ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 35 โกรธเป็นฟืนไฟ
ร่างเปลือยท่อนบนของคนผู้หนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นไม้
บนร่างกายของเขามีลายของเปลวเพลิง ดูเสมือนไฟลุกโชนที่สามารถขยับได้จริง
ผมสีดำยาวและเงาปล่อยลงมาถึงกลางหลัง แม้จะเป็นสีดำสนิท แต่มองจากที่ไกลๆ กลับให้ความรู้สึกเหมือนกับเปลวเพลิง
บนใบหน้าของคนผู้ก็มีลายของเปลวเพลิงอยู่ด้วยเช่นกัน ในดวงตาทั้งสองข้างยิ่งเหมือนมีไฟลุกโชนกำลังสั่นไหวไปมา
แต่ว่าหลานเหวินเหยียนที่อยู่ใกล้ๆ ตรงนี้ก็ยังคงจำได้ ว่าเด็กหนุ่มที่รูปร่างภายนอกประหลาดไปบ้างตรงหน้านี้ ก็คือเยี่ยจิ่งที่หายตัวไปในหุบเหวปราการมังกรเมื่อตอนนั้น
แม้บนใบหน้าจะมีลายเปลวเพลิงปกปิดอยู่ แต่เขาก็ยังจำเครื่องหน้าของอีกฝ่ายได้
หลานเหวินเหยียนรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ จึงลองถามไปว่า “ใช่ศิษย์น้องเยี่ย เยี่ยจิ่งหรือไม่”
ฝ่ายตรงข้ามหันกลับมา แววตาดุจไฟที่ทำให้จิตใจของคนหวาดหวั่น แต่ก็พยักหน้าตอบรับ “ไม่ผิดหรอก ข้าเอง”
“ก่อนหน้านี้ในหุบเหวปราการมังกร เจ้า…” หลานเหวินเหยียนถามด้วยความประหลาดใจ
เมื่อได้ยินชื่อของหุบเหวปราการมังกร นัยน์ตาของเยี่ยจิ่งปรากฏความโกรธขึ้งอย่างชัดเจน สีหน้าก็เย็นชาขึ้น “ข้าชะตาแข็ง จึงไม่ตาย”
“เอาเถิด ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” หลานเหวินเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ทุกคนเป็นห่วงเจ้ามาก แต่ศิษย์พี่เยี่ยนบอกว่าเจ้าเป็นคนดีฟ้าย่อมคุ้มครอง ต้องผ่านพ้นอันตรายได้แน่ ตอนนี้ดูแล้วศิษย์พี่เยี่ยนพูดถูกจริงด้วย…”
เขายังไม่ทันพูดจบก็มีเสียงตะคอกขึ้นขัดจังหวะ
“เยี่ยนจ้าวเกอ!” ดวงตาทั้งสองของเยี่ยจิ่งแทบจะพ่นไฟออกมาได้แล้ว “ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ข้าจะเคราะห์ร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร!”
“เขาเจตนาไม่ดี ตั้งใจจะทำให้ข้าตายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!”
“แต่ข้าชะตาแข็ง จึงไม่ตาย แถมวรยุทธ์ก็แก่กล้าขึ้น คงจะทำให้เขาผิดหวังแล้วล่ะ” เยี่ยจิ่งกัดฟันพูด “มีแค้นไม่ชำระไม่ใช่ลูกผู้ชาย บัญชีนี้ช้าเร็วข้าต้องจัดการกับเขาแน่!”
หลานเหวินเหยียนได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นทันที “ศิษย์น้องเยี่ย เจ้าใจเย็นก่อน ภายหลังข้าได้ฟังเรื่องในวันนั้นมาเช่นกัน เตาผลึกหินชั้นในของศิษย์พี่เยี่ยนตกไปในหุบเหว จึงเกิดระเบิดและเป็นเหตุให้ทำร้ายเจ้า นั่นเป็นอุบัติเหตุ”
เยี่ยจิ่งสบถอย่างเย็นชาว่า “เจ้าเป็นพยาธิในท้องของเขาหรือ ถึงรู้ว่าเขาคิดอย่างไร เขาพูดมาอย่างไร เจ้าก็เชื่ออย่างนั้นหรือ?”
