ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 11 บทที่ 309 ความจริงปรากฏ
หลินชิงเวยมีท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว กระทั่งอธิบายก็ยังเกียจคร้าน
ซินหรูฉวยโอกาสเดินไปรอบๆ ตำหนักบรรทมของซีเฟย นางแค่นเสียงฮึ “ความหมายของเจ้าก็คือพี่สาววางยาพิษซีเฟยเพื่อให้นางตายใช่หรือไม่?”
ลวี่ถานก้มหน้าพูดว่า “ในยามปกติซีเฟยเหนียงเหนียงให้ความสำคัญกับสุขภาพยิ่ง ต่อให้อยู่ในฤดูหนาวช่วงต้นปีหรือปลายปียังน้อยนักที่จะป่วยไข้ หากมิใช่กลับมาจากตำหนักฉางเหยี่ยนไหนเลยจะล้มป่วยลงได้ อีกทั้งเป็นการถูกคนวางยาพิษ…” ลวี่ถานพูดแล้วก็หันไปโขกศีรษะกับเซียวจิ่น “ฝ่าบาท ทันทีที่ยกเลิกการกักบริเวณตำหนักฉางเหยี่ยน ซีเฟยเหนียงเหนียงมีน้ำใจจึงไปเยี่ยมหลินเจาอี๋ หลินเจาอี๋ปฏิบัติต่อซีเฟยเหนียงเหนียงอย่างไม่เกรงใจ ยังมีเรื่องที่ร้ายแรงกว่านั้นที่บ่าวไม่รู้ไม่เห็นอีก คิดดูแล้ว คิดดูแล้วคงเป็นเพราะหลินเจาอี๋ริษยาที่ซีเฟยได้รับความโปรดปราน…”
“บังอาจ!” ไม่ว่าหลินชิงเวยจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับคำพูดที่ตามมา ทว่าเซียวจิ่นทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงตบโต๊ะด้วยความเดือดดาล
“ปกติซีเฟยอบรมสั่งสอนเจ้าเช่นนี้หรือ เจ้าเอาความกล้าหาญมาจากไหน จึงได้กล้าพูดปดต่อหน้าเจ้านายเช่นนี้?”
ลวี่ถานตื่นตระหนกตกใจอย่างหนัก แต่ยังคงรวบรวมความกล้าหาญพูดจาปากสั่น “ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะด้วยเพคะ บ่าว บ่าวเพียงแต่ปวดใจแทนซีเฟยเพคะ…”
“ปวดใจ?” หลินชิงเวยเลิกคิ้วพร้อมหัวเราะเบาๆ “ปวดใจแล้วเจ้ายังใส่ปั้นเซี่ย[1]และชวนอู[2]ลงไปในเตากำยาน เจ้าคิดจะทำร้ายเหนียงเหนียงของเจ้าจนตายหรือไร?”
ร่างของลวี่ถานสั่นสะท้าน นายเงยหน้าขึ้นมองหลินชิงเวยอย่างตกใจ หยาดน้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจและไม่ได้รับความเป็นธรรมเอ่อคลอในดวงตา
หลินชิงเวยหัวเราะให้นาง “ใครมีหน้าที่จุดเครื่องหอมภายในตำหนักบรรทม?”
ลวี่ถานขยับปากเนิ่นนานกว่าจะหาเสียงพบ “หน้าที่จุดเครื่องหอมเป็นของบ่าวเจ้าค่ะ แต่เหนียงเหนียงชมชอบเครื่องหอมชนิดนี้ บ่าวจุดเครื่องหอมเช่นนี้มีอันใดหรือไม่เจ้าคะ?”
ซินหรูถือเตากำยานที่เย็นตัวลงแล้วเข้ามาเปิดฝาดมขี้เถ้าที่เหลือในเตากำยาน “พี่สาว ขี้เถ้าในเตากำยานมีปั้นเซี่ยและชวนอูจริงๆ เจ้าค่ะ”
ลวี่ถานบังคับตนเองให้ใจเย็น “ของสองสิ่งนี้ไม่ได้มีอันใดไม่ดีกระมังเจ้าคะ ก่อนหน้านี้บ่าวเคยใส่ลงไปในเตากำยานของเหนียงเหนียง ทำให้เหนียงเหนียงรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวมากขึ้น”
หลินชิงเวยหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง นางพยักหน้าและกล่าวว่า “โอสถสองชนิดนี้ไม่มีโทษอันใด” แทบไม่สังเกตเห็นว่าลวี่ถานลอบพรูลมหายใจ แต่ไหนเลยจะเล็ดลอดจากสายตาของหลินชิงเวยได้ หลินชิงเวยพูดอีกว่า “ไม่สู้ฝ่าบาทให้คนไปตรวจสอบอาหารและโอสถที่ซีเฟยดื่มกินภายในสองวันนี้ ดูว่าในนั้นมีส่วนผสมของโอสถสองตัวนี้หรือไม่”
ลวี่ถานเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง นางประสานสายตากับสายตาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มของหลินชิงเวย เซียวจิ่นถ่ายทอดคำสั่งลงไปให้ตรวจสอบอาหารและโอสถของซีเฟยในสองวันนี้
เพียงไม่นานนางกำนัลนำกากยาที่เหลือจากการต้มยาเข้ามา หากกล่าวว่าเครื่องหอมภายในตำหนักบรรเทานั้นเย็นลงแล้ว กลิ่นจึงเจือจางลงไปมาก หมอหลวงไม่มีประสาทสัมผัสรับกลิ่นดีเท่าหลินชิงเวยและซินหรูจึงยากแก่การแยกแยะออกมาได้ ทว่ายามนี้กากของโอสถที่ต้มแล้วกลิ่นค่อนข้างเข้มข้น หากยังดมไม่ถูกก็ไม่สมควรจะเป็นหมอหลวงต่อไปแล้ว
หลินชิงเวยยิ้มและตวัดสายตามองลวี่ถาน “โอสถของซีเฟยก็เป็นเจ้าที่ทำหน้าที่ต้มด้วยหรือ? ผู้ใดเป็นคนเขียนเทียบยานี้ให้เจ้า?”
ลวี่ถานเริ่มตื่นกลัว “เป็นหมอหลวง…”
เมื่อหมอหลวงได้ยินเช่นนั้นจึงคุกเข่าลงกับพื้นทันที “ขอฝ่าบาทโปรดตรวจสอบพ่ะย่ะค่ะ แม้ปั้นเซี่ยและชวนอูล้วนเป็นยาที่มีสรรพคุณในการรักษาโรค แต่พวกกระหม่อมไม่มีทางนำโอสถสองชนิดนี้มาใช้ร่วมกันเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อยจะเกิดเป็นพิษมหันต์! เทียบยาที่กระหม่อมเขียนให้ซีเฟยล้วนมีการบันทึกไว้ในสำนักหมอหลวงพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงตรวจสอบบันทึกนั้นก็จะกระจ่างแจ้งพ่ะย่ะค่ะ!”
หลินชิงเวยสังเกตท่าทางของลวี่ถานตลอดเวลา นางได้ยินเซียวจิ่นเอ่ยว่า “เช่นนั้นไปหยิบบันทึกของสำนักหมอหลวงมาให้เจิ้น”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างของลวี่ถานสั่นสะท้านเล็กน้อย
หลินชิงเวยยอบกายลงนั่งยองๆ นางยื่นมือไปจับคางของลวี่ถาน บังคับให้นางเงยหน้าขึ้นมา เวลานี้ใบหน้าเล็กๆ อันงดงามนั้นเต็มไปด้วยคราบน้ำตา “เจ้าบอกว่าเจ้าติดตามซีเฟยตั้งแต่เล็ก ไม่มีทางมีใจคิดทำร้ายนาง หากซีเฟยมีสภาพเช่นเวลานี้เพราะปั้นเซี่ยและชวนอูที่เจ้าใส่ลงไปในเตากำยาน เจ้าจะอธิบายอย่างไร?”
ลวี่ถานส่ายหน้าพูดทั้งน้ำตา “ไม่ใช่ข้า…ไม่ใช่ข้า…ไม่ใช่ข้า…”
หลินชิงเวยหัวเราะออกมาพรืดหนึ่ง “ยืนยันซ้ำไปซ้ำมา จงใจพูดเสียงสูง นี่เป็นการโกหกที่พบได้บ่อยที่สุด แม้กระทั่งการพูดปด เจ้าก็ยังส่อพิรุธมากมายเช่นนี้ ด้วยความสามารถเพียงเท่านี้คิดจะใส่ร้ายป้ายสีตำหนักฉางเหยี่ยนของข้าเช่นนั้นหรือ?” ม่านตาลวี่ถานขยายกว้างขึ้น สีหน้าซีดขาว “เคราะห์ดีที่ซีเฟยยังไม่ได้รับพิษในปริมาณที่มากพอ หาไม่แล้วไม่ว่าใครก็ช่วยนางไม่ได้ ปั้นเซี่ยสดและชวนอูสดที่อยู่ในเตากำยานนั้น เพียงแค่ใช้ภายนอกเพียงตัวเดียวก็กลายเป็นพิษร้ายแรง แต่เจ้ากลับกล้าบอกว่าในยามปกติเจ้าล้วนใช้เครื่องหอมชนิดนั้นหรือ หืม?”
