ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 96 ป้ายสัญลักษณ์วิญญาณสวรรค์
บทที่ 96 ป้ายสัญลักษณ์วิญญาณสวรรค์
บรรดาผู้อาวุโสต่างพากันยิ้มเย้ยหยัน เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สนใจคำพูดของลู่เฉินและหลันเย่าแม้แต่น้อย
ซูต้ายังคงลูบกิ้งก่าอย่างเบามือพลางเอ่ยว่า “หลันเย่า เจ้าเป็นคนของพันธมิตรแมลงสวรรค์! อย่าทำเรื่องที่ผิดต่อพันธมิตรแมลงสวรรค์เด็ดขาด มิเช่นนั้นอาจถูกตำหนักวิญญาณสวรรค์สังหารก็เป็นได้!”
หลันเย่ากล่าวสาบานทันที “สิ่งที่ข้าพูดมาล้วนเป็นความจริง! และหากท่านไม่เชื่อ เช่นนั้นท่านก็สามารถให้ตำหนักวิญญาณสวรรค์สังหารข้าได้เลย!”
ทุกคนต่างก็มองหน้ากัน
เพราะตำหนักวิญญาณสวรรค์ไม่ปรากฏออกมา จึงเห็นได้ชัดว่าหลันเย่าไม่ได้คิดทรยศต่อพันธมิตรแมลงสวรรค์ ส่งผลให้บรรดาศิษย์รวมทั้งผู้อาวุโสบางคนต่างก็ถกเถียงกันเบา ๆ
ซูต้าขมวดคิ้วเข้าหากัน ปากก็กล่าวว่า “อาจเป็นไปได้ว่า… เจ้าถูกคนอื่นหลอกลวงโดยไม่รู้ตัว!”
“ถ้าหากเป็นไปได้ ข้าอยากจะลองเข้าร่วมพันธมิตรแมลงสวรรค์ของพวกท่าน เช่นนี้ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าข้าไม่ได้คิดร้ายต่อพวกท่านแล้ว” ลู่เฉินแสร้งทำเป็นยอมแพ้เสียก่อน เพื่อที่จะได้สัมผัสสัญลักษณ์วิญญาณสวรรค์
เมื่อทุกคนได้ฟังก็พากันคิดว่ามีเหตุผล
แต่ซูต้ากลับหัวเราะใส่ลู่เฉิน “พ่อหนุ่ม พันธมิตรแมลงสวรรค์ของพวกเราใช่ว่าจะรับใครเข้ามาก็ได้”
“หมายความเช่นไร?” ลู่เฉินมองไปยังซูต้า ผู้อาวุโสซูจึงชี้ไปยังผู้คนที่ยืนรอบ ๆ พลางเอ่ยว่า “คนของพวกเรา อย่างน้อยต้องมีพลังขั้นสร้างรากฐานสมบูรณ์พร้อม จึงจะสามารถรับมือกับผลกระทบจากสัญลักษณ์วิญญาณสวรรค์ได้ ดังนั้นอย่างน้อยเจ้าก็ต้องแสดงพลังขั้นสร้างรากฐานระดับกลางได้!”
“ท่านจะบอกว่าไม่ชอบที่ข้าอ่อนแอเกินไป?” ลู่เฉินเหมือนจะเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะบอกจึงได้ถามกลับไป
“หรือว่าเจ้ารู้จักตนเองไม่ดีพอ?” ภายใต้คำพูดของซูต้า มันแฝงไปด้วยการดูถูก
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่เฉินจะตอบกลับไปว่า “ถ้าหากท่านไม่ว่าอะไร ท่านสามารถให้คนพวกนี้ขึ้นมาประมือได้ ข้าจะทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ เท่านี้ก็จะเป็นข้อพิสูจน์ที่เพียงพอแล้ว”
เมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว เหล่าผู้อาวุโสต่างก็พากันหัวเราะออกมา เช่นเดียวกับศิษย์ทั้งหลายที่ก็หัวเราะออกมาเช่นกัน
“แค่เจ้าหรือ? คนอย่างเจ้าเนี่ยนะจะล้มพวกเราได้?” มีคนเยาะเย้ยออกมา
คนผู้นี้เดิมทีอยู่ขั้นหลอมแก่นแท้ระดับต้น แต่หลังจากเข้ามายังแดนวิญญาณ เขาก็เหลือเพียงขั้นสร้างรากฐานระดับสมบูรณ์พร้อมเท่านั้น ทว่าเพียงเท่านี้ก็มากพอแล้วที่จะเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาศิษย์เหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงนับเป็นหนึ่งในหัวหน้ากลุ่มระดับสูงคนหนึ่งในหมู่ศิษย์!
