ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - ตอนที่ 1 ร้านอาหารเล็กๆ ณ ซอยแห่งหนึ่งในนครหลวง
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- ตอนที่ 1 ร้านอาหารเล็กๆ ณ ซอยแห่งหนึ่งในนครหลวง
ณ ทวีปมังกรซ่อนเร้น ที่นครหลวงแห่งจักรวรรดิวายุแผ่ว
ภายในเมืองอันวุ่นวายมีชีวิตชีวา ถนนหนทางคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่กำลังส่งเสียงเซ็งแซ่จากทั่วทุกสารทิศ สองข้างถนนขนาบไปด้วยตึกสูง ทั้งยังมีร้านอาหารและโรงเตี๊ยมมากมายกระจายตัวอยู่ กลิ่นอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ จากเหล่าพ่อครัวแม่ครัวลอยล่องไปในอากาศ ส่งให้บริเวณนั้นหอมหวนชวนหิวอยู่เป็นเวลานาน
ท่ามกลางร้านอาหารเหล่านี้ มีอยู่ร้านหนึ่งที่ถือว่าขึ้นชื่อที่สุดในนครหลวง และมักเนืองแน่นไปด้วยผู้คนเสมอ แสดงให้เห็นถึงกิจการที่กำลังรุ่งเรืองเอาการ ร้านนี้มีนามว่าร้านอาหารปักษาเพลิงนิรันดร์
ตึกรามบ้านช่องในนครหลวงแห่งนี้ถูกสร้างอย่างประณีตเป็นระเบียบ มีตรอกซอกซอยอยู่ทุกหนแห่ง หากสัญจรทางถนนสายหลักโดยเดินผ่านร้านอาหารปักษาเพลิงนิรันดร์ไปสักสามจั้ง[1]กว่าๆ ก็จะพบตรอกลึก เมื่อเดินตรงเข้าตรอกแล้วเลี้ยวซ้าย ก็จะเห็นร้านอาหารขนาดเล็กดูเรียบง่ายร้านหนึ่ง
หน้าร้านมีสุนัขสีดำตัวใหญ่นอนลิ้นห้อยอยู่ ส่วนภายในนั้นไม่มีลูกค้าแม้แต่คนเดียว
ทันใดนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินออกจากร้านอาหาร เขามีรูปร่างผอมเพรียวและมีผิวขาวผ่อง ผมยาวสีดำรวมถึงลูกผมด้านหน้าถูกรวบขึ้นสูงด้วยเชือกขนสัตว์ที่ทั้งบางและยาว ชายหนุ่มผู้นี้ดูทั้งสะอาดและเรียบร้อยหมดจด
“เจ้าดำ ได้เวลาอาหารแล้ว” ชายหนุ่มผู้มีนามว่าปู้ฟางกำลังเดินออกมาจากร้านอาหาร พร้อมด้วยชามกระเบื้องที่อยู่ในมือ เขาวางชามนั้นลงตรงหน้าสุนัขสีดำตัวใหญ่ เจ้าสุนัขที่ก่อนหน้านั้นกำลังนอนเอื่อยเฉื่อยพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาในบัดดล และเริ่มลงมือกินอาหารในชามทันที
ปู้ฟางลูบขนนุ่มลื่นสะอาดของเจ้าดำด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้าน
ปู้ฟางผู้นี้เป็นชายหนุ่มแสนธรรมดาอายุยี่สิบปีจากดาวโลก ผู้ที่ฝันอยากเป็นพ่อครัวมากยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด วันหนึ่งเขาลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองอยู่ในโลกใบอื่น และมี [ระบบนักชิม] อันแสนลึกลับปรากฏขึ้นในความคิดของเขา ในวันที่สองที่เขามาเยือนโลกใบใหม่ ระบบนี้ก็ช่วยให้ปู้ฟางสร้างร้านอาหารเล็กๆ แห่งนี้ขึ้นมาได้สำเร็จ
แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่าหนึ่งเดือนแล้วนับจากวันแรกที่เขาได้สร้างร้านอาหารแห่งนี้ขึ้นมา แต่กลับไม่เคยมีลูกค้าเข้ามาเหยียบที่นี่แม้แต่ครั้งเดียว จนปู้ฟางเริ่มเคยชินกับเรื่องนี้เสียแล้ว เขาได้แต่ทำตามสิ่งที่ [ระบบนักชิม] บอกให้ทำในแต่ละวันเท่านั้น ซึ่งก็คือการฝึกทำอาหารและให้อาหารเจ้าสุนัขสีดำทุกวันไม่เคยขาด
