ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - ตอนที่ 546 สินสงครามของข้า ข้าย่อมเป็นเจ้าของ
ทันทีที่เยี่ยนจ้าวเกอฟาดฝ่ามือลง คล้ายกับท้องฟ้าถล่มทลาย
บนโลกผืนสมุทร เฉินซื่อเฉิงคือมหาปรมาจารย์ขั้นที่เก้า ขั้นรูปญาณระยะท้าย นับว่าเป็นบุคคลระดับสุดยอด แต่เมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามือนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ กลับมิอาจรับมือได้
พลังแห่งรอยตราพลินภาที่น่ากลัวครอบคลุมสี่ทิศ ทำให้เขาทำได้แต่หลับตารอความตาย
จอมยุทธ์โลกผืนสมุทรที่อยู่รอบๆ มองเหตุการณ์นี้ด้วยความตกตะลึง มองเยี่ยนจ้าวเกอใช้ฝ่ามือฟาดศีรษะเจ้าสำนักมังกรโลหิตเฉินซื่อเฉิงจนแหลก เสียชีวิตลง
จอมยุทธ์สำนักมังกรโลหิตอุทานขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอมองพวกเขาเหมือนไม่มีเรื่องราวใด “เป็นไร?”
ในดวงตาทั้งสองข้างของเฉินอิ๋งปรากฏความเจ็บปวด หลับตาลงไม่พูดอะไร จอมยุทธ์จากสำนักมังกรโลหิตริมฝีปากสั่น มองเยี่ยนจ้าวเกอเงียบๆ
“กำลังคิดว่าถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นเจ้าสำนักของพวกเจ้า ต่อให้มีปัญหาอะไรก็ควรให้สำนักเจ้าตัดสินกันภายใน จากนั้นก็ค่อยตัดสินใช่หรือไม่?” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเรียบเฉย “ข้าว่าตอนนี้พวกท่านควรจะคิดมากว่า ว่าต่อจากนี้สำนักท่านจะเป็นอย่างไร”
“อย่าลืมว่าพวกลิ่นเชียนเฉิงบุกสำนักของพวกเจ้าแล้ว”
สีหน้าของคนในสำนักมังกรโลหิตพลันซีดขาวขึ้นมาทั้งหมด
เรื่องพวกนี้พวกเขาย่อมไม่ลืม เพียงแต่เรื่องที่เฉินซื่อเฉิงสองพ่อลูกวางแผนสังหารเหนียนเชินสะเทือนขวัญเกินไป ทำให้พวกเขาที่รู้ความจริงทำอะไรไม่ถูก
ในตอนนี้เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเตือน ทุกคนจึงนึกออกว่าสำนักมังกรโลหิตของตัวเองอยู่ในช่วงเวลาเป็นตายแล้ว
เหนียนเชินเสียชีวิต เฉินซื่อเฉิงเสียชีวิต ผู้อาวุโสกับพวกลูกศิษย์ที่อยู่ปกป้องสำนักน่าจะตกอยู่ในสภาพไม่สู้ดีนัก เพราะการกวาดล้างของฝ่ายมาร
สำนักมังกรโลหิตทั้งหมดเกรงว่าจะเหลือแค่คนที่อยู่ทะเลตาข่ายดาว แต่กลับเป็นมังกรไร้หัว อีกทั้งยังสูญเสียรากฐาน เหมือนกับแหนลอยบนน้ำ
คำว่าสถานการณ์ง่อนแง่นไม่อาจบรรยายสถานการณ์ของสำนักมังกรโลหิตในตอนนี้ได้
รากฐานนับพันปีของหนึ่งในเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมะที่ยิ่งใหญ่ ขุมกำลังระดับแดนศักดิ์สิทธิ์สุดยอดบนโลกผืนสมุทรซึ่งมีอยู่น้อยนิด กลับกลายเป็นเหมือนอาคารที่กำลังจะถล่ม เสี่ยงถูกทำลายทั้งสำนัก
เยี่ยนจ้าวเกอไม่สนใจคนของสำนักมังกรโลหิต เขาหันไปมองคนจากสำนักอื่น ยิ้มขึ้นเล็กน้อย “เทียบกับการลักพาตัวคนแล้ว การสังหารอาจารย์ของตัวเองเหมือนจะเป็นปัญหาที่ใหญ่กกว่ากระมัง?”
