ตำนานเทพยุทธ์ - ตอนที่ 96
ท่ามกลางป่าเขาที่เงียบสงบ ที่บัดนี้มีหนึ่งชายหนึ่งหญิงที่อาศัยร่วมกัน ใต้ความรู้สึกที่อึดอัดยากจะบรรยาย ด้วยเป่าฮู่ผู้ที่ใช้ผนึกอักขระที่เทพเต่าบ้ายอเป็นคนช่วยจัดการจำกัดลมปราณ และความสามารถของมู่เจี้ยนหลิงเอาไว้ ทำให้ตัวเป่าฮู่ที่คิดจะชิงมุกข์พิษสวรรค์จากร่างของนางและยังคงคิดว่า ตนจะทำเช่นไรที่จะได้มุกข์พิษเม็ดนั้นมาเป็นของตนให้ได้
แต่ใครจะไปคิดว่าบัดนี้ สิ่งที่ฉีกความรู้สึกที่มู่เจี้ยนหลิง ที่มีมาทั้งชีวิตก็คือ ความเย่อยิ่งที่นางมี การเป็นคุณหนูที่สูงศักดิ์ และเป็นที่ยอมรับและมีความน่ายำเกรงในเขตปกครองมังกรฟ้ามาตลอดหลายสิบปี
บัดนี้นางกลับถูกมัดมือมัดเท้าไว้กับต้นไม้ พร้อมนั่งมองสัตว์อสูรของนางอันเป็นที่น่าเคารพยำเกรง พูดคุยกับศัตรูผู้ที่ลักพาตัวนางมาอย่างสนิทสนม
เพียงนางได้สติแม้ครั้งแรกยังไม่คิดที่จะลืมตาและหวังใช้ลมปราณปลดปล่อยพิษที่ตัวนางและมุกข์พิษสวรรค์มีออกมาเพื่อคร่าชีวิตชายผู้ลึกลับคนนี้
แต่เมื่อนางได้เห็นเจ้ามังกรเขียว สัตว์อสูรของนางนั่งพูดคุยกับหนึ่งชายลึกลับและเด็กน้อยอีกหนึ่งคนที่บัดนี้ต่างพากันหันมาทางมู่เจี้ยนหลิงด้วยสายตาเดียวกัน
“ตื่นแล้วหรือนังหนู…”
เสียงมังกรเขียวกล่าวถาม มู่เจี้ยนหลิงที่แกล้งหลับและก็เป็นเป่าฮู่ที่หันไปทาง คุณหนูมู่เจี้ยนหลิง หลังจากคิดมาทั้งคืน ทั้งปรึกษามังกรเขียวจนได้รู้ว่า มุกพิษสวรรค์นั้นผูกขาดกับชีวิตของนางหนูคนนี้ทำให้เจ้ามังกรเขียว
แม้ยากช่วยอดีตนายท่านของมัน แต่ต้องปกป้องนายใหม่ด้วย ดังนั้นเจ้ามังกรเขียวจึงได้เสนอความคิด ให้ตัวเป่าฮู่แอบดูดซับพิษจากมุกข์พิษสวรรค์ไปทุกวันตลอดที่อยู่กับนายหญิงคนใหม่ของเจ้ามังกรเขียว เพื่อที่จะทำให้มุข์พิษในตัวของเป่าฮู่แข็งแกร่งและนางหนูนี่ก็ไม่ต้องตายไปด้วยนั่นเอง
“เจ้า!…เจ้าเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า แต่ทำไมกลับไปสนิทกับเจ้าคนพิลึกนั่น และกล้าทรยศข้าผู้เป็นนายได้เช่นไร?”
