด้านหลังกินข้าวกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
แม่ลูกกินกันไปก็คุยกันไป บรรยากาศบนโต๊ะอาหารสนุกสนานอย่างมาก
“ท่านแม่ ท่านอาหลี่มาอยู่บ้านเราทำไม ทำไมไม่กลับบ้าน”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “พรุ่งนี้เขาก็กลับไปแล้ว”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พยักหน้ายิ้มขึ้นมาทันที ท่านอาหลี่กลับไป บิดาก็จะมาเป็นเพื่อนพวกเขาได้แล้ว
เอ้อร์เป่ายิ้มกว้างพลางปากไวถามว่า “ท่านแม่ ทำไมท่านอาหลี่ไม่มีลูกเล่า”
สหายร่วมชั้นเรียนท่านพ่อแต่ละคนล้วนมีลูก และยังมาเล่นเป็นเพื่อนพวกเขา มีแต่ท่านอาหลี่ไม่มีลูก
พอเอ้อร์เป่าถาม ลู่เจียวก็นึกแปลกใจ ใช่ หลี่เหวินปินแต่งงานมาหลายปี ทำไมไม่มีลูก หรือว่าจางปี้เยียนไม่ยอมมีลูกให้เขา
ลู่เจียวคิดแล้วก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้
แต่นางไม่อยากให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รู้เรื่องพวกนี้ ดังนั้นจึงเบี่ยงเบนความสนใจ “รีบกิน กินเสร็จก็ท่องสูตรคูณแม่เก้ารอบหนึ่ง”
“ขอรับ ท่านแม่”
เอ่ยถึงท่องสูตรคูณ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ตื่นเต้นกันอย่างมาก
แม่ลูกกินกันเสร็จ ลู่เจียวก็พาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปไปท่องสูตรคูณ แล้วก็ทำโจทย์สองสามคำถามทดสอบพวกเขา เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตอบได้ไม่เลว ซื่อเป่าคิดเลขได้ไวที่สุด ดังนั้นใบหน้าน้อยๆ จึงเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจรอลู่เจียวเอ่ยชม
ลู่เจียวเอ่ยชมอย่างรู้สึกขำว่า “อืม ซื่อเป่าเรียนได้ดีที่สุด วันหน้าโตขึ้นต้องเก่งกาจอย่างแน่นอน พวกเจ้าอีกสามคนก็เก่งกาจเช่นกัน แม่ภูมิใจในตัวพวกเจ้ามาก พยายามกันต่อไป”
ลู่เจียวชมบุตรชายเสร็จ ก็กล่อมพวกเขาเข้านอน
ณ ห้องโถง เรือนด้านหน้า หลี่เหวินปินดื่มสุรากับเซี่ยอวิ๋นจิ่นจนดึกดื่นก็ไม่ยอมเลิกรา
“อวิ๋นจิ่น ทำไม ทำไม ข้าเป็นซิ่วไฉเหมือนเจ้า เจ้ากลับมีชีวิตที่ดีเช่นนี้ ทำไมข้าจึงได้ย่ำแย่เช่นนี้ เจ้าว่าแท้จริงแล้วเกิดข้อผิดพลาดตรงไหนกัน”
“เจ้ารู้ไหม ท่านพ่อข้าจากไปเร็ว ท่านแม่ข้าลำบากเลี้ยงดูข้าเติบใหญ่ ข้าไม่ได้ทำให้นางมีความสุขได้เลยสักวัน ข้ารู้สึกผิดต่อนางจริงๆ”
“เดิมคิดว่าแต่งเข้าตระกูลจางแล้ว ตระกูลจางจะทุ่มเทให้ความช่วยเหลือข้าสอบเคอจวี่ คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายพวกเขาไม่เห็นข้าในสายตา โดยเฉพาะจางปี้เยียน หญิงน่ารังเกียจนั่น ไม่เพียงแต่ไม่สนใจแม่สามี ยังโบยข้าต่อหน้าทุกคน ข้าจะหย่ากับนาง ใช่ พรุ่งนี้กลับไป ข้าก็จะหย่ากับนาง”