ซูต้ายิ้ม “อย่าไปขู่เขาสิ”
แต่หลันเย่ากลับหันไปพูดกับซูต้าและคนอื่น ๆ ว่า “ท่านผู้อาวุโส เขา… เก่งมากจริง ๆ!”
“เก่งมาก?”
หลันเย่าเหมือนจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ลู่เฉินกลับหันไปเตือน “อย่าพูดมาก”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลันเย่าจึงหันไปพูดกับศิษย์ที่กล่าวท้าทายคนนั้น “เจ้า… เจ้าต้องระวังตัวให้ดี!”
บรรดาศิษย์คนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกว่าหลันเย่าช่างน่าขันนัก และถึงขนาดมีบางคนกล่าวดูถูกว่า “เจ้าไม่คิดว่าตัวเจ้าเป็นหัวหน้ากลุ่มที่ขี้ขลาดหรือไร!”
หลันเย่ารู้สึกอับอายขึ้นมา
ส่วนซูต้า เขายิ้มออกมาพลางมองไปยังลู่เฉิน “มาสิ ให้ข้าได้ลองดูหน่อยว่าแท้จริงแล้วเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหนกัน เหตุใดหลันเย่าจึงชื่นชมเจ้าขนาดนี้”
“เริ่มเลยเถอะ!” ลู่เฉินยืนเอ่ยกับศิษย์คนนั้น ก่อนที่อีกฝ่ายจะยิ้มประหลาดออกมาแล้วกล่าวว่า “เจ้า? ลำพังแค่แมลงของข้าก็สามารถจัดการเจ้าได้สบาย ๆ แล้ว!”
ครั้นเอ่ยจบ ผึ้งกลุ่มหนึ่งก็บินออกมาจากแขนเสื้อของศิษย์คนนั้น
พันธมิตรแมลงสวรรค์เก่งกาจในการควบคุมแมลง ดังนั้นเมื่อแมลงพวกนี้บินออกไป ทุกคนต่างก็คิดว่าลู่เฉินจะต้องถูกผึ้งพวกนี้ทำร้ายจนบาดเจ็บแน่
ทว่าไม่มีใครคาดคิดว่าเมื่อแมลงพวกนี้เข้าใกล้ลู่เฉิน พวกมันก็พลันหวาดกลัวจนหมดสติไปทีละตัว!
“เกิดอะไรขึ้น?” ศิษย์ผู้นั้นสับสน และเหล่าผู้อาวุโสต่างก็พากันประหลาดใจ
หลันเย่าจึงเอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้น “พี่ฟ่าน ผู้อาวุโสท่านนี้สามารถควบคุมแมลงได้ และไม่ได้อ่อนแอไปกว่าท่านผู้อาวุโสของเราเลย!!”
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสเห็นว่าหลันเย่าเอาพวกเขาไปเปรียบเทียบกับลู่เฉิน พวกเขาก็ไม่รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย โดยเฉพาะซูต้าที่ตะโกนออกมาว่า “ฟ่านชาน ตั้งใจหน่อย อย่าทำให้ขายหน้า!”
ฟ่านชานมองผึ้งพวกนี้ที่อ่อนแอลง ในใจเกิดโทสะขึ้นมา ดังนั้นเมื่อได้ยินคำสั่งของซูต้า เขาจึงขานรับทันที “ขอรับ!”
บนร่างของฟ่านชานเปล่งแสงสว่างสีน้ำตาลออกมา ก่อนที่มันจะรวมเข้าในหมัด และถูกปล่อยออกไปอย่างรุนแรง!
เงาหมัดสีน้ำตาลพุ่งออกไปแล้ว
แต่คาดไม่ถึงว่า ‘กำแพงพันชั้น’ ของลู่เฉิน จะสามารถต้านทานพลังในขั้นสร้างรากฐานระดับสมบูรณ์พร้อมของอีกฝ่ายได้!
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
ซูต้าถึงขนาดเอามือออกจากกิ้งก่าและเอ่ยถามออกมา “เจ้าเป็นใครกันแน่!”
“ลู่เฉิน” ชายหนุ่มเอ่ยตอบเพียงสั้น ๆ
ซูต้าถามต่ออีกว่า “เจ้ามาจากสำนักอะไร? หรือตระกูลใด?”
“สำนักเก้าสุขสงบ” ตอนนี้ลู่เฉินเลือกเอาสำนักเก้าสุขสงบเข้ามาบังหน้า และเมื่อได้ยินชื่อสำนักเก้าสุขสงบ คนเหล่านี้ต่างก็มองหน้ากันแล้วกระซิบกระซาบ
“เมื่อไหร่กันที่สำนักเก้าสุขสงบมีคนน่ากลัวเช่นนี้”
“ใครจะรู้ได้?”
ซูต้ายังคงคิดว่าลู่เฉินกำลังหลอกตนอยู่ “เจ้า… แน่ใจหรือว่าไม่ได้จำผิด?”
“ข้ามาจากสำนักใด จะไม่รู้ได้หรือ?”
ซูต้าลูบกิ้งก่าอย่างเบาก่อนมือ ก่อนจะลุกขึ้นและพูดต่อ “ได้ เช่นนั้นก็ตามข้ามา ข้าจะให้เจ้าเข้าร่วมพันธมิตรแมลงสวรรค์!”
หลันเย่าดีใจ ส่วนลู่เฉินกลับดูนิ่งสงบอย่างมาก
แต่ฟ่านชานกลับมีเรื่องสงสัยบางอย่าง และยังคงมองกำปั้นของตนซ้ำไปซ้ำมา “เห็นชัด ๆ ว่าข้าใช้พลังเต็มที่แล้ว แต่เหตุใดถึงตีไม่แตก?”
ขณะนั้นเอง ฟ่านชานได้ยินเสียงกระซิบบางอย่าง เขาพลันหันหลังเดินออกไปราวกับทั้งร่างกำลังถูกครอบงำ
ส่วนหลันเย่า เขาคิดเพียงว่าฟ่านชานคงเสียใจมากเกินไป เช่นนั้นจึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย และเดินตามลู่เฉินเข้าไปภายในถ้ำ
ภายในถ้ำนี้มีผู้อาวุโสท่านอื่นเฝ้าอยู่
และเมื่อซูต้าเดินเข้าไปยังด้านใน เขาก็พูดพร้อมกับหันมองป้ายสัญลักษณ์สีดำที่กำลังลอยอยู่ว่า “จงหยดเลือดลงไปหนึ่งหยด”
ลู่เฉินค่อย ๆ ก้าวเข้าไปทีละก้าว ส่วนเหล่าผู้อาวุโสต่างก็มีสีหน้าเฝ้ารออย่างมีความหวัง
แท้จริงแล้วลู่เฉินเป็นผู้ที่มีความสามารถที่แข็งแกร่งมาก ดังนั้นถ้าหากเข้าร่วมกับพวกเขา นั่นก็เท่ากับว่าพันธมิตรแมลงสวรรค์จะมีผู้มากความสามารถเพิ่มมาอีกหนึ่งคน!
ทว่าไม่มีใครคาดคิดว่าเมื่อลู่เฉินเดินเข้าไปแล้ว เขากลับไม่ได้หยดเลือดลงไป แต่กลับยื่นมือออกมาข้างหนึ่งเพื่อต้องการจะหยิบป้ายสัญลักษณ์นั้นมาแทน
ซูต้าที่เห็นดังนั้นจึงเอ่ยเตือนทันที “ห้ามสัมผัสเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นมันจะเกิดผลสะท้อนกลับ และทำให้เจ้าหวาดกลัวจนตาย!”
