ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 90 มาจากพันธมิตรชิงรากวิญญาณ!
บทที่ 90 มาจากพันธมิตรชิงรากวิญญาณ!
ดวงตาของลู่เฉินพลันฉายแววเย็นชา “เช่นนั้นก็ต้องมาดูกันว่าเจ้ามีความสามารถหรือไม่!”
หลังจากเอ่ยจบ ลู่เฉินก็ดึงกระบี่สยบเก้าทิศออกมา
ทว่าชายชุดดำกลับพูดโดยไม่สนใจลู่เฉินว่า “แค่เจ้าหรือ? คิดว่าจะทำอันใดได้กัน?”
ทันใดนั้น ปราณกระบี่สองพันสายของลู่เฉินก็ถูกบีบอัดสองครั้งติดต่อกัน
เมื่อเห็นฉากนี้ รอยยิ้มของชายในชุดดำพลันหายไปและเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมแทน “ยี่สิบเท่า อย่างน้อยก็ต้องเป็นมือกระบี่ระดับสิบดาว!”
สิ้นประโยคนั้น ปราณกระบี่ของลู่เฉินก็พุ่งเข้าใส่ฟองอากาศทีละฟอง
ปัง!
ฟองอากาศพลันแตกสลายทันทีด้วยปราณกระบี่
ชายชุดดำตกตะลึง และเตรียมพร้อมที่จะปล่อยฟองอากาศอีกครั้งโดยตั้งใจจะกักลู่เฉินเอาไว้
ทว่าเคล็ดเถาวัลย์ธรณีของลู่เฉินกลับเข้าไปพัวพันกับอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ทำให้ชายชุดดำยังไม่ทันโจมตีก็ถูกรัดไว้เสียแล้ว
ว่าแล้วชายชุดดำก็ชักมือกลับทันที มุมปากพลันแค่นเสียงหึออกมา “เยือกแข็งสังหาร!”
ครู่ต่อมา ไอเย็นเยียบก็กลายเป็นปราณคมกริบพุ่งเข้าโจมตีเถาวัลย์ธรณีจนสลายหายไป!
ทว่ายามที่อีกฝ่ายทำลายเคล็ดเถาวัลย์ธรณี ลู่เฉินก็ดึงหลันเย่าที่บาดเจ็บขึ้นมา ก่อนจะเขม่นจ้องชายชุดดำไม่วางตา
ชายลึกลับในชุดดำเห็นผลลัพธ์เป็นเช่นนี้ก็พลันหงุดหงิด “ไอ้หนู จุ้นจ้านเกินไปแล้ว!”
”… รากวิญญาณของข้าถูกเจ้าชิงไป” ลู่เฉินเอ่ยอย่างเย็นชา
ครั้นได้ยินเช่นนั้นชายชุดดำจึงถามออกมา “แล้วเหตุใดเจ้ายังมีรากวิญญาณอยู่ในร่าง?”
”ได้คืนแล้ว”
คำตอบของลู่เฉินทำให้ชายในชุดดำหัวเราะเยาะ “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าจะช่วยเจ้าเอามันออกมาอีกครั้งเอง!”
หลังพูดจบ ปราณกระบี่สีฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนพลันโคจรรอบตัวชายชุดดำ ก่อนจะทะยานเข้าหาลู่เฉิน!
ฮวาหลิงมู่และหลันเย่าที่เห็นต่างก็เผยท่าทางตกใจ
ส่วนลู่เฉิน เขารีบเปิด ‘กำแพงพันชั้น’ พร้อมกับเรียกปราณกระบี่ออกมามากมายไม่หยุด
ในคราแรก ชายชุดดำคิดว่าจะสามารถจัดการลู่เฉินได้อย่างง่ายดาย แต่เขากลับพบว่าเคล็ดของตนถูก ‘กำแพงพันชั้น’ ขวางเอาไว้!
ไม่เพียงเท่านั้น ปราณกระบี่ของลู่เฉินยังเฉียบคมและทรงพลังยิ่งนัก
ชายชุดดำไม่กล้าที่จะปะทะ ดังนั้นจึงได้แต่ล่าถอยไป และยังกระโดดด้วยความรวดเร็ว
เพียงชั่วครู่เขาก็ร่อนลงบนต้นไม้ต้นหนึ่ง จากนั้นก็ไปยังต้นไม้อีกต้น ก่อนจะร้องขู่ว่า “ไอ้หนู อย่าให้ข้ามีโอกาสจับเจ้าได้ล่ะ!”
ครู่ต่อมา คนชุดดำก็กลายเป็นเงาและหายวับไปทันที
“ไม่ธรรมดาเลย!” ลู่เฉินตกตะลึง
เดิมทีลู่เฉินคิดว่าการจะจัดการกับผู้ชิงรากวิญญาณของมหาทวีปจิ่วโหยวนั้นคงจะง่ายดาย ทว่าคิดไม่ถึงว่าแค่ปะทะกันเล็กน้อย ลู่เฉินก็พลันรู้ทันทีว่าการจะจัดการอีกฝ่ายนั้นไม่ง่ายเลย!
