ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 10 บทที่ 288 ศพจำนวนนับไม่ถ้วน
ต่อมาเมื่อเกือบจะถึงสุสานหลวงโบราณ หิมะพลันตกลงมาอย่างหนัก หรืออาจจะกล่าวได้ว่าที่นี่มีหิมะตกตลอดทั้งปี เพียงแต่ด้านล่างภูเขาไม่มีเท่านั้นเอง
พวกเขาเดินขึ้นมาจนสุดบันไดเมฆในที่สุด หลินชิงเวยยืนอยู่บนพื้นที่ว่างอันกว้างใหญ่บริเวณหน้าสุสานหลวง เมื่อเห็นขั้นบันไดสูงๆ ยาวๆ เหล่านั้นจึงรู้สึกว่าอันตรายเหลือเกิน
“ไปเถิด”
ทั้งสองเดินท่ามกลางสายลมและหิมะมุ่งหน้าสู่ประตูใหญ่ของสุสานหลวงโบราณ ประตูใหญ่ปิดสนิท ข้างบนมีปุ่มเปิดปิด คิดไม่ถึงว่าผ่านมานานหลายปีเช่นนี้ยังคงใช้การได้ เห็นเพียงหลังจากเซียวเยี่ยนขยับปุ่มเปิดปิด ประตูใหญ่ค่อยๆ เปิดออก หิมะที่ปกคลุมอยู่ข้างบนจึงร่วงหล่นลงมาไม่น้อย
ข้างในกลับไม่ใช่ความมืดมิด แต่มีแสงสว่างอ่อนๆ ส่องเข้ามา บรรยากาศของความหนาวเย็นครอบคลุมเข้ามา หลินชิงเวยหนาวเสียจนร่างสั่นสะท้าน
เซียวเยี่ยนกุมมือของนางแน่น คนทั้งสองเดินเข้าไปพร้อมกัน
พวกเขาเดินเข้าไปในตำหนักใหญ่เป็นอันดับแรก ตำหนักแห่งนี้ตั้งสูงตระหง่าน ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งทั้งหมด กระทั่งเสาคานที่รองรับตำหนักก็ทำด้วยน้ำแข็ง มันโปร่งแสงและงดงาม
พวกเขาเดินลงไปเรื่อยๆ นอกจากตำหนักแห่งนี้ที่ก่อสร้างอย่างวิจิตรตระการตาแล้ว นอกนั้นไม่มีสิ่งของมีค่าอันใด ส่วนแสงสว่างเรืองรองที่พวกเขารู้สึกเมื่อแรกเข้ามานั้น เป็นเพราะภายในเสาคานน้ำแข็งนั้นมีส่วนผสมของแร่ฟลูออไรท์
ได้ยินว่าก่อนหน้านี้มีโจรปล้นสุสานมาเยือนสถานที่แห่งนี้ ทว่าพวกเขาล้มเหลวและไม่ได้กลับออกไป แม้แร่ฟลูออไรท์ที่อยู่ในเสาคานน้ำแข็งจะพบได้ยาก แต่หากนำมันออกมาแล้วละก็ เสาคานแต่ละชิ้นที่เรียงตัวต่อกันอยู่ข้างบน ไม่ กล่าวให้ถูกต้องก็คือชิ้นหนึ่งรับต่ออีกชิ้นหนึ่ง ทุกๆ ชิ้นล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ประกอบเป็นสุสานหลวงแห่งนี้ ทันทีที่เสาคานหัก น้ำแข็งย่อมตกลงมา เช่นนี้แล้วในเวลาไม่นานยอดของสุสานต้องถล่มลงมา นอกจากโจรปล้นสุสานพวกนั้นไม่ต้องการชีวิตแล้ว หาไม่คงไม่เสี่ยงอันตรายไปนำแร่ชนิดนั้นออกมา
สุสานหลวงแห่งนี้ก่อสร้างลงไปในดิน ไม่รู้ว่าชั้นสุดท้ายของมันคือชั้นที่เท่าใด ทั้งหมดมีกี่ชั้น พวกเขาเพิ่งจะลงไปถึงชั้นที่สอง หลินชิงเวยก็อดที่จะสูดปากด้วยความตกตะลึงไม่ได้
สุสานหลวงแห่งนี้ไม่มีห้องข้างใดๆ หรือต่อให้มีห้องข้างจริงๆ บัดนี้กลับถูกทุบให้ทะลุถึงกันได้ทั้งหมด ทั้งหมดจึงเป็นพื้นที่กว้าง ข้างบนมีโลงน้ำแข็งวางเรียงกันโลงแล้วโลงเล่า โปร่งแสงและวับวาว ทันทีที่มองไป แม้จะไม่แน่ใจว่ามีจำนวนเท่าใด แต่นับดูคร่าวๆ อย่างน้อยก็มีนับพันโลง
หลินชิงเวยเดินเข้าไปดูใกล้ๆ โลงแก้วทุกใบมีคนนอนอยู่ข้างในหนึ่งคน ชัดเจนว่าคนได้ตายไปแล้ว ผิวพรรณของพวกเขาถูกแช่แข็งจนเกือบจะโปร่งแสง แต่อยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบ ที่สำคัญก็คือบนร่างของพวกเขาสวมอาภรณ์ของชุดเครื่องแบบทหารของแคว้นต้าเซี่ย!