ทุกคนพยักหน้าอย่างเงียบงัน ชายหนุ่มจึงกล่าวต่อ “ยังไม่ต้องพูดถึงการสังหารอาจารย์ เฉินซื่อเฉิงสองพ่อลูกเพื่อเรื่องส่วนตัว ก่อให้เกิดมรสุมขนาดใหญ่เพียงนี้ คิดว่าพวกเราเป็นคนโง่ ยังมอบโอกาสให้ฝ่ายมาร เกี่ยวพันถึงชีวิตของคนจำนวนนับไม่ถ้วน”
“คนเช่นนี้ ข้าสังหารไป ทุกท่านว่าอย่างไร?”
ทุกคนมองหน้ากันเอง ผู้นำของเขาหงส์วิเศษกล่าวก่อนว่า “ย่อมเป็นเรื่องประเสริฐ”
คนจากสำนักอื่น กลับเป็นคนของบึงหมื่นกระบี่ที่พูดต่อ “คนอันตรายเช่นนี้ ตายไปไม่น่าเสียดาย”
คนที่เหลือพากันส่งเสียงคล้อยตาม ทำเอาคนของสำนักมังกรโลหิตหมดอาลัยตายอยาก เงยหน้าไม่ขึ้น
กระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ลืมเรื่องที่สำคัญที่สุด ต่างเงยหน้ามองนิ้วมังกรทั้งเก้าที่ลอยอยู่กลางอากาศ “นิ้วมังกรทั้งเก้าถึงอย่างไรก็…”
“ถึงอย่างไรก็เป็นสินสงครามของข้า ข้าจะยอมเก็บไว้ก่อน ส่วนต่อจากนี้จะจัดการอย่างไร ข้าจะค่อยๆ คิดดู พวกเจ้าไม่ต้องกังวล”
เยี่ยนจ้าวเกอไพล่สองมือไว้ด้านหลัง สายตากวาดมองทั่วบริเวณ
คนที่สัมผัสได้ถึงสายตาของเขา จิตใจพลันรู้สึกเย็นเยียบ ถึงแม้ว่าจะไม่พอใจ ทว่าเมื่อเห็นเยี่ยนจ้าวเกอกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอีกทางหนึ่ง ต่างพูดอะไรไม่ออก
ความล้ำค่าของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ไม่ต้องพูดให้มากความ
ไม่ใช่แค่คนจากสำนักมังกรโลหิตเท่านั้น เหตุใดคนจากสำนักอื่นจะไม่อยากได้ หากตนไม่ได้ ย่อมไม่หวังให้คนอื่นได้ไป
ทว่าเมื่อเห็นสายตาเยือกเย็นของเยี่ยนจ้าวเหอกวาดมองมา ความกล้าก็พลันสลายสิ้น
การต่อสู้ในวันนี้ เยี่ยนจ้าวเกอใช้พลังของตัวเองทำให้ผู้กล้าทุกคนยอมศิโรราบ อีกทั้งยังเปิดโปงความจริงของเรื่องราวก่อนหน้า ทำให้ทุกคนจิตใจสั่นสะท้าน ยากเกิดความคิดขัดขืน
เยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์นิ้วมังกรทั้งเก้าได้ในเวลาอันสั้น ต้องใช้การประสานงานอย่างแปลกประหลาดของเสาระเบียงวังเทพและคานวังเทพสะกดไว้ จึงค่อยเก็บไว้ได้
คนที่อยู่รอบๆ เห็นนิ้วมังกรทั้งเก้าหายไป ก็อดกลืนน้ำลายเอื๊อกเพราะรู้สึกผิดหวังในใจไม่ได้
ชายหนุ่มหันไปมองเฉินอิ๋ง “ไม่ต้องคิดมาก บิดาของเจ้าราดน้ำมันลงบนกองเพลิง ข้าสังหารด้วยฝ่ามือเดียว อย่าว่าแต่คนที่จุดเพลิงอย่างเจ้าเลย”
เฉินอิ๋งอ้าปากคิดพูดอะไร เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่สนใจ มองไปยังสือจวิน พูดอย่างสงบนิ่งว่า “จวินเอ๋อร์ เจ้าจัดการ เริ่มตรงไหนก็จบตรงนั้น”
“เจ้า เฉินอิ๋ง เหนียนเหว่ยเป็นผู้เริ่มเรื่อง เหนียนเหว่ยตายแล้ว คนเกี่ยวข้องยังเหลือพวกเจ้าสองคน จัดการให้จบเถอะ”
