ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - ตอนที่ 252: ฉลอง
บทที่ 252: ฉลอง
“โอ้ววว!”
ภายในสนามกีฬา ฝูงชนต่างโห่ร้องด้วยเสียงเชียร์ดังกึกก้อง เมื่อได้เห็นภาพของกรันด้าทำลายเหล่าเทรนท์ด้วยการชกเพียงครั้งเดียว ผู้คนก็เริ่มให้ความสนใจกับสถานการณ์รอบข้างโรเอลมากขึ้นเรื่อย ๆ
ป่าไจแอนท์วู้ดทำให้นักเรียนหลายคนในสถาบันเซนต์เฟรย่าบอบช้ำทางจิตใจ ทิ้งความทรงจำอันเจ็บปวดไว้ให้พวกเขาอย่างไม่มีวันลืม นักเรียนรุ่นพี่มักจะเริ่มกัดฟันด้วยความเกลียดชังทุกครั้งที่มีการกล่าวถึงสถานที่นั้น
แทนที่จะใช้ชื่ออันดูไร้เดียงสาอย่าง ‘ป่าไจแอนท์วู้ด’ มันควรได้รับการตั้งชื่อว่า ‘ป่าแห่งฝันร้าย’ แทนเสียด้วยซ้ำ เพราะสถานที่นั้นเต็มไปด้วยเจตนามุ่งร้ายต่อทุกคนที่กล้าเดินทางเข้าไปในส่วนลึกของมัน
ทุกอย่างดูเงียบสงบเมื่อนักเรียนเข้าไปในเขตป่าเป็นครั้งแรก แต่ในความเป็นจริง ฝูงมอนสเตอร์กลุ่มแรกได้มารออยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว ซึ่งพวกมันก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากเทรนท์ชั่วช้าที่ปลอมตัวเป็นต้นไม้ธรรมดา
สิ่งที่น่าโมโหยิ่งกว่านั้นก็คือ พวกเทรนท์เลือกที่จะรอเวลา เพื่อหาศัตรูที่มีความคุกคามมากที่สุดก่อนจะลงมือ และอาศัยจังหวะที่เหล่านักเรียนกำลังยุ่งอยู่กับหมาป่าปีศาจกลายพันธุ์ เปิดการโจมตีที่ทรงพลังใส่นักเรียนที่แข็งแกร่งในทันที
เหมือนกับคำพูดว่า ‘ตั๊กแตนตำข้าวสะกดรอยจั๊กจั่น โดยไม่รู้ถึงนกขมิ้นที่รออยู่เบื้องหลัง’ ในการทดสอบอื่น ๆ นักเรียนที่ต่อสู้อย่างกล้าหาญจะได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ในป่าไจแอนท์วู้ดนั้นแตกต่างกัน ผู้ที่ทำได้ดีที่สุดในการต่อสู้กับหมาป่าปีศาจกลายพันธุ์ จะถูกพวกเทรนท์โจมตีอย่างไร้ความปราณี
เมื่อจัดการศัตรูที่แข็งแรงที่สุดได้แล้ว นักเรียนที่เหลือก็จะไม่มีอำนาจในการพลิกสถานการณ์อีก แม้ว่าพวกเขาจะช่วยเหลือร่วมมือกันก็ตาม
นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมกลุ่มที่มายังป่าไจแอนท์วู้ดจึงถูกกวาดล้างอยู่เสมอ ๆ
ทว่าในคราวนี้กลับมีคนสามารถเอาชนะพวกเทรนท์ได้จริง ๆ และที่ทำให้ฝูงชนยิ่งตื่นเต้นกว่าเดิมก็คือยักษ์โครงกระดูกอันน่าสะพรึงกลัว ที่ได้แสดงออกมาเพื่อลงทัณฑ์เหล่าเทรนท์ชั่วร้าย ทันทีที่ยักษ์ทุบลงบนร่างต้นไม้อันหนาทึบของพวกเทรนท์ ฝูงชนก็รู้สึกได้ถึงไฟแห่งความตื่นเต้นที่หลั่งไหลผ่านร่างกายของพวกเขา
“ไม่น่าเชื่อเลย! เขากำลังจะผ่านบททดสอบนี้!”
“โอ้ว! นี่คือการแก้แค้นสำหรับพวกเราทุกคน!”
