ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 364 พระกระโดดกำแพงชโลมด้วยเลือดมังกร
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 364 พระกระโดดกำแพงชโลมด้วยเลือดมังกร
ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพถือเป็นผู้ฝึกตนระดับสูงสุดในดินแดนทางใต้ พวกเขาเหนือชั้นกว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในดินแดนแห่งนี้ สถานะที่สูงส่งของคนเหล่านี้ไม่ต่างอะไรจากเทพเจ้าเลยทีเดียว
การที่ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพถูกจับแก้ผ้าโยนออกนอกเมืองเช่นนี้ ทำให้ความยิ่งใหญ่ของพวกเขามลายหายไปต่อหน้าต่อตาเลยทีเดียว
แน่นอนว่าความยำเกรงหวาดกลัวที่ผู้คนมีต่อพวกเขาก็เหือดหายไปด้วยเช่นกัน
พรืด…
บรรดาผู้สังเกตการณ์ต่างอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปชั่วครู่ ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของพวกเขาไม่ได้ดังมากเนื่องจากพยายามกลั้นเอาไว้อยู่
แต่ทุกคนต่างกำลังหัวเราะให้กับภาพที่เห็นอย่างแน่นอน
ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพทั้งสองคนจากวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏลุกขึ้นยืนอย่างเก้ๆ กังๆ แล้วรีบเอามือปิดท่อนล่างของตนเองทันที ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำด้วยความอับอาย ทั้งสองเงยหน้ามองเจ้าขาวที่ลอยอยู่กลางอากาศ ทำหน้าเหมือนอยากจะก่นด่ามันเสียๆ หายๆ
แต่ก่อนที่จะทันได้เปิดปาก เจ้าขาวก็สยายปีกออกมาทำเอาม่านตาของคนทั้งคู่หดแคบ
ฉิบหายอะไรนี่! เหตุใดจึงยังไม่เลิกรังแกพวกข้าอีก
ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพทั้งสองตัวสั่นขนลุกไปทั้งร่าง พวกเขาพากันหันหลังกลับแล้วหนีออกไปจากที่แห่งนั้นด้วยความเร็วเต็มพิกัด ทิ้งไว้เพียงฝุ่นตลบและภาพติดตาของก้นสองคู่
เจ้าขาวหุบปีกแล้วลงจอดบนพื้น แสงสีเทาในดวงตาหายไปแล้ว กลายเป็นแสงสามสีที่กะพริบสลับกันไปมาแทน
ปู้ฟางเอามือลูบซากมังกรเพลิง แม้มันจะหมดลมหายใจไปแล้ว แต่ซากก็ยังแข็งเหมือนตอนที่มีชีวิตอยู่ ถึงอย่างไรมันก็เป็นซากของอสูรเวทขั้นเซียนเทพ คุณภาพจึงยอดเยี่ยมมิใช่น้อย
มีดทำครัวกระดูกมังกรทองปรากฏขึ้นในมือชายหนุ่ม ก่อนที่เจ้าของมีดจะใส่พลังปราณเที่ยงแท้ลงไปเพื่อทำให้มีดส่องแสงสีทองเจิดจรัส ปู้ฟางจับมีดในมือเอาไว้แล้วยกขึ้นเหนือคอของมังกรเพลิง ดวงตาหรี่ลง ตั้งสมาธิแน่วแน่
ฉับ!
มีดทำครัวกระดูกมังกรทองหั่นคอของมังกรเพลิงพร้อมเสียงดังหนักแน่น ปู้ฟางบิดมีดพลางผ่อนลมหายใจออกมาเล็กน้อย เขากระชับด้ามมีดแน่นขึ้น และจู่ๆ ก็ออกวิ่งไปรอบๆ ซากของมังกร
หลังจากที่วิ่งไปสักพัก ชายหนุ่มก็เอาเท้ากระแทกพื้นจนพื้นด้านล่างกลายเป็นเศษหิน แล้วกระโจนขึ้นไปสูงในอากาศ เขาส่งเสียงร้องออกมา จากนั้นก็ควงมีดแล้วหั่นลงไปที่กระดูกสันหลังของมังกรเพลิง วัตถุดิบที่ดีที่สุดในการทำซี่โครงเปรี้ยวหวานคือเนื้อติดซี่โครง ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงแล่กระดูกสันหลังรวมถึงเนื้อที่ติดมาด้วย
เขาดึงกระดูกสันหลังมังกรออกมาแล้วเก็บซากที่เหลือของมังกรเข้ากระเป๋า จากนั้นก็หิ้วสันหลังมังกรเดินเข้าร้านไป
พอถึงหน้าร้านเขาก็รีบเดินเข้าครัวแล้ววางวัตถุดิบลง ชายหนุ่มล้างมือด้วยน้ำสะอาด ก่อนจะออกไปยังส่วนร้านอาหาร
ผู้ก่อความไม่สงบถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้ว
ในที่สุดเขาก็มีเวลาว่างมาทำพระกระโดดกำแพงเพื่อช่วยชีวิตเซียวเหมิงเสียที มาดูกันดีกว่าว่ามันจะกำจัดพิษออกจากร่างกายแม่ทัพใหญ่ได้จริงๆ หรือเปล่า
ใบหน้าของเซียวเหมิงซีดเป็นสีเทาอาบไล้ไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย พิษร้ายกระจายเข้าสู่ทุกส่วนในร่างกายของชายวัยกลางคนเรียบร้อยแล้ว เส้นปราณของเขาถูกพิษกัดกร่อนจนกลายเป็นสีเทาซีด ดูน่าเกลียดน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
เซียวเยียนอวี่และเซียวเสี่ยวหลงมองปู้ฟางด้วยสายตาคาดหวัง ทั้งคู่หวังว่าชายหนุ่มจะสามารถทำอาหารโอสถทิพย์ออกมาไวๆ เพื่อช่วยชีวิตบิดาของพวกเขา
“อย่างแรกพวกเจ้าต้องให้เขาลุกขึ้นนั่งก่อน” ปู้ฟางสั่งด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
บรรยากาศภายในร้านของปู้ฟางเต็มไปด้วยพลังปราณเข้มข้นสดชื่นจากต้นตื่นรู้ทางห้าสาย ที่ส่งผลให้เซียวเหมิงดูมีสภาพดีขึ้นเล็กน้อย
ปู้ฟางมองพวกเขาเงียบๆ ชายหนุ่มเอามือไพล่หลังพลางเดินวนไปวนมาเป็นวงกลม จากนั้นเขาก็หยุดแล้วมองเซียวเหมิงอีกครั้ง ก่อนจะกลับเข้าครัวไป
เซียวเสี่ยวหลงอยากเข้าครัวไปช่วย แต่ปู้ฟางกลับหยุดเขาไว้ที่หน้าประตูครัว
หนี่หยันและเยี่ยจึหลิงเดินทางมาถึงร้านในที่สุด เถ้าแก่ปู้จะทำอาหารจานใหม่เช่นนั้นหรือ
ทั้งสองตื่นเต้นเป็นอันมาก
ปู้ฟางเดินเข้าครัวมาแต่ยังไม่ได้เริ่มทำอาหารทันที เขาอยากทำพระกระโดดกำแพง แต่คราวนี้อาหารจานที่อยากทำไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เนื่องจากต้องใช้วัตถุดิบหลายอย่าง วัตถุดิบมากมายหลายชนิดนั้นแปลว่าจะต้องหลอมรวมกระแสพลังปราณจำนวนมากเข้าด้วยกัน และการทำให้พวกมันผสานกันเป็นหนึ่งเดียวก็เป็นเรื่องที่ยากขึ้นไปอีกขั้น
แต่เคราะห์ดีที่ชายหนุ่มมีกระทะกลุ่มดาวเต่าดำซึ่งมีพลังพิเศษที่สามารถช่วยให้เขาควบคุมพลังปราณในอาหารได้อย่างไม่มีที่ติ ชายหนุ่มจึงคิดว่าเขาไม่น่าจะปรุงอาหารจานนี้พลาด
สิ่งแรกที่เขาต้องใช้ในการทำพระกระโดดกำแพงคือภาชนะซึ่งระบบเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มหยิบโถกระเบื้องขนาดเท่าเหยือกสุราขนาดใหญ่ออกมาจากตู้เก็บของ