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยื่นมือออกมา แสงสว่างวาบขึ้น ม้วนสือจวินกับเฉินอิ๋งไว้ ก่อนที่คนทั้งสองหายไปในกลางฝ่ามือของมัน
คนอื่นได้แต่มองพร้อมริมฝีปากสั่นสะท้าน แต่มิได้ขัดขวาง
คนจากสำนักมังกรโลหิตมีสีหน้าซับซ้อน แต่ส่วนใหญ่แล้วต่างก็มีความแค้นอยู่ภายใน
ต่างเป็นผู้ท่องยุทธภพเก่าทั้งสิ้น กลับถูกเด็กสาวคนหนึ่งหลอกใช้ ทำให้พวกเขาอับอาย คิดกระแทกศีรษะให้ตาย
เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าเรียบเฉย เขาส่งกระแสเสียงให้สวีเฟย ‘ศิษย์พี่สวี ท่านว่าจวินเอ๋อร์จะทำอย่างไร’
สวีเฟยไม่ตอบ แต่ถามกลับ ‘ถ้าหากจวินเอ๋อร์เลือกปล่อยนางไป จ้าวเกอเจ้าจะทำอย่างไร’
ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq ได้ฝังพลังเอาไว้ในร่างนาง พร้อมระเบิดได้ทุกเวลา’
ครั้นรับรู้ดังนั้น สวีเฟยมองเยี่ยนจ้าวเกอทันที
เขาเอ่ยอย่างเรียบๆ ‘พูดตามตรง หากไม่คิดถึงจุดยืนของทั้งสองฝ่าย ข้ารู้สึกเสียดายความสามารถของเด็กสาวผู้นี้นัก’
‘ตอนเผชิญหน้ากับข้า เผชิญหน้ากับจอมยุทธ์มหาปรมาจารย์จำนวนมาก ใบหน้าของนางยังคงไม่เผยร่องรอย จิตใจราบเรียบดุจน้ำที่ไร้ระลอกคลื่น ทำให้ข้าไม่รู้สึกว่าเป็นการเสแสร้งแกล้งทำ การแสดงแทบจะไร้ที่ติ ความตั้งใจเช่นนี้หาได้ยากจริงๆ’
‘สารภาพตามตรง หากเอาข้าไปไว้ในสภาพแวดล้อมและปัจจัยที่เหมือนกับนาง ข้าไม่มั่นใจว่าจะทำได้ดีกว่า’
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มขึ้น “แต่ปัญหาอยู่ที่ข้าไม่เคยเสียดายความสามารถของศัตรูมาก่อน”
สวีเฟยถอนใจ ‘จวินเอ๋อร์ย่อมไม่โทษเจ้า’
เขามองคนอื่นแวบหนึ่ง ‘คนของสำนักมังกรโลหิตคงไม่ปล่อยนาง จอมยุทธ์ฝ่ายธรรมะสมควรไม่อภัยให้นางเช่นกัน’
เยี่ยนจ้าวเกอพูดว่า “ข้ารู้ดี จวินเอ๋อร์จะทำอย่างไร ข้ามั่นใจอยู่แปดส่วน ข้าเพียงแต่กังวลว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อเขาในวันหน้า”
ชายหนุ่มหันไปมองสวีเฟยแวบหนึ่ง เขาพยายามเลือกใช้คำ “พูดเช่นนี้อาจจะเป็นการไม่เคารพอาจารย์ลุงใหญ่กับศิษย์พี่สือ แต่ว่าพวกเขาสมกับเป็นตระกูลเดียวกัน”
“ส่วนลึกของสายเลือดตระกูลสือซ่อนไว้ด้วยความดื้อรั้นและความดุร้าย”
“อาจารย์ลุงใหญ่คือรักความยุติธรรม แน่วแน่ไม่สั่นไหว”
“ศิษย์พี่สือดื้อรั้นถือทิฐิ ต่อให้ตายก็ไม่เสียดาย”
เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิด “ตอนนี้จวินเอ๋อร์ยังไร้เดียงสา มองออกแค่แบบจำลองเดียว ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะเกิดเป็นอะไร…”
สวีเฟยได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้ส่งเสียง และไม่ได้คัดค้าน
ดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอพลันสั่นไหว
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแบมือออกมา