ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 77 ไม่เห็นด้วยคำเดียวก็เริ่มอวดดีแล้ว!
บทที่ 77 ไม่เห็นด้วยคำเดียวก็เริ่มอวดดีแล้ว!
ลู่เฉินจะบอกความลับนี้กับนางได้อย่างไร?
ด้วยเหตุนี้ลู่เฉินจึงวิ่งลงจากภูเขาโดยไม่พูดอันใดสักคำ
และยามนี้ ในตรอกที่ห่างออกไป คนสองคนกำลังทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ และหนึ่งในนั้นก็ได้ขว้างเม็ดยาบางอย่างออกไปกระทบกับค่ายกล
อีกคนพลันขมวดคิ้ว “ศิษย์พี่ ทำเช่นนี้มีประโยชน์หรือ?”
สองคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น นั่นคือเถียนอวิ๋นเมิ่งและเสี่ยเจี้ยน
เสี่ยเจี้ยนพูดอย่างจนปัญญา “ก็ดีกว่ารออยู่ที่นี่เฉย ๆ!”
“คนภายในนั้นจะออกมาหรือไม่?” เถียนอวิ๋นเมิ่งสงสัย ทว่าเสี่ยเจี้ยนเองก็ไม่สามารถรับประกันได้ ดังนั้นเขาจึงเอ่ยเพียงว่า “ยามนี้พวกเราไม่สามารถใช้พลังซี้ซั้วได้ จึงทำได้เพียงใช้วิธีนี้เท่านั้น!”
พูดจบเสี่ยเจี้ยนก็หยิบเม็ดยาที่มีฤทธิ์น้อยกว่าออกมา จากนั้นจึงโยนไปทางค่ายกล
ภายในค่ายกล ลู่เฉินได้มาถึงคฤหาสน์บริเวณตีนเขาในเวลาอันสั้น และยังนั่งขัดสมาธิ ก่อนจะใช้ออกด้วย ‘เคล็ดวิชาหมื่นวิญาณ’ เฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวภายนอกค่ายกล
“พวกเขาหรือ?” ลู่เฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยในตอนแรก ด้วยสงสัยว่าทั้งสองพบเขาได้อย่างไร
แต่ในไม่ช้าการสนทนาของทั้งสองก็ทำให้ลู่เฉินหัวเราะ
”ศิษย์พี่ ท่านว่าเหตุใดเจ้าสำนักถึงต้องการให้พวกเราเชิญหมอเทวดาไป” เถียนอวิ๋นเมิ่งถาม
เสี่ยเจี้ยนกล่าวอย่างเคร่งขรึม “มีความเป็นไปได้สองประการ”
”อย่างไรงั้นรึ?”
“ประการแรก หมอเทวดาผู้นี้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์มาก เจ้าสำนักต้องการดึงเขามาเป็นพวก ประการที่สอง เจ้าสำนักอาจมีอาการเจ็บป่วยบางอย่างที่ต้องให้หมอเทวดาผู้นี้รักษา!” เสี่ยเจี้ยนอธิบาย
เถียนอวิ๋นเมิ่งกลับมีสีหน้าหดหู่ใจ “แต่นายท่านของที่นี่ไม่ออกมาพบพวกเรา พวกเราจะเชิญหมอเทวดาได้อย่างไร?”
”ข้าไม่เชื่อว่าคนข้างในจะทนได้ตลอดไป!” เสี่ยเจี้ยนเริ่มดื้อดึง
ลู่เฉินที่อยู่ด้านในค่ายกลพลันคลี่ยิ้ม “เจ้าสำนักมารราตรีอยากเชื้อเชิญข้า?”
ด้วยความสงสัยใคร่รู้ ชายหนุ่มเดินไปยังห้องห้องหนึ่ง ก่อนจะกระแอมในลำคอ และวางสองมือลงบนพื้น ก่อนที่ครู่ต่อมา เสียงแหบห้าวจะดังมาจากภายในค่ายกล ส่งผลให้พวกเสี่ยเจี้ยนได้ยิน
”เจ้าเป็นใคร? เหตุใดจึงมายุ่มย่ามหน้าคฤหาสน์ของข้า?!” ลู่เฉินแสร้งทำเป็นโกรธ
และเพียงเท่านี้ก็มากพอแล้วที่จะทำให้คนทั้งสองตกใจ ก่อนจะเป็นเสี่ยเจี้ยนที่สงบสติพร้อมกล่าวออกมาว่า “ท่านหมอเทวดา พวกเรามีเรื่องสำคัญจึงอยากขอพบท่าน”
”โอ้ เรื่องอันใด?”