เสียงโห่ร้องจากฝูงชนดังมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
บนลานพิเศษของแขกผู้มีเกียรติ ใบหน้าของกลินท์ กลายเป็นสีซีดทันทีที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ ผู้ถือแหวนอายุน้อยรู้สึกขายหน้าเป็นอย่างมาก โชคดีที่เขาสามารถโล่งใจได้เกี่ยวกับเรื่องนั้น เพราะลิเลียนในตอนนี้ไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด
“นั่นมัน…”
อารมณ์ที่หายากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลิเลียน นัยน์ตาสีม่วงของเธอขยายออกด้วยความตกตะลึง เด็กสาวกระทืบเท้าด้วยความตื่นตระหนก แต่นั่นไม่ใช่เพราะประหลาดใจกับการปรากฏตัวของกรันด้า เนื่องจากเธอสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ที่ทรงพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวของโรเอลตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว สิ่งที่ทำให้เธอตกใจจริง ๆ ก็คือวิธีที่เขาร่ายคาถาใช้พลังเวทออกมา
“นั่นมัน… คาถาเวทประเภทการสร้างสรรค์เหรอ?”
เหมือนกับของเรา?
ลิเลียนแทบจะไม่สามารถปกปิดความตกใจของตนเองได้เลย การเคลื่อนไหวที่ตามมาของกรันด้ายิ่งช่วยยืนยันการคาดเดาของเธอ ก่อตัวให้เกิดความสงสัยขึ้นในใจของเด็กสาว
นี่คือเหตุผลที่องค์จักรพรรดิลูคัสห้ามไม่ให้เราติดต่อกับโรเอลงั้นหรือ? หรือมันเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญกัน?
ไม่ นี่มันไม่ถูกต้อง แม้ว่าเราจะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับพลังเหนือธรรมชาติของโรเอล แอสคาร์ด แต่เราก็รู้เกี่ยวกับพลังของบิดาของเขาอย่างคาร์เตอร์ แอสคาร์ดดี คาร์เตอร์ แอสคาร์ดไม่ใช่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติประเภทการสร้างสรรค์แน่ และคำสั่งที่สั่งไม่ให้เข้าใกล้ตระกูลแอสคาร์ดเองก็รวมถึงคาร์เตอร์ด้วยเช่นกัน หรือว่าบางทีทั้งสองเรื่องนี้อาจจะไม่เกี่ยวข้องกัน?
ระหว่างที่ลิเลียนกำลังคาดเดาสถานการณ์ โรเอลก็เริ่มอาละวาด
ผู้ที่อาศัยอยู่ในยุคปัจจุบันอาจจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเทรนท์ แต่โรเอลนั้นเป็นข้อยกเว้น เนื่องจากเขามีเทรนท์ต้นหนึ่งปลูกไว้ที่บ้าน ในวันที่เขาลักลอบขนเคเดย์กลับไปยังเขตการปกครองแอสคาร์ด ทั้งสองก็ได้พูดคุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ มากมาย
อันที่จริงเทรนท์สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภท เหมือนกับสัตว์และสัตว์อสูร เทรนท์ที่มีคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดมักจะฉลาดและเป็นมิตร ในขณะที่เทรนท์อีกแบบซึ่งไม่มี จะชั่วช้าและชื่นชอบความรุนแรงและการนองเลือด เพื่อที่จะได้ซึมซับเลือดเนื้อของผู้บาดเจ็บ พวกมันมีนิสัยชอบจัดการคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าในสนามรบ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่ดี เนื่องจากพวกมันมีแนวโน้มที่จะสามารถลอบโจมตีศัตรูได้สำเร็จ
หลังจากมาถึงป่าไจแอนท์วู้ด โรเอลสังเกตเห็นกองซากศพจำนวนมากรอบ ๆ ต้นไม้อันสูงตระหง่าน ประกอบกับการไหลเวียนของพลังเวทอันคุ้นเคย ทำให้เขาเชื่อว่ามีเทรนท์ซ่อนอยู่ในบริเวณใกล้เคียง เพียงแต่ว่าเด็กหนุ่มนั้นไม่สามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจนว่า ต้นไหนคือเทรนท์และต้นไหนเป็นต้นไม้จริง ซึ่งอาจทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายได้หากเขาตัดสินใจผิดไป
อย่างไรก็ตามในเมื่อตอนนี้ศัตรูทั้งหมดเลือกที่จะกระโจนออกมาด้วยความตั้งใจของพวกมันเอง ก็ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่โรเอลจะต้องยั้งมืออีกต่อไป
นี่ก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว นับตั้งแต่ที่โรเอลได้ไปถึงระดับแก่นแท้ 4 ทว่าเขากลับแทบจะไม่มีโอกาสได้ทดสอบพลังของตนเลย นี่จึงถือเป็นช่วงเวลาในอุดมคติสำหรับเด็กหนุ่มที่จะได้ปลดปล่อยความสามารถที่แท้จริงของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ ที่ถูกรายล้อมไปด้วยศัตรูโดยสมบูรณ์ในขณะที่ ‘พันธมิตร’ ของเขาค่อย ๆ หายไปทีละคน
ข้อดีเพียงอย่างเดียวในสถานการณ์นี้คือพวกเทรนท์นั้นยังคงประมาทเลินเล่อ และคิดว่าชัยชนะอยู่ในกำมือของพวกมัน ดังนั้นพวกมันจึงไม่ได้ถอนรากขึ้นมาเพื่อความคล่องตัว
ความประมาทนี้เป็นอันตรายถึงชีวิต เพราะเทรนท์ที่เคลื่อนที่ไม่ได้นั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากเป้านิ่งสำหรับโครงกระดูกยักษ์ เรียกได้ว่าการตัดสินใจที่ผิดไปนี้กำหนดผลของการต่อสู้ได้เลยทีเดียว
ตูม!
เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วป่าอีกครั้ง กำปั้นของกรันด้าพุ่งออกไปด้วยพลังเวทอันโชติช่วง ส่งเสียงแตกอย่างน่ากลัว สำหรับยักษ์แล้ว เทรนท์ระดับแก่นแท้ 4 ไม่ได้ต่างอะไรไปจากแผ่นกระดาษแข็ง ที่ต้องใช้แรงอีกไม่มากในการฉีก หมัดของกรันด้าต่อยทะลุลำต้นของต้นไม้เหมือนกระสุน ทำให้เศษไม้ระเบิดไปทั่ว
ถึงอย่างนั้นพวกเทรนท์ก็ยังไม่ยอมแพ้แม้จะอยู่ในสถานการณ์อันสิ้นหวัง พวกมันเริ่มเพ่งความสนใจไปที่กรันด้า ส่งเถาวัลย์พุ่งเข้าใส่โดยหวังว่าจะผูกร่างของยักษ์เอาไว้ชั่วคราว เพื่อซื้อเวลาสำหรับการถอนรากออกจากพื้นดิน ตราบเท่าที่พวกมันสามารถถอนรากออกจากพื้นดินได้ ไม่แน่ว่าพวกมันอาจจะสามารถพลิกสถานการณ์จนกลับมาได้เปรียบได้สำเร็จ
ทันใดนั้นการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างยักษ์กับพวกเทรนท์ก็อุบัติขึ้น ภาพตรงหน้าทำให้โรเอลหวนนึกถึงการต่อสู้ของหุ่นยนต์ขนาดยักษ์ที่ตนเคยเห็นในอดีตชาติ ทุก ๆ การเคลื่อนไหวของเหล่ายักษ์สั่นสะเทือนพื้นดิน เหล่านักเรียนที่รอดตายได้แต่มองดูการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่นี้อย่างยำเกรง สิ่งนี้เกินกว่าที่พวกเขาคาดว่าตนเองจะเจอในวันแรกของภาคการศึกษามาก
ขณะเดียวกันในสนามกีฬาที่มีการถ่ายทอดสดเหตุการณ์ในโบราณสถาน ความตื่นเต้นก็ได้เพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุด การต่อสู้แบบเรียลไทม์นี้ทำให้ทุกคนต่างมีอารมณ์ร่วมไปตาม ๆ กัน เสียงคำรามแห่งการเฉลิมฉลองจะก้องกังวานทุกครั้งที่กรันด้าสังหารเทรนท์ลงได้สำเร็จ
“ทุกคน ฉันรู้ชื่อของเด็กใหม่คนนั้นแล้ว เขาคือโรเอล แอสคาร์ด! มาให้กำลังใจวีรบุรุษที่กำลังลงทัณฑ์พวกเทรนท์ที่ชั่วร้ายพวกนั้นแทนเรากันเถอะ!”
“โอ้ว!”
“โรเอล! โรเอล! โรเอล!”
ผู้บรรยายปีนขึ้นไปบนม้านั่งใกล้ ๆ นำฝูงชนให้พูดเชียร์ไปกับเขา เสียงตอบรับนั้นมากมายมหาศาล เหล่าเยาวชนเลือดร้อนต่างยกแขนขึ้นสูง เลียนแบบการเคลื่อนไหวของกรันด้า ตะโกนคำว่า ‘โร เอล’ กันเยอะขึ้นเรื่อย ๆ
“เร็วเข้า ปรับอัตราส่วนต่างเร็ว!”
เจ้ามือพนันตะโกนสั่งอย่างรวดเร็วไปยังผู้ใต้บังคับบัญชา ทำให้เงินพนันสำหรับ ‘โรเอล แอสคาร์ด’ เริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว ถึงกระนั้นก็ยังมีหลายคนที่เดิมพันกับเขาเป็นสองเท่าได้ทันเวลา
คาถาเวทสำหรับเฉลิมฉลองถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้เกิดแสงสว่างจ้าส่องสว่างเบื้องหน้าเหล่าอาจารย์และนักเรียนที่อยู่บนลานระเบียงของสนามกีฬา คริสส่งเสียงหัวเราะอย่างร่าเริงขณะคาบบุหรี่ไว้อย่างตื่นเต้น
“ใช่แล้ว ซัดไอ้เวรนั่นเลย! ทำได้ดีมาก! ฮ่า ๆๆ…”
“รุ่นพี่คริส ใจเย็น ๆ หน่อยสิครับ!”
ด้วยสายตาที่จ้องมองมาของเหล่าอาจารย์คนอื่น ๆ นักเรียนของคริสจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้อาจารย์ของตนสงบลง แต่มันก็ไม่เป็นผล
กลินท์เดินออกจากสนามในทันทีที่เสียงเชียร์เริ่มขึ้น มีเพียงลิเลียนที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ดื่มชาต่อไปเพียงลำพัง เธอไม่ได้สนใจมองภาพกรันด้าต่อยและเตะเหล่าเทรนท์อีกต่อไป ต่างจากฝูงชนที่กำลังร้อนรุ่ม เด็กสาวได้เห็นสิ่งที่ต้องการแล้วเรียบร้อย
นั่นก็เพราะตัวแทนผู้ถือแหวนในปีนี้ ได้รับการยืนยันแล้ว
…
หมัดอันทรงพลังดั่งการปะทุของภูเขาไฟ ระเบิดลำต้นของเทรนท์ตัวสุดท้ายเป็นเศษไม้ ส่งส่วนอื่น ๆ ของมันกระจายไปทุกที่ เมื่อรู้ว่าสงครามจบลงแล้ว โรเอลก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลังจากที่ซากของเทรนท์ตัวสุดท้ายตกลงมาที่พื้น ผู้รอดชีวิตไม่กี่คนที่เหลืออยู่ก็ถูกส่งออกจากการทดสอบอย่างปลอดภัย ราวกับว่าพวกเขาได้เสร็จสิ้นภารกิจในฐานะพยานในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นี้ ส่วนโรเอลและกรันด้าเองก็ได้หยุดพักเช่นกัน
พลังเวทที่ปกคลุมร่างของโรเอลค่อย ๆ ดับลง ทำให้ร่างของกรันด้าสลายหายไป วิญญาณนำทางของเขาได้เติบโตขึ้นจนมีขนาดเท่ากับลูกบอลแล้วในตอนนี้ แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังยุ่งอยู่กับการดูดซับพลังเวทของศัตรูที่เด็กหนุ่มโค่นลงไป
โรเอลมองดูซากศพที่ขาดรุ่งริ่งอยู่รอบ ๆ ตัวเขาพลางถอนหายใจยาว ๆ ด้วยจำนวนเทรนท์ที่เขาฆ่า และหมาป่าปีศาจกลายพันธุ์ที่เขาบดขยี้โดยไม่ได้ตั้งใจในระหว่างการต่อสู้ เขาน่าจะเป็นคนที่กำจัดศัตรูในป่าไจแอนท์วู้ดไปมากกว่าครึ่ง
ด้วยประสิทธิภาพที่ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ของวิญญาณนำทาง มันน่าจะต้องใช้เวลานานกว่าจะรวบรวมพลังเวททั้งหมดจนเสร็จ