รูปปั้นของพระพุทธองค์ผู้แสนอิ่มบุญพร้อมด้วยรัศมีทรงกลดประดับอยู่บนฝาโถ รูปปั้นนี้ดูสมจริงมากจนเหมือนจะลอยออกมาจากฝาโถเลยทีเดียว ปู้ฟางมีสีหน้าเหมือนต้องมนต์ไปชั่วครู่ ความสมจริงของภาพตรงหน้าทำให้เขาตกใจ สมแล้ว…โถนี้ไม่ธรรมดาเหมือนที่คิดไว้จริงๆ
แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจมันอีก เขาเอาโถมาล้างแล้ววางพักไว้ข้างๆ จากนั้นก็หันไปเตรียมวัตถุดิบอื่นๆ
วัตถุดิบที่เขาต้องใช้ทำพระกระโดดกำแพงในครั้งนี้ต่างออกไป อาหารจานนี้ใช้วัตถุดิบหลัก 18 ชนิดและวัตถุดิบรอง 12 ชนิดมาผสมผสานกัน และวัตถุดิบหลักทั้งหมดก็มาจากอสูรเวทต่างชนิดกันเสียด้วย
มีทั้งไก่โลหิตปักษาเพลิง เป็ดหัวชาด กรงเล็บมังกรขั้นเซียนเทพ เนื้อขาคางคกขั้นเซียนเทพ หอยเป๋าฮื้อปราณทมิฬ… และอื่นๆ อีกมากมาย
ทั้งหมดล้วนเป็นวัตถุดิบล้ำค่าหายาก โดยเฉพาะเนื้ออสูรเวทขั้นเซียนเทพอย่างกรงเล็บมังกรขั้นเซียนเทพและเนื้อขาคางคกขั้นเซียนเทพ เพียงเท่านี้ก็มากพอที่จะทำให้ใครต่อใครตกใจแล้ว
หากชาวบ้านชาวช่องรู้รายการวัตถุดิบที่ปู้ฟางใช้ พวกเขาย่อมต้องแตกตื่นอย่างแน่นอน เนื่องจากการนำเนื้ออสูรเวทขั้นเซียนเทพมาใช้ทำอาหารนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
กลุ่มควันสีเขียวลอยวนรอบข้อมือของชายหนุ่ม จากนั้นมีดทำครัวกระดูกมังกรทองก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา ปู้ฟางควงมีดก่อนจะหยิบเนื้อส่วนขาของคางคกขั้นเซียนเทพออกมา เนื้อนั้นเป็นสีใสเหมือนวุ้นและมีพลังปราณหนาแน่นไหลเวียนอยู่ภายใน
เขาตบมีดทำครัวกระดูกมังกรทองลงบนเนื้อ แล้วใช้ปลายมีดกรีดเนื้อให้เป็นเส้นสองสามเส้นก่อนจะใส่เนื้อเข้าไปในโถกระเบื้อง
จากนั้นชายหนุ่มก็เริ่มเตรียมกรงเล็บมังกรเป็นลำดับต่อไป กรงเล็บมังกรเพลิงมีขนาดใหญ่มหึมา ปู้ฟางจึงไม่ได้หยิบออกมาทั้งหมด แต่ตัดออกมาแค่นิ้วสองนิ้วเท่านั้น เขาถอนเล็บมังกรทิ้ง จากนั้นก็เอากรงเล็บที่ไร้เล็บไปล้างด้วยน้ำสะอาดจากทะเลสาบเทือกเขาปราณสวรรค์ แล้วใส่ลงไปในโถเช่นกัน
ชายหนุ่มเตรียมไก่โลหิตปักษาเพลิงและเป็ดหัวชาดต่อ แม้ขั้นปราณของทั้งสองจะไม่ได้สูงส่งเหมือนเนื้ออสูรเวทขั้นเซียนเทพก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังถือเป็นอสูรเวทที่หาได้ยากยิ่งเช่นกัน
พอชายหนุ่มใส่วัตถุดิบหลักทั้งหมดลงไปในโถเรียบร้อย พื้นที่ภายในโถก็เกือบจะเต็มหมดแล้ว
จากนั้นเขาก็เตรียมวัตถุดิบรองที่ต้องใส่ลงไปในโถต่อ
ปู้ฟางเก็บเกี่ยววัตถุดิบรองเหล่านี้มาจากดินแดนแสนภูผา มีไข่ของอสูรเวทปักษาอยู่หลายฟองด้วยกัน แต่วัตถุดิบที่ล้ำค่าและสำคัญที่สุดคือเนื้อปลาอสูรมังกรพินาศที่เขาสังหารได้ในเมืองนครใต้ เขาเอาของทั้งหมดใส่ลงไปในโถด้วย
สุดท้ายแล้วโถก็อัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบมากมายจนเต็ม
เมื่อเอาวัตถุดิบมากมายมาผสมเข้าด้วยกัน พลังปราณหนาแน่นจึงกระจายออกมาจากโถจนเกือบทำให้โถระเบิด โดยที่เขายังไม่ทันได้เริ่มประกอบอาหารด้วยซ้ำ
