ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 1063 ความกล้า
ตอนที่ 1063 ความกล้า
การที่ซูอิ๋งโหรวมักมาพักตระกูลฟู่ ความจริงจุดหมายประการแรกก็เพื่อรักษาสายสัมพันธ์กับตระกูลฟู่ ประการที่สอง นางคิดแต่งเข้าตระกูลฟู่ นี่เป็นบ้านน้าชายนาง น้าสะใภ้ก็เมตตาอย่างมาก หากนางได้แต่งเข้าบ้านท่านน้า ย่อมมีชีวิตที่ดี
เดิมซูอิ๋งโหรวหมายปองพี่ชายรองตระกูลฟู่ แต่พอนางได้เห็นพี่ชายใหญ่ตระกูลฟู่ ซูอิ๋งโหรวก็หลงใหลทันที พี่ชายใหญ่หน้าตาดีมากจริงๆ และซูอิ๋งโหรวรู้ว่าพี่ชายใหญ่ตนมีความสามารถ อายุน้อยๆ ก็สอบซิ่วไฉได้ ตอนนั้นเพราะเขาปัญญาเสื่อม จึงไม่ได้สอบต่อ หากปัญญาหายเสื่อม พี่ชายใหญ่ย่อมต้องมีชื่อติดประกาศรายนามจิ้นซื่อ เช่นนั้นนางก็จะยิ่งก้าวขึ้นไปอีกขั้น
เพราะเรื่องนี้ แววตาซูอิ๋งโหรวที่มองฟู่หลินก็อ่อนโยนยิ่งกว่าเมื่อก่อน
น่าเสียดายฟู่หลินมองนางด้วยแววตาเย็นชา ไม่ได้รู้สึกอยากทะนุถนอมหยกงามแม้สักนิด เขามองซูอิ๋งโหรวแล้วก็รู้สึกเพียงแค่นางช่างเสแสร้งและเปิดเปลือยความคิดไว้บนใบหน้าหมดสิ้น
ภพก่อนเขาได้พบสตรีมามากมาย เพราะพวกนางไร้ความสามารถ จึงมักฝากความหวังที่ผู้อื่น แต่โลกนี้ไม่มีคนปัญญาอ่อนที่จะยอมรับได้
ฟู่หลินเอ่ยเย็นชาว่า “คุณหนูซูเกรงใจไปแล้ว ข้าสุขภาพไม่ดี อย่าได้แพร่กลิ่นอายผู้ป่วยไปให้เจ้าจะดีกว่า”
ฟู่หลินกล่าวจบมองไปยังฟู่เซวียน ฟู่เซวียนรีบเอ่ยขึ้นว่า“น้องเจินเอ๋อร์ พี่ใหญ่สุขภาพไม่ดี พวกเราออกไปกันก่อนเถอะ”
ซูอิ๋งโหรวท่าทางไม่พอใจ แต่นางมองออกว่าพี่ชายใหญ่ไม่ใช่คนที่จะมีเรื่องกันได้ง่ายๆ ได้แต่ถอยออกไปก่อน
พอนางออกไป ในใจก็มีแต่ฟู่หลิน เอาแต่ถามเรื่องฟู่หลินจากฟู่เซวียนไม่หยุด เช่นว่าพี่ใหญ่ชอบอันใด ชอบกินอันใด พี่ใหญ่เชิญหมอที่ใดมารักษา พี่ใหญ่นี่นั่นโน่น
ยามนี้แม้แต่ฟู่เซวียนก็ฟังความในใจของซูอิ๋งโหรวออก เขามองซูอิ๋งโหรวพลางกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เจ้าอย่าได้คิดเหลวไหล พี่ใหญ่ไม่ใช่คนที่เจ้าหมายปองได้”
ซูอิ๋งโหรวนิ่งอึ้ง เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนโยนไม่มีทางแสดงความคิดภายในใจตนเองออกมาง่ายๆ เช่นนี้ ครั้งนี้เพราะร้อนใจเกินไป เหตุเพราะนางอายุมากแล้ว ก่อนหน้านี้มารดาเลี้ยงนาง ยังคิดให้นางแต่งกับชายแก่อายุสามสิบกว่า ไปแทนภรรยาเอกที่จากไปของเขา หากนางยังไม่รีบคิดหาหนทางให้ตนเองได้แต่งงานอีก ก็ต้องแต่งกับชายวัยสามสิบกว่าแล้ว
ซูอิ๋งโหรวยิ่งคิดก็ยิ่งอัดอั้นตันใจ ทำสีหน้าน่าสงสารมองฟู่เซวียนกล่าวว่า “พี่รอง เหตุใดพี่กล่าวเช่นนี้ ข้า ข้า… ข้า…”
