ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 11 บทที่ 310 เขาเปลี่ยนไปแล้ว
หลินชิงเวย “การที่ฝ่าบาทเชื่อในตัวข้านั้นเป็นเรื่องที่ดียิ่ง บัดนี้ซีเฟยป่วยหนัก ฝ่าบาทไม่ต้องไปส่งข้า อยู่เป็นเพื่อนนางที่นี่เถิด”
แม้น้ำเสียงของหลินชิงเวยจะอ่อนโยนทว่าเซียวจิ่นฟังออกถึงความห่างเหินและท่าทีปฏิเสธของนาง ในใจของเขาเต็มไปด้วยรสชาติฝาดเฝื่อน เขาไม่พูดอันใดและพยักหน้า “ระหว่างทางกลับไประวังสักหน่อย” เซียวจิ่นยังสั่งให้ขันทีของตำหนักซวี่หยางใช้เสลี่ยงที่เขานั่งมาส่งหลินชิงเวยกลับไป
เซียวจิ่นยอมถอยให้นางก้าวหนึ่งแล้ว หลินชิงเวยจึงไม่ปฏิเสธอีก นางพาซินหรูถอยออกไปจากตำหนักบรรทมของซีเฟย
ยามออกจากตำหนักซีจิ่ง หลินชิงเวยขึ้นไปนั่งบนเสลี่ยง ซินหรูติดตามนางอยู่ข้างกายกลับไปอย่างเงียบๆ กระทั่งกลับมาถึงภายในเรือนของตนเอง ซินหรูจึงพูดว่า “พี่สาว ข้ารู้สึกตกใจเหลือเกิน”
หลินชิงเวยไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย นางเลิกคิ้วถามเรียบๆ ว่า “เป็นเพราะลวี่ถานถูกลงโทษให้ตายใช่หรือไม่?”
ซินหรูส่ายหน้า “ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าดูเหมือนฝ่าบาทเปลี่ยนไป…เขาไม่ใช่บุรุษผู้อ่อนโยนในอดีตคนนั้นอีกแล้ว ข้าย่อมเกลียดชังลวี่ถานเพราะนางให้ร้ายพี่สาว แต่ฝ่าบาทตัดสินโทษตายให้กับลวี่ถานเช่นนี้ ทำให้ข้าขนลุกจริงๆ”
หลินชิงเวยหัวเราะแล้วลูบศีรษะซินหรู “ซินหรู มนุษย์ทุกคนล้วนเปลี่ยนไป เขาเป็นถึงฮ่องเต้ หากเขายังคงเป็นฮ่องเต้ที่อบอุ่นอ่อนโยนตลอดเวลา แล้วจะมีบารมีปกครองคนรอบข้างได้อย่างไร เรื่องภายในตำหนักใน หากเขาไม่มีวิธีการรับมือที่แข็งแกร่ง ต่อไปไม่แน่ว่าตำหนักในจะวุ่นวายเพียงใด นี่ถือเป็นเรื่องเรือนหลังภายในครอบครัวของเขา พวกเราจะพูดอะไรได้เล่า?”
ซินหรูเงียบขรึม “ดูแล้วตำหนักในแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่พี่สาวควรรั้งอยู่นานจริงๆ เจ้าค่ะ คำพูดของลวี่ถานก่อนตายในคืนนี้ ดูเหมือนมีคนเจตนายุยงให้นางใส่ร้ายพี่สาวนะเจ้าคะ”
“ใช่แล้ว ทันทีที่ข้ากลับมาเรื่องยุ่งยากมากมายก็พุ่งเข้าชนข้าจนถึงเดี๋ยวนี้” หลินชิงเวยเข้าไปในห้อง นางพูดราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ลวี่ถานเป็นสาวใช้ที่จงรักภักดีคนหนึ่ง เพียงแต่นางโง่เขลาอยู่บ้าง นางเป็นห่วงว่าหลังจากข้ากลับมาแล้วจะทำให้เจ้านายของนางสูญเสียความโปรดปราน ดังนั้นจึงถูกคนยุยงอย่างง่ายดาย อย่าคิดอีกเลย อาบน้ำนอนเถิด”
“อ้อ”
หลินชิงเวยกลับมาเอนกายลงบนเตียง นางลืมตามองมุ้งในความมืดทว่ามิอาจหลับตาลงได้ วันนี้ลวี่ถานถูกลงโทษจนตายด้านนอกตำหนักบรรทมของซีเฟย หากซีเฟยยังมีความรู้สึกอยู่บ้างไม่มีทางที่จะไม่ได้ยิน อีกทั้งนางเห็นอย่างชัดเจนว่าปลายนิ้วของซีเฟยขยับเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่านางรู้สึกตัวและรับรู้
