ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - ตอนที่ 277 ความพ่ายแพ้ของกายขั้นเซียนเทพ เซี่ยอวี่!
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- ตอนที่ 277 ความพ่ายแพ้ของกายขั้นเซียนเทพ เซี่ยอวี่!
ยันต์แผ่นนั้นปลิวไสวในอากาศพลางสะท้อนแสงเจิดจ้าราวกับเป็นลูกไฟยักษ์ ความร้อนระอุและพลังงานแก่กล้าที่แพร่กระจายออกมาก่อเกิดเป็นวงแหวนปราณขนาดมหึมาบนท้องฟ้า คลื่นพลังลึกลับหมุนวนก่อนจะพุ่งไปยังร้านของปู้ฟางอย่างรุนแรง
คลื่นพลังนี้มีขนาดมหาศาลน่าสะพรึงกลัว ทุกคนในนครหลวงต่างพากันหวาดกลัวและสิ้นหวังเมื่อได้สัมผัส ความผันผวนของพลังงานรุนแรงราวกับกำลังมีอสูรร้ายคืบคลานออกมาจากนรกภูมิเพื่อหวังกลืนกินสรรพสิ่ง ความหวาดกลัวในใจของทุกคนต่างเพิ่มพูนขึ้นไปอีก
จีเฉิงเสวี่ยจ้องไปยังยันต์ที่สะท้อนแสงแรงกล้าราวกับเป็นดวงตะวันด้วยสีหน้าเฉยเมย ดวงตาทั้งสองของเขาเจ็บปวดจากแสงดังกล่าวจนน้ำตาหลั่งไหลออกมาไม่หยุด แต่เขาไม่อาจควบคุมร่างกายของตนได้ จำต้องปล่อยให้หยดน้ำตาไหลรินไปพร้อมลมหายใจที่หนักหน่วง เขาถูกพลังงานมหาศาลสะกดเอาไว้ไม่อาจจะต้านทานได้
ลูกไฟเริ่มปลดปล่อยพลังทำลายล้างออกมา ข่มขวัญให้ทุกคนรู้สึกสิ้นหวังยิ่งขึ้น
ขนาดปู้ฟางยังเบิกตาโพลงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก
“ยันต์พลังปราณที่ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพเขียนขึ้นมาเช่นนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นนั่นก็น่าจะเป็นวงแหวนปราณ… ช่างน่าสะพรึงกลัวเสียจริง!” หัวใจของปู้ฟางสั่นไหวรุนแรง รัศมีจากวงแหวนปราณระเบิดผ่านอากาศราวกับเป็นขีปนาวุธ พลังทำลายล้างมหาศาลทำให้ปู้ฟางเกิดกลัวขึ้นมา
วงแหวนปราณไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับชายหนุ่มแม้แต่น้อย เพราะเขาเองก็เดินทางผ่านวงแหวนปราณของระบบอยู่เสมอ แต่วงแหวนปราณที่จู่ๆ ก็ระเบิดขึ้นนี้เตือนใจปู้ฟางให้นึกถึงระเบิดที่ใช้ด้านการทหารจากชีวิตในชาติก่อน สิ่งนี้ทำให้ความเข้าใจเรื่องวงแหวนปราณของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ตู้ม ตู้ม!!
แรงกระเพื่อมกระจายออกมาจากวงแหวนปราณที่กำลังระเบิด ก่อให้เกิดลมกระโชกแรง
เจ้าดำหรี่ตาสำรวจสิ่งรอบกายแล้วส่งเสียงคำรามต่ำออกมา มันออกเดินอย่างสง่างามด้วยท่วงท่าเฉพาะตัว ก่อนกระโดดขึ้นหลังของมังกรอุทกตัวใหญ่ยักษ์ แล้วเดินทอดน่องไปหายันต์ที่กำลังระเบิดอยู่ ซึ่งขณะนี้แผ่ความร้อนรุนแรงราวดวงอาทิตย์ออกมา
ยันต์ที่สั่นไหวพุ่งเข้ามาใกล้เจ้าดำที่ยังคงก้าวย่างอย่างมั่นใจเข้าไปหาอันตรายเรื่อยๆ
ขนของเจ้าดำโบกสะบัดเมื่อปะทะเข้ากับสายลมรุนแรง มันยกอุ้งเท้าน่ารักขึ้น ดวงตาวาววับเป็นประกาย จากนั้นโลกทั้งใบก็ราวกับถูกกวาดหายไป เวลาถูกหยุดเอาไว้ในชั่วขณะ เกราะโปร่งแสงพลันปรากฏขึ้นขังยันต์ที่เจิดจ้าเอาไว้ภายใน
พลังงานของยันต์ถูกบีบอัดเข้าหากันเรื่อยๆ กระทั่งมันกลายเป็นลูกแก้วขนาดเล็ก แสงสว่างรุนแรงของมันอาจทำให้คนธรรมดาตาบอดได้
เจ้าดำยิ้มออกมา พลางเคาะยันต์ลูกแก้วเบาๆ ราวกับเป็นลูกยาง จากนั้นมันก็ออกแรงขว้างลูกแก้วไปด้วยอุ้งเท้าบอบบาง ลูกแก้วที่ส่องประกายวาววับพุ่งออกไปทิ้งแสงสว่างเอาไว้เป็นทาง มันเคลื่อนตัวตัดผ่านท้องฟ้าราวกับเป็นดาวหาง ก่อนจะพุ่งทะยานหายลับไปพร้อมประกายแสงสุดท้าย
ตู้ม!!
แม้แต่ผู้คนที่อยู่ภายนอกนครหลวงก็ยังได้ยินเสียงระเบิดรุนแรงที่ดังมาจากที่ไกลๆ แผ่นดินสั่นสะเทือนขณะที่ควันสีดำจางๆ ลอยขึ้นในอากาศ
เจ้าดำกลับลงมายืนสี่ขาบนพื้นถนนอีกคราว มันอ้าปากหาวก่อนจะเดินกลับร้านไปหาจุดสบายๆ แล้วทิ้งตัวลงนอนอย่างไม่แยแสต่อสิ่งใดอีก
ฝูงชนรอบข้างพากันนิ่งอึ้ง ก่อนจะมองท่านสุนัขผู้ยิ่งใหญ่ที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นด้วยสายตาตื่นตะลึง
ก่อนหน้านี้ทุกคนสัมผัสพลังงานมหาศาลจากยันต์ได้อย่างชัดเจน หลายคนคิดไปว่าชีวิตคงมาถึงจุดจบแล้วเป็นแน่ เพราะแรงระเบิดนั้นน่าจะรุนแรงพอสังหารคนทั้งมวลได้ แต่ท่านสุนัขผู้ยิ่งใหญ่กลับทำเพียงใช้อุ้งเท้าตบยันต์จนปลิวหายไป
นัยน์ตาของจีเฉิงเสวี่ยยังคงอับแสง แต่ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะซึมซับเอาความรู้สึกชื่นใจของการรอดพ้นจากความตายอยู่ครู่หนึ่ง
ถึงกระนั้นระหว่างที่กำลังรู้สึกสุขใจอยู่ในอก จักรพรรดิหนุ่มก็ตระหนักได้ว่าตนต้องการเหล่าขุนพลที่แข็งแกร่งทรงพลังมากกว่านี้
“หากเรามีสิ่งมีชีวิตที่ไร้เทียมทานเช่นนี้คอยปกป้องจักรวรรดิ ไยเลยจะต้องแยแสผู้ฝึกตนระดับแปดขั้นเทพแห่งสงครามด้วย!”
