ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 299 เขาต้องเพิ่มความระวังคนผู้นี้
ตอนที่ 299 เขาต้องเพิ่มความระวังคนผู้นี้
ลู่เจียวไม่สนใจเขา ขึ้นรถม้ากับเซี่ยอวิ๋นจิ่น จ้าวหลิงเฟิงกับฉีเหล่ยขึ้นรถม้าอีกคัน รถม้าสองคันมุ่งกลับอำเภอชิงเหอ
เดิมลู่เจียวคิดว่าจ้าวหลิงเฟิงจะส่งจ้าวอวี้หลัวมา น่าจะเป็นเรื่องอีกหลายวัน
ผู้ใดจะรู้ว่าตอนครอบครัวพวกนางกำลังกินข้าวกัน ก็ได้ยินท่านอาเหวินเข้ามารายงาน “คุณชาย ท่านจ้าวหอยาเป่าเหอให้คนส่งบุตรสาวเขามา คนงานนั่นบอกว่าเจ้านายพวกเขาได้บอกเรื่องนี้กับคุณชายและเหนียงจื่อแล้ว”
ในห้องโถง ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นสบตากันไร้วาจาจะกล่าว นี่ทนรอไม่ไหวอย่างนี้เลยหรือ
ลู่เจียวโบกมือกล่าวว่า “ให้นางเข้ามา”
ท่านอาเหวินหันเดินไปเรือนด้านหน้า ในห้องโถง ลู่กุ้ยกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่มองไปยังลู่เจียวและเซี่ยอวิ๋นจิ่น
“ท่านจ้าวมีบุตรสาวแล้ว?”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่งสายตาเย็นเยียบมองไปยังน้องชายภรรยาตนเอง มีลูกมันแปลกมากหรือ
ลู่กุ้ยรู้สึกว่าสายตาพี่เขยไม่ถูกต้องนัก น่าเสียดายสมองเขาช้า ไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไร แต่ก็ยังรู้จักแก้ตัว
“ข้าก็แค่ตกใจ”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่มองลู่เจียว “ท่านแม่ นางคือใคร”
ตอนบ่ายเดิมลู่เจียวเตรียมจะพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปซื้อของ ตอนนี้จ้าวอวี้หลัวมา พวกนางจะออกไปได้อย่างไร เจ้าหมอนี่น่าจะเฝ้ารอเวลานี้อยู่
ลู่เจียวแอบปวดหัว มองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่อธิบายกล่าวว่า “ก็คือบุตรสาวท่านลุงจ้าวเจ้าไง ชื่อว่าจ้าวอวี้หลัว ปีนี้ห้าขวบ นับดูแล้วพวกเจ้าควรเรียกนางว่าพี่”
ลู่เจียวคิดถึงว่าจ้าวอวี้หลัวเป็นตัวร้ายหญิง ไม่รู้ว่าตอนเด็กของตัวร้ายหญิงจะเอาแต่ใจขนาดไหน
ขณะนางกำลังคิดอยู่ ก็มีเงาร่างเล็กผลุบเข้ามารวดเร็วราวสายลม พอเข้ามาก็ตรงไปยังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
“ที่แท้ครอบครัวพวกเจ้ามีคนหน้าตาเหมือนกันสี่คนจริงด้วย”
กล่าวจบก็ยื่นมือไปบีบแก้มเอ้อร์เป่า
เอ้อร์เป่ายกมือปัดมือนางทิ้ง
จ้าวอวี้หลัวพอเห็นตนเองโดนตี ก็จะขยุ้มหัวเอ้อร์เป่าทันที
ทุกคนในห้องโถงต่างมองกันตาค้าง ชั่วเวลาพริบตาก็ตีกันแล้ว
ลู่เจียวมองจ้าวอวี้หลัว แม้ว่าห้าขวบแต่เพราะกินดี ร่างกายก็สูงใหญ่มาก หน้าตาก็งดงามมากด้วย เพียงแต่เด็กผู้หญิงตัวน้อยนี้ทำให้คนยากจะกล่าวจริงๆ
พอเจอคนเขาก็บีบแก้ม ไม่ถูกใจก็ลงมือ
มิน่าโตไปจึงเป็นตัวร้ายหญิงได้