“ที่จริงมหาปรมาจารย์หัวหน้าค่ายชื่อหลิงคนนั้นมาเพื่อหาเรื่องเขา แต่เขากลับซ้อนแผน ใช้เชื้อไฟหลอกล่อให้ข้ารับเคราะห์แทน เขาวางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว!”
“แค่อาวุธวิเศษระดับล่างชิ้นเดียวก็ซื้อใจเจ้าได้หรือ ทำให้เจ้าเข้าข้างเขา และช่วยเขาถึงขนาดนี้เลยหรือ?”
หลานเหวินเหยียนได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็รู้สึกโมโหเช่นกัน “ตอนนั้นเจ้าเล่นสกปรกเข้าไปแย่งเชื้อไฟของศิษย์พี่เยี่ยนก่อน ไม่เช่นนั้นมหาปรมาจารย์ผู้นั้นจะเล่นงานเจ้าได้หรือ? เจ้าคิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญนักหรืออย่างไร?”
“เจ้าไม่ตายในเคราะห์ร้าย อารมณ์คงแปรปรวนบ้างเป็นธรรมดา ข้าไม่โทษเจ้าหรอก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเจ้าจะสามารถพูดจาเหลวไหลได้”
เขามองเยี่ยจิ่งพลางส่ายหน้า “ข้าเชื่อคำพูดของศิษย์พี่เยี่ยน! เพราะเหตุใดถึงเชื่อน่ะหรือ? ตอนนั้นตัวเจ้าก็ตกลงไปในหุบเหวแล้ว โอกาสรอดน้อยมากเป็นทุนเดิม แล้วเหตุใดศิษย์พี่เยี่ยนจะต้องโยนเตาผลึกหินชั้นในของตนเองลงไปอีก?”
“ยิ่งไปกว่านั้น เตาผลึกหินชั้นในก็ยังเป็นสิ่งที่ล้ำค่าถึงเพียงนั้น เพื่อจะฆ่าเจ้าแล้ว ศิษย์พี่เยี่ยนถึงกับต้องเสียสละเตาผลึกหินชั้นในของตนเองเลยหรือ? เตาผลึกหินชั้นในในตำนาน กับเจ้าที่เป็นแค่จอมยุทธ์ที่ไม่ใช่แม้แต่ปรมาจารย์ ฝ่ายไหนจะมีค่ามากกว่ากัน?”
“ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือเจ้า หรือใครคนอื่นที่เข้าไปในหุบเหวปราการมังกรด้วยกันกับศิษย์พี่เยี่ยน หากเขาคิดจะฆ่าใครจริงๆ อย่าว่าแต่ตายด้วยฝ่ามือหนึ่งเลย แค่ลมหายใจเดียว ก็ใช่ว่าพวกเราจะต้านทานเอาไว้ได้ เขาจำเป็นต้องทำลายเตาผลึกหินชั้นในของตัวเองหรือ?”
คำพูดของฝ่ายตรงข้าม ทำให้เยี่ยจิ่งคิดถึงท่าทีของเยี่ยนจ้าวเกอที่ไม่เห็นหัวเขาตั้งแต่ในอดีตขึ้นมาทันที
ความสิ้นหวัง ความโกรธ และความแค้นที่มีในหุบเหวปราการมังกรในตอนนั้นพลันเพิ่มมากขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่ จนแทบจะเผาทำลายสติของเยี่ยจิ่งจนสิ้น
ดวงตาทั้งสองของเยี่ยจิ่งแดงก่ำดั่งเปลวเพลิง “อาวุธวิเศษระดับล่างชิ้นเดียวก็ทำให้พวกเจ้าเป็นสุนัขรับใช้ของเยี่ยนจ้าวเกอได้เลยหรือ?”