ลวี่ถานสำหรับซีเฟยแล้วเฉกเช่นซินหรูกับนาง เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าซินหรูรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบากว่าลวี่ถานมาก หลินชิงเวยจึงเข้าใจดีว่าซีเฟยจะรู้สึกอย่างไร
ถ้าหากต้องการมีที่ยืนอย่างมั่นคงในตำหนักใน มีสาวใช้เช่นลวี่ถานรั้งอยู่ข้างกายรังแต่จะทำให้เสียเรื่อง ในเมื่อเซียวจิ่นไม่ใช่เซียวจิ่นในอดีตแล้วจริงๆ เขามีความเย็นชาของฮ่องเต้ อายุยังน้อยแต่กลับตัดสินโทษตายให้คนคนหนึ่งโดยหน้าไม่เปลี่ยนสี เขาไม่ใช่เด็กน้อยที่เห็นการประหารตัดหัวแล้วกลับมาอาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตายคนนั้นเนิ่นนานแล้ว
อาการของซีเฟยดีขึ้นตามลำดับด้วยความช่วยเหลือของหลินชิงเวย นางตื่นขึ้นในวันที่สอง แต่กลับล้มป่วยลงอีก เป็นๆ หายๆ ไม่ดีขึ้น
สุขภาพของซีเฟยมีหมอหลวงเป็นผู้ดูแล ไม่มีคำสั่งของเซียวจิ่น ซีเฟยไม่มีอำนาจให้หลินชิงเวยมาตรวจอาการของนาง แต่วันนี้หลินชิงเวยสะพายล่วมยา พาซินหรูมาเยือนถึงตำหนัก
ทันทีที่เข้ามาในตำหนักบรรทมเห็นซีเฟยยังคงมีใบหน้าซีดเผือดดังเดิม สุขภาพอ่อนแอยิ่งยวด เวลานี้ภายในตำหนักบรรทมไม่มีคนนอกมีเพียงหลินชิงเวยและนาง
หลินชิงเวยตรวจชีพจรให้นาง นางยิ้มและพูดว่า “โรคของข้า คงรักษาไม่หายแล้วใช่หรือไม่?”
หลินชิงเวย “พิษที่สะสมอยู่ในร่างกายของเจ้าถูกขับออกไปหมดแล้ว เดิมทีเจ้าควรจะดีขึ้น แต่เจ้ามีเรื่องในใจที่ปล่อยวางไม่ได้ ดังนั้นสุขภาพของเจ้าจึงไม่อาจแข็งแรงเหมือนเดิม”
ซีเฟยได้ยินเช่นนั้นจึงคลี่ยิ้มบางๆ
หลินชิงเวยพูดอีกว่า “วันนั้นหากข้าไม่เปิดโปงคำลวงของลวี่ถาน ไม่แน่ว่าอาจจะไว้ชีวิตนางได้ หากกล่าวเช่นนี้เจ้าจะเคียดแค้นชิงชังข้าก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ เพียงแต่เดิมที ข้าไม่ใช่คนใจกว้างอันใด นางคิดใส่ร้ายข้าก่อน เช่นนั้นอย่ากล่าวโทษที่ข้าไม่ขอร้องแทนนาง”
ซีเฟยรู้ดีเช่นกัน หากคืนนั้นหลินชิงเวยยอมขอร้องแทนลวี่ถาน มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าลวี่ถานจะเก็บชีวิตกลับมาได้ ทว่าซีเฟยกระจ่างแจ้งเช่นกันว่าหลินชิงเวยไม่ใช่คนประเภทนั้น
ซีเฟย “ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผล รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของหลินเจาอี๋ จะโกรธแค้นท่านได้อย่างไร?” หยุดไปครู่หนึ่ง “เพียงแต่ทุกครั้งที่ข้าคิดถึงคืนนั้น ลวี่ถานขอร้องให้ข้าช่วยนางก่อนตาย ทั้งๆ ที่ข้าได้ยินทุกอย่าง แต่ข้ากลับเคลื่อนไหวไม่ได้ ความรู้สึกที่ไม่อาจทำอันใดได้ ทำให้ข้าเป็นทุกข์แสนสาหัสเท่านั้นเอง” พูดแล้วก็เช็ดน้ำตาบริเวณหางตา “เดิมทีเป็นความผิดของข้า ลวี่ถานไม่ควรมาอยู่ในวังหลวงแห่งนี้ หาไม่แล้วย่อมไม่ต้องมาประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ ข้าคิดว่านางวางยาพิษลงในเครื่องหอมและยาของข้า ล้วนไม่ใช่ความต้องการของนาง แต่นางถูกคนยุยงจึงเลอะเลือนไปชั่วขณะ”