หนึ่งผอผอกับหนึ่งสาวใช้ที่จ้าวอวี้หลัวพามาด้วยพอเห็นสภาพในห้องโถง ก็ปวดหัวมากเข้าไปดึง จ้าวอวี้หลัวออก
“คุณหนูคนดีของข้า อย่าได้ลงมือลงไม้เลย ท่านมาเป็นแขกบ้านคนอื่นเขา ไม่ควรมีเรื่องทะเลาะกันเช่นนี้”
น่าเสียดายจ้าวอวี้หลัวแต่เล็กไม่เคยเสียเปรียบ ก่อนหน้านี้ถูกเอ้อร์เป่าตีโดนไปที นางโมโหแล้ว นางจะเสียเปรียบโดนรังแกได้อย่างไร ดังนั้นต้องตีคืนมา
น่าเสียดายที่นางได้ปะทะก็คือเอ้อร์เป่า เอ้อร์เป่าแต่ไรมาเคลื่อนไหวว่องไว กอปรกับลู่เจียวเคยสอนเขาว่าจะมีเรื่องทะเลาะกับเด็กอายุเท่ากันได้อย่างไร
ดังนั้นเขาไม่กลัวจ้าวอวี้หลัวแม้แต่น้อย จ้าวอวี้หลัวคิดดึงผมเขา ศีรษะเขาก็หลบออกข้าง จากนั้นก็ไถลตัวลื่นลงจากเก้าอี้ ปรี่ไปชนจ้าวอวี้หลัวล้ม เขานั่งทับจ้าวอวี้หลัวเอาไว้ คว้าผมนางแทน
ยามนี้จ้าวอวี้หลัวไม่อาจยอมรับได้ แผดเสียงร้องไห้ดังลั่น ร้องไปก็ตะโกนไป “เจ้าเป็นคนชั่ว เจ้าคนเลว ข้าจะฟ้องท่านพ่อให้ตีเจ้า ตีให้ตาย”
ในห้องโถง สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นย่ำแย่อย่างมาก ตวาดว่า “หุบปาก ร้องอีกจะจับโยนออกไป”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเกลียดผู้หญิงที่ไร้เหตุผลเอะอะโวยวายเช่นนี้ที่สุด แม้เป็นเด็กผู้หญิงเขาก็ไม่ชอบ
น่าเสียดายจ้าวอวี้หลัวเหมือนไม่ได้ยินเสียงตวาดเขา
ลู่เจียวมองไปยังเอ้อร์เป่า เรียกให้เขาลุกขึ้น “เอ้อร์เป่า เจ้าลุกขึ้นก่อน”
เอ้อร์เป่าถลึงตาใส่จ้าวอวี้หลัวก่อนจะลุกขึ้นหลีกทางให้
จ้าวอวี้หลัวนอนแผดเสียงร้องไห้กับพื้น ยังถีบเท้าไปมาไม่หยุด ท่าทางร้องไห้เหมือนไม่ยอมแพ้
พร้อมกับหันไปมองผอผอกับสาวใช้ที่ตนพามา กล่าวว่า “เจ้าช่วยข้าตีเขา ตีเขา ตีเขาให้ตาย”
ผอผอกับสาวใช้ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี มองลู่เจียวพลางกล่าวอย่างเกรงใจว่า “ขออภัยด้วย คุณหนูเราไม่รู้ความ ลู่เหนียงจื่ออย่าได้ตำหนิ”
ลู่เจียวส่ายหน้า มองจ้าวอวี้หลัวที่แผดเสียงร้องไห้ดังอยู่ที่พื้น กล่าวว่า “ลุกขึ้น”
จ้าวอวี้หลัวได้ยินลู่เจียว ก็หันไปมองร้องไห้ไปสะอื้นไป กล่าวว่า “เจ้าตีเขา ตีเขา ข้าก็จะลุกขึ้น”
ลู่เจียวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เห็นๆ ว่าเจ้าไม่ถูก ถือสิทธิ์อะไรให้ข้าตีบุตรชายข้า”
พอจ้าวอวี้หลัวได้ฟังก็ยิ่งร้องไห้ดังขึ้น ตะโกนดังลั่นว่า “เจ้าไม่ตีเขา ข้าก็ไม่ลุกขึ้น”
ลู่เจียวกล่าวทันทีว่า “ไม่ลุกก็นอนร้องไห้ไปเลย โลกนี้นอกจากท่านพ่อเจ้า ไม่มีใครปวดใจไปกับเจ้าหรอก”
นางกล่าวจบมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวว่า “กินข้าวกัน ไม่ต้องสนใจนาง”
ผอผอกับสาวใช้ตระกูลจ้าวเห็นคุณหนูตนเองนอนร้องไห้อยู่ที่พื้นก็เข้าไปปลอบใจนาง