”ขอเข้าไปคุยข้างในได้หรือไม่ขอรับ?” เสี่ยเจี้ยนพยายามถาม
ไม่เพียงแต่เสี่ยเจี้ยนเท่านั้น เถียนอวิ๋นเมิ่งเองก็เผยสีหน้าคาดหวังออกมา
”เข้ามาทางประตูเถิด” ลู่เฉินตอบ จากนั้นทั้งสองก็วิ่งไปที่ประตูด้วยความดีใจ
เมื่อประตูถูกเปิดออก ทั้งสองก็รีบเข้าไปและประตูก็ปิดออกทันที
แต่ทุกที่ในคฤหาสน์นั้นว่างเปล่า ทำให้เสี่ยเจี้ยนได้แต่มองไปรอบ ๆ อย่างสับสน “หมอเทวดา ท่านอยู่ที่ไหน?”
”เดินตรงมา”
ทั้งสองเดินไปข้างหน้าทันที และเพียงชั่วครู่ลู่เฉินจึงได้บอกให้พวกเขาหยุด
หลังจากที่หยุด คนทั้งคู่ก็พบว่าพวกเขามายืนอยู่ในที่โล่งแจ้ง ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขางงงวย
“หมอเทวดา แล้วท่านเล่า?” เสี่ยเจี้ยนยังคงอดไม่ได้ที่จะถาม
”บอกมาก่อนว่ามีธุระอันใดกับข้า” ลู่เฉินยังใช้เสียงแหบแห้งเอ่ยถาม
เสี่ยเจี้ยนที่ไม่เห็นลู่เฉินก็เอ่ยด้วยความกังวลเล็กน้อย “หมอเทวดา พวกเรามาที่นี่ตามคำสั่ง ดังนั้นพวกเราต้องพบท่านด้วยตาของตนเองถึงจะบอกท่านได้ขอรับ”
“นั่นไม่ได้หรอก!” ลู่เฉินปฏิเสธ
คำบอกปัดนี้ทำให้เสี่ยเจี้ยนกลัดกลุ้มยิ่งนัก เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดหมอเทวดาคนนี้ถึงได้ทำตัวลึกลับนัก
เถียนอวิ๋นเมิ่งอดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ว่า “หมอเทวดา พวกเรามาจากสำนักแห่งหนึ่ง และท่านเจ้าสำนักของพวกเราก็อยากเชิญท่านมาเป็นแขกของเรา!”
”เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าอยู่ที่นี่วันหนึ่งนั้นข้าทำเงินได้เท่าไหร่” ลู่เฉินถามอย่างมีเลศนัย
ใบหน้าของเถียนอวิ๋นเมิ่งพลันกลายเป็นดูไม่ได้ในพลัน “แล้วทำอย่างไรท่านถึงจะยอมไปกับพวกเราเจ้าคะ?”
เสี่ยเจี้ยนเองก็อยากรู้เช่นกัน
”นั่นขึ้นอยู่กับความจริงใจของพวกเจ้าว่ามันคุ้มค่าหรือไม่” ลู่เฉินรู้ว่าเขาคงจะรู้สึกเสียใจหากไม่ขูดรีดเงินจากคนของสำนักมารราตรีในตอนนี้
เสี่ยเจี้ยนและเถียนอวิ๋นเมิ่งสบตากันแวบหนึ่งและเริ่มหารือกัน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ศิลาวิญญาณระดับต่ำห้าสิบล้านก้อน!”
ลู่เฉินแทบไม่ยิ้มและยังพูดว่า “ทั้งสองท่าน ข้ารักษาคนป่วยคนหนึ่งต้องใช้สมุนไพรวิญญาณที่มีอายุอย่างน้อยพันปี และราคาของสมุนไพรวิญญาณนี้อย่างน้อยก็หลายสิบล้านศิลาวิญญาณ และวันหนึ่งข้ารักษาได้ตั้งกี่คน?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งคู่ก็รู้สึกเสียหน้าทันที
แต่ราคาสูงที่เกินไปนั้นทำให้พวกเขาไม่กล้าเอ่ยปาก
ดังนั้นเสี่ยเจี้ยนจึงลองถามหยั่งเชิง “ถ้าอย่างนั้น ท่านคิดว่าควรเท่าไหร่?”
“โดยเฉลี่ยแล้วข้าสามารถรักษาคนได้นับร้อยคนต่อวัน ถ้าข้าออกจากที่นี่ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสองหรือสามวัน ดังนั้นพวกเจ้าต้องให้สมุนไพรวิญญาณอายุมากกว่าพันปีอย่างน้อยสามร้อยต้นแก่ข้า”
ทั้งสองพลันตกใจทันที
เถียนอวิ๋นเมิ่งพลันถ่ายทอดเสียงไปหาเสี่ยเจี้ยนเป็นการส่วนตัวว่า “ศิษย์พี่ ชายคนนี้พยายามจะขูดรีดพวกเรา!”