คำกล่าวนั้นได้ปรากฏออกมาจาก ผู้เป็นนายในนามของดวงดาวผู้พิทักษ์ มู่เจี้ยนหลิงได้อำนาจของดวงชะตาของนางพยายามสะกดพลังของเจ้ามังกรเขียวไว้ให้ทำตามที่นางต้องการ แต่ที่น่าแปลกก็คือ มังกรเขียวยังสามารถต้านทานได้แม้จะลำบากก็ตาม
“หยุดเถอะแม่นาง เจ้าไม่ควรทำกับสหายของเจ้าเช่นนี้ แม้ตอนนี้มังกรเขียวจะเป็นสัตว์อสูรของเจ้า แต่ว่าอดีตเขาก็เคยเป็นสัตว์อสูรที่สู้เคียงบ่าเคียงไหลข้ามา หากเจ้ายังยืนกรานที่จะทำให้สหายของข้าต้องตกเป็นทาสรับใช้โดยดวงดาวของผู้พิทักษ์ ข้าผู้นี้จะสะบั้นหัวของเจ้าคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของตระกูลมู่ให้ดาดิ้นเสียตรงนี้”
ขณะที่เป่าฮู่ได้กล่าวออกไป ก็ได้ลอบคลายผนึกของลมปราณของนางออกมาด้วยกัน สามส่วน พอให้นางได้ดิ้นรนและใช้มุกข์พิษสวรรค์ได้ เพียงนางผู้ไร้เดียงสา และถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจจึงแสดงกิริยาและการกระทำตรงตามที่เป่าฮู่คาดการณ์
“คิดถูกถูกข้ามู่เจี้ยนหลิง ตายซะ”
พิษมากมายจากมุกข์พิษที่ถูกกระตุ้นและหลั่งไหลออกมา แม้จะเป็นเพียง 3 ส่วน แต่ก็นับว่าหนักหนาเอามากๆ ด้วยครั้งแรกที่เป่าฮู่ฝ่าทลายกำแพงพิษของมู่เจี้ยนหลิงไปได้ในคราแรก ก็เพราะการใช้เกราะลมปราณเทพเต่าดำในระดับแรกช่วยต้านทาน และเสริมการป้องกันด้วยลมปราณพิษของตน แต่บัดนี้ เป่าฮู่ได้เปิดจุดลมปราณทั่วร่างดูดซับพิษจากมุกข์พิษสวรรคืเข้ามาในร่างแบบเต็มๆ
ทันใดที่มู่เจี้ยนหลิงได้เห็น แม้นางจะไม่อาจสลายผนึกที่ผูกมัดร่างของนางออกไปได้ แต่การที่ได้เห็นไอ้บ้าที่กล้าหยามศักดิ์ศรีคุณหนูเช่นนางตกตายเพราะพิษที่นางภาคภูมิใจ นั่นก็มากพอที่จะทำให้นางมีความสุขยิ่งกว่าสิ่งใดแล้ว
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่ได้เป็นดั่งที่นางคาดคิด เพราะเป่าฮู่ที่ดิ้นทุรนทุรายไปกับพิษที่รุนแรงพร้อมค่าชีวิตของเขาไปทุกเสี้ยวลมหายใจ แต่เพียงไม่นาน มุกข์พิษที่สร้างมาจากจิตวิญญาณของมังกรเขียว ก็ได้ดูดกลืนพิษที่พยายามแทรกซึมเข้ามาในร่างกายที่เป็นเหมือนที่สถิตของมุกข์พิษดวงนี้
จนเกิดสิ่งที่เรียกว่าดูดกลืนและหลอมรวม พิษที่เป็นกลุ่มหมอกสีเขียวได้หมุนวนด้วยความแปลกประหลาดรอบร่างที่กำลังร่องลอยอยู่ในอากาศ
เป่าฮู่หายใจด้วยความทรมาน พร้อมคำรามออกมาดั่งผู้ที่สามารถกำราบพิษชุดนี้ไว้ได้ด้วยพิษที่มีในร่างของตน…
“((((เฮือก!))))) อ่า! เยี่ยม เยี่ยมจริงๆความทรมานนี้ ใบหน้าที่เคยภาคภูมิใจของมู่เจี้ยนหลิงที่เคยยิ่งยโสกับพิษที่คร่าชีวิตของผู้คนที่นางคิดว่าเป็นเพียงของไร้ค่า แต่บัดนี้พิษที่นางมีกลับถูกสยบด้วยชายผู้แปลกประหลาดคนนี้
แม้จะไม่เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริง หากแต่ว่า คงเป็นเฒ่าพิษที่คิดดูดพิษจากตัวนางไปแน่ๆและยั่งกว่านั้นอาจรู้ว่าตัวนางมีมุกข์พิษสวรรค์อยู่ในครอบครอง
“ไม่จริง ไม่จริง เจ้า! เจ้าต้องตาย”
ครั้งนี้มู่เจี้ยนหลิงได้รวบรวมพลังในร่างขับพิษที่มีในมุกข์พิษสวรรคืออกมามากกว่า 8 ส่วน เพื่อสังหารคนที่นางกำลังหวาดกลัว เป่าฮู่ได้เห็นดวงตาที่หวาดกลัวบนใบหน้าของนางและรู้ว่าคุณหนูที่ถูกทำลายสามัญสำนึกจนไม่เหลือเค้าโครงที่นางเคยมีมา
ความภาคภูมิใจในอดีตถูกทำลายลงไปนั่นจะทำให้สัญชาติญาณของคนผลักดันความกลัวออกมาและเมื่อกลัวย่อมทุ่มเททุกสิ่งออกมาเพื่อกำจัดภัยร้ายที่นางกำลังกลัวนั้นออกไป
หมอกพิษสีเขียวที่เข้มข้นกว่าที่นางเคยใช้ออกถูกก่อตัวขึ้น แต่เป่าฮู่กลับไม่รอช้า เมื่อมุกข์พิษของตัวมันเองก็ต้องการพลังในการพัฒนาตัวมันเอง และนั่นก็ทำให้พิษจากศัตรูกลายมาเป็นพลังในตัวของเป่าฮู่ในที่สุด
2 ชั่วยามผ่านไป
การที่ร่างกายของคุณหนูมู่เจี้ยนหลิง ถูกรีดพิษออกไปมากกว่าที่นางจะทำใจรับได้ นางก็หมดสติไป พร้อมกับเป่าฮู่ที่ต้องใช้เวลาดูดซับและแปลงพิษเหล่านั้นให้กลายเป็นลมปราณพิษที่ทรงคุณค่า
แต่เมื่อเป่าฮู่ใช้เวลาปรับสภาพลมปราณในร่างให้เสถียรและพิษมากมายเหล่านั้นไม่เกิดสิ่งที่ผิดปกติ การหลอมรวมสำเร็จจึงทำให้มุกข์พิษของเป่าฮู่เข้าสู่สภาวะที่พัฒนาตนเองและเสมือนสิ่งมีชีวิตที่กำลังจำศีลอยู่นั่นเอง
เมื่อมู่เจี้ยนหลิงยังไม่ได้สติ หลังจากที่เป่าฮู่ ได้ปรับลมปราณให้เสถียรเสร็จ ก็เห็นร่างกายตนเองมีเพียงคราบสีเขียวที่เน่าเหม็น อันมาจากพิษที่ดูดซับเข้าไปในร่างกาย ทำให้เป่าฮู่ต้องออกไปอาบน้ำและชำระกาย
เพียงการชำระกายที่อยู่ไปไม่ไกล ทำให้หญิงสาวตัวน้อยที่ฟื้นคืนสติได้เห็นรูปโฉมของเฒ่าพิษที่ตัวนางคิดเป็นบุรุษรูปงาม ที่นางไม่เคยพบเจอมากก่อน
แม้นางจะเป็นคุณหนูที่เอาแต่ใจและมองชายทุกคนเป็นดั่งของไร้ค่า แต่สำหรับชายผู้ที่กำราบตัวตนของนางลงได้ทั้งยังมีชีวิตอยู่นั่นทำให้นางเริ่มคิดว่า คนเช่นไรกันที่อยู่กินกับพิษทั่งยังไม่ตายไป หรือว่าเขาก็มีมุกข์พิษสวรรค์ด้วยเช่นกัน
ทันใดนั้นในโลกแห่งจิตวิญญาณของนาง เจ้ามังกรเขียวก็เล่าทุกอย่างที่มันและเป่าฮู่เคยเผชิญร่วมกันมา จนนางได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว คนที่มีสิ่งเดียวกับนางทั้งยังหลอมรวมมันขึ้นมาเองเช่นเดียวกับนางนั้นมีอยู่จริง
นางที่เคยเป็นตัวน่ารังเกียจสังหารได้กระทั่งมารดา นั่นทำให้ทุกคนในตระกูลไม่กล้าที่จะใกล้นาง แม้จะเกรงกลัวนาง แต่ก็ชิงชังนางในเวลาเดียวกัน นั่นจึงทำให้นางกลายเป็นคนที่โดดเดี่ยว และเป็นเพียงเครื่องมือของปู่ของนางที่ต้องการให้นางครอบครองสัตว์เทพ เพื่อส้างความยิ่งใหญ่ให้แก่ตระกูลเท่านั้น
“เขาเหมือนข้า เป็นเช่นท่านว่าเช่นนั้นจริงหรือ ท่านเทพมังกร?”
นางกล่าวถามมังกรเขียวที่นางเรียกมังกรฟ้า สัตว์อสูรคู่กายของนาง หลังจากทีได้รู้ความจริงและเรื่องราวของเป่าฮู่ ท่าทีของนางก็เปลี่ยนไป ในตอนที่เป่าฮู่เดินขึ้นมาจากลำธาร
“นี่พี่ชาย ท่านช่วยแก้มัดข้าได้หรือไม่ ข้าต้องการชำระร่างกาย ข้าไม่หนีท่านไปไหนหรอก เพราะข้ายังต้องการทดลองพิษของข้ากับท่านอยู่”
คำกล่าวนั้นทำให้เป่าฮู่คิดว่า คุณหนูจอมยโสคนนี้คงถูกรีดพิษจนสติไม่ดีไปแล้ว
จากนั้นเป่าฮู่ก็ใช้ผนึกอักขระกับนางอีกครั้งโดยลดทอนพลังลมปราณของนาง ไม่ให้นางใช้ลมปราณได้นั่นเอง
“นี่ท่านทำอะไรกับข้า ทำไมพลังลมปราณข้าถึงหายไป?”
มู่เจี้ยนหลิงได้กล่าวถามไป เป่าฮู่ได้ฟังก็หันมามองขณะที่กำลังใช้ผ้าเช็ดผมของตนให้แห้งเช่นกัน
“นักโทษเช่นเจ้า ไม่สมควรที่จะรู้”