“เช่นนั้นข้าจะตีหมาก่อน แล้วค่อยไปตีเจ้าของแล้วกัน!”
เขาตะคอกเสียงดัง แล้วกระโจนขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะพุ่งเข้าหาหลานเหวินเหยียน!
หลานเหวินเหยียนสะดุ้งตกใจ รู้สึกได้เพียงว่ามีคลื่นความร้อนกำลังมุ่งตรงเข้ามา จนแทบจะทำให้ตนเองหยุดหายใจ
เยี่ยจิ่งไม่ตายในเคราะห์ร้าย และมีวรยุทธ์แก่กล้าขึ้นมากจริงหรือนี่?
หลานเหวินเหยียนไม่กล้าที่จะลังเล เขารีบยกเกราะกำบังชิ้นหนึ่งขึ้น ซึ่งก็คืออาวุธวิเศษระดับล่างที่เยี่ยนจ้าวเกอให้มาก่อนหน้านี้
เพียงแต่ว่าเมื่อเยี่ยจิ่งเห็นเกราะกำบังชิ้นนี้ ก็เหมือนกับได้เห็นหน้าของศัตรู เขาพลันดวงตาแดงก่ำ และปล่อยหมัดเข้าใส่อีกฝ่ายเหมือนดั่งพายุฟ้าคะนอง
เยี่ยจิ่งปล่อยหมัดเหล็กออกมาไม่ยั้งโดยที่ไม่เหน็ดเหนื่อย ราวกับเป็นคลื่นยักษ์โหมกระหน่ำ
หลานเหวินเหยียนยังใช้พลังทั้งหมดของอาวุธวิเศษระดับล่างไม่ได้ จึงต้านหมัดมือเปล่าของเยี่ยจิ่งไม่อยู่ไปโดยปริยาย
ในที่สุดอาวุธวิเศษก็ถูกปัดจนหลุดออกจากมือ เยี่ยจิ่งกระหน่ำหมัดไม่ยั้ง จนหลานเหวินเหยียนลอยหวือออกไป
แม้จะเห็นศัตรูตกลงบนพื้น และมีเลือดสดๆ ไหลออกจากปากไม่ขาดสาย สายตาของเยี่ยจิ่งยังคงเย็นชา ทั้งยังแผ่จิตสังหารออกมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงละสายตาไป
สายตาของเยี่ยจิ่งมองไปยังเกราะกำบังที่กระเด็นไปตกอยู่อีกด้านหนึ่ง ความแค้นทอประกายในดวงตาพลันรุนแรงขึ้นอีกครั้ง เขาพุ่งตัวเข้าไปหามัน แล้วยกขาข้างหนึ่งขึ้นเตะมันลอยออกไปไกล
เกราะกำบังกลายเป็นจุดสีดำเล็กๆ หายลับไปในมวลภูเขาที่อยู่ไกลออกไป
เยี่ยจิ่งมองหลานเหวินเหยียนที่เจียนตายด้วยความแค้นใจครั้งหนึ่ง แล้วหันหลังเดินจากไปในส่วนลึกของเทือกเขา
‘แหวนวงนี้ทำให้ข้าสร้างร่างกายขึ้นใหม่ได้ แต่เพราะวรยุทธ์ที่ฝึกฝน ทำให้ข้าอารมณ์ร้อนและโกรธง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก’ เยี่ยจิ่งเดินไปเรื่อยๆ ถึงจะสงบใจลงได้บ้าง ในใจรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ ‘ถึงหลานเหวินเหยียนจะเข้าข้างเยี่ยนจ้าวเกอ แต่ก็ไม่เคยร่วมมือช่วยเยี่ยนจ้าวเกอทำร้ายข้า แต่ข้าเกือบจะฆ่าเขา ดูท่าจะใจร้อนเกินไป’
แต่เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ตนเองต้องเป็นเช่นนี้ ความโกรธในใจของเขาก็เดือดพล่านขึ้นอีกครั้ง “เยี่ยนจ้าวเกอ!”
