ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 70 กระสุนมังกรน้ำแข็งคำราม
เฟิงอวิ๋นเซิงมียอดฝีมือแห่งเขากว่างเฉิงพากลับไปที่สำนักพร้อมกัน
คำนวณถึงปัญหาที่รุนแรงขึ้นกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์แล้ว เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน ยอดฝีมือของเขากว่างเฉิงที่มาในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งอยู่ช่วยผู้อาวุโสฉินดูแลความสงบของของเกาะนภาตะวันออก และอาณาจักรถังตะวันออก รับมือกับการแก้แค้นของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่อาจเกิดขึ้นหลังจากนี้
เมื่อส่งเฟิงอวิ๋นเซิงแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็กลับไปยังที่พักของตน ขณะที่เดินกลับก็คิดไตร่ตรองไปด้วย
ครั้งนี้สร้างความไม่พอใจให้กับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หนักเอาการ พลังความสามารถและศักยภาพของตนที่แสดงออกมาในระยะนี้ก็ค่อนข้างจะยอดเยี่ยม สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าครึ่งจะต้องจับจ้องตนเองเป็นแน่
ยิ่งไปกว่านั้น ข้างกายก็ยังมีเหยียนซวี่ที่คอยเฝ้าระแวดระวังไม่วาง
เยี่ยนจ้าวเกอบรรลุเพียงระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลาง ยังเอาชนะเซียวเซิงที่อยู่ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้ายได้ ฉะนั้นในตอนนี้กลุ่มจอมยุทธ์ชุดดำจึงไม่ได้ติดตามอยู่ข้างกายของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว
ในฐานะที่เป็นผู้คุ้มกัน พวกเขาไม่สามารถทำหน้าที่ได้มากพอ กลับกันอาจจะพาเจ้านายลงเหวพร้อมกันด้วยซ้ำ ถึงเวลานั้นใครจะปกป้องใครกันแน่
แต่ว่าจอมยุทธ์ชุดดำกลุ่มนั้นก็ไม่ได้ออกจากอาณาจักรถังตะวันออกในทันที พวกเขายังคงอยู่ที่นี่ต่อไป รอฟังคำสั่งจากเยี่ยนจ้าวเกออยู่ตลอดเวลา
หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มของผู้อาวุโสฉินและเยี่ยนจ้าวเกอก็มุ่งหน้าไปยังเมืองใกล้ปราการ
ที่นั่น เยี่ยนจ้าวเกอและคนอื่นๆ ได้เห็นร่างไร้วิญญาณของหลินอวี้เสา
ถึงตอนนี้แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งจะได้เห็นใบหน้าของหลินอวี้เสาจริงๆ เป็นครั้งแรก ซึ่งไม่ใช่การมองภาพนิ่งที่อยู่ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม
เหมือนอย่างเช่นที่เหยียนซวี่พูดไว้ บาดแผลบนร่างกายของนาง เกิดจากการใช้วิชาฝ่ามือดุสิตของปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะแรก
พลังเพลิงไฟสีม่วงของฝ่ามือดุสิตกระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย
…และอำพรางร่องรอยอื่นๆ ไว้ด้วยเช่นกัน
“หญิงงามชะตาสั้น…” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวนิ่งๆ
เมื่อผละออกมาจากร่างของหลินอวี้เสา เยี่ยนจ้าวเกอก็เงยหน้ามองท้องฟ้า ‘เยี่ยจิ่ง มาถึงขั้นนี้แล้วจริงๆ หรือ’