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่างก็พากันร้องห้าม
ทว่าสำหรับหลันเย่า เขานั่นยิ่งกังวลกว่าใครเพื่อน จึงรีบกล่าวขึ้นทันทีว่า “ผู้อาวุโส ระวัง อย่า… อย่าไปสัมผัส!”
แต่ลู่เฉินไม่สนใจฟังพวกเขา และยังคงยื่นมือไปคว้าป้ายสัญลักษณ์นั้นมาอย่างรวดเร็ว
นี่คือป้ายสัญลักษณ์สีดำ มันมีลักษณะเป็นวงรี มีความหนาและหนัก ขณะเดียวกันด้านบนมีตัวหนังสือสามตัวเปล่งแสงสีทองอ่อน ๆ เป็นคำว่า ‘สัญลักษณ์วิญญาณสวรรค์’
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อลู่เฉินสัมผัสมัน เขาก็สามารถสัมผัสได้ว่าภายในป้ายสัญลักษณ์นี้มีลมหายใจของผู้คนมากมาย!
ทุกคนต่างตกตะลึง
นั่นก็เพราะลู่เฉินไม่ถูกป้ายสัญลักษณ์วิญญาณสวรรค์นี้ทำให้หวาดกลัวจนสิ้นสติ แต่เขากลับสามารถหยิบป้ายนี้มาพลิกดูโดยไม่เกิดผลอันใด
“วางลงซะ!!” ขณะนั้นเอง มีน้ำเสียงที่ดูน่าเกรงขามดังก้องกังวานขึ้นมาในถ้ำ
เสียงนี้ทำให้ทุกคนตกใจ พวกเขาพากันกล่าวแสดงความเคารพทันที “ท่านผู้นำ!”
หลันเย่าเองก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป รีบก้มเคารพทันที
“ยังไม่วางลงอีก?” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดดังมาจากมุมหนึ่ง
แต่ลู่เฉินกลับยังคงหยิบป้ายสัญลักษณ์ขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “ข้าขออีกสักนิด”
“เจ้าหนู เจ้าอยากตายหรือ?” เสียงของคนผู้นี้ฟังดูราวกับร้อนใจยิ่งนัก
แต่ลู่เฉินกลับมองไปยังซูต้าและคนอื่น ๆ แล้วถามว่า “หรือว่าพวกท่านไม่อยากรู้ว่าป้ายสัญลักษณ์นี้ควบคุมพวกท่านได้เช่นไร?”
คำถามนี้ทุกคนต่างก็อยากรู้ แต่ไม่มีผู้ใดกล้าไปตรวจสอบ มิเช่นนั้นคงถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของผู้นำ หรืออาจจะถูกตัดสินว่าเป็นผู้ทรยศก็เป็นได้
ดังนั้นทุกคนจึงทำได้เพียงครุ่นคิด แต่ไม่กล้าเอ่ยปาก
“พวกเจ้านิ่งเฉยทำไม? ยังไม่ลงมืออีก?!” ผู้นำตวาดด้วยความโมโห
ซูต้ารู้ว่าคำสั่งของท่านผู้นำนั้นไม่สามารถขัดขืนได้ แต่ลู่เฉินก็เป็นผู้มีความสามารถคนหนึ่ง เขาจึงกล่าวออกมาอย่างร้อนใจว่า “ท่านผู้นำ เขา… มีความสามารถแข็งแกร่ง ถ้าหากเข้าร่วมกับพวกเรา ย่อมเกิดผลประโยชน์ต่อพวกเรามากเป็นแน่!”
“ข้าไม่ต้องการคนที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง!” เห็นได้ชัดว่าผู้นำคนนี้เหมือนกับกำลังกลัวอะไรบางอย่าง จึงกล่าวตำหนิออกมาโดยไม่สนใจสิ่งใด