ลวี่ถานร่ำไห้พร้อมกับส่ายหน้าไม่หยุด ดวงตาที่เอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตามองซีเฟยที่นอนอยู่บนเตียงอย่างพร่าเลือน ในแววตานั้นเต็มไปด้วยความละอายแก่ใจ ต่อมานางถลึงตาใส่หลินชิงเวยด้วยความอาฆาต “เหนียงเหนียงต้องพิษเพราะเจ้าแท้ๆ ยามนี้เจ้ากลับโยนความผิดนั้นมาให้บ่าว…”
หลินชิงเวยยกยิ้มริมฝีปาก “สาวน้อย ใช้ความจริงมาพูดจาย่อมทำให้ผู้อื่นเชื่อได้ง่ายดายกว่า” พูดแล้วก็คลายนิ้วมือสะบัดคางของนางออกจากมือ ลวี่ถานตัวอ่อนฟุบลงบนพื้น
บันทึกของสำนักแพทย์หลวงถูกนำมาในเวลาไม่นานนัก เซียวจิ่นอ่านเทียบยาในนั้นแล้วกล่าวกับลวี่ถาน “บ่าวชั่วช้าช่างกำเริบนัก เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก?”
“บ่าวถูกใส่ร้ายเพคะ…บ่าวถูกใส่ร้าย!”
“เด็กๆ บ่าวชั่วช้าผู้นี้วางยาพิษทำร้ายซีเฟย วางแผนป้ายความผิดให้กับเจาอี๋ เป็นความผิดร้ายแรง ลากตัวบ่าวชั่วช้าผู้นี้ออกไปโบยให้ตาย!”
ลวี่ถานสั่นสะท้านไปทั้งตัว ต่อมานางรู้สึกตัวว่าเรื่องนี้ร้ายแรงกว่าที่คาดคิด เรื่องนี้เกี่ยวพันกับความเป็นความตายของนาง หาใช่เรื่องล้อเล่น ขันทีสีหน้าเย็นชาสองคนเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว คนหนึ่งจับซ้าย คนหนึ่งจับขวา ลากตัวลวี่ถานออกไปรับโทษยังลานเรือนด้านนอก
ต่อมาเสียงโบยดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงลวี่ถานร่ำไห้และร้องด้วยความเจ็บปวด นางร้องไปพูดไป “คุณหนูช่วยข้าด้วย…คุณหนูช่วยข้าด้วย…ฮือๆๆ ข้าไม่ได้เจตนาทำร้ายท่าน บ่าวเพียงแค่…ไม่อยากให้ท่านไม่ได้รับความเป็นธรรม!” ต่อมาลวี่ถานทนไม่ไหว เสียงร้องจึงค่อยๆ เบาลง “เป็นพวกนางที่บอกว่า สิ่งของเหล่านั้นไม่มีผลร้ายแรงต่อคุณหนู บ่าวจึงทำเช่นนั้น…คุณหนูข้าขอโทษ…”
ต่อมาขันทีเข้ามารายงานว่า “ฝ่าบาท ลวี่ถานถูกโบยจนสิ้นใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวจิ่น “โยนออกไปนอกวัง”
ซีเฟยที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงขยับปลายนิ้วในเวลานี้ ทว่ากลับไม่อาจลืมตาขึ้นได้ หางตาของนางปรากฏให้เห็นหยดน้ำตา
ขณะที่ลวี่ถานได้รับโทษทัณฑ์ ซินหรูไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังหลินชิงเวย หลินชิงเวยรู้ว่านางตื่นตระหนก
เซียวจิ่นมีคำสั่งให้หมอหลวงอยู่เฝ้าในเวลากลางคืน หลินชิงเวยเขียนเทียบยาขึ้นใหม่ให้นางกำนัลคนสนิทอีกคนหนึ่งไปดูแล เรื่องนี้จึงนับได้ว่าสงบลงเสียที
เซียวจิ่นหันมามองหลินชิงเวย เขาเดินมาหยุดเบื้องหน้านางและพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “ดึกดื่นเช่นนี้ยังต้องให้เจ้ามาที่นี่ วางใจเถิด เจิ้นไม่ให้เจ้าต้องไม่ได้รับความเป็นธรรมแม้เพียงครึ่งส่วน เจิ้นส่งเจ้ากลับไป”
——————–
[1] ปั้นเซี่ย หรือ ปั้วแห่ในภาษาแต้จิ้ว หรือ โหราข้าวโพด มีลักษณะภายนอกเป็นก้อนกลมสีขาวหรือเหลืองอ่อน ตรงยอดมีรอยบุ๋ม มีสรรพคุณละลายเสพหะ แก้อาเจียน แก้ปวด ลดบวม รสชาติและคุณสมบัติ รสเผ็ด อุ่น มีพิษ เข้าสู่เส้นลมปราณ ม้าม กระเพาะอาหาร ปอด
[2] ชวนอู สรรพคุณ ขับลมชื้น แก้ปวด รสชาติและคุณสมบัติ มีรสเผ็ด ขม อุ่น มีพิษมาก เข้าสู่เส้นลมปราณ หัวใจ ตับ ม้าม ไต