พ่อลูกตระกูลเซียวต่างชื่นชมเจ้าดำยิ่งขึ้นไปอีก สมแล้วที่เป็นอสูรเวทขั้นเซียนเทพ… อสูรเวทขั้นเซียนเทพที่ไร้เทียมทาน! ก่อนหน้านี้เจ้าดำเคยออกโรงไม่กี่ครั้ง แต่ไม่มีครั้งใดที่น่าตื่นตาตื่นใจเท่าวันนี้ พวกเขาได้รับรู้พลังที่ยิ่งใหญ่ไร้ก้นบึ้งของอสูรเวทขั้นเซียนเทพก็วันนี้เอง
เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นเมื่อปู้ฟางเดินช้าๆ ออกมาจากร้าน ดูไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใด
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปหามังกรอุทกตัวมหึมา เขายกมือตบร่างไร้วิญญาณของมันแล้วยิ้มมุมปาก ก่อนจะเก็บซากมังกรอุทกทั้งตัวเข้าไปในกระเป๋าคลังเก็บของระบบ
หลังเก็บซากมังกรเรียบร้อยแล้ว ปู้ฟางก็ตบมือเข้าด้วยกันด้วยความยินดี เขาหันศีรษะกลับมามองฝูงชนที่ด้านหลัง ก่อนจะเดินย้อนเข้าร้านไป
“ร้านเปิดให้บริการตามปกติ ยินดีต้อนรับลูกค้าทุกท่าน” น้ำเสียงเรียบเฉยของปู้ฟางดังขึ้น พาให้ทุกคนตื่นจากภวังค์ แต่อนิจจาไม่มีใครรู้สึกอยากกินอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ ทุกคนกล่าวลาปู้ฟางก่อนจะพากันเดินจากไป
ไม่นานหลังจากนั้น ร้านเล็กๆ ก็ว่างโล่ง
ปู้ฟางไม่ใคร่จะใส่ใจนัก เขาเหลือบมองเจ้าดำที่นอนอยู่บนพื้น ก่อนจะหันหลังเดินเข้าครัวไป
จีเฉิงเสวี่ยกลับไปยังวังหลวง เซียวเยวี่ยกับเซียวเหมิงเองก็มาคอยอยู่ที่ท้องพระโรงแล้ว
แม้ว่าการบรรลุขั้นปราณสู่ระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการของเซียวเยวี่ยนั้นนับเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งสำหรับจักรวรรดิในเวลานี้ แต่กลับไม่มีใครยินดียินร้ายนักหลังจากการต่อสู้ที่เพิ่งจะจบลงไป
หากต้องเผชิญกับพลังมหาศาลเช่นนั้น ระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการก็ไม่ต่างอะไรจากคนไร้ความสามารถ ความรู้สึกตื่นเต้นกับพัฒนาการครั้งนี้ของเซียวเยวี่ยเองก็มลายหายไปด้วยเช่นกัน เหลือไว้เพียงความกระหายอยากจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเท่านั้น
…
เซี่ยอวี่ที่ร่างกายอาบไปด้วยโลหิตกำลังหนีเต็มกำลัง ใบหน้าของเขาหม่นหมอง ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ช่างน่าสะพรึงกลัว! น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว!
เจ้าสุนัขดำนั่น… มันเป็นตัวอะไรกันแน่ มันสามารถหยุดระเบิดของยันต์เซียนเทพได้ ระเบิดนั่นเป็นยันต์ที่ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพเขียนขึ้นมาเชียวนะ!
มันเป็นยันต์วงแหวนปราณแห่งวิหารราชันมังกรซ่อนเร้น เขาได้มันมาด้วยความบังเอิญ แล้วยึดมันเป็นไพ่ตายตั้งแต่นั้นมา ต่อให้เป็นขั้นเซียนเทพจริงๆ ก็คงปางตายถ้าต้องรับมือกับยันต์ดังกล่าว ทว่าเจ้าสุนัขสีดำตัวนั้นกลับ…
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ร่างของเซี่ยอวี่ก็สั่นเทา ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวของความหวังหรือความหาญกล้าภายในใจ
เขาสูญเสียใหญ่หลวงในคราวนี้ ไม่เพียงเสียยันต์เซียนเทพไป เขายังบาดเจ็บสาหัส ร่างกายเจ็บปวดเสียจนกล้ามเนื้อทุกมัดเต้นตุบๆ ไม่หยุด
ร่างท่วมเลือดของเซี่ยอวี่พุ่งออกจากนครหลวงไปราวกับเป็นเส้นสีแดงที่พาดผ่านท้องฟ้า
จู่ๆ นัยน์ตาของเขาก็ค้างกึก ณ จุดหนึ่งที่ไกลห่างออกไป เซี่ยอวี่มองเห็นกลุ่มควันและฝุ่นที่หมุนวนพุ่งเข้ามาหา
ไม่แน่ว่าอาจเป็นคนที่กำลังมุ่งตรงมายังนครหลวง เซี่ยอวี่ไม่สามารถรับมือใครได้อีกเพราะกำลังเจ็บหนัก ใจคิดเพียงจะหนีไปพักฟื้นเท่านั้น
เซี่ยอวี่ไม่คิดเลยว่าเหล่าคนที่เขาตั้งใจจะปล่อยผ่านไปนั้นกลับมายั่วโทสะเขาเสียได้
ขบวนรถม้าลดความเร็วลง จากนั้นเสียงดึงสายธนูก็ดังขึ้น เสียงหวีดหวิวดังออกมาขณะที่ลูกธนูสีดำสนิทพุ่งมาหาเขาด้วยความเร็วสูงจนเหลือเชื่อ
“มีคนรนหาที่ตายอีกแล้วรึ!!”
เซี่ยอวี่โกรธจัด เจ้าพวกชั้นต่ำโง่เขลาไร้สติพวกนี้บังอาจมากวนใจเขา!
ต่อให้เจ็บหนักเพียงใด เขาก็ยังเป็นถึงผู้อาวุโสของวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดงป่ารกชัฏ แถมยังเป็นผู้ฝึกตนที่ร่างกายแข็งแกร่งบรรลุขั้นเซียนเทพแล้วด้วย เขาจะปล่อยให้การยั่วยุเช่นนี้ผ่านไปเฉยๆ ไม่ได้
เซี่ยอวี่ซัดกำปั้นลงไปพร้อมส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ อากาศหดตัวลงราวกับถูกบีบอัด หมัดของเขาปะทะเข้ากับลูกธนูสีดำสนิทอย่างจังจนเกิดเสียงดังสนั่น
ตู้ม!!
หลังเสียงระเบิด ม่านของรถม้าก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว ร่างร่างหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนฟ้า แล้วไปเดินเหินอยู่บนหมู่เมฆ
“ช่างน่าประหลาดใจเสียจริง… ที่ได้มาพบนักรบผู้กล้าจากวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏ ดูเหมือนว่า… เจ้าจะเจ็บหนักนะ”
น้ำเสียงแผ่วเบาเจือไปด้วยความเย้ยหยันดังลงมาจากฟ้า นัยน์ตาของเซี่ยอวี่หดแคบเมื่อรู้ว่าลูกธนูสีดำสนิททะลุผ่านโล่อากาศแล้วพุ่งเข้ามาใส่ตัว เกิดเสียงดังเหมือนของเหลวแตก โลหิตหลั่งไหลออกมาจากกายของเซี่ยอวี่เมื่อลูกธนูเสียบทะลุร่าง!
ความหวาดกลัวสะท้อนอยู่ในแววตาของเซี่ยอวี่ เขามองไปทางชายชราด้วยใบหน้าตื่นตะลึง ความรู้สึกสิ้นหวังก่อตัวลึกลงไปในใจ
“กึ่งเซียนเทพรึ!”
ชายชราหลังโก่งยิ้มเยาะ นัยน์ตาทอประกาย “บังเอิญมาเจอตาแก่คนนี้… เห็นทีคงไม่ได้จากไปไหนแล้วละ”
ภายในเสี้ยวลมหายใจ ลูกธนูอีกดอกก็ปรากฏขึ้นบนมือของชายชราหลังโก่ง มันดำสนิทราวกับหมึก เปล่งรัศมีที่ทั้งดำมืดและเย็นเยือกออกมา ชายชราขึ้นสายธนู ก่อนจะส่งลูกธนูหลายต่อหลายดอกไปทางเซี่ยอวี่ ลูกธนูเหล่านั้นพุ่งออกมาพร้อมแรงกดดันที่แทบจะทำให้อีกฝ่ายเคลื่อนที่ไม่ได้
ฟุ่บ ฟุ่บ!!
