ถนนสู่อาณาจักร – Oukoku e Tsuzuku Michi - ตอนที่ 232 นักล่ามังกร ② ศึกแห่งความตายในถ้ำ
–มุมมองเอเกอร์–
มังกรคำรามอีกครั้ง
มันรู้สึกแรงพอที่สติผมจะดับถ้าผมผ่อนกล้ามท้องแม้ว่านิดเดียว
บางทีเมื่อได้รู้ว่าทำให้ผมสลบเหมือนคริสตอฟไม่ได้ มังกรหยุดคำรามและเข้าหาผมแทน
มันน่าจะอยากใช้วิธีตรงๆกว่านี้
「ล-ลินต์บลูม…… หัวหน้า ……มังกรนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ท่านสู้ได้!」
กิโด้สั่นระหว่างอยู่ในท่ายืนพร้อมคู่ดาบตอนเขาบอกผมด้วยหน้าเปื้อนน้ำตา
ไม่มีใครโทษเขาได้ การขอให้เขาสงบต่อหน้ามังกรตัวใหญ่ยักษ์สูงเป็นสิบๆเมตรมันเป็นไปไม่ได้
นั่นทำให้ผมนึกได้ ผมจำได้ว่าได้ยินเกี่ยวกับมังกรในตำนาน
ผมไม่รู้ว่ามันเป็นตัวเดียวกันไหม แต่มันอาจมีปัญญา
ผมจะลองคุยกับมัน
「เราขอโทษที่รบกวนที่หลับที่นอน เราจะไปแล้วตอนนี้เพื่อที่คุณจะกลับไปงีบต่อ……」
เมื่อผมยังพูดอยู่กลางคัน มังกรยกขาหน้าและฟาดด้านข้าง
ผมกระโดดถอยหลังได้แบบเกือบๆหลบไม่ได้ แต่แรงดันลมมันพอส่งผมเซถอยหลังไปสามก้าว
「……ดูเหมือนคุยไม่ได้ผล ทุกคน กระจายตัว」
ความต่างของขนาดมันมากเกินไป ดังนั้นถ้าเราอยู่ด้วยกันมันจะขยี้เราทีเดียวพร้อมกัน
คนหนึ่งต้องหลบการโจมตีระหว่างอีกคนโจมตีสวน
โชคดีที่มันไม่ได้เร็วมากถ้าดูจากการโจมตีก่อนหน้า
ทุกคนนอกจากคริสตอฟควรเร็วพอหลบได้
พูดนั่น มันเชื่อยากว่าดาบธรรมดาจะเข้าเกล็ดดูสุดถึกที่ปกคลุมทั้งตัวขนาดยักษ์ของมันได้
แค่อาวุธเดียวเท่านั้นที่ดูได้ผลคือค้อนผมและขวานบัลบาโน่
「พวกนายไม่ต้องกังวลเรื่องโจมตีและมีสมาธิกับการหลบ บัลบาโน่และฉันจะโจมตีดังนั้นหนีไปข้างบนเมื่อเราสร้างช่องโหว่」
ผมใช้น้ำเสียงเชิงดุระหว่างยกค้อน
จุดที่สูงที่สุดที่ผมโจมตีไปถึงคือขาหน้ามันมากที่สุด
ผมไม่ได้จะทำการโจมตีถึงตาย แต่มันอาจดิ้นเจ็บปวดถ้าผมตีนิ้วมันหักหรือบางอย่าง
ผมแม้แต่เจ็บสุดๆเมื่อผมนิ้วโป้งเท้าเตะโต๊ะ
「ฉันไม่สนว่าแกลินต์บลูมหรือใครก็ช่าง แต่โดนตีด้วยค้อนระหว่างหลับไม่ได้-……」
ผมหยุด
ผมว่าผมก็รู้สึกเหมือนอยากฆ่าบางคนจากความโกรธถ้านั่นเกิดขึ้นกับผม
「มันมาแล้ว!!」
เหมือนเข้าใจความคิดผม มังกรคำรามโกรธเคืองและกวาดขาหน้าใส่เราอีกครั้ง
ทิศของกรงเล็บมันไปทางซีเลียและครอล ผมหวังว่าพวกเธอหลบมันได้
「คุ! กวาดฉันไม่ได้หรอก!」
ซีเลียกระโดดออกข้างและม้วนหน้าหลบกรงเล็บ
ระหว่างนั้นครอลปิดตาและยืนนิ่งๆ
「ไอ้โง่ หลบสิวะ!」
ผมตะโกนด้วยสัญชาตญาณใส่เขา
กรงเล็บใหญ่ดูเหมือนจะฉีกครอลเป็นชิ้นๆ
「ฉันเห็นมัน!」
ทันใดนั้น ตาครอลเปิดกว้างเร็วๆ จากนั้นหลบกรงเล็บแบบเฉี่ยวขนก่อนกระโดดไปข้างหน้า จากทางเลือกทั้งหมด
เขาฟันแแขนเท่าซุงด้วยดาบไม่ได้ชักและเสียงดังเหมือนฟันเหล็กก้องทั่วถ้ำ
「ไม่มีอะไรที่ดาบฉันฟันไม่ได้」
ในเวลาเดียวกันครอลที่ครอลพูดจบประโยค
ใบมีดดาบเงาๆของเขาตกไปแทงพื้น
「ดาบแกหักแล้ว」
「หือ……?」
ดาบครอลหักครึ่ง
「น่าอายจริง……」
「เหมือนฉันพูด นายไม่ต้องโจมตี ถ้านายไม่ฟังว่าฉันพูดอะไร นายจะโดนซั่มตูดนะโว้ย!」
「เฮ้ซี้ งั้นนายไปทางนั้นเหรอ?」
อ้าก มันไม่ใช่เวลาเรื่องนั้นเลยบัลบาโน่
เจ้านั่นโจมตีอีกแล้ว
มังกรไม่ได้สนเกี่ยวกับการโจมตีสวนเบาๆของครอลด้วยซ้ำ มันโกรธแทน
น่าจะเพราะเหวี่ยงใส่ลม มันยกขาหน้าสูงอีกครั้ง
「มันจะขยี้เรา! กระโดดถอยหลัง」
มันเล็งกิโด้
แขนเหวี่ยงลงแรงกว่าก่อนหน้า
「ม-มาสิ…… กุว้า!」
แขนที่กระแทกพื้นด้วยพลังไม่น่าเชื่อทำเศษหินกระจายไปทุกทาง
กิโด้รีบกันด้วยโล่แต่ไม่ได้ปิดทั้งตัวเขาได้ขณะเขาล้มหลังหินนับไม้ถ้วนกระเด็นใส่แขนขาเขา
「ไปเร็ว ซี้」
「ใช่」
ทันทีที่แขนนั้นลงพื้นและสร้างช่องเปิดค่อนข้างใหญ่
บัลบาโน่และผมวิ่งใส่มังกรพร้อมกัน
มันยังเล็งกิโด้ต่อ
เพราะมันจะแค่โจมตีอีกทีเดียวเพื่อจัดการเขา
มันควรถอยถ้าเราตีขาหน้ามันได้ก่อนมันโจมตีเสร็จ
อย่างไรก็ตาม มังกรไม่ได้โจมตีต่ออย่างไม่คิด
มันรีบหันมาสนใจเรา พยายามกวาดเราด้วยขาขวา
「นนนนนนุ!」
บัลบาโนที่เป็นเป้าหมายกลิ้งหลบออก
คนจะคิดว่าดวอร์ฟแบบเขาเคลื่อนไหวช้า แต่เขาไม่ได้เชื่องช้า
「เสร็จฉันล่ะ!」
บัลบาโน่ที่ไปถึงมังกรก่อนผม เหวี่ยงขวานแรงๆใส่ขามังกร
ขวานดวอร์ฟควรผ่าขานั้นได้ถ้ามันใหญ่เท่าท่อนซุง
เสียงเหล็กคมดังขึ้น
「……อะไรกัน-」
「งั้นมันไม่ดีพอเหรอ?」
ขวานบัลบาโน่หักครึ่งใกล้ด้าม
ใบมีดที่เต้นในอากาศก่อนลงพื้นก็งอเป็นรูปเกล็ดมังกรด้วย
แม้แต่ขวานที่ทำจากโลหะดวอร์ฟทะลุเกล็ดเจ้านั่นไม่ได้
และตอนนี้ผมเป็นคนเดียวเท่านั้นที่มีอาวุธดีๆ
พุ่งไปข้างหน้ามังกรช้าไปหนึ่งจังหวะ ผมเหวี่ยงค้อนโดยใช้ประโยชน์จากการวิ่งด้วย
ผมจงใจเล็งปลายเท้า
ค้อนที่ผมถือทำจากวัสดุเดียวกับขวานที่หัก มันเลยน่าจะได้ผลลัพธ์เดียวกันถ้าผมตีได้ดีๆ
「ฉันจะตีนิ้วโป้งแก!」
ไม่ห่างไปจากจุดที่ผมเล็ง ค้อนทุบฐานกรงเล็บมังกรอย่างแม่นๆ
การกระแทกทำเสียงทึบและการสะท้อนใส่แขนผมทำให้ผมรู้สึกชา
เมื่อผมดูค้อน ผมเห็นว่ามันแบนและด้ามงอ
อย่างไรก็ตาม ผมบอกได้ว่าการโจมตีมันมีประสิทธิภาพ
ไม่มีเลือดไหลออกและกรงเล็บและกรงเล็บไม่ได้หักแต่ร่างกายมันกระตุกเมื่อผมโจมตีโดนเป้า
หน้าเบี้ยวด้วยความโมโหและเจ็บตอนมันจ้องผม ไม่สนบัลบาโน่ที่หนีและกิโด้ที่ล้ม
ถ้าอย่างนั้นมังกรรู้สึกเจ็บเมื่อนิ้วเท้าถูกทำร้ายด้วย
ผมจำเป็นต้องใช้โอกาสนี้ให้ทุกคนหนี
「วิ่งหนีสิบัลบาโน่ ฉันจะคิดบางอย่าง」
ตอบผมพูด ผมถือค้อนเบี้ยวด้วยมือซ้ายเพื่อให้ผมเหวี่ยงแอ่งคู่ได้ด้วยแขนขวา
「ขอโทษที่ฉันไม่มีพลัง」
บัลบาโน่ฟังอย่างเชื่อฟัง เอากิโด้ขึ้นไหล่ก่อนหนี
อย่ากังวลมันสู้ยากพอที่ต้องสู้ระหว่างห่วงซีเลียและครอล
มันง่ายกว่าถ้าเจ้านั่นเล็งผมอย่างเดียว
มังกรคำรามอีกแม้ว่าผมชินมันเพราะเป็นครั้งที่สามแล้ว
「เอาล่ะนนะ」
ผมวิ่งตรงไปข้างหน้าพร้อมค้อนและดาบในมือ
อย่างแรกผมฟันข้างแนวนอนด้วยมือขวา
ผมยองลงเตี้ยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้เพื่อไม่ให้โดนโจมตี
ต่อมามันเหวี่ยงแขนซ้ายใส่ผม
ผมเปลี่ยนทางและวิ่งเป็นเส้นตรง
ผมใช้ค้อนเพื่อทำลายหินใหญ่ที่กระเด็นใส่ผมจากคลื่นกระแทกแล้วรับการโจมตีจากหินเล็กๆด้วยร่างกาย
มันเจ็บอย่างเป็นธรรมชาติแต่ไม่ควรสร้างความเสียหายหนักถ้ามันไม่โดนนหัว
ตอนนี้เจ้านี่จะตอบสนองอย่างไรเมื่อผมเข้าระยะเท้ามันระหว่างหลบทั้งสองแขน?
มันจะทำให้อะไรง่ายขึ้นถ้ามันถอย แม้ว่าผมว่ามันจะไม่ทำแบบนั้นหลังจากโมโหที่โดนทุบนิ้วเท้า
แน่นอนตอนที่ผมเข้าใกล้ มังกรพยายามกัดผม ยืดคอและเปิดปากใหญ่ๆ
「ทางนี้!」
ผมเหวี่ยงค้อนใส่คางเมื่อมันอ้าปาก
ของหนักๆหมุนในอากาศหลายครั้งก่อนกระแทกใส่ฟันมันหนึ่งซี่
รับนั่นไป แกไม่มีเกล็ดข้างในปากใช่ไหมล่ะ
อาวุธทำเสียงทึบๆก่อนฟันนั้นหักที่โคน
「โอ้ยย……」
ผมได้ยินซีเลียร้องอยู่หลังผม
โอ้ใช่ เธอเป็นไปอุดฟันไม่นานนี้
「ฉันยังไม่เสร็จ!」
ผมเหวี่ยงแอ่งคู่ใส่จมูกมังกรที่หยุดเคลื่อนไหวเพราะเจ็บ
มันปิดปากด้วยปฏิกิริยาตอบสนองเพื่อให้ผมฟันเกล็ดมัน มันจะดีถ้าดาบไม่หัก
ถ้าแอ่งคู่หัก นนน่าจะร้องไห้ระหว่างหัวโขกผมเป็นร้อยที
เสียงกระแทกเหล็กทึบๆดัง จากนั้นบางอย่างหล่นลงพื้นไม่นานหลังจากนั้น
มันเป็นเกล็ดมังกร
「ท่านทำมัน!」 「มันเลือดไหล!!」
ซีเลียและบัลบาโน่ส่งเสียงดีใจ
แอ่งคู่ฟันจมูกมันและเลือดสีแดงพุ่งออกมา
「……」
อย่างไรก็ตาม ผมไม่ดีใจ แอ่งคู่ฟันใส่ร่างกายมันแน่นอนแล้ว
กระนั้น ผมคิดว่าผมจะฟันลึกๆและตัดสวยๆจากจมูกถึงคาง
「เกล็ดน่าประทับใจจริง」
ผมสามารถทำเกล็ดหลุดเกล็ดหนึ่ง
แลกเปลี่ยน มันสะท้อนใส่แอ่งคู่และไม่ให้ผมฟันหน้ามัน
「นี่จะสู้ยาก」
ผมตั้งมั่นหัวใจ
ถ้าผมฟันตัวมันขาดไม่ได้ผมต้องเล็งไปจุดตาย
ผมไม่รู้ว่าจุดตายมังกรอยู่ที่ไหนเป็นพิเศษ แต่เหมือนสิ่งมีชีวิตทั้งหมด น่าจะเป็นหัวหรือหัวใจ
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะตัดหัวมันผมเลยต้องแทงมันจากกระหม่อมหรือหัวใจมัน
แอ่งคู่ไม่ได้เป็นดาบเล็กพอสำหรับคู่ต่อสู้นี้
มากกว่านั้นมันยาก แม้แต่ด้วยกำลังของผมที่จะฟันทะลุเกล็ดแข็งของมัน
「ทำอะไรดีล่ะ?」
ถ้าผมรับการโจมตีเต็มๆ ผมจะแบนเหมือนแมลงโดนบี้
การต่อสู้นี้ไม่ยุติธรรมเกินไป
「เอเกอร์ซามะ…… ยิ้ม」
ผมยิ้มมุมปากแบบไม่ได้ตั้งใจ
การสู้แบบนี้น่าจะทำให้วิญญาณผมติดไฟได้มากกว่าขยี้ก็อบลิน
แม้ว่าโมโหจนบ้าจัดที่ฟันหักและเลือดออกจมูก มังกรดูเหมือนเห็นผมเป็นมากกว่าแค่แมลง
มันกางปีกที่พับมาตลอดและกระพือมันหนึ่งครั้งเพื่อดันตัวเองไปข้างหลัง
มันสร้างลมกรรโชกจากการกระพือทีเดียวของปีกที่ทำให้ผมเสียหลักวางเท้า
「อุโออ้ ลมแรงจริง」
「ห-หัวหน้า…… ลินต์บลูม…… บินได้……」
กิโด้ที่ถูกแบกโดยบัลบาโน่พยายามแจ้งผมอย่างอยู่ไม่สุข
อย่ากดดันตัวเอง นอกจากนี้มันสายไปแล้ว
มังกรขึ้นไปบนอากาศและจากนั้นบินมุดลงมาใส่ผม
ความเร็วมันต่างจากอะไรจากก่อนหน้าเป็นดวงดาวเลย
「มันจะไม่ทันถ้าใช้หัว」
ผมไม่มีเวลาคิดว่าจะหลบอย่างไร
ผมตั้งใจมองเจ้านั่นอย่างเดียวและพึ่งสัญชาตญาณเพื่อบิดร่างหลบ
ผมหลบกรงเล็บ, เขี้ยว, และหลบการถูกจับกดโดยร่างมัน แต่ยังโดนหางมันฟาดเอา
แค่เมื่อผมคิดว่าผมโดนฟาด ผมกลิ้งบนพื้นรัวๆ
「อ๊าา! ฉันจะกลับไป!」
「เธอจะแค่เข้าไปขวางถ้าเธอไป! แค่กลับขึ้นไป」
ผมเห็นบัลบาโน่ที่แบกซีเลียที่ตะโกนและกลับไปที่เชือกแม้แต่ตอนที่โลกหมุนรอบผม
หลังจากกลิ้งนานอยู่ ผมกระแทกกำแพง
ผมตรวจร่างกายตัวเองระหว่างทนความเจ็บที่คมๆ
กระดูกไม่หักและเครื่องในไม่ได้กระเด็นออกจากอก
มันดูเหมือนผมสะดุดหางมันแทนโดนมันฟาด
โชคดีที่ผมกลิ้งนิดหน่อยและความเร็วช้าลง
「ก่ะโบ่ะ! ก่ะโบ่ะ!」
ทั้งหมดที่ผมรู้คือมันเจ็บและผมเห็นทุกอย่างหมุนกับทุกอย่างในท้องผมออกมา
แต่เพราะนั่น ผมว่าผมสร่างเมาด้วย
มังกรไม่ได้มีเจตนาให้ผมฟื้นหลังทำผมกระเด็นบนพื้น
การก้าวเท้าสั่นพื้นดินมาถึงผมและจากนั้นมันยกขาอย่างช้าๆ
ถ้าอย่างนั้นมันอยากขยี้ผมใต้เท้า
ผมคอยดูการเคลื่อนไหวและแกล้งทำเป็นอาเจียนต่อ
ทันทีเมื่อเท้ามันกำลังลงมา ผมกลิ้งไปข้างๆเพื่อหลบอย่างฉิวเฉียด
「นี่เป็นการโจมตีไม่เท่แต่……มันเจ็บ」
ทันทีที่ผมลุกขึ้นและเหวี่ยงดาบใส่ขาล่าง
ใบมีดคมของแอ่งคู่ฟันเข้าระหว่างนิ้วและกรงเล็บมัน
ไม่เหมือนคำรามขู่ก่อนหนน้า มันร้องเสียงที่เหมือนเสียงหลงมากกว่า
ฟุ่ฟุ่ฟุ่ มันเจ็บไม่ใช่หรือ
ผมทำเหมือนกันด้วยอุบัติเหตุเหมือนผมตัดเล็บด้วยมีดเล็กๆ
ผมอยากร้องไห้จริงๆเมื่อตอนนั้นเกิดขึ้น
มังกรกางปีกอีกครั้งและบินในอากาศ สร้างระยะระหว่างเรา
ผมรีบถอยจนกว่าผมใกล้กำแพงถ้า
เท่าที่ผมอยู่ที่นี่ มันบินลงเร็วๆและบินใส่ผมไม่ได้
หรือมันจะกระแทกกำแพง
มังกรลอยในอากาศแต่มันไม่เข้าหาผม
ผมคิดว่ามันกลัวกำแพงแต่บางอย่างดูแปลกไป
มันหันหน้ามาทางผมระหว่าสูดอากาศ
「ห-หัวหน้า…… ลินต์บลูม……กุ่……」
กิโด้ที่บาดเจ็บตะโกนอีกครั้ง
「ลินต์บลูม…… พ่นไฟได้……」
「สายไปแล้ว!!」
ทันทีเมื่อกิโด้พูดจบประโยค ไฟเหมือนสายน้ำยิงออกมาจากปากมังกร
พลังของมันทำให้แม้แต่เวทมนตร์ของอลิสดูเหมือนเด็กเล่นกับไฟและไม่ได้ดูเหมือนผมจะหลบได้
「แต่แม้อย่างนั้น……」
ผมเหวี่ยงแอ่งคู่
「มันไม่แย่เท่าตอนนั้น」
เมื่อเทียบกับหายนะที่ภูเขาดาร์ด ความคล้ายนี่เหมือนเด็กเล่น
ผมเหวี่ยงแอ่งคู่ลงใสไฟที่เข้าหา
ไฟหน้าผมแยกออกจากกัน ทำให้ไฟเป็นสามกำแพง ไฟนึ่งที่ข้างบนและสองฝั่งข้างผม
ผมหลบการโจมตีตรงๆได้ แต่มันยังรู้สึกร้อนมาก
「เอเกอร์ซาม้าาาาาา! ม่ายยยยยยยย!!」
「อ-อย่าดิ้น เธอจจะตก! โออ้!」
ซีเลียต้องปัดมือบัลบาโน่ไป
เสียงกรีดร้องใกล้เข้ามา
ไฟถูกแยกแต่มันยังดูหุ้มผมเธอเลยน่าจะคิดว่าผมโดนเผาแล้วเมื่อเธอไม่เห็นผมจากข้างนอก
อย่ากังวล ไม่มีอะไรในกำแพงที่จะทำให้ไฟลาม
ไฟรอบผมดับลงด้วยหนูเลยจะเห็นพี่มีชีวิต
ผมได้ยินเจ้านั่นคำรามระหว่างเวลาสั้นๆก่อนไฟหยุด
ตามนั่นมา มีการสั่นมาจากลึกๆและการสะเทือนจากบางอย่างคล้ายถ้ำถล่มก่อนสุดท้ายมันจะเงียบ
ซีเลียกระโดดไปร้องไห้ไปใส่ผมเมื่อไฟหายไป และผมดูรอบๆผม ผมไม่เห็นสัญญาณเจ้านั่นอีกแล้ว
「หือ? มันไปไหน?」
บัลบาโน่ชี้เพดานด้วยหน้าไร้สีหน้า
「ห้อยเหมือนค้างคาว…… -เดี๋ยวดินั่นอะไร!?」
รูใหญ่เปิดออกมาจากเพดานถ้ำและแสงส่องลงเหมือนเทพเจ้ากำลังจะลงจากสวรรค์
มันแค่แสงอาทิตย์
「งั้นมันจะหนีไปเหนือพื้นดิน……」
「มันสร้างรูโดยแค่เอาหัวกระแทกใส่กำแพงทีเดียว ทางเข้าเดิมของมันอาจปิดตายแล้วด้วยถ้ำถล่ม」
「มันน่าจะไปหลังจากคิดว่าเอเกอร์ซามะโดนเผาตายแล้ว」
ถ้าแอ่งคู่ไม่ได้ฟันไฟแยก ผมจะเป็นชิ้นสเต็กแล้ว
โว่ว หินเปลี่ยนเป็นสีแดงและละลาย
ไฟนั่นมันทรงพลังแค่ไหนกัน?
「เพราะนายทำมันโมโห มันไม่ได้สนใจเราเลย」
「มันไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าทำให้รำคาญน่า」
เพราะผมกับบัลบาโน่ปลอดภัย เราผ่อนคลายและปล่อยมุขกันได้
ซีเลียกอดเอวผมพร้อมรอยยิ้มโล่งใจบนหน้า
ฟิ้ว นั่นเกือบไป เกือบไปมาก
「มังกรนั่นขึ้นไปบนดินเหรอ?」
มีอะไรครอล
ให้ฉันกอดนายด้วยเปล่า?
「……มังกรนั้นไปข้างนอกและผมเชื่อว่ามันจะเล็งลินต์บลูมต่อ」
ครอลและผมมองหน้ากัน
ซีเลียก็เข้ามาระหว่างยังจับผมและสามเราจ้องกันเงียบๆ
「เร็วเข้า! กลับไปที่เมือง!!」
ถ้าเจ้านั่นเข้าเมืองมันจะไม่จบด้วยผู้เสียชีวิตไม่กี่คน
ที่สำคัญกว่านั้นลีอาห์บวกแคลร์และพวกของเธอ เธอจะต่อต้านอะไรไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงหนี
「บัลบาโน่ ให้ฉันยืมอาวุธที่หนักและดีสุดที่มี!」
「แน่นอน! เราทั้งหมดจะไปที่เมืองด้วย เราแค่นั่งสบายและปล่อยเจ้านั่นไว้ไม่ได้」
เรารีบออกจากถ้ำและวิ่งตามอุโมงค์
บัลบาโน่เตะดวอร์ฟที่เมาไประหว่างทางเพื่อรวบรวมเพื่อนเขา
「นี่ดีสุดที่ฉันมี มันไม่ได้เบาพอที่มนุษย์จะถือได้」
ไม่สนทั้งหมดที่เขาพูด ผมหยิบค้อนศึกขนาดยักษ์ไว้ในมือซ้ายและวิ่งไปทางออก
「ในมือเดียวเลย? อย่างที่คิดกับซี้……」
อ้าก นี่ไม่ใช่เวลาพูด
「เอเกอร์ซามะ มังกรบินอยู่ ท่านจะโจมตีไม่ถึงด้วยดาบหรือค้อนถ้าไม่มีเพดาน」
「เธอน่าจะพูดถูก มากกว่านั้นมันมีเกล็ดพวกนั้น ลูกธนูจะไม่มีผลกับมัน」
พูดตรงๆ ผมไม่รู้เลยว่าจะสู้มันอย่างไร
มันอาจแค่เผาทั้งเมืองเลยก็ได้
ผมยังต้องให้เหล่าสาวๆหนีไปก่อนด้วยบางวิธี พร้อมหนีไปกับพลเมืองอื่นด้วย
「ดูเหมือนแคลร์ซังจะเละด้วย」
ผมอยากทำอะไรบางอย่างแต่ผมบินไม่ได้อย่างโชคร้าย
บัลบาโน่ที่ลูบหนวดหลังปิดตา พูดขึ้นมา
「นายชนะได้ถ้าไม่มีปีกนั่นเหรอ?」
「ฉันจะคิดบางอย่างถ้ามันตกพื้น」
「ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันมีความคิด!!」
บัลบาโน่ตะโกนดีใจในแบบหนึ่ง
「ฟุ่ฟุ่ฟุ่ มันได้เวลาใช้งานชิ้นเอกแล้ว!!」
น่าสนใจ ผมแน่ใจว่า ‘นั่น’ ทะลุเกล็ดมังกรได้แม้ว่าเกล็ดมันจะแข็งมากแค่ไหน
มาลากมันลงพื้นเถอะ
–มุมมองบุคคลที่สาม–
ศึกเมืองสีขาว
กำลังเสริมมาถึง วังหลวงเมืองสีขาว
「อิแวน กัลเช็นโก้ ผู้บัญชากรการปองกันสูงสุด」
「ครับพระองค์!」
เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่แต่งตัวหรูๆรวมกันในวังหลวงระหว่างศึกเมืองสีขาวดำเนินต่อไป
นั่งอยู่บนบัลลังก์พร้อมปิดตาตรงกลางคือจัตแลนด์ที่สอง
ตาทุกคนหันไปมองที่กัลเช็นโก้
เขานำทหารมามากมาเท่าที่เป็นไปได้มาสู่เมืองสีขาวกลางความวุ่นวายจากที่อัลเบนพ่ายแพ้
「พวกจักรวรรดิป่าเถื่อนมันบังคับประเทศให้สู้ศึกยากๆ」
「ถูกต้อง……」
มีเสียงปืนใหญ่ดังก้องมาระหว่างพูด
การทำศึกเล็กๆจะเกิดขึ้นบางที่ของกำแพงไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน
「ทิศตะวันออกตกอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว และแม้แต่เมืองหลวงภายในเหมือนจัตแลนด์การ์ดก็ถูกกระทำชำเราด้วยสงคราม」
กัลเช็นโก้ก้มหัวเงียบๆ
「และโทษนั้นควรตกอยู่ที่นายเพราะเป็นท่านผู้นำสูงสุด มีคำคัดค้านอะไรมั้ย?」
「ผมไม่มี รัฐมนตรีการทหาร ท่านผู้นำ」
รัฐมนตรีกิจการทหารพยักหน้า
หายใจก่อนพูดบางอย่างที่เขาต้องพูด
อย่างไรก็ตามจัตแลนด์ที่สองยกมือสบายๆและขัดเขา
「กัลเช็นโก้ ฉันไม่คิดว่านายไม่ภักดีหรือไร้ความสามารถ ทุกอย่างแค่ไม่เข้าทางนาย นั่นทั้งหมด」
「ผ-…… ผมไม่คู่ควรคำพูดท่าน」
กัลเช็นโก้ร้องไห้ขณะเขาทรุดไปคุกเข่าอย่างสลดใจ
เขาปกป้องดินแดนพ่อไม่ได้ เขาให้ภัยตกใส่พลเมืองและแม้แต่ปล่อยให้เมืองหลวงกลายเป็นสนามรบ
ในฐานนะทหาร ไม่มีความน่าอายไม่มีอะไรใหญ่ไปกว่านั้น
ผู้ปกครองของสหพันธรัฐโอลก้าถอนหายใจหนึ่งครั้ง
เหตุการณ์นี้ก็เจ็บปวดสำหรับเขาด้วย
「แต่การลงโทษหรือรางวัลที่แน่นอนเป็นชะตาของเจ้าหน้าที่ทหาร ต้องรับความรับผิดชอบ」
หลังจากพูดอย่างนั้น ราชาส่งสัญญาณให้รัฐมนตรีการทหารพูดต่อ
「อิแวน กัลเช็นโก้ นายจะถูกปลดจากการเป็นผู้บัญชาการการป้องกันสูงสุด มากกว่านั้น นายจะได้รับความรับผิดชอบที่พ่ายแพ้และและนั่นจะถูกจัด…… พรุ่งนี้เช้า」
กัลเช็นโก้ไม่ได้พูดอะไรเลยตอนเขายกร่างขึ้นและคำนับต่ำๆ
「ฉันคิดไม่ได้ว่านายจะหนีเพาะความสำเร็จที่มีมา บางคนจะถูกส่งไปที่บ้านพรุ่งนี้เช้า ดังนั้นนายทำอะไรตามสบายได้จนถึงตอนนั้น นายจะคืนเหรียญผู้บัญชาการที่มอบให้นาย」
หลังจากคำนับสุดท้ายได้ลึกพอแตะพื้น กัลเช็นโก้เริ่มออกจากห้องบัลลังก์
ราชาลุกขึ้นมาอย่างเร็วและตะโกนไปทางประตู
「กัลเช็นโก้! ……ลาก่อน」
「พระองค์ด้วยเหมือนกัน ดูแลตัวท่านด้วย ชัยชนะสู่สหพันธรัฐโอลก้า」
นายพล ที่อายุมากกว่า 50 ปีนิดหน่อยทำความเคารพที่สมบูรณ์แบบก่อนจากไป
ปล่อยให้ราชาจำภาพของลูกน้องมากกว่า 20 ปีในดวงตา
ทุกคนในห้องรู้ว่าการลงโทษจะไม่เกิดพรุ่งนี้ เหตุผลคือการลงโทษถูกจงใจวางกำหนดการในวันที่เขาถูกปลดเพื่อปกป้องเกียรติของผู้ชาย
ความพ่ายแพ้เริ่มด้วยกองเรือถูกสังหารหมู่ในศึกแรก ที่ที่ไม่ใช่อำนาจกัลเช็นโก้
เพื่อไม่ให้เสียเกียรติไปมากกว่าที่เสียไป จัตแลนด์ที่สองเองจัดเตรียมแบบนั้นไว้สำหรับเขา
「พระองค์ เพราะผลลัพธ์ได้โปรดเสนอชื่อผู้บัญชาการป้องกันสูงสุดใหม่」
「เสต็สเซิลฝ่าการปิดกั้นทางเหนือไม่ใช่เหรอ…… ได้สิ ทำให้มันเร็ว」
ราชาปิดหน้าแดงนิดหน่อยก่อนหาความสงบให้ตัวเอง
หลังเสนอชื่อ ฐานเมืองสีขาว
「ฉันมาร์ติน เสต็สเซิล ฉันถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการป้องกันสูงสุดเริ่มจากวันนี้」
เขายืนตรงและทำความเคารพทุกคนในฐาน
ระหว่างนั้น คนที่อยู่ตรงนั้นทั้งหมดดูเหมือนวิตกังวลในใจเล็กน้อยที่สุด
นั่นน่าจะเพราะคนที่เอาตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดแทนกัลเช็นโก้ที่เป็นชายหนุ่มดูเหมือนสามสิบกลางๆ
ชายดูหรูและหล่อพอเป็นดารานำบนเวทีได้ระหว่างเวลาสันติ แต่หน้าตาดูหละหลวมและพึ่งไม่ได้ของเขาทำให้เกิดความสงสัยในที่เหมือนสนามรบมากขึ้น
ไม่สนความรู้สึกไม่ปลอดภัยในตาของลูกน้องใหม่ ชายผมบลอนด์ที่ตัดมาอย่างดีมองทั้งห้องด้วยตาสีฟ้าสวยๆ
「ทุกคน ตาเต็มไปด้วยเลือด ไม่นอนมากี่วันแล้ว?」
ทุกคนมองหน้ากัน
「อืม นั่นเพราะพวกนัันจากจักรวรรดิโจมตีเราไม่หยุด……」
「เราแค่งีบเร็วๆเมื่อไหร่ที่มันเงียบ……」
「ไม่ได้นอนมากี่วัน? ตอบคำถาม」
「สามวัน!」 「ผมห้า!」
หลังจากลูกน้องรีบตอบ สีหน้ามาร์ตินผ่อนคลายและยิ้ม
「ได้เลย งั้นคำสั่งแรก พวกนายทั้งหมดไปนอนให้เต็มอิ่มจนกว่าพรุ่งนี้เช้า นายไม่จำเป็นต้องตื่นเพื่ออะไรทั้งสิ้นยกเว้นฉันเรียก นายก็จะกินให้อิ่มด้วย」
ลูกน้องมีสีหน้าสับสนกับคำสั่งกระทันหัน แต่มาร์ตินยิ้มและพูดต่อไป
「อะไรเล่า ศัตรูแค่ส่งกองกำลังเล็กๆมาเพราะพวกเขาไม่มีทางโจมตีแบบอื่นได้ การโจมตีเต็มอัตรามันสามวันก่อน ดังนั้นมันต้องใช้อย่างน้อยสี่วันเพื่อจัดระเบียบใหม่」
「แต่เราหลับไม่สนโลกได้ยังไงระหว่างศัตรูยืนหน้าเรา……」
มาร์ตินแทรกลูกน้องที่ยังแสดงความกังวล
「เอาตัวเองเป็นผู้บัญชาการศัตรูสิ」
น้ำเสียงช้าๆและเข้มแข็งก้องทั่วทั้งฐานที่เคยอยากสังหารกัน
「คู่ต่อสู้นายเป็นชายตาแดงที่ทั้งขาดการนอนและหิว」
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาจิ้มหน้าผากลูกน้องคนหนึ่งเบาๆ
「จากนั้นนายเป็นชายพร้อมพลังงานเต็มเปี่ยม หลับอย่างดีและอิ่มอย่างดี นายจะเอาคนไหนเป็นคู่ต่อสู่ล่ะ?」
มาร์ตินเพิ่มคำสั่งสุดท้ายในน้ำเสียงล้อเล่น
อารมณ์เครียดๆผ่อนเล็กน้อย
「นายต้องเรียนรู้เวลาระแวดระวังและเวลาผ่อนคลาย นายจะแค่ทำตัวเองเหนื่อยถ้าเครียดตลอดเวลา」
มาร์ตินตบไหล่ลูกน้องแต่ละคน
「นายผอมไป เนื้อ กินเนื้อ」
「ฮ่าฮ่า ผมอับอาย」
「นายเหม็น ไปอาบน้ำก่อนนอนแต่อย่าหลับในน้ำ อย่ามาตายก่อนไปทำสงคราม」
「พรืด รับทราบท่าน」
「นายดูเหมือนต้องการผู้หญิง ไปซ่อง」
「ผ-ผมยังบริสุทธ์」
「นายมีถุงใต้ตา เสียดายทักษะจีบหญิง ไปนอนทันที」
「ครับท่าน! ผมจะทำอย่างนั้นทั้งวัน!」
หลังจากวนรอบทุกคนแล้ว มาร์ตินได้รับความสนใจทุกคนอีกครั้ง
「อย่ากังวล เราจะชนะ ฉันพาไพ่ตายมาเป็นกำลังเสริม!」
หน้าต่างเปิดในเวลาเดียวกันที่คำพูดเหล่านั้นพูดออกไป
“กำลังเสริม” คำที่ทุกคนอยากได้ยิน
ลูกน้องทั้งหมดไปมุงรอบหน้าต่าง
「กำลังเสริมอยู่ไหน……?」
พวกเขาไม่เห็นกำลังเสริมที่คาดหวังว่าจะรอข้างนอกหน้าต่าง
อย่างเดียวที่มีคือทหาร 20,000 คนที่มากับมาร์ตินเมื่อเขาฝ่าแนวกั้นเพื่อเข้าเมืองสีขาวจากทางเหนือ
นั่นเป็นความรู้ที่รู้จักกันเยอะในฐานและพวกเขาไม่คาดว่ากำลังเสริม 20,000 คนจะมีอิทธิพลกับสภาพการต่อสู้ได้
เมื่อเห็นหน้าทุกคนสับสน มาร์ติดอ้าปากหัวเราะ
「ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! แค่อย่างที่คิดกับคนอดนอน เห็นไม่ชัด! ตั้งใจมอง ไม่ใช่แค่พื้นแต่ในอากาศด้วย」
ชายมองขึ้นใส่ท้องฟ้ามีเมฆและสีหน้าเปลี่ยนจากตกใจเป็นมีความสุข
บางอย่างสีขาวลอยลงจากท้องฟ้าสีเทา เมื่อสสารนั้นแตะหน้าหน้าของชายตรงหน้าต่างที่ชะโงกออกไป มันละลายเงียบๆและเปลี่ยนเป็นน้ำ
มันไม่ต้องพูดว่านั่นหิมะ ในที่สุดฤดูหนาวก็มาถึง
「ดู สุภาพบุรุษ มันหิมะตกที่นี่! ฤดูหนาวสหพันธรัฐมาถึงเราแล้ว!」
การพึมพำกันเปลี่ยนเป็นเสียงเชียร์
มันเป็นครั้งแรกที่กองทัพจักรวรรดิเข้ามาลึกข้างในสหพันธรัฐ ดังนั้นพวกเขาไม่ได้รับประสบการณ์ความหนาวเหมือนนรกจากฤดูหนาวสหพันธรัฐ
พวกเขาอาจใส่เกราะเหล็ก แต่พวกเขาไม่น่าจะเอาขนสัตว์มาด้วย
เพิ่มเติมทหารทาสอาจกำลังกึ่งเปลือยอยู่ด้วยซ้ำในอากาศอย่างนี้
「สุภาพบุรุษ กิน! นอน! เตรียมสำหรับเวลาโจมตีสวนที่จะมาถึงในไม่นาน」
นายพลในฐานรีบไปกินอาหารและพักร่างกายเหมือนพวกเขาเพิ่มพลังไว้ให้ศัตรู
หิมะตกใส่อย่างไม่เลือกที่บนทั้งสองกองทัพ ต้อนรับฤดูหนาวที่ยากลำบาก
สหพันธรัฐ ปะทะ จักรวรรดิ – เทียบกำลังทหาร (ปัจจุบัน + สูญเสีย = การเคลื่อนพลเต็มอัตรา ในกรณีที่เลขไม่ตรง มันหมายถึงมีกองกำลังสำรอง)
สหพันธรัฐโอลก้า
กำลังทหาร – ปัจจุบัน: 600 000 เคลื่อนพลเต็มอัตรา: 2 500 000 สูญเสีย: 1 700 000 เหยื่อพลเมือง: 940 0000
จักรวรรดิการ์แลนด์
กำลังทหาร – ปัจจุบัน: 2 110 000 เคลื่อนพลเต็มอัตรา: 3 100 000 สูญเสีย: 990 000 (ทหารทาสไม่นับ)
แปลโดย: wayuwayu
tipme : tipme.in.th/wayuwayutl
patreon (Ebook): patreon.com/wayuwayu
ได้โปรดโดเนทเพื่อสนับสนุนผู้แปล ด้วยการช่วยเหลือของท่านจะทำให้แปลต่อไปได้เรื่อยๆ ขอบคุณครับ
ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: http://linktr.ee/wayuwayu