‘เหอะ วันนี้ได้เห็นความคิดของหลานเหวินเหยียนแล้ว แค่คิดก็รู้แล้วว่าคนอื่นๆ ในสำนักส่วนมากก็คงจะใส่กางเกงตัวเดียว[1]กันกับเยี่ยนจ้าวเกอ’
‘บิดาของเขาเป็นถึงผู้อาวุโสในสำนัก คงจะคอยปกป้องเขาอยู่เป็นแน่ ข้าจะขอความยุติธรรมคงเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่ายาก’
‘แล้วอย่างไรเล่า ถ้าเปิดเผยโฉมหน้าที่น่ารังเกียจของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ และเรียกความยุติธรรมคืนมาไม่ได้ ความทุกข์ทรมานที่ข้าแบกรับมาทั้งหมดมันก็สูญเปล่าสิ?’
‘ความสามารถเท่านั้น อยากได้ความยุติธรรมคืนก็ต้องมีความสามารถให้มากพอ หากข้าแข็งแกร่งกว่าเยี่ยนจ้าวเกอ แข็งแกร่งกว่าบิดาของเขา ไหนเลยพวกเขาจะกล้ารังแกข้า หรือกลับดำขาวอีก?’
เยี่ยจิ่งเงยหน้าขึ้นมองดูยอดเขาสูงต่ำสลับกัน แววตาแข็งกระด้างดั่งเหล็กและร้อนดั่งไฟ ‘ข้าจะต้องครอบครองพลังที่แข็งแกร่ง ถึงจะทวงเอาความยุติธรรมของข้าคืนมาได้ ข้าต้องแข็งแกร่งสองพ่อลูกคู่นั้นให้ได้’
‘เยี่ยนจ้าวเกอ รอก่อนเถิด สิ่งที่เจ้าติดค้างข้า เจ้าจะต้องชดใช้คืนมาทุกอย่าง!’
….
“เยี่ยจิ่งเล่นงานศิษย์ร่วมสำนักคนหนึ่งจนบาดเจ็บสาหัส?” เยี่ยนจ้าวเกอมองอาหู่ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
เยี่ยจิ่งยังมีชีวิตอยู่ เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเลยสักนิด
มีคนพบตัวเขาและข่าวถูกส่งกลับไปที่สำนัก ก็จะเป็นเรื่องดีสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ นี่จะเป็นสิ่งที่ยืนยันคำตอบสำหรับการซักถามในวันนั้นได้โดยสิ้นเชิง
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลเลยแม้แต่น้อย ที่จะต้องพิสูจน์ความจริงกันต่อหน้ากับเยี่ยจิ่ง หรือทำพิธีโลหิตจิตหวนเวลาเพื่อแสดงเหตุการณ์ในตอนนั้นอีกครั้ง
แต่หลังจากที่เยี่ยจิ่งปรากฏตัว กลับเล่นงานจนหลานเหวินจนเกือบตาย นี่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง
‘เจ้าเด็กนี่ ตกลงไปในหุบเหวจนสมองกระแทกอย่างรุนแรงพังไปแล้วหรือ?’ เยี่ยนจ้าวเกอเพียงแต่รู้สึกประหลาดใจ ‘เขาเล่นงานคนอื่นเพราะเหตุใดกัน’
อาหู่หัวเราะหึๆ “เจ้าเด็กแซ่เยี่ยคนนั้นดูเหมือนจะมีข้อกังขากับคุณชายหนักเอาเรื่องเลยนะขอรับ ศิษย์คนนั้นพูดโต้แทนคุณชาย เถียงกับเขาอยู่ไม่กี่คำ ก็ดูจะทำให้เขาโมโหแล้ว”
………………..
[1] ใส่กางเกงตัวเดียวกัน หมายถึง มีความคิดเดียวกัน