‘โอ๊ะ ตอนนั้นที่บึงน้ำแข็ง เหมือนเขาจะได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง หากยังใช้วิชาลับนั่นรักษาอาการบาดเจ็บต่อไปอีกล่ะก็ จิตใจของเขาต้องได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงขึ้นอีกแน่’
‘หากเป็นเช่นนี้ก็มีโอกาสที่จะยิ่งฉุนเฉียว ยิ่งดุร้ายมากขึ้นแน่นอน’
สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอพลันเยือกเย็น ‘ในเมื่อเจ้าจะตัดทางโลกจริงๆ แล้วล่ะก็ ข้าก็ส่งเจ้าในวาระสุดท้ายด้วยมือข้าเองก็แล้วกัน’
เมื่อกลับถึงที่พัก อาหู่ที่อยู่ข้างๆ ก็พูดเสียงเบาว่า “คุณชายขอรับ”
ทันทีที่เห็นใบหน้าที่ดูเหมือนจะจริงใจ แต่ความจริงกลับมีลับลมคมนัยของอาหู่ เยี่ยนจ้าวเกอก็กลอกตาขาวครั้งหนึ่ง
ชายหนุ่มมองตามสายตาของอาหู่ พบหญิงสาวรูปร่างสะโอดสะองคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ข้างทาง
“ศิษย์น้องซือคง เจ้าออกฌานแล้วหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยถาม “ดูจากท่าทางของเจ้าแล้ว ข้ามผ่านจุดขวางกั้นได้สำเร็จ บรรลุถึงระดับปรมาจารย์แล้วสินะ”
หญิงสาวคนนั้นก็คือซือคงจิง ที่เย็นชาและเด็ดเดี่ยวเป็นที่สุด
นางโค้งคำนับให้กับเยี่ยนจ้าวเกออย่างหนักแน่นครั้งหนึ่ง “ก่อนหน้านี้ได้รับคำชี้แนะจากศิษย์พี่เยี่ยน หลังจากออกฌานแล้ว จึงมาเพื่อกล่าวขอบคุณโดยเฉพาะ”
“เรื่องของศิษย์น้องหลิน ข้าก็ได้ยินมาแล้ว ขอแสดงความเสียใจกับศิษย์พี่เยี่ยนด้วย”
เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือ “ข้าไม่เป็นไร ขอบใจเจ้าที่เป็นห่วง”
เมื่อกล่าวจบ เยี่ยนจ้าวเกอก็มองหน้านางอย่างพินิจพิจารณา “ไม่เลวเลย ปรมาจารย์รุ่นเยาว์อายุสิบหกปี ที่สำนักเราก็ถือว่าพบได้ยาก ศิษย์น้องซือคงจิตใจแน่วแน่เสียจริงๆ”
“แต่ก็อย่าได้วางใจนักล่ะ เจ้าน่าจะรู้ดีว่าเมิ่งหว่านแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ตอนที่อายุสิบห้าก็เป็นปรมาจารย์แล้ว”
สีหน้าท่าทางซือคงจิงสงบนิ่ง แววตามุ่งมั่นแน่วแน่ “เจ้าค่ะ ข้าทราบดี”
“ไม่โอหัง ไม่ฉุนเฉียว ดีมาก” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “เจ้ามีใจฝักใฝ่ในการฝึกฝน จิตใจมั่นคงแน่วแน่ ดังนั้นข้าก็ไม่กลัวที่จะพูดกับเจ้าตรงๆ นอกจากเมิ่งหว่านแล้ว สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ยังมีอีกคนหนึ่ง ที่เข้าสู่ระดับปรมาจารย์ตอนที่อายุยังไม่ถึงสิบหกปีบริบูรณ์เช่นกัน”
“แต่บัดนี้นางได้เข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักของเราแล้ว”
ซือคงจิงพูดนิ่งๆ ว่า “หวังว่าจะได้แลกเปลี่ยนวิชากับนางบ่อยๆ คิดว่าข้าคงได้ประโยชน์ไม่น้อย”
เยี่ยนจ้าวเกอมองนาง จู่ๆ ก็เผยรอยยิ้มออกมา “แต่นางกับเมิ่งหว่านเป็นสตรีจันทราเหมือนกัน สถานการณ์ค่อนข้างจะพิเศษ เพื่อให้มีผลในการทดสอบจันทรากาย สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ใช้วิธีบางอย่างจึงประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว”
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ภายหลังจึงมีรากฐานไม่มั่นคง ทำให้ตอนที่ฝึกฝนเริ่มแรกเร็วภายหลังช้า”
