ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - ตอนที่ 308 การหวนคืนและความเกรี้ยวกราดของขั้นเทพแห่งสงคราม
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- ตอนที่ 308 การหวนคืนและความเกรี้ยวกราดของขั้นเทพแห่งสงคราม
ได้เวลาสำแดงทักษะการใช้มีดที่แท้จริงแล้ว
เมื่อเห็นหัวไชเท้าหัวใหญ่จำนวนมาก อ่า ไม่สิ ฝูงนกพิษสีดำกำลังบินเข้ามา… ปู้ฟางก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะควงมีดทำครัวกระดูกมังกรทองในมือแล้วกระชับมีดในท่วงท่าที่ดูดีใช่เล่น
ชายหนุ่มกลั้นหายใจพลางมองไปยังบรรดานกกาพิษที่ส่งเสียงร้องดังสนั่น เขาเห็นรังสีความกระหายเลือดภายในดวงตาเล็กๆ ของพวกมัน ภาพที่เห็นทำให้จิตใจของชายกหนุ่มเครียดขึงขึ้นมา
ถังอิ่นล้มลงกับพื้นเพราะเสียเลือดมาก ใบหน้าขาวซีดจนเริ่มเป็นสีเทา
ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงพลังงานแห่งความตายที่เข้าปกคลุมร่าง สัมผัสของความตายที่หลั่งไหลเข้ามาเริ่มปกคลุมไปทั่ว เมื่อบรรดานกกาพิษเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จิตวิญญาณของเขาก็เริ่มสั่นไหว
“เฮ้อ…”
เสียงถอนหายใจแผ่วเบาสะท้อนให้เห็นว่าเขายอมรับในโชคชะตาแล้ว แต่อึดใจถัดมา นัยน์ตาของถังอิ่นก็เบิกกว้าง ภาพอันน่าตื่นตะลึงบังเกิดขึ้นตรงหน้าเขา
ยามค่ำคืนช่างเงียบงัน แสงเย็นเยียบสายหนึ่งสว่างวาบตัดผ่านฟากฟ้า ราวกับเป็นดาวตกที่กำลังร่วงหล่นลงมา ทุกหนแห่งที่ประกายแสงของมีดทำครัวกระดูกมังกรทองส่องผ่าน มันจะทิ้งเส้นแสงที่เหมือนฝนดาวตกเอาไว้ เส้นแสงเหล่านี้สะท้อนอยู่ในดวงตาของปู้ฟาง ทำให้เขาดูแข็งแกร่งไร้เทียมทานไม่น้อย
“ทักษะการใช้มีดฝนดาวตก”
เสียงเรียบเฉยของปู้ฟางดังสะท้อนไปทั่ว จากนั้นก็เกิดเสียงครืนดังสนั่น ฝูงนกพิษเข้าถึงตัวชายหนุ่มจนได้
ฉับ!!
ฉัวะ!!
ใบหน้าของปู้ฟางไร้ซึ่งอารมณ์ขณะที่เขากระชับมีดทำครัวในมือแน่น ความเร็วของการเหวี่ยงมีดรวดเร็วจนยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่า มีดแผ่รัศมีเย็นเยือกน่าสะพรึงกลัวขณะเฉือนร่างของเหล่านกพิษ
บรรดานกพิษไม่ได้แข็งแกร่งเท่าใดนัก แต่ละตัวเปรียบได้กับอสูรเวทระดับสองเท่านั้น พลังของพวกมันอ่อนด้อย แต่พวกมันใช้ชีวิตและจู่โจมเป็นฝูง เวลาที่เข้าโจมตีพร้อมๆ กัน ความแข็งแกร่งของพวกมันจะเพิ่มขึ้นกว่าปกติ
ทักษะการใช้มีดฝนดาวตกของปู้ฟางบรรลุระดับสองแล้ว เขาฝึกฝนทักษะนี้มาอย่างยาวนานจนมันแข็งกล้าขึ้น ปู้ฟางมองนกพิษเหล่านี้เป็นหัวไชเท้าหัวใหญ่ และจัดการพวกมันด้วยวิธีเดียวกับที่จัดการหัวไชเท้า
ขนนกสีดำกระจายเกลื่อนไปทั่วขณะที่พวกมันโดนฟันร่วงด้วยความเร็วที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ทุกแห่งที่มีดทำครัววาดไปถึง นกพิษจะถูกหั่นเป็นสองส่วน เลือดฉาบเคลือบแผ่นดินจนเป็นสีแดงฉาน ราวกับเป็นผลไม้ที่ถูกหั่นอย่างไรอย่างนั้น
ปู้ฟางยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้านิ่งสงบ แต่มีดทำครัวของเขากำลังเริงระบำอย่างเป็นอิสระไปกับสายลม
ถังอิ่นตะลึงงันกับภาพที่เห็น
บรรดานกพิษถูกปู้ฟางหั่นเป็นชิ้นๆ อย่างง่ายดาย
มีดทำครัวเคลื่อนไหวไปมาบนมือของปู้ฟาง จนสุดท้ายก็มาหยุดตรงหน้าอกของชายหนุ่ม มีดเล่มนั้นส่องประกาย ไม่มีร่องรอยของเลือดปรากฏอยู่แม้แต่หยดเดียว
ถังอิ่นและเหล่าพ่อครัวของหน่วยโรงครัวนิ่งอึ้งกันไปหมด ร่างในชุดคลุมสีดำก็ตกตะลึงไปเช่นกัน
นกพิษทั้งหมดของเขาถูกผ่าครึ่งอย่างง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือ!