หรือกองทัพต้าเซี่ยนับหมื่นที่หายสาบสูญทั้งหมดล้วนอยู่ที่นี่?!
เซียวเยี่ยนเอ่ยขึ้นว่า “พวกเขาถูกอวิ๋นหนานอ๋องนำมาใช้เพาะหนอนกู่ ยามนี้เป็นระยะเพาะเลี้ยงหนอนกู่ รอจนถึงฤดูใบไม้ผลิของปีหน้า ทหารเหล่านี้ก็จะตื่นขึ้นมาและกลายเป็นกองทัพหนอนกู่ของอวิ๋นหนาน เมื่อถึงเวลานั้นย่อมโจมตีต้าเซี่ย” ในน้ำเสียงนั้นฟังออกถึงโทสะ “ชีวิตของทหารนับหมื่นในแคว้นต้าเซี่ยของเรากลับถูกพวกเขาเห็นเหมือนผักปลา”
ทั้งสองเดินลงไปอีก ทั้งหมดมีสามชั้น ล้วนเป็นโลงน้ำแข็งหนึ่งโลงต่อคนหนึ่งคน ในโลงน้ำแข็งเป็นทหารแคว้นต้าเซี่ยทั้งสิ้น
สภาพการณ์เช่นนี้ช่างทำให้ผู้คนขนลุกจริงๆ หากปล่อยให้พวกเขาตื่นขึ้นมาจริงๆ และหันปลายหอกมาทางแคว้นต้าเซี่ย ถึงเวลานั้นสถานการณ์จะร้ายแรงสาหัสปานใด? คิดถึงเมื่อครั้งนั้นศพที่เกิดจากหนอนกู่ทำให้ระส่ำระสาย จิตใจผู้คนหวาดกลัว หากต้องเป็นเช่นนั้นจริงๆ สำหรับแคว้นต้าเซี่ยแล้วย่อมเป็นมหันตภัยร้ายครั้งใหญ่
คนทั้งสองเดินอยู่ในสุสานหลวงโบราณพักใหญ่ เมื่อแรกพวกเขาไม่ได้พบเห็นสิ่งผิดปกติอันใด ทว่าต่อมาหลินชิงเวยกลับพบว่าทุกๆ ชั้นมีโลงแก้วนับพันโลง ลำพังเพียงแค่เสาคานน้ำแข็งเหล่านี้ย่อมไม่อาจคานน้ำหนักได้มากมายเช่นนี้ เสาคานที่อยู่ข้างในน่าจะไม่ใช่เสาคานน้ำแข็ง
แร่ฟลูออไรท์นั้นถูกประดับไว้ข้างบนสุด หลินชิงเวยยืนอยู่เบื้องหน้าเสาต้นหนึ่ง นางยื่นมือออกไปลูบหิมะชั้นนอก ใช้มีดสั้นที่ติดตัวมาขูดน้ำแข็งชั้นนอกออก จึงพบว่าข้างในเสาคานนั้นมีเหล็กเส้นหนึ่ง อีกทั้งเหล็กเส้นนี้ยาวไปถึงยอด เชื่อมต่อกับเสาน้ำแข็งอีกชั้นหนึ่ง ทันทีที่แร่ฟลูออไรท์ถูกปล้นไปเสาคานน้ำแข็งต้นข้างบนก็จะตกลงมา และเหล็กเส้นที่ยึดชั้นล่างนั้นเชื่อมต่อกับเหล็กเส้นชั้นบน พวกมันจึงคานน้ำหนักต่อกันเป็นชั้นๆ
หลินชิงเวยทำความเข้าใจเรื่องเสาเหล็กแล้วจึงหันมองไปรอบๆ “เป็นไปไม่ได้ที่สุสานหลวงข้างล่างนี้จะก่อสร้างด้วยน้ำแข็ง หาไม่แล้วต่อให้ผ่านมาหลายปีเช่นนี้ก็ควรจะถล่มลงมา” แต่กำแพงรอบด้านล้วนถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาว
หลินชิงเวยเดินเข้าไปดูใกล้ๆ อีกครั้ง นางตกใจจนก้าวถอยหลังหลายก้าวพร้อมกับสีหน้าที่ซีดเผือด
“มีอะไรหรือ?” เซียวเยี่ยนเดินตามเข้าไป นาทีถัดมาสายตาเขาก็เปลี่ยนไป
เห็นเพียงหิมะสีขาวบนกำแพง เมื่อแรกยังคิดว่าเป็นหิมะน้ำแข็งที่ปกคลุมเป็นชั้นๆ แต่เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ จึงรู้ว่าไหนเลยจะใช่หิมะน้ำแข็งเล่า นี่ชัดเจนยิ่งนักว่าเป็นไข่ของหนอนกู่ที่ครอบคลุมเต็มพื้นที่
หลินชิงเวยรู้สึกว่าขนอ่อนบนร่างกายลุกตั้งชันในชั่วพริบตา “อาจเป็นเพราะทุกคนล้วนเป็นคนในแคว้น เป็นคนจีนเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยรู้สึกมาก่อนว่าที่จริงแล้วชาวอวิ๋นหนานน่ารังเกียจและโรคจิตเช่นนี้!”
ควรทำอย่างไรดีเล่า มีศพถูกแช่แข็งมากมายถึงเพียงนี้ ยังมีไข่หนอนมากมายเช่นนี้ จะปล่อยให้พวกมันออกจากสุสานหลวงโบราณไม่ได้เด็ดขาด หาไม่แล้วผลที่ตามมาย่อมยากที่จะจินตนาการได้
เวลานี้หลินชิงเวยคิดถึงไฟ รับมือกับสิ่งของประเภทนี้ ไฟเป็นอาวุธที่ดีที่สุด แต่หากเป็นไฟขนาดเล็กจะละลายโลงน้ำแข็งเหล่านี้ได้อย่างไร และต่อมายังต้องเผาศพแช่แข็งที่อยู่ข้างในโลงแก้วด้วย ดังนั้นจะต้องเป็นทะเลเพลิงขนาดใหญ่ ไม่เพียงแต่ต้องเผาไข่หนอนเหล่านั้นให้กลายเป็นจุณ แต่ยังต้องเผาศพแช่แข็งเหล่านี้ให้สะอาดหมดจดในครั้งเดียว
คิดนั้นง่ายดาย สถานที่แห่งนี้อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ จะก่อไฟใหญ่ขนาดนั้นได้อย่างไร
เซียวเยี่ยนเห็นหลินชิงเวยนับสิ่งของที่นำมาทั้งหมดอย่างละเอียด ในมือของนางกำลังประเมินน้ำหนักของน้ำมันหอมและผงยา ล้วนเป็นสิ่งของที่ติดไฟง่ายดายทั้งสิ้น เขาจึงรู้ว่าหลินชิงเวยกำลังคิดจะทำอะไร คนทั้งสองดูเหมือนจะคิดถึงสิ่งเดียวกัน “เจ้าคิดจะใช้ไฟเผา?”
หลินชิงเวย “นอกจากใช้ไฟแล้ว ยังมีวิธีการอื่นอีกหรือ? เมื่ออยู่เมืองซั่งจิง พวกเราล้วนได้พบเจอมาก่อน หากไม่ใช้ไฟเผาหนอนกู่ให้ตาย ลำพังเพียงแค่การฝังหรือแช่แข็งนั้นไม่มีประโยชน์”
“สุสานน้ำแข็งสามชั้น อีกทั้งโลงน้ำแข็งที่ไม่ละลายตลอดทั้งปี จะทำอย่างไรจึงจะเผาสิ่งเหล่านี้ได้?” เซียวเยี่ยนเอ่ยข้อกังขาออกมา
หลินชิงเวยไม่แน่ใจเช่นกัน “ไข่หนอนมักจะติดไฟง่ายกระมัง หากไฟกองใหญ่พอ อุณหภูมิสูงพอ โลงน้ำแข็งก็ต้องแย่ไปด้วย”
ชัดเจนยิ่งนักว่าการคาดการเช่นนี้ไม่เพียงพอ นางมองเซียวเยี่ยนแล้วยักไหล่ “อย่างไรก็ต้องลองดูไม่ใช่หรือ” ยามนี้หางตาของนางสังเกตเห็นมุมหนึ่งของกำแพงที่มิได้ถูกไข่หนอนปกคลุมทั้งหมด ที่นั่นปรากฏให้เห็นสีเทาเล็กน้อย
หลินชิงเวยเดินเข้าไปยื่นมือไปลูบดู คาดว่านี่เป็นถ่านหินที่อยู่ในส่วนบนสุด เป็นสิ่งที่นำมาก่อสร้างกำแพง
นางใช้มีดสั้นขูดข้างบนเบาๆ เมื่อสิ่งของที่เป็นโลหะสัมผัสกับถ่านหินพลันเกิดประกายไฟในชั่วพริบตา มันส่องสว่างใบหน้าของหลินชิงเวย ยังมีรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง