หลังจากที่เป่าฮู่ได้เผชิญกับเจ้าสำนักเทพโอสถ ก็ทำให้ตัวเป่าฮู่ได้รับรู้ถึงลมปราณขั้นราชันช่วงปลายจากฮันเผิง แต่นั่นมิได้ทำให้เป่าฮู่ต้องเกรงกลัวไปเลยแม้แต่น้อย เป่าฮู่ได้ฟังคำคุยโตของันเผิงนั้นก็ได้ระบายเสียงหัวเราะออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้
“ฮ่าๆๆๆ เจ้า! คนประหลาด ชายก็ไม่ใช่หญิงก็ไม่เชิง เจ้าเองก็มีระดับเพียงราชันลมปราณเท่าๆกับข้า ยังมีหน้ามาขู่ข้าให้ยอมพ่ายแพ้และมอบสัตว์ลมปราณของตนเองนั้นให้กับเจ้า
นี่เจ้าบ้าหรือคิดว่าข้าโง่กัน คิดได้เช่นไร ว่าคนอื่นจะยอมทำตามคำตน เพราะเกรงกลัวคนครึ่งคนเช่นเจ้าและยังมีระดับที่เท่ากัน คนที่ต้องกลัวคงเป็นเจ้ามากกว่า เพราะหากข้าไม่มั่นใจคงไม่มาเพื่อล้างสำนักเจ้าในวันนี้”
เมื่อคำว่าล้างสำนักเกิดขึ้นมาท่ามกลางเหล่าศิษย์นับพันทำให้พวกมันต้องแสดงสีหน้าที่ถอดสีออกมาอย่างพร้อมเพียงกัน สำนักเทพโอสถไปล่วงเกินมารดามันหรืออย่างไรกันถึงทำให้คนที่มีพรสวรรค์ที่น่ากลัวแบบนี้มาล้างสำนักในวันนี้
ฮันเผิงได้เห็นท่าทางที่มั่นใจของชายหนุ่มก็คิดลงมือทันทีเพราะคุยไปก็ไม่ได้ความ
“เช่นนั้นอย่ามาว่าข้าโหดร้าย เจ้าหนุ่ม”
ร่างที่พุ่งเข้ามาด้วยท่าร่างประจำสำหนักเทพโอสถที่มีความเร็วใกล้คียงกับท่าเท้าท่องวารีแต่ดูหยาบกระด้างกว่าเพราะเป็นเพียงท่าเท้าที่ใช้เก็บสมุนไพรในยุคบรรพกาลเท่านั้น
เป่าฮู่ได้เห็นก็ยกยิ้มและพุ่งเข้าหา เจ้าสำนักเทพโอสถนามฮันเผิงเช่นกัน ด้วยเลือดในกายนานแล้วที่ไม่ได้พบศัตรูชั้นสูงที่มีระดับใกล้เคียงกับตนเช่นนี้ เป่าฮู่จะได้ประเมินตนเองว่าจะท้าทายอำนาจแดนศักดิ์สิทธิ์ได้มากน้อยเพียงใด
ฮันเผิงที่เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าชายหนุ่มสัญชาติญาณของมันก็ร่ำร้องให้ถอยหนีแต่ มันมิเชื่อว่าเด็กอมมือเช่นเจ้าหนุ่มคนนี้จะทำอะไรราชาแห่งพิษเช่นมันได้
ไม่รู้โชคชะตาหรืออะไรชักนำให้คนทั้งสองมาสู้กันในวันนี้ เป่าฮู่ควบคุมกระบี่น้ำแข้งกลางอากาศอย่างรวดเร็วและไหลรื่น เพียงกระบี่ที่งดงามเข้าปะทะกับเตาปรุงยาที่เป็นอาวุธของฮันเผิงอย่างรุนแรง กระบี่น้ำแข็งที่กระทบกับเตาเหล็กก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
เป่าฮู่ได้เห็นเช่นนั้นจึงได้รู้ว่าทักษะระดับราชันยังทำอะไรชายคนนี้ไม่ได้นับว่าร้ายกาจสมชื่อ
แต่คนที่หลงตนเองและยกตนเองเป็นราชาแห่งพิษข้อนี้อาจเป็นหลุมศพของตัวฮันเผิงเองก็เป็นได้
เมื่อเต่าอักขระได้เห็นจากที่นอนอยู่บนหัวของเป่าฮู่ เต่าอักขระก็กระโดดเข้าไปพร้อมปะทับอักขระจำกัดอาณาเขตเอาไว้นั่นทำให้เป่าฮู่เข้าใจวิชาในใต้หล้สสามารถพลิกแพลงได้ 108 และเช่นเดียวกับวิชาอักขระของเต่าอักขระยังสามารถนำมาต่อสู้ได้เช่นกันและยังได้ผลดีด้วย
เมื่อเป่าฮู่ทำสมาธิและโคจรลมปราณตามทักษะลมหายใจเทพเจ้า พละกำลังในกายก็พรั่งพรูทำให้เท้าที่เคลื่อนไหวไปมารวดเร็วมากกว่าเดิน เมื่อกระบี่น้ำแข็งไม่อาจที่จะปะทะกับเตาปรุงยาได้ตรงๆ ก็ไม่ต้องใหมันปะทะตรงๆ
มือซ้ายโคจรทักษะกระบี่ไร้รูป มือขวาถือกำกระบี่เหล็กไว้ในมือ พร้อมใช้ออกด้วย
เพลงกระบี่วารีไหลย้อน แม้ระดับของทักษะจะเพียงระดับราชา แต่ก็ใช้โจมตีผสานร่วมนั่นทำให้การโจมตีจากเป่าฮู่ไม่มีที่สิ้นสุด
“เจ้าคนประหลาด เก่งนักรับมือ”
เพียงฮันเผิงที่ได้เห็นกระบวนท่ากระบี่ที่แปลกไปจากเดิม ไหนจะกระบี่น้ำแข็งจากรอบนอก และกระบี่เหล็กในมือ เจ้าหมอนี่มันเป็นใคร ในยุทธภพมีคนเก่งกาจถึงเพียงนี้ในวัยเท่านี้ด้วยหรือ และยิ่งไปกว่านั้นในดินแดนเสือขาวเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนใช้ลมปราณธาตุน้ำที่เก่งกาจ เจ้าบ้านี่มันต้องมาจากแดนเสวียนอู่
จากนั้นฮันเผิงก็โยนเตาปรุงยาไปบนอากาศและใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างโคจรลมปราณตามทักษะลมปราณของตน และใช้มือบังคับเปลวเพลิงสีฟ้าครามให้ก่อเกิดออกมากลางฝ่ามือและใช้มันพุ่งเข้าโจมตีเป่าฮู่ที่เบื้องล่าง
“เก่งนักหรือเจ้าหนุ่ม รับมือ ข้าฮันเผิงผู้นี้ซะ ฝ่ามือเพลิงสีคราม”
ในตำราทักษะหมื่นพิษที่ฮันเผิงค้นพบมีวิชาคบคุมเปลวเพลิงและชุดฝ่ามือที่ใช้ร่วมกับเพลิงสีครามนี้ด้วยเช่นกัน การที่ได้ฝึกทุกสิ่งร่วมกับเตาเหล็กหมื่นพิษนี้ทำให้ฮันเผิงมีระดับลมปราณที่รุดหน้าได้เร็วยิ่งขึ้น
แต่เป่าฮู่ที่เห็นเปลวเพลิงที่พุ่งมากลับไม่ได้สนใจ หากแต่รวบรวมสมาธิผนึกกลำลังไปที่ เกราะลมปราณ และอีกส่วนใช้ควบคุมกระบี่ไร้รูปด้านนอกที่กำลังพุ่งเข้าโจมตีในจังหะที่ฮันเผิงไม่รู้
เพียงเตาปรุงยาและเพลิงสีครามพุ่งเข้าไปจากทุกทิศทางสิ่งที่เกิดขึ้นห่างจากตัวเป่าฮู่ไปกว่า 3 ฉื่อ
ได้ปรากฎสิ่งที่ทำให้ใบหน้าของฮันเผิงต้องกลายเป็นขาวซีด ด้วยการใช้ทักษะลมปราณธาตุน้ำมาเป็นเกราะคุ้มกันในตำนานเล่าไว้มีเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือ ลมปราณเทพเต่าดำแห่งนิกายเสวียนอู่
“ไม่จริง สิ่งที่สูญหายไปกว่า 100 ปีขนาด จ้าวนิกายทั้งสองของแดนศักดิ์สิทธิ์ก็หาไม่เจอ แต่ตออนนี้เจ้าหนุ่มนี่กลับมีมัน ไว้ในครอบครอง สวรรค์ทำไมคนเช่นนี้ถึงมีขอดีมากนัก
ฮ่าๆๆๆๆ สวรรค์มอบโอกาสให้ข้าแล้ว”
คิดที่จะครอบครองตำราทักษะลมปราณเทพเข้าครอบงำ
“เช่นนี้ก็รับมือ”
ฮันเผิงเร่งเร้าเปลวเพลิงสีครามให้โหมกระหน้ำ เสียงของเตาปรุงยาสั่นเครือกลิ่นอายของพิษร้ายที่เรียกว่าจิ้งจอกฟ้าก็กระจายออกมาจากเตาปรุงยานั้น
เมื่อกลุ่มอาวุโสที่ได้เห็นก็เร่งสั่งการให้เหล่าศิษย์ไปรับมืออสูรลมปราณยังอีกฝากหนึ่งส่วนพื้นที่ตรงนี้ให้ถอยออกไปอย่างได้เข้ามาใกล้
หลังจากการต่อสู้ที่เป่าฮู่ได้กระทำ ตัวหลั่วจื่อเองก็ได้เร่งรีบกลับไปยังหมู่ตึกเดิมของตน เพราะที่นั่นอาจารย์มักเก็บของมีค่าไว้และเชื่อได้เลยว่าต้องมีบันทึกที่เกี่ยวกับพิษของดอกถุงมือจิ้งจอกบ้าง ใบหน้าของหย่วนซิวหยูปรากฏย้ำเตือนให้หลั่วจื่อรีบเร่งเดินทาง
ในขณะเดียวกันอาการของหย่วนซิวหยู ที่บัดนี้หย่วนปงใช้ลมปราณของตนเองช่วยยับยั้งพิษร้ายไว้อยู่ ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตน จนเวลาผ่านไปกว่า 1 ชั่วยาม กลุ่มศิษย์นับร้อยนับพันที่ถูกเหล่าองครักษ์ของเป่าฮู่ลงมือสังหารเป็นผักปลา วันนี้สำนักเทพโอสถจึงเจิ่งนองไปด้วยเลือด อสูรลมปราณเช่นราชาอสรพิษฟ้าครามได้ทำลายพื้นที่ส่วนใหญ่ของสำนักพินาศย่อยยับ
แต่ตัวฮันเผิงหลังจากได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้สนใจ เพราะสิ่งก่อสร้างพังพินาศไปก็สร้างใหม่ได้ แต่ของล้ำค่าที่ยุทธภพตามเสาะหาอยู่ตรงหน้ามีหรือจะยอมให้หลุดมือไป
คำสั่งการให้เหล่าอาวุโสเข้ามาช่วยเล่นงานเป่าฮู่ของฮันเผิงก็พลันปรากฏ ด้วยฮันเผิงเกรงว่าหากยืดเยื้อจะทำให้ตนเองพบกับหายนะแทนได้ เพราะเท่าที่เห็นเกราะลมปราณนั่นกันได้แม้แต่พิษร้าย เจ้าเด็กบ้านี่มันโชคดีนักที่มีของล้ำค่าเช่นนั้น
เมื่อเป่าฮู่เองที่ผลัดกันรุกผลัดกันรับ จนสิ่งก่อสร้างที่หักพังลงไปเริ่มมากขึ้น มากขึ้น เป่าฮู่ไม่อาจที่จะทนให้เวลาผ่านไปเนิ่นนานแบบนี้ได้อีก จึงยอมเสี่ยงระเบิดพลังของแก่นแท้เยือกแข็งอีกครั้ง
“เจ้า พวกเจ้า บังคับข้าเองนะ แทนที่จะส่งยาถอนพิษมาแต่แรกก็จบ”
คำพูดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่แววตาที่ดุดันและเหี้ยมเกรียม สายลมที่กระทบกับใบหน้าของเป่าฮู่เผยให้เห็นถึงใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวที่ชายหนุ่มมี จิตคุกคามที่เริ่มรุนแรงมากยิ่งขึ้นทุกย่างก้าว
การโคจรลมปราณเทพเต่าดำเพื่อคุ้มกันภัยของตนเองได้ถูกทำให้หายไป เปลี่ยนมาเป็นการรุกไล่ที่
น่ากลัวของเป่าฮู่แทน
เมื่อไม่อาจทนตั้งรับได้ตัวเป่าฮู่จึงพุ่งกายเข้าไป โดยไม่ห่วงว่าฮันเผิงจะใช้ เสี้ยวเวลานั้นลอบโจมตีจากด้านหลัง
เพียงเหล่าองครักษ์ที่ต่อสู่ร่วมกับเป่าฮู่ห่างออกไปได้เห็น ฮันเผิงวางแผนโจมตีจากด้านหลัง มันไม่รอช้าเพราะนายน้อยของมันสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
เพียงเตาปรุงยาที่พุ่งเข้ามาพร้อมกับลูกเพลิงสีครามที่ฮันเผิงใช้เบี่ยงเบนการโจมตีหลัก เพื่อใช้เตาปรุงยาเป็นตัวตัดสิน ด้วยหวังพิชิตในครั้งเดียว แต่คนที่เห็นการเคลื่อนไหวนั้นกลับเป็นองครักษ์จากด้านนอก หากคิดเช่นคนทั่วไปคิด
แต่สำหรับเป่าฮู่นั้นต่างออกไปในสายตาที่แหลมคมของเป่าฮู่ กลับวางแผนที่จะเผยช่องวางด้านหลังและใช้วิกฤตนั้นเป็นโอกาสในการโจมตีสวนกลับ
หากแต่ใครจะไปคิดว่าจู่ๆก็มีองครักษ์คนหนึ่งพุ่งกายเข้ามาในแผลการที่ไม่ได้คิดไว้ล่วงหน้าจนต้องเกิดเหตุการณ์ที่เกินจะคาดเดาได้
“นายน้อยระวัง!…..((((ปุ่ง!)))) ((((อ๊ากกกกก)))))”
เสียงของเตาปรุงยาที่กระแทกเข้าไปกับลำตัวของชายผู้นั้น พร้อมกับชายผู้นั้นใช้แรงเฮือกสุดท้ายคว้าเตาปรุงยาไว้แน่น ทำให้การควบคุมของฮันเผิงเสียจังหวะ เป่าฮู่เห็นเช่นนั้นก็หันไปมองฮันเผิงที่ไร้เตาปรังยาก็เหมือนคนที่ขาดแขนข้างถนัดไป
“แก่! กล้าทำร้ายคนสนิทของข้า ฮันเผิงเจ้าชั่ว ตายไปซะ”
ในระยะที่ไม่ห่างไปมากนักวิชาที่สามารถจัดกรได้ดีเป็นที่สุดในจังหวะนี้ก็คือ ฝ่ามืออัดกระแทก ชุดวิชาที่ธรรมดาแต่ก็ไม่ธรรมดานั่นเอง
“กระแทกวิญญาณ…….”
เสียงของเป่าฮู่ที่สลัดกระบี่ในมือทิ้งและพุ่งฝ่ากำแพงเปลวเพลิงรอบกายของฮันเผิงเข้าไปพร้อมอัดกระแทกชุดฝ่ามืออัดกระแทกไปอย่างไร้ความปราณี
“กระแทกกาย ((ฟรึ๊บ!)) กระแทกใจ ((ฟรึ๊บ!)) กระแทกวิญญาณ”
สามฝ่ามือที่ซัดออกไปสร้างแรงอัดอากาศที่เกิดอย่างรวดเร็วจนม่านเปลวเพลิงรอบกายของฮันเผิงแตกสลายไปได้
((((ปุ่ง!)))) ((((ปุ่ง!)))) ((((ปุ่ง!))))
เมื่อจู่ๆผ่ามือที่ผ่านม่านเปลวเพลิงเข้ามาได้ก็กระทบกับส่วนท้อง ส่วนอก และไหล่ขวาของฮันเผิง จนร่างทั้งร่างของฮันเผิงที่โอบล้อมไปด้วยกลิ่นอายพิษร้ายแต่ เป่าฮู่กับไม่เป็นไร
“เจ้า! เจ้าสามารถทนพิษร้ายของข้านับร้อยนับพันชนิดได้เช่นไร? อั๊ก! เจ้ามัน ตัวอะไรกัน? ((((อ๊ากกกก))))”
เมื่อเป่าฮู่เห็นร่างที่ร่วงลงไปกองกับพื้น สายตาทั้งสองก็จับจ้องไปที่ฝ่ามือของตนและเข้าใจทันทีว่า ตนเองช่างเลอะเลือนนัก
หากเป่าฮู่ใช้ลมปราณเทพที่มีโคจรโอบร่างกายของหย่วนซิวหยูไว้และใช้ลมปราณในร่างชักนำเอาพิษร้ายมาไว้ที่ตนเอง
ก่อนที่จะหลอมมันให้เป็นหนึ่งเดียวกับแก่นพิษ ทำไมเป่าฮู่คิดไม่ได้ว่าหย่วนซิวหยูคือ คนไม่ใช่ม้าเช่นเจ้าหยาดโลหิต พิษในกายนางย่อมไม่ทำร้ายนางมากนักหากชักนำได้ทันท่วงทีและยิ่งมีเฒ่าหย่วนปงอยู่ด้วย ยิ่งทกให้การสกัดพิษในกายนางไม่ให้เข้าไปทำร้ายอวัยวะภายในได้นั่นย่อมเป็นผลที่ดีที่สุด จะพิษอะไรหากไม่ใช่พิษจากดอกบัวหมื่นพิษ และมุกพิษนพเก้า ทำไมเป่าฮู่ต้องกลัวพวกมันด้วย
ความเลอะเลือนชั่วขณะที่เกิดขึ้นเกือบนำพาความตายมาให้แก่หย่วนซิวหยูแล้วแท้ๆ
MANGA DISCUSSION