ปู้ฟางไม่รู้ว่าเจ้าสุนัขสีดำตัวนี้มาจากไหน จำได้เพียงว่ามันปรากฏตัวขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ร้านอาหารแห่งนี้สร้างเสร็จเท่านั้น ระบบคอยบอกปู้ฟางให้ให้อาหารสุนัขอยู่เรื่อยๆ ด้วยวัตถุดิบที่เขาใช้ในการฝึก ทุกครั้งที่เขาเปิดร้าน สุนัขตัวนี้จะมาคอยท่าอยู่หน้าร้านเพื่อรออาหารจากชายหนุ่ม
ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เจ้าสุนัขสีดำตัวนี้เป็นลูกค้ารายแรกของปู้ฟาง แม้ว่ามันจะไม่เคยจ่ายสตางค์เลยก็ตามที
เมื่อชายหนุ่มกลับเข้ามาในร้านเรียบร้อย เขาก็มองไปรอบๆ ร้านที่โล่งว่างแล้วถอนหายใจออกมา แม้ร้านนี้จะดูเรียบง่าย แต่ก็ยังสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบ ร้านอาหารแห่งนี้มีพื้นที่ราวสามผิงฟางจ้าง[2] และมีชุดโต๊ะเก้าอี้ไม่กี่ชุดเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารขนาดเล็กอย่างแท้จริง
เมื่อมองไปที่รายการอาหารซึ่งมีให้เลือกสามรายการ ปู้ฟางก็ถอนหายใจยาวอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
รายการอาหารที่ว่านี้เป็นแผ่นไม้ชิ้นหนึ่งที่มีชื่ออาหารเขียนอยู่สามชื่อ และแขวนอยู่บนฝาผนังของร้าน
การที่ร้านแห่งนี้มีอาหารเพียงสามรายการให้เลือกก็นับว่าประหลาดแล้ว แต่ราคาของอาหารแต่ละอย่างนั้น… ยิ่งน่าหัวร่อเข้าไปใหญ่
ผัดผักและบะหมี่แห้งคลุกมีสนนราคาอยู่ที่จานละร้อยเหรียญทอง ส่วนข้าวผัดไข่นั้นยิ่งหนักเข้าไปอีก… มันมีราคาสูงถึงหนึ่งผลึกเลยทีเดียว
มีเพียงผู้ฝึกตนเท่านั้นที่จะมีผลึกไว้ในครอบครอง และผลึกหนึ่งชิ้นมีราคาขายอยู่ที่พันเหรียญทองเลยทีเดียว แต่ผลึกนั้นก็ใช่ว่าจะหาซื้อกันได้ง่ายๆ เรียกว่าแทบจะไม่มีขายเลยดีกว่า
ด้วยเหตุนี้ราคาขายของข้าวผัดไข่ที่ร้านอาหารเล็กๆ แห่งนี้ จึงจัดได้ว่าแพงชนิดไร้สาระ
แม้แต่ตัวปู้ฟางเองยังไม่เชื่อว่าจะมีใครโง่พอมาสั่งอาหารที่ราคาแพงจับใจถึงเพียงนี้ ถึงเขาจะเห็นด้วยว่าอาหารทั้งสามรายการนั้นจัดว่าอร่อยเหาะเมื่อได้ลองกินดูก็ตามที แต่เมื่อหันกลับไปมองราคาแล้ว… ตีลังกาคิดก็ยังไม่น่าเป็นไปได้
“ในฐานะพ่อครัวเทพที่ต้องการยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกในจินตนาการแห่งนี้ จะเป็นไปได้อย่างไรกันที่ท่านจะไม่มีลูกค้ารายแรก หากท่านหาลูกค้ารายแรกมาได้ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน ท่านจะได้รับรางวัลตอบแทนจากระบบนักชิม”
นี่เป็นภารกิจที่ระบบมอบให้เขาหลังจากเปิดร้านอาหารมาได้สองสามวัน และตอนนี้ก็เหลือเวลาอยู่เพียงสามวันเท่านั้น ปู้ฟางได้แต่มองตรอกอันแสนว่างเปล่าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ดูเหมือนว่าความฝันในการเป็นพ่อครัวเทพของข้าจะป่นปี้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มก้าวแรกเสียแล้ว” ชายหนุ่มตรวจดูเวลาก่อนถอนใจอยู่ในอก เขาลุกขึ้นยืน นำแผ่นไม้ไปวางปิดทางเข้าร้านเพื่อปิดร้านในวันนี้
