ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 92 คุยโอ้อวดกลายเป็นแมลงสัตว์เลี้ยง!
บทที่ 92 คุยโอ้อวดกลายเป็นแมลงสัตว์เลี้ยง!
ภายในแสงสว่างสีเขียวนี้มีผีเสื้อสีมรกตตัวหนึ่ง
หากสังเกตดี ๆ จะพบว่าผีเสื้อสีมรกตนี้มีปีกโปร่งแสง และขณะที่มันเคลื่อนตัวอยู่นั้นเอง จู่ ๆ ตัวมันก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น!
จากเดิมที่ตัวมีสีมรกต บัดนี้ก็พลันเปลี่ยนสีไปมาไม่หยุด!
ลู่เฉินที่เห็นเช่นนี้จึงยิ้มออกมา “แท้จริงแล้วเจ้าก็คือผีเสื้อวิญญาณเจ็ดสี!”
ผีเสื้อตัวนั้นส่งเสียงประหลาดออกมา
ลู่เฉินตั้งใจฟังอยู่พักหนึ่งแล้วจึงยิ้มออกมา “เจ้าพูดอะไรข้าก็ฟังเข้าใจทั้งนั้น!”
อีกฝ่ายรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็มีเสียงผู้หญิงเอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัย “ท่านเป็นใครกัน เหตุใดจึงฟังภาษาแมลงเข้าใจได้ แล้วเหตุใดบนร่างกายของท่านจึงมีพลังแห่งแมลงบรรพกาลเช่นนี้?!”
แท้จริงแล้วกลิ่นอายนี้ก็มาจากชาติภพที่จุติเป็นราชันย์แมลงบรรพกาลนั่นเอง!
แต่ลู่เฉินไม่ได้อธิบาย เขาเพียงแค่ยิ้มพลางเอ่ยว่า “เจ้าไม่ต้องสนใจว่าข้าคือใคร เพียงแค่เจ้ารู้ไว้ว่าข้าสามารถช่วยเจ้าออกไปจากรังไหมแห่งนี้ได้!”
“หมายความว่าอย่างไร?” อีกฝ่ายถามด้วยความตื่นเต้น
ลู่เฉินจึงมองไปรอบ ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเหตุใดเจ้าถึงได้มาปรากฏตัวที่นี่ แต่เขตกั้นรอบ ๆ ชั้นแสงสีเขียวนี้เห็นได้ชัดว่ามันพันธนาการเจ้าไว้ แม้ว่าเจ้าจะอยากออกไปแต่ก็คงไม่สามารถทำได้ ทำได้เพียงแค่รวบรวมบรรดาแมลงกลืนโลหิตล่องหน เพื่อช่วยให้เจ้าดูดซับเลือดจากมนุษย์เอาไปใช้ทำลายชั้นเขตกั้นนี้ได้!” ชายหนุ่มมองไปยังเขตกั้นประหลาดนั้น
อีกฝ่ายตกตะลึงไปชั่วขณะ “เหตุใดแม้แต่สิ่งนี้ท่านก็ยังรู้ได้?”
“ข้ารู้มากกว่านี้อีก” ลู่เฉินเอ่ยอย่างลึกลับ
ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่เชื่อและยังคงกล่าวเตือนลู่เฉิน “ถ้าหากท่านไม่อยากกลายเป็นเฉกเช่นกระดูกซากศพเหล่านี้ก็จงบอกที่มาที่ไปของท่านเสียดี ๆ มิเช่นนั้น… ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว!”
“โอ้? แล้วเจ้าไม่กลัวว่าข้าอาจจะเป็นฝ่ายที่จัดการเจ้าแทนงั้นหรือ?” ลู่เฉินไม่หวาดกลัวสักนิด แต่ยังกล้าขู่ออกมา
ผีเสื้อวิญญาณไม่เชื่อ “ข้าไม่เชื่อว่าท่านจะแข็งแกร่งเช่นนั้น!”
“เพียงแค่กลิ่นกายจากกายข้า.. นั่นยังไม่พออีกหรือ?”
“มันก็แค่สิ่งลวงเท่านั้น!” อีกฝ่ายตอบอย่างแน่วแน่
ลู่เฉินจึงยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เช่นนั้นย่อมได้ เจ้าจงจ้องมายังดวงตาของข้าให้ดี!”