หลันเย่าตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก “พวกมันตามหาถึงที่นี่แล้ว?!”
”ถูกพวกมันไล่ตาม? หรือว่าเจ้ารู้จักคนพวกนั้น?” ลู่เฉินได้สติกลับคืนมา เขาจ้องเขม็งมองหลันเย่า
เมื่อได้รับการช่วยเหลือผนวกกับสายตาคู่นั้น หลันเย่าจึงกล่าวอย่างไม่กล้าปิดบังว่า “มีข่าวลือ ว่ามีคนตั้งกลุ่มพันธมิตรชิงรากวิญญาณขึ้นในมหาทวีปจิ่วโหยว เพื่อชิงรากวิญญาณของผู้อื่นโดยเฉพาะ”
“แล้วเจ้าตกเป็นเป้าหมายของพวกมันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เมื่อสิบปีก่อน ตอนที่ข้ายังไม่มาที่แดนวิญญาณ ข้าถูกเขาจับตามองยามที่อยู่ในตระกูลหลัน และท่านพ่อของข้าก็ได้รับบาดเจ็บหนักจากการช่วยเหลือข้า ก่อนที่สุดท้ายเขาจะสร้างโอกาสให้ข้าได้หลบหนีมายังแดนวิญญาณแห่งนี้!” เพียงแค่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น หลันเย่าก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวขึ้นมาแล้ว
ลู่เฉินตีสีหน้าเคร่งขรึมทันที เขากล่าวว่า “เจ้ามีเพียงรากวิญญาณธาตุน้ำห้าดาว ไม่นับว่าพิเศษผิดแปลกอันใด แต่เหตุใดพวกเขาถึงหมายมาดเจ้า?”
“ข้าก็ไม่รู้” หลันเย่าไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเหตุใดตนถึงตกเป็นเป้าหมาย
สิ่งนี้ทำให้ลู่เฉินสับสนมากยิ่งขึ้น เขาพึมพำเสียงเบาว่า “ผู้ชิงรากวิญญาณเหล่านี้เลือกเป้าหมายอย่างไรกันแน่?”
“เมื่อครู่ต้องขอบผู้อาวุโส ไม่เช่นนั้นข้าคงสิ้นไปแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลู่เฉินพลันหันมองไปที่หลันเย่าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ถ้าเจ้าเชื่อข้า ก็จงนำรากวิญญาณออกมา รอจนชำระหยาดโลหิตประหลาดของเจ้าแล้ว ข้าจะปลูกมันกลับคืนเอง!”
“เอามันออกมาแล้วปลูกกลับได้หรือ?” หลันเย่าถึงกับฉงนยิ่งนัก
”ใช่!”
หลันเย่ายังคงลังเล
ลู่เฉินที่เห็นท่าทีนั้นจึงพูดว่า “เจ้าค่อย ๆ คิดก็แล้วกัน หากคิดดีแล้วเราก็ค่อยว่ากัน”
หลังจากพูดจบ ลู่เฉินก็พาฮวาหลิงมู่เดินเข้าไปในภูเขาลึกเบื้องหน้า
หลันเย่านั้นแม้มีความกังวลอยู่ในใจ แต่หลังจากเห็นลู่เฉินเดินไป เขาก็รีบเกลี้ยกล่อมว่า “วันนี้ข้างในไม่สงบ ดังนั้นอย่าเข้าไปเลย!”
ลู่เฉินถามขณะเดินไปว่า “มีอะไรอยู่ข้างใน?”
”วันนี้เราพบโพรงต้นไม้แห่งหนึ่ง ในนั้นมีแมลงน่ากลัวมากมายในโพรง ขอแค่เข้าใกล้พวกมัน พวกมันจะกรูกันมาทำร้ายทันที”
”พวกแมลงเมื่อครู่หรือ?”
“นี่เป็นเพียงบางส่วน ในนั้นยังมีอีกมาก และดูเหมือนว่าน่าจะมีราชาตัวสูงใหญ่ราวกับแมงมุมสีดำอยู่ด้วย”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ลู่เฉินไม่ได้หยุดฝีเท้า แต่ยังเร่งฝีเท้าของเขาอีกด้วย
หลังจากที่หลันเย่าเห็นว่าลู่เฉินไม่หยุดและยังคงเดินหน้าต่อไป เขาก็เริ่มไล่ตาม ส่วนปากก็ถามลู่เฉินเกี่ยวกับภูมิหลังของชายหนุ่ม รวมถึงสอบถามว่าเหตุใดจึงรู้จักวิชากระบี่ของตระกูลหลัน
แต่ลู่เฉินล้วนไม่ตอบคำใด
หลันเย่าจึงทำได้เพียงหน้าหนาติดตามไป ในขณะที่ฮวาหลิงมู่ก็เย้าแหย่ว่า “ไม่กลัวแมลงพวกนั้นแล้วหรือ?”
