ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - ตอนที่ 302 : นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันคาดไว้
บทที่ 302 : นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันคาดไว้
ภาพอันแปลกประหลาดกำลังเกิดขึ้นในคฤหาสน์มินสเตอร์
มือของลิเลียนและโรเอลยังคงจับกันเอาไว้แน่น เธอหันไปหาเหล่าสาวกของภารดรภาพแห่งการกอบกู้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันเงียบสงบ ปราศจากจิตสังหาร แม้ว่าเธอจะเป็นผู้ที่นำกองทัพบุกเข้ามาในคฤหาสน์แห่งนี้ก็ตาม
หน้าต่างและประตูทั้งหมดของคฤหาสน์มินสเตอร์แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยพร้อมเสียงอันดังกึกก้อง อัศวินเกราะหนักสีน้ำเงินถือหอกและโล่พุ่งเข้ามาจากทั่วทุกทิศทุกทางล้อมศัตรูเอาไว้พร้อมธงที่มีตราสัญลักษณ์ หอกสีน้ำเงินอ่อนโบกสะบัดไปมาท่ามกลางพวกเขา…
ฝูงชนต่างตื่นตระหนกหลบหนีกันไปคนละทิศคนละทาง พลางส่งเสียงร้องด้วยความสยดสยอง
สำหรับโรเอล เขาอดไม่ได้ที่จะหรี่ตามองเมื่อได้เห็นธงเหล่านั้น
สัญลักษณ์นั้น… นั่นคือภาคีอัศวินสีครามของจักรวรรดิออสทีนโบราณนี่นา!
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของภาคีอัศวินที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ ทิ้งร่องรอยเอาไว้ในประวัติศาสตร์เมื่อกว่าพันปีที่แล้ว ทำให้โรเอลต้องสับสน แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หากเทียบกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
ในขณะที่ความโกลาหลกำลังปะทุไปทั่วคฤหาสน์ เสียงแตรสงครามอีกระลอกก็ดังขึ้น ทว่าคราวนี้มันมาพร้อมกับเสียงที่แตกต่างออกไป
ปัง! ปัง! ปัง…!
เสียงแปลก ๆ นี้ดังขึ้นตลอดเวลา ทำให้เหล่าสาวกของกลุ่มภราดรภาพแห่งการกอบกู้ต้องกระสับกระส่ายรีบวิ่งไปที่หน้าต่างที่ใกล้ที่สุดทันที ก่อนจะต้องหน้าซีดไปตาม ๆ กันเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ในที่สุดเสียงเหล่านั้นก็ดังขึ้นจนทุกคนรู้ว่ามันคืออะไร
มันเป็นเสียงของกองทัพทหารที่เดินขบวนออกมาพร้อมกัน!
คฤหาสน์มินสเตอร์ถูกล้อมเอาไว้โดยทหารนับไม่ถ้วน กองกำลังอัศวินที่ถือโล่อยู่ภายนอกทำให้แสงจ้าของดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงสะท้อนเข้าไปในคฤหาสน์ผ่านหน้าต่างที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ จนคนที่อยู่ข้างในต้องหรี่ตา
ธงมากมายที่โบกสะบัด เสียงแตรสงครามที่ดังอย่างต่อเนื่อง และฝีเท้าของกองทัพที่ใกล้เข้ามา สั่นสะท้านหัวใจของผู้ที่อยู่ภายในคฤหาสน์ด้วยความกลัว พวกเขาอดไม่ได้ที่จะสังหรณ์ใจไม่ดี
ลิเลียนจ้องมองซาร์โทนี่และคนอื่น ๆ ด้วยสายตาอันเย็นชาราวกับจ้องมองไปที่ซากศพ…
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 2 นั้นทรงพลังมากก็จริง แต่สำหรับลิเลียนแล้ว ความแตกต่างเพียงระดับแก่นแท้เดียวไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลยด้วยพลังอันท่วมท้นของเธอ
สำหรับเหล่านักรบผู้มีชื่อเสียง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเสาหลักของความเจริญรุ่งเรืองในจักรวรรดิออสทีนโบราณ ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 2 เช่น ซาร์โทนี่ ไม่ต่างอะไรมากไปกว่าคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยากกว่าปกติเล็กน้อย…