“แต่ด้วยพื้นฐานของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และสำนักของเรา ต่อให้ในอนาคตความเร็วในการฝึกฝนของพวกนางลดลง แต่นั่นก็เป็นแค่การเปรียบเทียบระหว่างพวกนางเท่านั้น อย่างไรก็ยังคงเร็วกว่าคนส่วนมาก อีกทั้ง…”
ซือคงจิงฟังคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว จึงพูดต่ออย่างเฉยเมยว่า “อีกทั้งมงกุฎจันทรายังมีส่วนช่วยยกระดับการฝึกฝนของสตรีจันทราอีกด้วย”
“หลังจากที่เมิ่งหว่านชนะการการประลองแห่งจันทราครั้งแรก ในช่วงเวลาหนึ่งปีที่ครอบครองมงกุฎจันทรานั้น ระดับวรยุทธ์ของนางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เร็วกว่าปกติมาก”
“ศิษย์พี่ท่านนั้นที่อยู่เมืองทะเลมรกต ชนะเมิ่งหว่านในการจันทรากายครั้งที่สอง หลังจากที่เริ่มครอบครองมงกฏหยิน ระดับวรยุทธ์ของนางก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน”
แววตาของซือคงจิงแน่วแน่ ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย “ขอบพระคุณศิษย์พี่เยี่ยนที่ชี้แนะ ข้าจะไม่เกียจคร้านเป็นแน่”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย “ดีมาก ตอนนี้เจ้าก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นในระยะต้นแล้ว ต่อจากนี้ก็ต้องอาศัยปราณจิตราที่ฝึกฝนได้ในขั้นแรก เบิกทางให้กับจุดลมปราณทั่วทั้งร่างกาย”
“หลังจากที่สำเร็จแล้ว ก็จะบรรลุสู่ระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นในระยะกลาง จากนั้นก็ใช้ปราณจิตราชำระล้างอวัยวะภายในทั้งหมด เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายอีกขั้นหนึ่ง”
“เมื่อใดที่เจ้าสามารถใช้ปราณจิตราสร้างเป็นกำแพงปราณขึ้นภายในร่างกายของตนเองได้ นั่นก็นับว่าเจ้าไปถึงระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นในระยะท้ายแล้ว ด้านระดับความแข็งแรงของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรือการป้องกันก็จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และเตรียมตัวสำหรับการบุกเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอก”
“ค่อยๆ ก้าวไปทีละก้าวอย่างมั่นคง ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้”
ซือคงจิงพยักหน้า “ข้าจะพยายาม รบกวนศิษย์พี่เยี่ยนแล้ว”
หลังจากทั้งสองบอกลากัน เยี่ยนจ้าวเกอมองแผ่นหลังที่จากไปของซือคงจิง โดยไม่ปริปากพูดอยู่นาน
อาหู่จึงก้าวมาด้านหน้า ยิ้มอย่างซื่อๆ ครั้งหนึ่ง “คุณชายขอรับ แม่นางหลินเพิ่งจากไป ท่านก็จะกินแม่นางซือคงแล้วหรือ นี่ค่อนข้างจะไม่เหมาะสมนะ…”
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าอย่าคิดแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องจะได้หรือไม่”
“เช่นนั้นเหตุใดคุณชายถึงใช้สายตาเช่นนั้นมองแม่นางเล่า” อาหู่ถามพลางเกาหัว
ชายหนุ่มหรี่ดวงตาลงเล็กน้อย “อาจจะเป็นความรู้สึกผิดของข้าเอง หลังจากที่ซือคงจิงเป็นปรมาจารย์ได้สำเร็จ ก็ราวกับถอดร่างเปลี่ยนกระดูกอย่างไรอย่างนั้น บนร่างกายของนางเกิดการเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน”
“แม้ว่าจอมยุทธ์ระดับหลอมกายถึงระดับปรมาจารย์จะเป็นคูธรรมชาติ หลังจากที่ข้ามผ่านไปก็เป็นพื้นฟ้าผืนใหม่”
“แต่การเปลี่ยนแปลงของศิษย์น้องซือคงนั้นกลับใหญ่มากกว่านั้นอีก เพียงแต่ความรู้สึกนี้มันเลือนรางมาก”
อาหู่มองแผ่นหลังที่หายไปนานแล้วของซือคงจิง แล้วพูดอย่างแปลกใจว่า “คุณชายขอรับ นอกจากบรรลุถึงขั้นปรมาจารย์แล้ว ข้าก็ยังมองไม่เห็นว่านางมีการเปลี่ยนแปลงอะไรอย่างอื่นเลย”
เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก “อาจจะเป็นเช่นนั้น”
“จริงสิ ก่อนหน้านี้ที่สั่งให้เจ้าส่งคนสะกดรอยตามจ้าวฮ่าวนั่น ตอนนี้มีรายงานอะไรบ้างหรือไม่”
“ตอนนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวขอรับ ดูๆ แล้วเหมือนจะประพฤติตัวเรียบร้อยมากกว่าที่พวกท่านพูดมากเลยทีเดียว” อาหู่เอ่ยตอบ
ชายหนุ่มพยักหน้า “จับตามองต่อไป แต่อย่าไปยุ่งกับคนของถังตะวันออกล่ะ”
พักเรื่องของพวกเขาไว้ก่อน หลังจากที่เยี่ยนจ้าวเกอกลับไปยังที่พักแล้ว เขาก็หยิบน้ำเต้าหิมะเก้าสมบัติที่ได้มาจากผู้อาวุโสฉินออกมา
เดิมทีสรรพคุณของของสิ่งนี้คือเอาไว้เก็บรักษาสิ่งของอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมุนไพรวิเศษและโอสถวิเศษบางอย่าง
มีโอสถวิเศษบางอย่างเมื่อถูกเก็บมา ปราณวิญญาณก็จะสลายไปอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นของไร้ค่า ทว่าเมื่อตอนนี้มีน้ำเต้าหิมะเก้าสมบัติเช่นนี้ ก็จะไม่ถึงกับต้องสูญสิ้นไปหมดทุกอย่าง
เยี่ยนจ้าวเกอดึงจุกปิดน้ำเต้าออก จากนั้นก็นำหินหยกที่ผนึกจิตมังกรน้ำแข็งออกมา
พลังของจิตมังกรน้ำแข็งถูกเยี่ยนจ้าวเกอดูดเก็บเอาไว้แล้วส่วนหนึ่ง และขณะนี้เยี่ยนจ้าวเกอก็ดูดมันเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง
ในขณะที่จิตมังกรน้ำแข็งลำเลียงเข้าสู่ร่างกายอยู่นั้น ปราณจิตราภายในร่างกายของเยี่ยนจ้าวเกอก็เคลื่อนไหวไปมาไม่หยุด
ด้วยความช่วยเหลือจากคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต เขาทำภารกิจที่จอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์ยากจะทำให้สำเร็จได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ความเร็วในการฝึกฝนวรยุทธ์ของตนเองเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ทว่าครั้งนี้ในขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอกำลังฝึกฝนอยู่ มือข้างหนึ่งของเขาวางทับไว้บนน้ำเต้าหิมะเก้าสมบัติ
จิตมังกรน้ำแข็งเคลื่อนไหวสลับไปมาระหว่างหินหยก ภายในร่างกายเยี่ยนจ้าวเกอ และน้ำเต้า
ไอเย็นจากน้ำเต้าหิมะเก้าสมบัติค่อยๆ แผ่กระจายออกไปอย่างเข้มข้น ด้านในน้ำเต้าเริ่มมีเสียงมังกรคำรามดังขึ้นเลือนราง
ขณะที่ทุกอย่างอยู่ในความคลุมเครือ ก็มีเงาของมังกรสีขาวปรากฏขึ้นด้านหน้าของน้ำเต้า
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย “กระสุนมังกรน้ำแข็งคำราม สำเร็จแล้ว”
……………..