ฟู่เซวียนเองก็เห็นใจซูอิ๋งโหรว ท่านป้าเขาจากไปเร็ว แต่เล็กเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูของมารดาเลี้ยง หญิงสาวย่อมต้องหาหนทางเอาใจท่านแม่เขาอยู่ตลอด เขารู้ความคิดนาง แต่ตอนนี้นางหันไปมองพี่ใหญ่ อย่างไรก็คงเป็นไปไม่ได้ เขากำลังช่วยนาง มิใช่ทำร้ายนาง
ฟู่เซวียนครุ่นคิดมองไปยังซูอิ๋งโหรวกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าหวังดีต่อเจ้า เจ้ารู้ไหมว่าพี่ใหญ่ชอบผู้ใดรัชทายาทแคว้นต้าโจวเชียวนะ”
ซูอิ๋งโหรวตกใจนิ่งอึ้ง รัชทายาทระดับนั้นไม่ใช่คนที่นางจะต่อกรด้วยได้
“พี่ใหญ่ก็ช่างเพ้อพกไปสักหน่อยไหม ถึงกับชอบรัชทายาท”
ฟู่เซวียนยิ้มกระหยิ่มได้ใจ “รัชทายาทเองก็ชอบพี่ใหญ่ข้า ดังนั้นข้าขอเตือนเจ้า อย่าได้คิดเหลวไหล หากให้รัชทายาทรู้ความคิดเจ้า เจ้าคงโชคร้ายเป็นแน่”
ซูอิ๋งโหรวตกใจจริงๆ “รัชทายาทชอบพี่ใหญ่หรือ”
นางตกใจจนหลั่งเหงื่อเย็นท่วมใบหน้า ใบหน้าน้อยๆ ซีดเผือด นางมีความกล้าเพียงใดก็ไม่กล้าแย่งชิงกับรัชทายาท
“ข้า ข้า ก่อนหน้านี้ไม่ได้แสดงท่าทีเกินไปกระมัง รัชทายาทคงไม่มาเอาเรื่องข้ากระมัง”
ฟู่เซวียนปลอบใจนาง “วางใจ รัชทายาทเป็นคนดีมาก นางจะไม่จัดการเจ้าเพราะเจ้ามีความคิดเล็กน้อยแค่นี้หรอก”
จวิ้นจู่จวนอ๋องผิงหลิงก่อนหน้านี้ รัชทายาทก็มิได้โมโห ขอเพียงน้องสาวไม่ทำเรื่องรนหาที่ตายก็พอ
ปรากฏซูอิ๋งโหรวถูกฟู่เซวียนขู่จนไม่กล้าคิดอันใด
ฮ่องเต้ลงมือถึงสองคราก็คว้าน้ำเหลวไปเช่นนี้
เซียวเหวินอวี๋ไม่พอใจ กำลังโมโหอยู่ในวัง ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเห็นแล้วก็นึกขำ
“คนเขาไม่ติดเบ็ด ฝ่าบาททรงกริ้ว หากเขาติดเบ็ด คาดว่าฝ่าบาทน่าจะทรงกริ้วยิ่งกว่า อุบายที่ทรงใช้พวกนี้เดาว่าเขาเดาออก ทรงคิดว่าเขาจะหลงกลหรือเพคะ”
“ตอนนี้เขาพักรักษาตัวอยู่ในจวนตระกูลฟู่ ไม่ออกจากจวน ข้าจะทดสอบเขาได้อย่างไร ได้แต่ใช้วิธีการเหล่านี้ทดสอบเขา”
เซียวเหวินอวี๋โมโหเดินไปมาในตำหนัก การที่เขาใช้อุบายไม่แยบยลถึงสองครั้ง ก็เพื่อคิดดูว่าคุณชายใหญ่ตระกูลฟู่ผู้นี้ฉลาดหรือไม่ ตอนนี้ดูท่าฉลาดจริง
คนผู้นี้ยิ่งฉลาด เซียวเหวินอวี๋ก็ยิ่งเป็นห่วง กลัวส่งผลต่อสถานะเซียวหวง หรืออาจเป็นจุดอ่อนของเซียวหวง
“พรุ่งนี้ เราตัดสินใจว่าจะไปงานเลือกคู่หวงเอ๋อร์ด้วยตนเอง ให้บุตรหลานตระกูลเก่าแก่แต่ละตระกูลในเมืองหลวงมาร่วมการคัดเลือก”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมองเซียวเหวินอวี๋ ค่อยๆ ยิ้มเอ่ยว่า “ครั้งนี้ฝ่าบาททรงคิดการใหญ่หรือเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋พยักหน้าด้วยแววตาเย็นเยียบ เขาอยากเห็นคุณชายใหญ่ตระกูลฟู่ผู้นี้ด้วยตาตนเอง
ทันทีที่ราชโองการงานเลี้ยงรัชทายาทเลือกคู่ประกาศออกไป คุณชายใหญ่ตระกูลฟู่ผู้นี้ย่อมต้องรู้ เขาอยากดูว่าเขาจะกล้าเข้าวังมาพบเขาหรือไม่
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไม่คิดห้าม เพราะนางเองก็อยากเห็นคุณชายใหญ่ตระกูลฟู่ผู้นี้ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เขาจะกล้าเข้าวังมาพบพวกเขาหรือไม่
ฮองเฮารีบมีราชโองการลงไปให้จัดงานเลี้ยงเพื่อคัดเลือกคู่ครองให้รัชทายาทในวันพรุ่งนี้ ครอบครัวขุนนางระดับสามขึ้นไปให้พาภรรยาและบุตรมาร่วมงานเลี้ยงได้
ในเมืองหลวงฮือฮากันขึ้นมาทันที คนไม่น้อยรู้ว่ารัชทายาทถูกตาต้องใจคุณชายตระกูลฟู่ผู้นั้น ตอนนี้ฮองเฮามีราชโองการลงมา หรือว่าฝ่าบาทไม่พอพระทัยที่สถานะตระกูลฟู่ต่ำต้อย ดังนั้นจึงคิดให้รัชทายาทเลือกคู่ครองใหม่
ในบรรดาคนเหล่านี้ มีทั้งคุณชายที่ดีใจและเป็นกังวล เกรงว่าจะถูกพระทัยฝ่าบาท แต่ก็ทำใจไม่ได้หากไม่ถูกเลือก
ไม่ว่าอย่างไรคุณชายตระกูลเก่าแก่แต่ละตระกูลต่างก็เตรียมตัวเข้าวัง ไม่ว่ายินยอมหรือไม่ ก็ต้องเข้าร่วมการคัดเลือกในวัง
เซียวหวงรู้เรื่องนี้แล้วก็มิได้ร้อนใจอันใด
แต่คนตระกูลฟู่พอรู้ข่าวก็กังวลกันอย่างมาก โดยเฉพาะฟู่เซวียนกับฟู่ซือ รีบไปหาฟู่หลิน กล่าวว่า
“พี่ใหญ่ ดูท่าฝ่าบาทไม่ทรงอยากให้รัชทายาทแต่งกับพี่ใหญ่ ดังนั้นจึงได้มีราชโองการเลือกคู่ครองให้รัชทายาท ยามนี้พี่ใหญ่จะทำอย่างไรต่อ”
ฟู่หลินไม่ร้อนใจ เขารู้เรื่องนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว ฮ่องเต้และฮองเฮารักหวงเอ๋อร์มาก ในเมื่อรักหวงเอ๋อร์ก็ย่อมไม่ยอมตามใจหวงเอ๋อร์ง่ายๆ ดังนั้นหากไม่เหนือความคาดหมาย นี่คือบททดสอบของฝ่าบาทกับฮองเฮาที่มีต่อเขา ดูว่าเขามีความกล้าพอจะเข้าวังในวันพรุ่งนี้หรือไม่
พวกเขาน่าจะคิดอยากเห็นเขาด้วยตาตนเอง ทดสอบและตรวจสอบว่าเขาคู่ควรเป็นพระสวามีฮ่องเต้หญิงหรือไม่
ตกค่ำ ฟู่หลินก็ได้รับสารลับจากคนที่เซียวหวงส่งออกจากวังหลวงมา เซียวหวงบอกเขาว่า นี่เป็นบททดสอบของเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ ดังนั้นพรุ่งนี้ขอเพียงเขานำตราประทับนางไปร่วมงานเลี้ยงก็พอ
ไม่ต้องกลัว ทุกเรื่องมีนางอยู่ด้วย
ฟู่หลินอ่านสารลับจบ ในใจก็หวานล้ำไม่อาจบรรยาย ขอเพียงมีอาหวงอยู่ด้วย เขาไม่มีอันใดต้องกลัว พวกเขาสองคนจะต้องอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต
วันรุ่งขึ้น ใต้เท้าฟู่กับฮูหยินฟู่รู้ว่าฟู่หลินจะเข้าวังไปร่วมงานเลี้ยงคัดเลือกคู่ครองให้รัชทายาทก็เป็นห่วงมาก
เรื่องนี้หากทำพลาดไป ก็อาจล่วงเกินฝ่าบาท ส่งผลกระทบต่อคนตระกูลฟู่ทั้งตระกูล ตระกูลฟู่พวกเขาอาจมีความผิดไปด้วย ใต้เท้าฟู่มองบุตรชายคนโตตาปริบๆ เอ่ยว่า “หลินเอ๋อร์ ไม่ไปได้หรือไม่”
*********************************