แต่พอคิดถึงคำสั่งคุณชาย ทั้งสองคนก็ไม่กล้าเข้าไป คุณชายบอกว่า มาตระกูลเซี่ยแล้วให้พวกนางฟังลู่เหนียงจื่อ ตอนนี้ลู่เหนียงจื่อไม่ได้สั่ง พวกนางก็ไม่กล้าเข้าไปปลอบคุณหนูตน
ปรากฏว่าแม้จ้าวอวี้หลัวนอนร้องไห้อยู่เป็นนานก็ไม่มีคนสนใจนาง
นางมองทุกคนในห้องโถงอย่างไม่อยากจะเชื่อ และยังมองไปยังผอผอและสาวใช้ ทำไมไม่มีคนปลอบใจนาง ทำไมไม่มีคนเข้ามาตีเจ้าคนไม่ดีคนนั้น ทำไมทุกคนไม่สนใจนาง
ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นและเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กินข้าวเสร็จ เฝิงจือกับยายเฒ่าชิวก็เก็บชามออกไป ลู่กุ้ยก็ไปเรือนด้านหน้า
ในห้องแม้ว่าคนมาก แต่ก็เงียบมาก
สุดท้ายจ้าวอวี้หลัวก็ไม่นอนแล้ว ลุกขึ้นนั่ง จ้องมองทุกคนในห้องโถงอย่างโมโหมาก กล่าวว่า “พวกเจ้าล้วนเป็นคนเลว ข้าไม่ชอบพวกเจ้า”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ฟังคำพูดนางว่าไม่ชอบ ก็ส่งเสียงพร้อมกัน “พวกเราเองก็ไม่ชอบเจ้า”
ผีน่ารังเกียจ
จ้าวอวี้หลัวพอได้ฟังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ก็โมโหจ้องมองพวกเขาเขม็ง จากนั้นก็ลุกวิ่งออกไปด้านนอก “ข้าจะกลับบ้าน ไม่เล่นกับพวกเจ้าแล้ว”
ผอผอรีบเข้ามาอุ้มนางไว้ปลอบโยนว่า “คุณหนู คุณชายบอกแล้วว่าให้คุณหนูเล่นถึงตอนเย็นค่อยกลับ”
“ข้าไม่ชอบพวกเขา ข้าจะกลับตอนนี้”
จ้าวอวี้หลัวส่งเสียงดัง
ในห้องโถง เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็รังเกียจเด็กผู้หญิงเอาแต่ใจอย่างมาก สีหน้าดุดันทันทีกล่าวว่า “ส่งนางกลับไป วันหน้าไม่ต้องให้นางมาอีกแล้ว”
ลู่เจียวเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นโมโห ก็กล่าวว่า “เจ้าอย่าโมโหเด็กเลย แต่เล็กนางไม่มีมารดาอบรม จึงได้บ่มเพาะจนมีนิสัยเช่นนี้”
ความจริงลู่เจียวเองก็ไม่ชอบเด็กเอาแต่ใจอย่างจ้าวอวี้หลัว แต่คิดถึงว่าสภาพจุดจบน่าสงสารของนางก็รู้สึกเห็นใจขึ้นมาหน่อยหนึ่ง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยว่า “เจ้าว่านางไม่มีมารดาหรือ”
ลู่เจียวไม่ได้คิดมากอะไร พยักหน้ากล่าวว่า “อืม ได้ยินท่านจ้าวว่าตอนมารดานางคลอดนาง คลอดยากสิ้นลมจากไป ดังนั้นแต่เล็กมานางจึงไม่มีมารดา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสะอึกในใจหล่นวูบ ก่อนหน้านี้เขาได้ยินจ้าวหลิงเฟิงมีบุตรสาว ยังคิดว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว ตนเองคิดมากไปแล้ว
ตอนนี้ดูท่าแล้วคนผู้นี้เห็นชัดว่ามีใจคิดไม่ซื่อ เขารับรองได้ว่า หากลู่เจียวหย่ากับเขา จ้าวหลิงเฟิงย่อมต้องคิดหาหนทางให้ลู่เจียวเป็นภรรยาเอกเขาแน่
ตอนนี้ดูท่าแล้ว ความรู้สึกก่อนหน้านี้ของเขาแม่นยำมาก วันหน้าเขาต้องยิ่งเพิ่มความระวังคนผู้นี้