พวกมันถูกเจ้าหนุ่มที่จู่ๆ ก็โผล่มาสังหารเรียบ หมอนี่มีเหตุผลใดกันจึงต้องสังหารนกพิษของข้า!
“บัดซบ! เด็กๆ ของข้า!”
เสียงคำรามดังก้องไปในอากาศ จิตสังหารฉายเด่นอยู่ในแววตาของชายในชุดคลุมสีดำ
ปู้ฟางมองกองซากศพนกบนพื้นด้วยสายตาเยือกเย็น ศพนกที่กระจายเกลื่อนเริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่า เลือดที่ไหลออกมาจากซากศพเป็นสีดำสนิท และเป็นต้นเหตุของกลิ่นเหม็นรุนแรง
นกพิษเหล่านี้อาจถูกป้อนโอสถที่ทำให้อสูรเวทเกิดบ้าคลั่งเหมือนเหตุการณ์มัจฉาปีศาจในเมืองนครใต้ แต่นกเหล่านี้น่าจะได้รับโอสถเข้าไปปริมาณมากกว่ามัจฉาปีศาจ
ชุดคลุมสีดำโบกสะบัดจนเกิดเสียงดัง ปู้ฟางถอนสายตาจากซากนกพิษเพราะสัมผัสได้ถึงสายลมแรงที่พุ่งเข้ามาใส่
ชายในชุดดำเข้าถึงตัวปู้ฟางแล้วกำลังจะจู่โจม เขาใช้มือข้างหนึ่งประคองยันต์วงแหวนปราณและใช้มืออีกข้างรวบรวมพลังปราณเที่ยงแท้ หวังจะสังหารปู้ฟางด้วยการตบเพียงครั้งเดียว
ในสายตาของชายชุดดำ ปู้ฟางเป็นเพียงขั้นจักรพรรดิยุทธการที่ไม่คู่ควรให้เอาจริง ทันทีที่ฝ่ามือของเขาสัมผัสโดน ชายหนุ่มตรงหน้าจะต้องสลายกลายเป็นเศษเนื้อโดยไม่มีโอกาสได้กรีดร้องด้วยซ้ำ พิษของเขาไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะดูถูกได้
ตู้ม…
สีหน้าของปู้ฟางนิ่งเรียบ ชายหนุ่มไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของตนแม้แต่น้อย ขณะจ้องมองร่างของชายชุดดำที่กำลังพุ่งเข้ามาโจมตี
สีหน้าเรียบเฉยของปู้ฟางทำให้หัวใจของชายชุดดำสั่นไหว
อึดใจถัดมาการจู่โจมด้วยฝ่ามือของเขาก็เข้าเป้า ทว่าเป้าที่ว่าไม่ใช่ปู้ฟาง แต่กลับกลายเป็นร่างที่เย็นเยียบ
แสงสีม่วงทอประกายอยู่ในดวงตาของเจ้าขาว แสงในดวงตาของมันระเบิดออกมาพร้อมพลังปราณเข้มข้นที่ส่งชายชุดดำให้ปลิวกระเด็นไป
เสียงระเบิดรุนแรงดังขึ้น เจ้าขาวกระทืบพื้นอย่างดุดันแล้วพุ่งตัวออกไปเร็วจี๋ราวกับเป็นลูกปืนใหญ่ เพื่อไล่ตามชายชุดดำที่กำลังร่วงลงมาจากฟ้า
“นั่นมันตัวบัดซบอะไรน่ะ!”
นัยน์ตาของชายชุดดำหดแคบด้วยความตื่นตกใจ เขาสัมผัสถึงตัวตนของหุ่นเหล็กนี่ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย จู่ๆ มันก็โผล่มาจากที่ใดกัน
ยิ่งไปกว่านั้นพลังกดดันรุนแรงที่ระเบิดออกมาอย่างฉับพลันจากตัวหุ่นเชิด ก็ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรง
ตู้ม ตู้ม!!