“ข้ากลัว แต่ดีกว่าเผชิญหน้ากับผู้ชิงรากวิญญาณ!” หลันเย่ารู้สึกขนลุกเมื่อนึกถึงชายชุดดำที่หน้าตาเป็นตะปุ่มตะป่ำ
เมื่อฮวาหลิงมู่ได้ยินคำว่า ‘ชิงรากวิญญาณ’ ก็รู้สึกไม่สบายใจไปทั้งตัว และบ่นพึมพำว่า “พวกที่ชอบชิงรากวิญญาณพวกนี้น่ารังเกียจจริง ๆ!”
หลันเย่าที่เห็นว่าฮวาหลิงมู่ไม่เย็นชาเท่าลู่เฉิน เขาก็พยายามตีสนิทนางทันที
“สาวน้อย เจ้าชื่ออันใด?”
”ฮวาหลิงมู่”
“จากนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่าแม่หญิงฮวา เป็นอย่างไร?” หลันเย่าเรียกอย่างสนิทสนม
ทว่าฮวาหลิงมู่กลับส่ายหัว ปากเล็กของนางกล่าวว่า “เจ้ามันโลภเกินไป!”
”โลภ? ข้าเปล่านะ!” เมื่อถูกเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ดูหมิ่น หลันเย่าจึงรีบร้อนแก้ตัว
“ตอนที่เราเจอกันครั้งแรก เจ้าไม่ได้จะขโมยของของพวกเราหรือ?” ฮวาหลิงมู่ยังคงไม่ลืมสิ่งที่เคยเกิดขึ้น
หลันเย่าที่ได้ยินพลันมีสีหน้าขัดเขิน ก่อนจะให้คำอธิบายต่าง ๆ โดยบอกว่าเขาแค่อยากรู้วิธีกำจัดแมลงเท่านั้น
แต่เห็นได้ชัดว่าฮวาหลิงมู่ไม่ใช่พวกที่ถูกหลอกได้ง่าย ๆ ดังนั้นหลันเย่าจึงทำได้เพียงแก้ตัวไปต่าง ๆ นานา
หลังผ่านไปหนึ่งเค่อ หลันเย่าก็ได้ชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่สีดำที่แห้งเหี่ยวตรงหน้า “ดูสิ โพรงอยู่ที่นั่น และยังมีแมลงอยู่รอบ ๆ!”
ลู่เฉินและฮวาหลิงมู่มองตามปลายนิ้วของเขาทันที
จึงได้เห็นว่ารอบ ๆ ต้นไม้แห้งนี้ มีแมลงตัวเล็ก ๆ คล้ายมดแต่บินได้อยู่
ไม่เพียงเท่านั้น เพราะภายในโพรงยังมีดวงตาสีแดงคู่หนึ่งเปล่งแสงอยู่ตรงนั้นด้วย!
”ดวงตาสีแดงคู่นั้นดูคล้ายดวงตาของแมงมุม” หลันเย่ารู้สึกประหม่า เขาเข้าไปยืนหลบอยู่ข้างหลังลู่เฉินอย่างเงียบ ๆ
“ขี้ขลาดชะมัด!” ฮวาหลิงมู่ดูถูกทันทีที่เห็นท่าทีเช่นนั้นของชายผมฟ้า
ซึ่งหลันเย่าก็เพียงกระแอมเบา ๆ แล้วเอ่ยว่า “เมื่อครู่ข้าถูกคนดึงไหล่ ดังนั้นจึงยังเจ็บอยู่”
“แล้วอย่างไร?!” ฮวาหลิงมู่ไม่สนใจจะฟังคำอธิบาย
หลันเย่าที่เห็นดังนั้นก็พลันรู้สึกหดหู่ใจ การถูกเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งประชดประชันเช่นนี้ ถือว่าเสียหน้าอย่างยิ่ง! ทว่ามันก็ยากที่จะแก้ตัว… เพราะแท้จริงมันก็เป็นดั่งที่นางว่านั่นแหละ!!!
ลู่เฉินจ้องมองทั้งสองคน “พวกเจ้ายืนอยู่ที่นี่ ข้าจะไปที่นั่นก่อน”
หลังเอ่ยจบ ลู่เฉินก็เดินอย่างองอาจเข้าไปทันที
แมลงตัวเล็ก ๆ เหล่านั้นสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของราชันย์แมลงบรรพกาลบนตัวลู่เฉิน พวกมันจึงค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไปทีละตัว
หลังจากที่เห็นภาพตรงหน้า หลันเย่าก็พลันกลายเป็นอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา “พี่ใหญ่ ที่แท้ท่านพกสมบัติวิญญาณใดมากันแน่? เหตุใดจึงทำให้แมลงเหล่านี้หวาดกลัวได้?”