ปู้ฟางจัดระเบียบวัตถุดิบในโถจากนั้นก็หยิบสุราหัวใจหยกเยือกแข็งออกมาหนึ่งเหยือก
ชายหนุ่มเทสุราครึ่งเหยือกลงในโถ พลังปราณที่กระจายออกมาหนาแน่นขึ้นกว่าเดิม จากนั้นเขาก็เทน้ำจากเทือกเขาปราณสวรรค์ลงไปเป็นอันเสร็จขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ
ปู้ฟางหยิบใบของต้นผลเมฆาม่วงออกมาพันรอบโถ สุดท้ายก็เอาฝาโถที่มีรูปปั้นของพระพุทธองค์ปิดลงไปเป็นอันเสร็จสมบูรณ์
ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจออกมาเล็กน้อยแล้วยกโถที่หนักอึ้งขึ้น
เขาเรียกกระทะกลุ่มดาวเต่าดำออกมาแล้วบังคับให้มันลอยอยู่กลางอากาศ กระทะขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่พอถึงจุดหนึ่งก็หยุดขยายตัว
ปู้ฟางเทโลหิตมังกรจากกระเป๋าคลังเก็บลงไปในกระทะ ทันใดนั้นเลือดมังกรร้อนระอุก็เริ่มติดไฟ
เขานำโถพระกระโดดกำแพงวางลงไปในกระทะกลุ่มดาวเต่าดำเหนือโลหิตมังกร เลือดเพิ่มระดับสูงขึ้นจนทำให้โถในกระทะเปียก
พอเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยชายหนุ่มก็ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา
ต่อไปคือขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการทำพระกระโดดกำแพง
ใบหน้าของปู้ฟางแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย เขาอ้าปากพลางพ่นเปลวเพลิงสีทองออกมา
เปลวเพลิงพุ่งไปใต้กระทะแล้วเริ่มเผาไหม้ทุกอณูของกระทะ ก่อนที่จะเปลี่ยนไปลุกไหม้อยู่ตรงจุดกึ่งกลางกระทะ
ปู้ฟางผสานจิตเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับกระทะกลุ่มดาวเต่าดำ และเริ่มสัมผัสได้ถึงกระแสการเปลี่ยนแปลงของพลังปราณในวัตถุดิบที่ใช้ทำพระกระโดดกำแพง
…
นอกนครหลวง กองทัพของจีเฉิงอวี่ค่อยๆ เดินหน้าเข้าใกล้จุดหมายขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทหารยามบนกำแพงเห็นกองทัพที่กำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขาแต่ไกล ก็รีบส่งรายงานไปยังจีเฉิงเสวี่ยทันที
เมื่อได้รับรายงาน ใบหน้าของจีเฉิงเสวี่ยก็พลันเคร่งขรึมไป เขารีบขึ้นไปยังยอดสุดของกำแพงเมือง เมื่อเห็นภาพกองทัพขนาดมหึมาตรงหน้า หัวใจก็พลันหนักอึ้งไปหมด
บนท้องฟ้ามีชายผู้หนึ่งกำลังเดินเอามือไพล่หลังอยู่กลางอากาศ ร่างกายของคนผู้นี้ส่งเสียงระเบิดกึกก้องราวสายฟ้าฟาดออกมาเป็นพักๆ ราวกับจะก่อพายุร้ายได้ทุกเมื่อ
ชายผู้นั้นดูป่าเถื่อน ยโส บ้าคลั่ง และน่ากลัวเป็นอันมาก
กระบี่อสุราสีแดงเลือดที่ทั้งรวดเร็วและคมกริบหมุนวนอยู่รอบกายเขา
นัยน์ตาของต้วนหลิงกะพริบแสงวาบเหมือนสายฟ้า เขามองไปยังนครหลวง สัมผัสได้ถึงพลังของเปลวเพลิงหมื่นไฟประลัยกัลป์ที่อยู่ภายในเมืองแห่งนี้ กระแสพลังที่จับได้นั้นชัดเจนเหมือนดาวเหนือซึ่งส่องสว่างในท้องฟ้าสีดำสนิท
“หมื่นไฟประลัยกัลป์…จะต้องเป็นของข้า คราวนี้…เราลองมาดูกันว่าเจ้าจะยังหนีจากเงื้อมมือข้าไปได้หรือไม่”
โลหิตในกายของเจ้าลัทธิอสุราเดือดพล่าน พลังปราณกล้าแกร่งกระจายออกจากร่าง เขาผ่อนลมหายใจออกมา ใบหน้าเย็นเยียบราวน้ำแข็ง