“เจ้าสำนักกล่าวไว้ว่า ไม่ว่าราคาเท่าไหร่ จะต้องเชิญเขาไปให้ได้” เสี่ยเจี้ยนกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“แต่เขาเป็นแบบนี้ จะเชิญอย่างไร?”
“ข้าจะหลอกเขาก่อน ถ้าหลอกไม่ได้ผล ข้าก็จะลงมือ” เสี่ยเจี้ยนตัดสินใจ
”ได้”
จากนั้นเสี่ยเจี้ยนก็ยิ้มออกมาแล้วเอ่ยว่า “หมอเทวดา พวกเราไม่ได้มีมากขนาดนั้น ไม่สู้ท่านไปที่สำนักของพวกเราก่อน แล้วให้เจ้าสำนักของเรามอบให้ท่านในภายหลัง ดีหรือไม่?”
ลู่เฉินไม่ใช่คนโง่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ก็รู้ว่าอีกฝ่ายหมายจับเสือมือเปล่า “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ?”
“เปล่านะขอรับ อย่าเข้าใจผิดไป!” เสี่ยเจี้ยนอธิบายอย่างรวดเร็ว
ลู่เฉินหัวเราะอย่างเย็นชา “ข้าให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งวัน ถ้าไม่สามารถเตรียมได้เท่านั้นในหนึ่งวัน พวกเจ้ามาทางไหนก็กลับไปทางนั้น อย่ามารบกวนการทำธุรกิจของข้า!”
เสี่ยเจี้ยนโกรธเล็กน้อย แต่ยามนี้เขาทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้ “เช่นนั้นท่านออกมาพบพวกเราก่อนได้หรือไม่ขอรับ?”
”ไม่ได้!” ลู่เฉินยังคงปฏิเสธ
เสี่ยเจี้ยนยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ “หมอเทวดาคนนี้ จงคิดให้ดีล่ะ!”
“อันใด? อยากลงมือหรือ?”
เสี่ยเจี้ยนพูดอย่างอวดดีว่า “ข้ากลัวว่าถ้าข้าลงมือ คฤหาสน์ของท่านจะพังราบ!”
เถียนอวิ๋นเมิ่งยังขู่อีกว่า “หมอเทวดา พวกเรามีใจมาเชิญท่านด้วยความปรารถนาดี แต่ถ้าท่านอยากบีบให้พวกเราใช้เล่ห์เหลี่ยมจริง ๆ เช่นนั้นก็รอสักประเดี๋ยว เมื่อศิษย์พี่ของข้าลงมือ แล้วท่านจะเสียใจ!”
”ถ้าอย่างนั้นก็ลองดู! ข้ารับรองว่าพวกเจ้าจะต้องเสียใจเช่นกัน!” ลู่เฉินหัวเราะเย็นชา
เสี่ยเจี้ยนโกรธจัด เขาดึงไข่มุกออกจากคอทันที
เมื่อไข่มุกถูกนำออกมา ไอมารก็พุ่งออกมาจากร่างกายของเขา และเจ้าตัวยังพูดอย่างดุดันว่า “เห็นหรือยัง?!”
”ที่แท้ก็ผู้ฝึกวิถีมาร!” ลู่เฉินแสร้งทำเป็นประหลาดใจ
”รีบออกมาเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะลงมือ!” เสี่ยเจี้ยนเร่งอีกฝ่าย
หลังสิ้นวาจานั้น เถียนอวิ๋นเมิ่งก็มองไปรอบ ๆ
ทว่าลู่เฉินไม่กลัวแม้แต่น้อย เขาพลันคลี่ยิ้มแล้วกล่าวว่า “แค่มารน้อยสองตัว ยังกล้าล้อเล่นกับข้า?”
เมื่อเห็นว่าลู่เฉินไม่เพียงไม่กลัว แต่ยังกล้าพูดแบบนั้นกับพวกเขา… เสี่ยเจี้ยนก็เกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที! ชายหนุ่มรวบรวมพลังในทันใด เตรียมทุบสิ่งปลูกสร้างตรงหน้าด้วยฝ่ามือเดียว เพื่อไม่ให้ลู่เฉินมีที่ซ่อนตัวอีก
แต่เมื่อเสี่ยเจี้ยนกระตุ้นไอมารในร่างกายของเขา กุญแจมือก็พลันปรากฏขึ้นกลางอากาศ แล้วพุ่งเข้ามาพันรัดเสี่ยเจี้ยนทันที!
ใบหน้าของเสี่ยเจี้ยนเปลี่ยนสีไปในพลัน “นี่มันอะไรกัน!”
เถียนอวิ๋นเมิ่งเองก็ถูกฉากนี้ทำให้ตกตะลึงไปเช่นกัน