โรเอลจึงหามุมนั่งพักสักหน่อย ชมทิวทัศน์ท้องฟ้ายามราตรีที่เริ่มปลอดโปร่งขึ้นเล็กน้อย เมื่อเหล่าเทรนท์ขนาดมหึมาหายไปจนหมด เพลิดเพลินไปกับพระจันทร์สีเงินอันสวยงาม
ตามขั้นตอนปกติใน ‘ค่ำคืนแห่งปีศาจ’ สัตว์อสูรจะโจมตีมาเป็นระลอก แต่ละตัวจะแข็งแกร่งกว่าระลอกก่อนไปเรื่อย ๆ หลังจากจัดการศัตรูระลอกสุดท้ายที่เป็นสัตว์อสูรระดับแก่นแท้ 4 ได้แล้ว ผู้ที่เหลือรอดก็จะได้รับสิทธิ์ในการท้าทาย ผู้พิทักษ์แห่งแหวน
แน่นอนว่าไม่ใช่สัตว์อสูรระดับ 4 ทุกตัวจะมีไหวพริบและมีขนาดใหญ่เท่ากับเหล่าเทรนท์ อันที่จริงแล้ว เทรนท์ที่อาละวาดก่อนหน้านี้นั้นยากต่อการจัดการมาก หากเทียบกับสัตว์อสูรในการทดสอบอื่น ๆ อย่างไรก็ตามนี่เป็นบททดสอบที่เหมาะสำหรับโรเอลมาก เพราะมันทำให้เขาและกรันด้าได้อาละวาดอย่างหนำใจ
ถึงมันจะทำให้โรเอลดีใจมาก แต่เขาก็ยังต้องอดกลั้นเอาไว้
ความก้าวหน้าของโรเอลทำให้ความจุพลังเวทของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก และกรันด้าเองก็แข็งแกร่งขึ้นไปด้วยเช่นกัน ส่งผลให้การใช้พลังเวทของเขาเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต้องเล็งไปที่การโจมตีเพียงครั้งเดียวในการสังหาร เพื่อยุติการต่อสู้ให้รวดเร็วที่สุด
ระหว่างที่วิญญาณนำทางกำลังยุ่งอยู่ โรเอลเริ่มฟื้นฟูพลังเวทอย่างรวดเร็ว ในความเป็นจริงเขาสามารถจัดการศัตรูได้ด้วยวิธีที่สบายกว่านี้มาก แต่เมื่อรู้ว่าการต่อสู้จะถูกถ่ายทอดสดไปยังสถาบันการศึกษา เด็กหนุ่มจึงต้องเลือกวิธีที่เผยข้อมูลออกมาให้น้อยที่สุด แม้ว่านักเรียนส่วนใหญ่น่าจะสนใจนอร่าและชาร์ล็อตมากกว่า แต่การที่เขาช่วยพอลและสร้างความโกลาหลในช่วงเช้า ทำให้น่าจะมีคนที่สนใจในตัวเขาอยู่ด้วยเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ โรเอลจึงคิดที่จะสู้ไปพร้อมกับกรันด้าที่เขาคุ้นเคยที่สุด ความแข็งแกร่งของกรันด้านั้นเรียบง่ายและไม่มีอะไรจะแสดงให้เห็นมากนัก แม้จะลำบากหากต้องรับมือศึกที่มีระยะเวลานาน แต่ก็มีพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวเป็นสิ่งทดแทน
โชคดีที่ไม่มีการถ่ายทอดสดในศึกของผู้พิทักษ์แห่งแหวน ดังนั้นโรเอลจึงสามารถใช้ไพ่ตายทุกอย่างของเขาได้โดยไม่ต้องกังวล
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ ๆ ผ่านไป วิญญาณนำทางก็รวบรวมพลังเวททั้งหมดในพื้นที่จนเสร็จสิ้น และกลับมา ซึ่งโรเอลก็สามารถฟื้นตัวกลับมาได้พอสมควร จนการหายใจสงบลงแล้ว เด็กหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปในป่าหมอกอีกครั้ง ตามวิญญาณนำทางที่เปล่งแสงระยิบระยับไปข้างหน้า
หมอกนั้นหนาแน่นกว่าเดิมมาก เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ เพียงไม่กี่วินาที ภาพเงาของโรเอลก็หายไปอย่างสมบูรณ์ภายใต้เงาปกปิดของหมอก
และแล้วการต่อสู้ครั้งสุดท้ายก็ได้เริ่มต้นขึ้น