เขาไม่สามารถนำอาหารออกมาได้หากระบบไม่อนุญาต แถมยังมีกฎระเบียบเคร่งครัดเรื่องเวลาเปิดปิดอีกต่างหาก แม้ร้านนี้จะเป็นร้านอาหารเล็กๆ แต่ก็ยังมีกฎมากมายให้ต้องทำตาม และในเมื่อกฎเหล่านี้ระบบเป็นผู้ตั้งขึ้น ปู้ฟางจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องปฏิบัติตาม
ร้านอาหารของเขาปิดทำการเรียบร้อยแล้วสำหรับวันนี้ หลังจากปิดหน้าร้านเรียบร้อย ปู้ฟางก็กลับเข้าครัวไปฝึกทำอาหาร ความจริงแล้วการฝึกที่ว่านี้ก็ไม่ได้มีกลเม็ดอะไรมากมายนัก เป็นเพียงการประกอบอาหารไปเรื่อยๆ เท่านั้น ระบบจะเติมวัตถุดิบให้เสร็จสรรพ ปู้ฟางมีหน้าที่เพียงนำวัตถุดิบเหล่านั้นมาทำอาหาร
ที่มุมหนึ่งของห้องครัวมีหุ่นยนต์หน้าตาคล้ายมนุษย์อยู่ตัวหนึ่ง หุ่นยนต์ตัวนี้เป็นสิ่งที่ระบบสร้างขึ้นสำหรับเรียกคืนอาหารที่ปู้ฟางทำระหว่างการฝึกซ้อม นอกจากอาหารที่ตัวเขาและสุนัขสีดำตัวใหญ่กินแล้ว อาหารที่เหลือจากการฝึกซ้อมทั้งหมดจะเข้าไปอยู่ในท้องของเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้
ชายหนุ่มจุดไฟแล้วเริ่มฝึกทำอาหารตามวิถีประจำวัน
แม้ตอนนี้เขาจะอยู่ในโลกจินตนาการ แต่ห้องครัวที่ระบบสร้างขึ้นกลับเหมือนห้องครัวสมัยใหม่บนโลกไม่มีผิด
ภายในห้องครัวมีอุปกรณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นหม้อทำอาหารไร้ควัน มีดทำครัวสเตนเลส เขียง เครื่องดูดควัน ไมโครเวฟ และตู้เย็น… อันที่จริงแล้วอุปกรณ์เหล่านี้ทันสมัยยิ่งกว่าบนโลกเสียด้วยซ้ำ ปู้ฟางทำอาหารในห้องครัวได้อย่างไม่ติดขัด แถมยังชอบมากยิ่งกว่าอุปกรณ์บนโลกด้วยซ้ำ
ในที่สุดราตรีก็มาเยือน ดวงจันทร์สองดวงทอแสงล้อกันอยู่บนท้องฟ้า แสงจันทร์อาบไล้นภาเบื้องบนเหมือนม่านหมอกสีเงินยวง
ที่หน้าร้านอาหาร เจ้าสุนัขสีดำตัวใหญ่กำลังนอนขี้เกียจอย่างมีความสุขหลังจากที่กินจนอิ่ม มันนอนเฝ้ายามหน้าร้านท่ามกลางเสียงแมลงร้องแหลมสูงเป็นจังหวะ
เช้าวันต่อมา ปู้ฟางลืมตาตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย หลังจากที่ล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เปิดร้านอาหารของตนอีกครั้ง
ร้านของเขายังคงว่างเปล่าไร้วี่แววผู้คนเช่นเคย หน้าร้านมีสุนัขสีดำนอนอยู่บนพื้นเหมือนทุกวัน
ปู้ฟางรู้สึกอิจฉากิจการของร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ด้านนอกตรอกที่กำลังรุ่งเรืองขึ้นมาจับใจ ร้านอาหารที่ว่านี้ดังพลุแตกจนทางเข้าแทบจะระเบิดเป็นชิ้นๆ ด้วยจำนวนลูกค้าที่ล้นหลาม
ชายหนุ่มเริ่มฝันหวานว่าวันหนึ่ง ร้านของเขาจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเหมือนร้านปักษาเพลิงนิรันดร์บ้าง
“นายท่าน ในฐานะพ่อครัวที่มาดหมายจะเป็นพ่อครัวเทพ ณ โลกในจินตนาการแห่งนี้ ท่านจะมามัวอิจฉาร้านอาหารอื่นไม่ได้ จงพยายามให้มากขึ้นอีกเพื่ออนาคตอันรุ่งโรจน์ของท่านเอง!”
เสียงจักรกลแสนเคร่งขรึมจากระบบนักชิมดังสะท้อนในศีรษะของปู้ฟางเพื่อเตือนสติ ชายหนุ่มชินกับปรากฏการณ์นี้เสียแล้ว ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เขานึกอิจฉาร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ เสียงนี้จะดังขึ้นให้กำลังใจเขาเสร็จสรรพ
ดูจากปฏิกิริยาตอบโต้นี้แล้ว ดูเหมือนว่าระบบนักชิมมีลักษณะค่อนข้างคล้ายมนุษย์ทีเดียว
ปู้ฟางกำลังนั่งบนเก้าอี้นอกร้าน ซึมซับแสงแดดอุ่นเข้าร่างกาย เขาอดไม่ได้ที่จะเลื่อนตัวลงไปเล็กน้อย พร้อมทั้งยกขาขึ้นมาขดไว้จนกลายเป็นนอนอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางแสนสบาย
ตอนนี้ไม่มีมนุษย์แม้แต่คนเดียวอยู่ในตรอก
“ผ่านไปอีกวันโดยไร้แม้แต่เงาลูกค้า” ปู้ฟางคิดเสียงดัง เขาเอียงคอแล้วหาวออกมา
เจ้าสุนัขสีดำตัวใหญ่ที่กำลังนอนอยู่บนพื้นพลันเหลือบตามองปู้ฟาง ก่อนจะหันกลับไปทำกิจวัตรของมันตามเดิม
ในตอนที่ชายหนุ่มกำลังจะผล็อยหลับไป เสียงฝีเท้าก็ทำให้เขาสะดุ้งตื่น ปู้ฟางค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน เขามองเห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลากำลังเดินผ่านไป ชายผู้นั้นสวมชุดจอมยุทธ์รัดรูปสำหรับการฝึกซ้อม
“อะไรกันนี่ มีคนโง่พอจะมาเปิดร้านอาหารในตรอกที่แทบไม่มีคนเดินผ่านด้วยรึ”
ชายเจ้าของเสียงนั้นมีหน้าตาหล่อเหล่าเอาการ ใบหน้าของเขาเรียวยาวเป็นรูปไข่ มีดวงตากลมโตมีชีวิตชีวาและริมฝีปากสีแดงสด หากชายผู้นี้ไม่ได้มีหน้าอกแบนราบและลูกกระเดือกแล้วละก็ ปู้ฟางอาจเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นสตรีจำแลงกายมาก็เป็นได้
ดูเหมือนว่าสตรีในโลกจินตนาการนี้จะชอบจำแลงกายเป็นชายหนุ่มกัน
ชายหนุ่มหน้าสวยดูเหมือนจะสนใจร้านอาหารที่เปิดอยู่ในตรอกร้างผู้คนขึ้นมาเสียเฉยๆ จนเริ่มเดินเข้ามาดู
แต่ปู้ฟางก็ไม่ได้ลุกขึ้นมาต้อนรับลูกค้าแต่อย่างใด เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิม แม้อีกฝ่ายจะเดินเข้าร้านไปแล้วก็ตามที นั่นเพราะชายผู้นี้ยังไม่ถือเป็นลูกค้าตราบใดที่เขายังไม่ได้สั่งอาหาร ปู้ฟางรู้ดีว่าการที่ร้านอาหารนี้จะมีลูกค้าได้ อันดับแรกต้องมีคนยอมจ่ายค่าอาหารที่แพงจนไร้สาระซึ่งติดอยู่บนผนังเสียก่อน
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ทันทีที่ชายหนุ่มหน้าสวยเห็นราคาอาหารบนรายการ ดวงตาที่โตเป็นทุนเดิมของเขาก็เบิกกว้างขึ้นอีก เสียงร้องแหลมดังก้องไปทั่วตรอกที่เงียบสงบ
“จะบ้ารึ! ผัดผักจานละร้อยเหรียญทอง ข้าวผัดไข่ชามละหนึ่งผลึก เจ้าโลภมากจนเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร”
[1] หน่วยวัดความยาวของจีน 1 จั้ง = 3.33 เมตร
[2] หน่วยพื้นที่ของจีน 1 ผิงฟางจ้างมีขนาดประมาณ 3 1/3 ตารางเมตร