ด้วยความเป็นจริงนี้ ซาร์โทนี่จึงไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวอะไรอีก
นั่นก็เพราะตอนนี้ภายในคฤหาสน์มีอัศวินจาภาคีอัศวินสีครามระดับระดับแก่นแท้ 4 กว่าร้อยคนอยู่
ลิเลียนนั้นแทบไม่ต่างอะไรไปจากป้อมปราการเดินได้ แม้ก่อนหน้านี้กลุ่มภราดรภาพแห่งการกอบกู้อาจจะเป็นผู้ที่ควบคุมสถานที่แห่งนี้ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในทันทีที่ลิเลียนมาถึงที่นี่
เหล่าสาวกของภารดรภาพแห่งการกอบกู้ภายในคฤหาสน์ต่างสั่นสะท้านอย่างหวาดกลัวเมื่อต้องเผชิญกับกองทัพตรงหน้า โดยบางคนถึงกับยอมคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตา
อย่างไรก็ตามลิเลียนไม่มีความเห็นอกเห็นใจใด ๆ ต่อพวกเขา
เธอไม่สามารถให้อภัยใครก็ตามที่กล้าดูหมิ่นน้องชายของเธอได้ แต่แล้วเธอก็มอบสิทธิ์การตัดสินใจให้กับโรเอล…
ตอนนั้นเองที่โรเอลหายตกใจจากการได้เห็นกองทัพในตำนานที่เขาเคยอ่านเจอในบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่กลายเป็นความจริง เมื่อสังเกตเห็นการจ้องมองของลิเลียน เขาก็ได้แต่ส่ายหัว
“มันยังเร็วเกินไป” โรเอลกล่าว
เด็กหนุ่มบีบมือของลิเลียนหวังที่จะปลอบโยนเธอ ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้เปิดเผยความไม่พอใจใด ๆ ต่อการตัดสินใจนั้น เธอเพียงแค่หันกลับมาหาโรเอลด้วยใบหน้าที่แดงก่ำขึ้นเต็มไปด้วยความรัก
“งั้นช่างพวกเขาไปก่อนก็แล้วกัน…”
ด้วยการโบกมือของลิเลียน ในที่สุดแตรสงครามก็หยุดลง พร้อมเหล่าอัศวินที่ลดอาวุธลงไปตาม ๆ กัน บรรยากาศอันตึงเครียดภายในคฤหาสน์สงบลงเล็กน้อย และซาร์โทนี่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะจบ!
“ซาร์โทนี่ ข้าขอบคุณในความปรารถนาดีของเจ้า ข้าพึงพอใจกับงานเลี้ยงที่เจ้าเตรียมไว้ให้มาก แต่ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่โอกาสเหมาะสำหรับการเจรจาอีกต่อไปแล้ว เจ้าคิดว่าอย่างไรบ้างล่ะ?”
“…ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”
ซาร์โทนี่เหลือบมองเหล่าอัศวินร่างสูงที่อยู่รอบ ๆ ตัว พลางตอบด้วยสีหน้ามืดหม่น
แม้เขาจะไม่รู้ว่าอัศวินเหล่านี้มาจากที่ไหน แต่ที่แน่ ๆ พวกเขาเหล่านี้ไม่เคยปรากฏตัวในสงครามครั้งนี้มาก่อน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ บุคคลที่สามได้เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว
ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ได้รับการเสริมกำลังในสนามรบมาอย่างกะทันหัน จะต้องแสดงความสามารถอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้รับอำนาจมากขึ้นก่อนที่จะดำเนินการเจรจาอีกครั้ง
ทั้งซาร์โทนี่และโรเอลต่างเข้าใจถึงเรื่องนี้ดี ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่มามัวเสียเวลาอยู่ที่นี่อีก…
“ถ้าอย่างนั้น ข้าคงต้องขอตัวก่อน เจ้าเพลิดเพลินกับงานเลี้ยงเล็ก ๆ ของตัวเองต่อไปเถอะ”
โรเอลพูดด้วยรอยยิ้มอันสดใส
จากนั้นเด็กหนุ่มก็หันหลังเดินออกจากคฤหาสน์ไปพร้อมกับลิเลียน โดยมีเหล่าอัศวินแยกออกเป็นสองแถวอย่างรวดเร็วคอยเปิดทางเดินให้กับพวกเขา
ซาร์โทนี่กัดฟันอย่างโกรธเกรี้ยวลับหลังร่างทั้งสองที่เดินจากไป แต่ในไม่ช้าเขาก็นึกถึงบางสิ่งที่นำความสงบมาสู่เขาได้ ทำให้รอยยิ้มดูถูกผุดขึ้นบนใบหน้าของเขา
“หัวเราะไปเถอะในตอนที่ยังทำได้…อีกไม่นานเวลาของพวกเจ้าใกล้จะหมดลงแล้ว!”
…
ไม่นานหลังจากที่พวกเขาออกจากคฤหาสน์ กองทัพของลิเลียนก็เริ่มสลายไป
แต่โรเอลก็ยังคงงุนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันอยู่ดี…
กองทัพทั้งหมดที่ปรากฏตัวขึ้นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นอัศวินขี่ม้าหรือทหารราบ ล้วนเป็นวีรชนที่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิออสทีนโบราณอันเลื่องชื่อ นักรบเหล่านี้มีชื่อเสียงอยู่ในยุคที่แตกต่างกันออกไป แต่กลับมารวมตัวกันเพื่อปกป้องราชินีเพียงคนเดียวของพวกเขา
แม้ว่าโรเอลจะรู้อยู่ก่อนแล้วถึงความสามารถอันยอดเยี่ยมของลิเลียน แต่สิ่งนี้นั้นก็เกินความคาดหมายของเขาไปมาก…
ถ้าหากโรเอลถือเป็นคนที่เหนือกว่าคนอื่น ๆ ด้วยพลังสายเลือดของตระกูลแอสคาร์ดแล้วล่ะก็ ลิเลียนก็น่าจะเป็นผู้ซึ่งสามารถสร้างสมดุลอันกลมกลืนกันระหว่างพลังสายเลือดของตระกูลแอสคาร์ด และคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดอาณาจักรของตระกูลแอคเคอร์มันน์
หรือก็คือสิ่งที่เธอทำได้สำเร็จนั้นเทียบได้กับปาฏิหาริย์…
ความคิดนี้ทำให้โรเอลตื่นเต้นมากจนร่างกายของเขาเริ่มสั่นเล็กน้อย ทว่าลิเลียนเข้าใจความหมายที่อยู่เบื้องหลังท่าทางนั้นผิดไป เธอจับมือเขาแน่นและปลอบโยนเขาเบาๆ
“อย่ากังวลไปเลย…ทหารของฉันไม่มีทางทำร้ายเธอแน่ ฉันขอสัญญา”
โรเอลรู้ดีว่าลิเลียนเข้าใจผิด แต่เขาก็ไม่คิดจะพูดถึงเรื่องนี้ต่อ เพราะพวกเขากำลังอยู่ต่อหน้าเหล่าสาวกของภาคีแห่งนักบุญ
ทั้งสองขึ้นรถม้าและเดินทางออกจากพื้นที่ไปในทันที
ในที่สุดเมื่อพวกเขาได้มีเวลาอยู่เพียงลำพังสองต่อสอง โรเอลก็ถามลิเลียนเกี่ยวกับสิ่งที่เธอได้ประสบมาในช่วงสองสามวันนี้
ปรากฎว่าลิเลียนนั้นตื่นขึ้นมาในเขตเมืองทางตอนใต้ ที่นั่นมีพวกลัทธิชั่วร้ายไม่มากเท่าไหร่นัก แต่ก็ถือเป็นบริเวณที่มักจะถูกทหารชุดเกราะดำบุกโจมตีในตอนกลางคืน ซึ่งเธอเองก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงสวดของพวกมัน
การที่ไม่มีโรเอลอยู่เคียงข้าง ทำให้ลิเลียนตกอยู่ในความสับสน เธอคิดว่าพวกสัตว์ประหลาดได้ทำร้ายโรเอลและจับตัวเขาไป เธอจึงทำการกวาดล้างสังหารหมู่พวกมันทั้งหมด ซึ่งทำให้กลุ่มภราดรภาพแห่งการกอบกู้พากันตื่นตระหนก
สาเหตุที่กลุ่มภารดรภาพแห่งการกอบกู้ไม่ได้ออกโจมตีเมื่อคืนนี้ น่าจะเป็นเพราะการอาละวาดของลิเลียน พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแบ่งกองกำลังออกมาเพื่อควบคุมเธอ
ลิเลียนตั้งใจจะอาละวาดต่อไปจนกว่าโรเอลจะสังเกตเห็น แต่แล้วในช่วงเช้าเธอก็บังเอิญได้ยินชื่อของเขาจากหนึ่งในสาวกของลัทธิชั่วร้าย เธอจึงมุ่งหน้าไปยังเขตเมืองทางเหนือ ซึ่งได้ยินมาว่าจะมีการเจรจาเกิดขึ้นในคฤหาสน์มินสเตอร์
เธอกำจัดทหารยามทั้งหมดออกไปในพริบตา และด้วยที่เสื้อผ้าเปื้อนเลือดที่สวมอยู่นั้นดูแย่เกินไป จนอาจจะทำให้โรเอลต้องอับอายในงานเลี้ยงได้ ดังนั้นลิเลียนจึงเข้ามาหาเสื้อผ้าชุดใหม่ในคฤหาสน์แทน…
ตอนนั้นเองที่เธอบังเอิญได้ยินซาร์โทนี่ล้อเลียนเขา
โรเอลพูดไม่ออกเล็กน้อยหลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ครั้งนี้เทพธิดาแห่งโชคลาภอยู่เคียงข้างพวกเขาจริงๆ
สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นไม่ได้มีความสำคัญสำหรับเขาเลยสักนิด เพราะสิ่งสำคัญที่สุดก็คือพวกเขาสามารถกลับมารวมตัวกันได้อีกครั้งแล้ว และเห็นชัดเลยว่าลิเลียนเองก็มีความคิดแบบเดียวกัน…
หลังจากนั้นโรเอลก็เริ่มเล่าเรื่องราวในฝั่งของตน
อย่างไรก็ตามเมื่อลิเลียนได้ยินการเคลื่อนไหวเสี่ยง ๆ ทั้งหมดที่โรเอลทำระหว่างทาง เธอก็รู้สึกอยากจะตำหนิเขาอย่างรุนแรง แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ทนไม่ได้ที่จะตำหนิเขา ท้ายที่สุดเด็กสาวจึงทำได้เพียงแสดงความไม่พอใจผ่านความเงียบ…
“รุ่นพี่?”
“…”
โรเอลกระพริบตาอย่างไม่เข้าใจ แต่เมื่อรู้สึกตัวเขาก็หัวเราะออกมา ก่อนจะจับมือของลิเลียนมาวางไว้บนหน้าอกของตน
“ไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอก ดูสิ หัวใจผมยังคงเต้นแรงเป็นปกติดี”
“…”
สีหน้าของ ลิเลียน บรรเทาลงเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดอันอ่อนโยนของโรเอล แต่เธอก็ยังคงยืนกรานที่จะประท้วงด้วยความเงียบ ทันใดนั้น จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจของโรเอล จากนั้นเขาก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงอันสิ้นหวัง
“อย่าโกรธผมเลยนะ พี่สาว”
“!”
ทันทีที่โรเอลพูดคำเหล่านั้น ร่างกายของลิเลียนก็กระตุกราวกับถูกสายฟ้าฟาด เธอมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึง
“อ๊ะ เมื่อกี้เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ?!”
“พี่สาว…” โรเอลตอบด้วยรอยยิ้ม
เขาไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นเรื่องผิดอะไร หากเรียกลิเลียนที่มีพลังทางสายเลือดเดียวกันแบบนี้ ด้วยความใกล้ชิดที่โรเอลรู้สึก ทำให้เขากล้าที่จะเรียกเธอแบบนั้น โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังเล่นกับไฟอยู่
มือที่สั่นเทาของลิเลียนเอื้อมออกไปแตะแก้มของโรเอล จากนั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
เธอโน้มตัวเข้าไปจูบเขา
“!”