เขาปล่อยพลังปราณเที่ยงแท้รุนแรงออกไปสองครั้งติด พลังปราณดังกล่าวเป็นสีดำสนิทราวกับหมึกและมีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง พลังทั้งสองก้อนกระแทกใส่เจ้าขาวเต็มเปาแต่ไม่ได้ระคายผิวของมันแม้แต่น้อย
ปู้ฟางนิ่งสงบเป็นอันมาก ถึงแม้ว่าหุ่นตัวนี้จะเป็นเพียงร่างสำเนาของเจ้าขาว แต่มันก็แข็งแกร่งพอจะรับมือกับผู้ฝึกตนขั้นเทพแห่งสงครามได้ และชายชุดดำตรงหน้าก็เป็นเพียงขั้นนักพรตยุทธการเท่านั้น การส่งเจ้าขาวไปรับมือจึงน่าจะเพียงพอ
สิ่งที่ปู้ฟางสนใจใคร่รู้ในตอนนี้คือยันต์วงแหวนปราณในมือของชายชุดดำ
ถังอิ่นที่ล้มพับไปก่อนหน้านี้รู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นบ้างแล้ว เขาสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะกระอักโลหิตออกมากองใหญ่ สีหน้าของชายหนุ่มขาวซีดยิ่งกว่าเดิม แต่ตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายจากชายชุดดำอีกต่อไป จึงสามารถถอนหายใจออกมาได้อย่างโล่งอก
ในท้องฟ้าไกลห่างออกไป คลื่นพลังปราณเที่ยงแท้เข้มข้นปะทะกันจนเกิดแรงระเบิดรุนแรง
นี่คือการประมือกันของขั้นเทพแห่งสงครามสองคน หนึ่งในนั้นคือหนี่หยัน
แต่ปู้ฟางกลับไม่ได้ใส่ใจการต่อสู้นั้นแม้แต่น้อย สายตาของชายหนุ่มมัวแต่จับจ้องไปยังที่ไกลออกไป หากคำนวณจากพลังของเจ้าขาว การจะจัดการกับชายชุดดำเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก แล้วก็เป็นไปตามที่ปู้ฟางคาดไว้จริงๆ สุดท้ายเจ้าขาวก็กำราบชายชุดดำได้อยู่หมัด
เจ้าขาวไม่ได้ใช้มีดเล่มยักษ์แต่ส่งกำปั้นออกไปสามครั้ง กำปั้นทั้งสามเพียงพอที่จะอัดชายชุดดำจนกระทั่งกระอักเลือดออกมา แล้วซัดอีกฝ่ายร่วงลงไปกองกับพื้นจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่
ชายชุดดำมีสีหน้าตื่นกลัว ถึงเขาจะไม่ใช่ยอดฝีมือเรื่องการต่อสู้ระยะประชิด แต่ก็เป็นถึงขั้นนักพรตยุทธการ ทว่าตอนนี้กลับถูกหุ่นเชิดใช้หมัดเพียงสามหมัดอัดจนจมดินเสียได้
เขาเป็นถึงขั้นนักพรตยุทธการ… เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องหลอกลวงเสียหน่อย
ถึงแม้เขาจะใช้นกพิษเป็นอาวุธหลัก… แต่อย่างไรก็ยังเป็นถึงขั้นนักพรตยุทธการเชียวนะ!
“เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก! ข้ามาจากลัทธิอสุรา!”
เลือดไหลออกมาจากมุมปากของชายชุดดำ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความกลัว
เปรี้ยง!
เจ้าขาวพุ่งลงไปในหลุมพร้อมเสียงดังสนั่นจนพื้นดินสั่นสะเทือน แสงสีม่วงที่ส่องประกายอยู่ในดวงตาแรงกล้าพอที่จะเขย่าขวัญผู้ที่พบเห็น
ปู้ฟางมองยอดฝีมือในชุดดำด้วยสายตาเฉยเมย
เปรี้ยง!