ผีเสื้อวิญญาณไม่เข้าใจว่าลู่เฉินต้องการทำสิ่งใด แต่เมื่อมองไปยังดวงตาทั้งสองข้างของลู่เฉิน มันก็ราวกับว่ามีรูสุญญะสีดำสองข้างกำลังจ้องมองมายังตน ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัว!
ไม่เพียงเท่านั้น ผีเสื้อวิญญาณยังรู้สึกวิงเวียนศีรษะ ราวกับอยากจะอาเจียนออกมาอีกด้วย
ลู่เฉินที่เห็นภาพนี้พลันฉีกยิ้มกว้าง “ดวงตาของราชันย์แมลงบรรพกาล คืออาวุธที่มีอานุภาพในการปราบแมลงทั้งปวง!”
เคล็ดวิชานี้ลู่เฉินมักจะใช้ในแดนแมลงบรรพกาล ดังนั้นลู่เฉินจึงตั้งชื่อให้มันว่า ‘นัยน์ตาแมลงบรรพกาล’ เมื่อแมลงต่าง ๆ มองมา แมลงเหล่านั้นจะหลงใหลในดวงตาที่น่าหวาดกลัวคู่นี้
แต่ขณะนี้ขั้นพลังของลู่เฉินยังคงอ่อนแอ ดังนั้นพลังที่ออกมาจึงไม่แกร่งกล้านัก แต่มันก็พอที่จะยับยั้งผีเสื้อวิญญาณได้!
แน่นอนว่าผีเสื้อวิญญาณก็ได้กล่าวออกมาอย่างรวดเร็วในขณะหลับตาว่า “ท่าน… ท่านรีบเก็บมันกลับไปที!”
หลังสิ้นคำขอของผีเสื้อตนนั้น ลู่เฉินก็เลิกใช้เคล็ดดวงตาก่อนจะเอ่ยว่า “เป็นเช่นไร? เห็นถึงพลังของข้าแล้วใช่หรือไม่?!”
“ท่าน ท่านคิดจะทำอันใด?” ผีเสื้อวิญญาณรู้ดีว่าลู่เฉินคงไม่ช่วยตนโดยไม่หวังผลตอบแทนเป็นแน่ นางจึงกังวลในเรื่องนี้
“ข้าเพียงแค่ต้องการให้เจ้าปกป้องคนคนหนึ่ง” เมื่อลู่เฉินเอ่ยจบ ผีเสื้อวิญญาณก็พลันรู้สึกสงสัยขึ้นมา
“ปกป้องคนคนหนึ่งหรือ?”
“ใช่!”
ผีเสื้อวิญญาณครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “ได้ แต่ข้าจะรับผิดชอบแค่การปกป้องเท่านั้น!”
“ตกลง!” ครั้นกล่าวจบ ลู่เฉินพลันเดินออกไปนอกถ้ำ เขาใช้สายตามองไปยังเขตกั้นชั้นแสงสีเขียวสว่างตรงหน้า
ทางด้านผีเสื้อวิญญาณ นางเองก็จ้องมองไปยังลู่เฉินแล้วกล่าวว่า “เขตกั้นนี้เป็นเขตกั้นแมลงที่มีความซับซ้อนยิ่ง และด้านบนก็ยังมีอักขระยันต์สลักไว้มากมายนัก”
“สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”
“เมื่อข้าตื่นขึ้นมาก็พบว่ามันมีอยู่แล้ว”
ลู่เฉินที่ได้ฟังพลันรู้สึกแปลกใจ เขามองไปยังเขตกั้นก่อนจะถามต่ออีกว่า “เมื่อตื่นขึ้นมา? เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าเกิดที่นี่?”
“อาจเป็นไปได้!”
“เช่นนั้น แมลงกลืนโลหิตล่องหนด้านนอก เจ้าก็เป็นฝ่ายควบคุมใช่หรือไม่?”
“อืม!”
ลู่เฉินที่ได้ยินดังนั้นพึมพำออกมาทันที “ผีเสื้อวิญญาณควบคุมแมลงกลืนโลหิต เหตุการณ์เช่นนี้ข้าพึ่งเคยเห็นครั้งแรก!”
ผีเสื้อวิญญาณไม่รู้ว่าลู่เฉินหมายความว่าอย่างไร ทว่าในขณะนั้นเอง เขาก็ได้แสดงเคล็ดทลายอักขระออกมา!
แต่เขตกั้นนี้แข็งแกร่งเกินไป จำเป็นต้องใช้พลังปราณจำนวนมาก… ซึ่งปัญหาข้อนี้ทำให้ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกอื่น เขาพลันใช้เคล็ดวิชาหมื่นวิญญาณเร่งดูดซับพลังปราณโดยรอบเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ก่อนจะใช้เคล็ดทลายอักขระอีกครั้ง!
จากนั้นเขตกั้นก็แตกกระจายออกมาทันที
ผีเสื้อวิญญาณตกตะลึง “นี่มัน!”
“สำเร็จแล้ว เจ้าออกมาเถอะ” เมื่อลู่เฉินเอ่ยจบ ผีเสื้อวิญญาณก็บินออกมา จากนั้นมันก็บินไปรอบ ๆ ด้วยความดีใจ “ในที่สุดก็ออกมาได้แล้ว!!!”
“ไปเถอะ ออกไปพบกับผู้ที่ข้าต้องการให้เจ้าปกป้อง!”
คำพูดนี้ทำให้ผีเสื้อวิญญาณแปลกใจเล็กน้อย “ท่านไม่กลัวข้ากลับคำงั้นหรือ?”
“เมื่อสามารถปล่อยเจ้าออกมาได้ ข้าก็ย่อมสามารถผนึกเจ้าได้เช่นกัน!” ลู่เฉินตอบกลับด้วยความมั่นใจ
สิ่งนี้ทำให้ผีเสื้อวิญญาณหวาดกลัวขึ้นมา
ลู่เฉินเดินไปที่บันไดอย่างเงียบ ๆ ปล่อยให้ผีเสื้อวิญญาณบินตามหลังโดยไม่แม้แต่จะสนใจ
ครั้นแมลงที่อยู่รอบ ๆ บริเวณนั้นเห็นผู้นำของมันติดตามลู่เฉินไป พวกมันก็ต่างก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมา
ทว่าลู่เฉินไม่ได้สนใจอาการตกใจของแมลงพวกนี้ และเดินออกจากถ้ำไปยังที่ที่ฮวาหลิงมู่กำลังรออยู่…
ขณะนั้นเอง เมื่อหลันเย่าเห็นว่าลู่เฉินยังไม่ออกมา เขาก็เริ่มร้อนใจจนต้องเอ่ยถามฮวาหลิงมู่ “พี่ใหญ่ผู้นี้ของเจ้า แท้จริงแล้วจะทำสำเร็จหรือไม่?”
“อันใด? เจ้าสงสัยในพลังของพี่ใหญ่ข้างั้นหรือ?”
“ข้าไม่ได้สงสัย แต่นี่มันก็ผ่านมานานแล้ว”
แต่ฮวาหลิงมู่ยังคงเชื่อว่าลู่เฉินจะสามารถออกมาได้
หลันเย่ามองแสงสว่างสีเขียวกะพริบนับครั้งไม่ถ้วน กระทั่งเมื่อมีแสงจ้าสาดส่องเข้ามา เขาก็พลันเบิกตากว้างและพูดขึ้นอย่างหวาดกลัวว่า “มาแล้ว มาแล้ว แมลงพวกนี้จะมากินพวกเราแล้ว!”
ฮวาหลิงมู่ตื่นตัวขึ้นมาทันที
และคล้ายกังวลว่าจะไม่ทันการณ์ หลันเย่าจึงหันไปพูดกับฮวาหลิงมู่ด้วยความร้อนรน “ถอย ถอยออกไป…”
ซึ่งฮวาหลิงมู่ก็คิดเช่นนั้น แต่หมอกควันสีเขียวนี้รวดเร็วมาก เพียงไม่นานก็ล้อมรอบพวกเขาทั้งสองไว้ได้ ทำให้หลันเย่าหวาดกลัวจนร้องไห้ออกมา “แย่แล้ว แย่แน่ ๆ ครั้งนี้ต้องจบชีวิตลงแน่แล้ว!”
“เจ้าเป็นชายร่างโตแท้ ๆ ทำไมจึงขี้ขลาดนัก!”
“ข้าไม่ได้ขี้ขลาด เพียงแค่รู้สึกเสียใจที่กำลังจะตายเช่นนี้ ช่างไม่คุ้มค่าเสียเลย!” หลันเย่าพูดอย่างหดหู่
ขณะนั้นเองก็ได้มีเสียงดังออกมาจากมุมมืดว่า “เช่นนั้นต้องตายเช่นไร จึงจะถือว่าคุ้มค่า?”
เจ้าของเสียงผู้นั้นก็คือลู่เฉิน!
เมื่อเห็นด้านหลังของลู่เฉินมีผีเสื้อหลากสีที่สวยงามบินตามออกมา ฮวาหลิงมู่ก็ถามด้วยความสนใจ “พี่ใหญ่ประหลาด นั่นคืออันใด?”
“ผีเสื้อวิญญาณ นางคือราชีนีของแมลงพวกนี้”
แต่ฮวาหลิงมู่ไม่เข้าใจภาษาแมลง ดังนั้นจึงไม่สามารถรู้ได้ว่าเหล่าแมลงนั้นกำลังพูดอะไรกัน
แต่ลู่เฉินกลับชี้ไปยังผีเสื้อวิญญาณแล้วกล่าวว่า “มาสิ! จงสื่อสารกับนางเสีย!”
“ท่านต้องการให้ข้าสื่อสารกับนาง?” ผีเสื้อวิญญาณแปลกใจ
“ทำข้อตกลงกับนาง ข้าจึงสามารถวางใจได้ว่าเจ้าจะตั้งใจปกป้องนาง”
สิ้นประโยคของลู่เฉิน ผีเสื้อวิญญาณพลันรู้สึกลังเลขึ้นมา เพราะนางรู้ดีว่าเมื่อทำสัญญากับฮวาหลิงมู่แล้ว ตัวเองจะต้องกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของอีกฝ่าย และเมื่อถึงเวลานั้น ถ้าเกิดเด็กสาวนางนี้ตายขึ้นมา ตัวเองคงเดือดร้อนเป็นแน่!
ผีเสื้อวิญญาณจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ลู่เฉินกลับมองมายังนางแล้วกล่าวว่า “เพียงแค่เจ้าเต็มใจที่จะปกป้องนาง ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเป็นทุกข์เด็ดขาด!”
“ท่านช่วยอะไรข้าได้บ้าง?”
“เจ้าเป็นเพียงผีเสื้อวิญญาณ และข้าก็มีวิธีที่จะทำให้เจ้าเปลี่ยนเป็นผีเสื้อเซียนได้ แต่อันดับแรกเจ้าต้องปกป้องนางก่อน!”
“ถ้าหากว่าข้าไม่ทำล่ะ?” ผีเสื้อวิญญาณรู้สึกว่ามันดูคลุมเครือเกินไป แต่ลู่เฉินกลับมองมายังนางและชี้ไปยังดวงตาทั้งสองของเขา “ข้า …สามารถทำให้เจ้าร่วงลงไปได้ตลอดเวลา!”
ผีเสื้อวิญญาณตัวสั่นทันที จากนั้นก็มีจิตวิญญาณสีเขียวสว่างวาบขึ้นมาต่อหน้าต่อตา ปรากฏให้เห็นเป็นรูปเงาผีเสื้อ
ฮวาหลิงมู่ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันอยู่ ดังนั้นเมื่อเห็นเงานี้ สีหน้านางก็พลันเปลี่ยนไป “นี่คือ?”
หลันเย่าตื่นตัวขึ้นมาทันที “นาง นางต้องการทำข้อตกลงกับเจ้า เพื่อเป็นสัตว์เลี้ยง!”
“หืม?” ฮวาหลิงมู่รู้สึกคาดไม่ถึง แต่เมื่อลู่เฉินกล่าวเร่งรัด เด็กสาวจึงได้แต่ยื่นมือออกไป ก่อนที่ร่างเงานั้นจะลอยเข้าใกล้กลางฝ่ามือ และผ่านเข้าสู่ร่างกายของฮวาหลิงมู่
อึดใจถัดมา บนหน้าผากของฮวาหลิงมู่ก็ปรากฏรอยประทับรูปผีเสื้อ
ไม่เพียงเท่านั้น ฮวาหลิงมู่ยังสามารถสื่อสารกับผีเสื้อตนนี้ได้ และนั่นทำให้นางรู้สึกดีใจยิ่งนัก
ส่วนหลันเย่า เขาก็ได้เอ่ยออกมาด้วยความอิจฉาว่า “พี่ใหญ่ผู้นี้ของเจ้า ช่างดีกับเจ้านัก!”
“แน่นอน!” ฮวาหลิงมู่เอ่ยออกมาด้วยความสบายใจ
ส่วนลู่เฉิน เขาหันกลับมาพูดกับฮวาหลิงมู่ว่า “ข้าจะบอกอะไรบางอย่างแก่เจ้า จงตั้งใจฟังให้ดี!”
“พี่ใหญ่ประหลาด เชิญท่านพูดมา!”