หลินชิงเวย “ฟังคำพูดของนางในวันนั้นคิดว่าคงถูกคนหลอกใช้ บอกว่ายาเหล่านั้นไม่มีผลเสียต่อร่างกายของเจ้า กระทั่งตัวนางเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน”
“ตั้งแต่เข้าวังมา ข้าคิดเพียงแต่จะอยู่อย่างสงบ ทำหน้าที่ในส่วนของข้า คิดไม่ถึงว่าข้าไม่ไปยุ่งกับผู้อื่น ผู้อื่นก็ยังคิดจะทำร้ายข้า กระทั่งทำให้คนสนิทข้างกายข้าต้องตาย” ใบหน้าเล็กๆ ของซีเฟยขาวเผือด นางพูดเสียงอ่อน “คิดดูแล้วผู้ที่อยู่เบื้องหลังคิดจะวางยาพิษข้าและใส่ร้ายป้ายสีท่าน ต้องการกำจัดข้าออกไป หรือหากกำจัดข้าออกไปไม่ได้ก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับข้าแตกร้าว เช่นนี้แล้วยิงเกาทัณฑ์ดอกเดียวได้นกสองตัว หากข้าถูกยุยงจริงๆ แล้วเคียดแค้นท่านย่อมทำให้พวกนางสมปรารถนา”
หลินชิงเวยมองซีเฟย “ซีเฟยเป็นคนฉลาด ในเมื่อมองเรื่องเหล่านี้ทะลุปรุโปร่ง ยามนี้ต้องบำรุงสุขภาพตนเองให้ดี ส่วนเรื่องที่จะสืบว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังไม่ใช่เรื่องยากอะไร ขอเพียงตรวจสอบว่าก่อนซีเฟยล้มป่วยสองวันลวี่ถานไปที่ใดบ้าง ความจริงก็ปรากฏแล้ว”
ซีเฟยดวงตาเป็นประกาย “ขอบคุณหลินเจาอี๋ที่ตักเตือน”
ต่อมาคนทั้งสองสนทนากันอีกพักหนึ่ง หลินชิงเวยจึงลุกขึ้นจากไป
ภายหลังอาการเจ็บป่วยของซีเฟยยังคงเป็นๆ หายๆ ไม่ดีขึ้น เพียงแต่หลินชิงเวยไม่ได้กลับไปเยี่ยมนางอีก
หลังจากนั้นไม่นานมีเรื่องภูตผีปีศาจดังออกมาจากตำหนักคุนเหอ
บอกว่าวิญญาณของลวี่ถานกลับมาในเวลากลางคืน นางสวมชุดขาวทั้งร่างมาอาละวาดในตำหนักคุนเหอกลางดึก เส้นผมดำขลับปกคลุมใบหน้า ปรากฏตัวหน้าเตียงของไทเฮา ทำให้ไทเฮาตกใจแทบตาย
นับแต่นั้นมา ในตำหนักคุนเหอไม่เคยสงบสุขอีกเลย ไทเฮากินเจสวดมนต์ทุกวันทว่ายังคงตื่นกลัวจากการถูกวิญญาณร้ายมาหลอกหลอนทุกค่ำคืน ส่งผลให้สภาพจิตใจเปราะบาง
ไทเฮาอดตวาดใส่หมัวมัวข้างกายด้วยความโกรธขึ้งไม่ได้ว่า “หากมิใช่ความคิดไม่ได้ความที่เจ้าคิดออกมา ไหนเลยจะทำให้สิ่งสกปรกเหล่านี้เข้ามาในตำหนักคุนเหอได้!” ไม่ว่านางจะเชื่อเรื่องเหล่านี้หรือไม่ อย่างไรในกลางดึก เมื่อไทเฮาลืมตาขึ้นมาเห็นสิ่งแรกก็คือหน้าตาท่าทางของลวี่ถาน ใบหน้าเขียวคล้ำ เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด สภาพการตายอย่างน่าเวทนาและเป็นลวี่ถานจริงๆ ไม่ผิดตัว