ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 75 แกะดำตัวใหญ่มาแล้ว!
บทที่ 75 แกะดำตัวใหญ่มาแล้ว!
ลู่เฉินที่อยู่ในคฤหาสน์สามารถเก็บเงินได้จำนวนมากแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น คนพวกนั้นที่มาก็ได้รับการรักษาอย่างดี ทำให้ชื่อเสียงของลู่เฉินนับวันยิ่งโด่งดังมากขึ้น
แต่ผู้ที่รู้จักชื่อของลู่เฉินนั้นมีจำนวนไม่มาก เพราะแท้จริงแล้วชายหนุ่มไม่ได้เปิดเผยมันออกไป
ดังนั้นทุกคนจึงรู้เพียงแค่ว่าเขาคือหมอเทวดา
แม้แต่คนที่อยู่ในเมืองใกล้ ๆ เมื่อได้ยินข่าวนี้แล้วต่างก็เกิดการเคลื่อนไหว พากันเดินทางมาหาหมอเทวดาที่เมืองจวนสวรรค์
ทำให้ทั่วทั้งเมืองจวนสวรรค์มีผู้มาขอรับการรักษามากมายนับไม่ถ้วน
…
ขณะนั้นเอง ภายนอกสำนักพฤกษาสวรรค์มีผู้คนมารวมตัวกันจำนวนมาก
สำนักพฤกษาสวรรค์ที่นำโดยผู้อาวุโสจื่อนั้นยังมีปิงหลิวหลีที่ติดตามอยู่ในมุมมืด รวมทั้งเถียนอวิ๋นเมิ่ง และเสี่ยเจี้ยน ที่เฝ้าอยู่ที่นี่มาสองถึงสามวันแล้ว
“ศิษย์พี่ ผู้อาวุโสจื่อและคนจากสำนักพฤกษาสวรรค์เข้าไปแล้ว แต่เหมือนจะไม่พบเจ้าหนุ่มคนนั้น” เถียนอวิ๋นเมิ่งกล่าวด้วยสีหน้าฉงน
ส่วนเสี่ยเจี้ยน เขามีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักเมื่อต้องเผชิญกับค่ายกลกำจัดมาร “หรือว่าเขาจะหนีออกไปแล้ว?”
“ไม่รู้!” เถียนอวิ๋นเมิ่งส่ายหัว
เสี่ยเจี้ยนโมโหจนกัดฟันกรอด
และในขณะนั้นเอง นกสีแดงเลือดตัวหนึ่งพลันตกลงมาตรงหน้าเสี่ยเจี้ยนจนทำให้เขาตกใจ เขาจ้องเขม็นไปทางนกสีแดงเลือดนั้นทันที
ทันใดนั้น นกสีแดงเลือดตัวนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “เจ้าสำนักสั่งให้พวกท่านไปที่เมืองจวนสวรรค์เพื่อเชิญใครคนหนึ่ง!”
“เชิญคน?” เสี่ยเจี้ยนและเถียนอวิ๋นเมิ่งสงสัย
“คนผู้นี้รู้วิชาแพทย์ ตอนนี้มีชื่อเสียงมากในเมืองจวนสวรรค์ และเมื่อพวกท่านไปถึงแล้ว ไม่ว่าจะต้องจ่ายมากเท่าไหร่ ก็ต้องเชิญเขากลับมายังสำนักมารราตรีให้ได้” นกสีแดงเลือดพูดจบก็บินจากไป
เถียนอวิ๋นเมิ่งที่ได้ยินดังนั้นก็ร้อนใจขึ้นมาทันที “ศาสตราวุธวิถีมารก็ยังหาไม่เจอ แล้วยังจะให้พวกเราไปเชิญคนอีก?”
เสี่ยเจี้ยนไม่มีทางเลือก “คาดว่าเจ้าสำนักต้องให้ความสำคัญกับหมอเทวดาผู้นี้มากแน่!”
“หรือว่าพวกเราต้องออกไปจากที่นี่จริง ๆ?” เถียนอวิ๋นเมิ่งรู้สึกไม่เต็มใจนัก โดยเฉพาะเมื่อคิดว่ายังไม่สามารถจับลู่เฉินได้ด้วยมือของตน นางก็รู้สึกราวกับจะกลายเป็นบ้า!
เสี่ยเจี้ยนพูดขึ้นมาอย่างลังเล “คำสั่งของเจ้าสำนักไม่สามารถขัดได้! มิฉะนั้น…”
“แต่ว่า”
“เข้าไปในเมืองแล้วไปเชิญหมอเทวดาก่อน หลังจากนั้นเราค่อยกลับมาหาเจ้าเด็กนั่นที่นี่” ถึงแม้ว่าเสี่ยเจี้ยนจะไม่ต้องการ แต่เขาก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของสำนักมารราตรีได้
แน่นอนว่าเถียนอวิ๋นเมิ่งรู้ถึงกฎของสำนักมารราตรี ดังนั้นสายตาของนางจึงเป็นประกายก่อนจะพูดออกมาว่า “แต่พวกเราฝึกวิถีมาร หากเข้าไปในเมืองและถูกพบ เกรงว่าจะหนีออกมาได้ยาก!”
เสี่ยเจี้ยนรู้ว่าผู้ที่คิดว่าตนเองชอบธรรมมักจะไม่ชอบผู้ฝึกวิถีมารแบบพวกเขา ดังนั้นจึงรีบคิดหาวิธีทันที “นำไข่มุกแฝงมารติดตัวไป เมื่อเข้าไปถึงในเมืองก็อย่าใช้พลังมาร เพียงเท่านี้ก็จะไม่ถูกผู้อื่นจับได้ว่าเราเป็นผู้ฝึกวิถีมาร!”
“ตกลง!” เถียนอวิ๋นเมิ่งไม่มีทางเลือก จึงทำได้เพียงแค่ตามเสี่ยเจี้ยนออกไปจากที่นี่
แต่คนของสำนักพฤกษาสวรรค์ยังคงค้นหาอยู่ที่นี่ ส่วนปิงหลิวหลีก็รู้สึกกังวลว่าคนของสำนักพฤกษาสวรรค์จะตามหาลู่เฉินจนเจอ ดังนั้นนางจึงแอบเฝ้ามองทุกคนเคลื่อนไหวของคนพวกนี้
…
ลู่เฉินที่อยู่ในเมืองจวนสวรรค์ ไม่คิดฝันว่าตนจะถูกเจ้าสำนักมารราตรีพบเห็นได้
แต่ในขณะนี้เขาก็ยังทำการรักษาต่อไป จนกระทั่งจางเชียนเดินนำตู๋ซานชิงมาถึงหน้าคฤหาสน์
ระหว่างที่พวกเขากำลังจะเข้าไปในคฤหาสน์ ลู่เฉินที่อยู่ไม่ไกลก็ยิ้มและมองมา “ต่อแถว!”
“ต่อแถว?” จางเชียนตกใจ
“หรือว่าพวกเจ้าไม่ได้มารับการรักษา?” ลู่เฉินคลี่ยิ้ม
สีหน้าของจางเชียนเปลี่ยนไปทันที “พวกข้ามารับการรักษา”
“เช่นนั้นก็ต่อแถว!” ลู่เฉินชี้ไปยังแถวที่ประตู
ผู้คนในแถวต่างก็ตะโกนออกมา “ต่อแถว!”
จางเชียนโกรธจนกัดฟันกรอด แต่ก็ทำได้เพียงวิ่งไปต่อปลายแถว และตู๋ซานชิงที่อยู่ข้าง ๆ ได้แต่พึมพำออกมา “เจ้าหนูนี่ หรือว่าอาการป่วยแบบไหนก็รักษาได้?”
“ถึงตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนี้” เมื่อจางเชียนเห็นคนทยอยเดินเข้าไปและออกมาด้วยความดีอกดีใจ ใบหน้าของเขาจึงเต็มไปด้วยความสงสัย
ตู๋ซานชิงยิ้มเย็นชา “ข้าไม่เชื่อ!”
“พี่ตู๋ ท่านมีวิธีเช่นไร?” จางเชียนยังคงอยากรู้ว่าตู๋ซานชิงมีวิธีรับมือเช่นไร
ตู๋ซานชิงยิ้มประหลาดพลางเอ่ยออกมาว่า “เคยได้ยินชื่อแมลงกัดกินวิญญาณแห่งหุบเขาแมลงพิษไหม?”
“แมลงที่กัดกินวิญญาณอย่างบ้าคลั่งสายพันธุ์นั้นหรือ?”