เจ้าขาวซัดกำปั้นลงไปอีกครั้ง พลังที่รุนแรงนี้ทำให้พื้นดินแตกเป็นเสี่ยงๆ
ยอดฝีมือในชุดดำถูกอัดลึกลงไปในพื้นดิน ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะหยุดหายใจแล้ว
ฟึ่บ…
จู่ๆ ยันต์ในมือของชายชุดดำก็พุ่งขึ้นฟ้าเพื่อจะหนีไปอีกครั้ง
แต่คราวนี้ปู้ฟางรีบหรี่ตาลง ก่อนจะกระโจนขึ้นไปคว้ายันต์วงแหวนปราณเอาไว้ได้
เจตจำนงแห่งกระบี่บนยันต์วงแหวนปราณถูกทำลายไปตั้งแต่ที่มันพยายามจะหนีคราวก่อน ครั้งนี้เมื่อไม่มีเจตจำนงแห่งกระบี่คอยคุ้มครอง ปู้ฟางจึงคว้ายันต์เอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
ยันต์ทั้งห้าก่อตัวกันเป็นวงแหวนปราณประหลาดทรงกลมโปร่งใส นานๆ ครั้งจะมีหมอกรูปใบหน้าคนกรีดร้องปรากฏอยู่ด้านใน
“สิ่งนี้คืออะไรกัน” ปู้ฟางงุนงง
เสียงคำรามดังสนั่นขึ้นในท้องฟ้าเบื้องบน ดูเหมือนว่าการต่อสู้ระหว่างขั้นเทพแห่งสงครามจะดุเดือดขึ้นอีก
“ขอแสดงความยินดีกับนายท่านที่ผ่านภารกิจกองทหารมาได้ เราจะเริ่มกระบวนการพาท่านกลับ ณ บัดนี้”
เสียงขึงขังของระบบดังก้องขึ้นในหูของปู้ฟาง ทันใดนั้นชายหนุ่มก็เริ่มรู้สึกถึงความผันผวนที่ก่อตัวขึ้น จุดแสงสีขาวค่อยๆ หมุนวนเหนือศีรษะของเขาก่อนจะพุ่งเข้าหากัน ก่อเกิดเป็นวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายหน้าตาประหลาด
“หืม จะเคลื่อนย้ายกันตอนนี้เลยหรือ” ปู้ฟางขมวดคิ้ว
ชายหนุ่มกำยันต์วงแหวนปราณพลางมองไปยังจุดแสงสีขาวที่หมุนวนอยู่เหนือศีรษะ
“ศิษย์พี่ปู้ นั่นมันอะไรกันขอรับ” นัยน์ตาของถังอิ่นเบิกกว้างขณะจับจ้องไปยังจุดแสงสีขาวรอบกายปู้ฟาง พลังปราณเที่ยงแท้ที่ปล่อยออกมาทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหวาดกลัว
ครืน!!
เสียงคำรามดังลั่นทำให้พื้นพิภพสั่นไหวภูเขาโยกคลอน เมืองประจิมเร้นลับสั่นสะเทือนไปทั้งเมือง
“ทิ้งวงแหวนปราณผสานวิญญาณเดี๋ยวนี้!!”
จุดแสงสีขาวเหนือศีรษะของปู้ฟางเกือบจะก่อตัวเป็นวงแหวนปราณอย่างสมบูรณ์ มันเริ่มส่งแรงดูดออกมา
ขณะที่วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายเริ่มโอบล้อมร่างของปู้ฟาง เจ้าขาวก็กลับมาเป็นร่างเดิมแล้วเข้ามายืนเคียงข้างชายหนุ่ม
ห่างออกไป ร่างมนุษย์ร่างหนึ่งบนท้องฟ้ารีบพุ่งเข้ามาหาพวกเขาทั้งสองอย่างรวดเร็ว
ร่างนั้นเป็นชายวัยกลางคนผมสีดอกเลา ชายดังกล่าวจับจ้องปู้ฟางไม่วางตาโดยเฉพาะยันต์วงแหวนปราณในมือของเขา ทันทีที่ชายวัยกลางคนสัมผัสได้ถึงพลังของวงแหวนปราณเคลื่อนย้าย เขาก็คำรามลั่น “หยุดก่อน!!”
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ…
ท้องฟ้าราวกับจะลุกไหม้เมื่อเปลวไฟสีดำสนิทปรากฏขึ้นในมือของชายวัยกลางคนแล้วควบแน่นจนกลายเป็นลูกธนูสีดำ เขาดึงคันธนูเพลิงเต็มแรงก่อนจะปล่อยลูกธนูใส่ปู้ฟาง ธนูที่หลอมขึ้นมาจากเปลวไฟสีดำพุ่งออกมาด้วยแรงที่ทรงพลังราวกับจะบิดท้องฟ้าให้เบี้ยวบูด
สายลมรุนแรงโบกพัดรอบกายปู้ฟางแล้วห้อมล้อมกายของเขาเอาไว้ ชายหนุ่มกำยันต์วงแหวนปราณแน่นพลางจ้องมองลูกธนูที่พุ่งเข้ามาด้วยดวงตาเฉยเมย
ลูกธนูเริ่มเลือนลางจากคลองจักษุของเขา…
ตอนนั้นเองปู้ฟางและยันต์วงแหวนปราณก็หายวับไปพร้อมเสียงหึ่งๆ ที่ดังขึ้น