เมื่อต้องหลบลูกธนูจำนวนมากทั้งที่ยังเจ็บหนัก เซี่ยอวี่จึงไม่อาจหลบได้หมด เพราะยังบาดเจ็บจากการต่อสู้กับเจ้าขาวก่อนหน้านี้ ลูกธนูอีกสามดอกจึงปักเข้าร่างของเขาเต็มเปา โลหิตสาดกระจายไปทั่ว ก่อนที่เซี่ยอวี่จะเสียการทรงตัวร่วงลงมาจากอากาศ
เซี่ยอวี่ตะโกนก้อง ไม่อาจทำใจยอมรับความเป็นจริงได้!
ลูกธนูสีดำอีกลูกพุ่งออกมา ส่งเสียงแตกเปรียะราวกับเปลวไฟที่กำลังลุกโหม ก่อนจะปักทะลุกลางหน้าผากของเซี่ยอวี่ ชีวิตหลุดลอยจากร่างของนักรบแห่งวิหารเทพเจ้าทันที
ผู้อาวุโสของวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏ เซี่ยอวี่ผู้มีกายขั้นเซียนเทพสิ้นชีวิต
ชายชราหลังโก่งพุ่งลงมาจากอากาศก่อนหยุดยืนบนพื้น เขาเก็บคันธนูสีดำพลางเดินเอามือไพล่หลังตรงไปยังร่างไร้วิญญาณของเซี่ยอวี่ จู่ๆ ก็มีหลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนพื้น เศษหินกลิ้งเกลื่อนอยู่โดยรอบ
ชายชราโน้มตัวลงพลางไอออกมา พลังปราณในร่างผันผวนไม่หยุด
“สมกับฉายานักรบกายขั้นเซียนเทพจริงๆ หากว่าเขาไม่บาดเจ็บสาหัส การจะสังหารคนผู้นี้คงเป็นเรื่องยากกว่านี้มากทีเดียว” ปรมาจารย์อาวุโสหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นเขาก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นก่อนจะหลอมวงแหวนปราณหน้าตาประหลาดเหนือศพของเซี่ยอวี่
“ศพของชายผู้มีกายขั้นเซียนเทพ… ช่างน่าพึงใจจริงๆ!” ปรมาจารย์อาวุโสดูลิงโลดใจเป็นที่สุด วงแหวนปราณรูปเขาวงกตสีโลหิตค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
ขณะที่วงแหวนปราณหมุนวนอยู่นั้น เงาวิญญาณที่กำลังส่งเสียงกรีดร้องก็ถูกดึงออกมาจากศพของเซี่ยอวี่
วิญญาณของเซี่ยอวี่ทำท่าเหมือนกำลังขู่คำรามอย่างดุร้าย แต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา
ชายชราแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ก่อนจะหยิบยันต์ในกระเป๋าออกมา แล้วใช้มันดูดซับแก่นวิญญาณของเซี่ยอวี่เข้าไป
“ในที่สุด… เราควรเร่งมือเอาลูกโลกวิญญาณล่วงลับกลับมาให้ได้โดยเร็ว มันเป็นอุปกรณ์กึ่งเทพที่ใช้กักเก็บแก่นวิญญาณ แต่การที่อุปกรณ์กึ่งเทพของพวกเราลัทธิอสุรามาหายสาบสูญไปในอาณาจักรเล็กกระจ้อยร่อยเช่นนี้… ช่างเกินคาดเสียจริง” ปรมาจารย์อาวุโสถอนหายใจเบาๆ เขายกมือขึ้นโบกหนึ่งครั้งเพื่อจัดการเก็บศพของเซี่ยอวี่ไป
ศพของนักรบที่มีกายขั้นเซียนเทพนับว่าเป็นทรัพยากรที่หายากและทรงคุณค่ายิ่งสำหรับลัทธิอสุรา มันถือเป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยมในการหลอมหุ่นเชิดของสำนัก
ชายชุดดำที่ยืนอยู่ไม่ไกลต่างมองดูปรมาจารย์อาวุโสด้วยสายตาตื่นตะลึง ขณะที่ชายชราเดินกลับมายังรถม้า
“เดินทางต่อกันเถิด จุดหมายปลายทางของเราคือจักรวรรดิวายุแผ่ว ได้เวลาไปชิงของที่เป็นของเราคืนมาแล้ว”