“ใช่ ข้านำไข่ของมันใส่ไว้ภายในร่างของข้าแล้ว รอสักพักพอข้าควบคุมมันได้ พลังปราณในร่างก็จะค่อย ๆ หายไป และหากได้โอกาส ข้าก็จะส่งต่อไข่ของแมลงพวกนี้เข้าไปในร่างของเจ้าหนูนั่น!
จางเชียนฟังแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา “ดียิ่ง!!”
“รอก่อนเถอะ เดี๋ยวเจ้าเด็กนั่นก็จะได้เห็นดีกัน!” ตู๋ซานชิงกล่าวอย่างมั่นใจ
ส่วนจางเชียน เขาแทบจะอดใจรอไม่ไหว
สำหรับหนานเหยาที่อยู่ในสร้อยคอของลู่เฉิน นางรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “สองคนด้านนอกนั่น ดูแล้วก็รู้ว่าไม่ได้มาดี ท่านยังจะต้อนรับเขาอยู่หรือ?”
“ข้าชอบแกะตัวอ้วนเช่นนี้”
“แกะตัวอ้วน?”
ลู่เฉินเผยรอยยิ้มประหลาดออกมา “คนเช่นนี้ ข้าจะได้ไม่รู้สึกเสียดายกับสิ่งที่ต้องจ่ายให้ข้า เมื่อถึงเวลานั้น ไม่ว่าข้าจะเสนอเงื่อนไขใด พวกเขาก็จะยอม!”
หนานเหยาสูดหายใจเข้าทันที “ร้ายกาจ ช่างร้ายกาจนัก!”
“ต้อนรับศัตรู จะอ่อนข้อให้ไม่ได้!” ลู่เฉินเผยยิ้มออกมา จากนั้นจึงหันไปตรวจคนไข้ต่อ
ผู้ป่วยเหล่านี้ต่างก็มีระเบียบมาก เมื่อได้รับการรักษาก็ทยอยกันออกไป เมื่อเปิดประตูแล้วก็ปิดประตูลงทันที ไม่ให้คนด้านนอกได้เห็นว่าลู่เฉินทำการรักษาผู้ป่วยด้านในอย่างไร
เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปอีกหนึ่งก้านธูป แถวก็วนมาถึงจางเชียนและตู๋ซานชิง
เมื่อเห็นสองคนนี้เดินเข้ามา ลู่เฉินที่นั่งอยู่ไกล ๆ จึงชี้นิ้วขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “ปิดประตู”
จางเชียนทำได้เพียงปิดประตูอย่างไม่เต็มใจ ส่วนตู๋ซานชิงนั้นมองไปยังลู่เฉินด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินว่าทักษะการแพทย์ของเจ้าเก่งกาจนัก”
“ก็พอใช้ได้” ลู่เฉินตอบ
ตู๋ซานชิงชี้นิ้วมาที่ตัวเอง “ตัวข้า ช่วงนี้ไม่รู้เป็นเช่นไร ไม่สามารถรวบรวมพลังปราณได้”
“หืม? จริงหรือ?”
“เช่นไรดี ลองตรวจหรือไม่?” ตู๋ซานชิงอดใจรอให้ลู่เฉินลงมือแทบจะไม่ไหว
แต่ลู่เฉินกลับแสดงอาการประหลาดใจ “อาการป่วยของเจ้า ข้าจำเป็นต้องใช้เวลาและยารักษาค่อนข้างเยอะ”
“หมายความเช่นไร? ไม่ตรวจแล้วหรือ?” เมื่อตู๋ซานชิงเห็นว่าลู่เฉินดูเหมือนจะไม่รักษา จึงรู้สึกร้อนใจขึ้นมา แม้แต่จางเชียนก็อดไม่ไหวจึงถามขึ้นมา “เหตุใดเมื่อถึงลำดับของพวกข้า เจ้าจึงไม่ตรวจแล้ว?”
“ข้าไม่ได้บอกว่าจะไม่รักษา แต่เพียงแค่ราคาจะสูงขึ้น”
เมื่อตู๋ซานชิงได้ฟังจึงเผยรอยยิ้มออกมา “ราคาไม่ใช่ปัญหา!”
“แน่ใจหรือ?”
“ใช่!”
“เช่นนั้นย่อมได้ นำสมุนไพรวิญญาณอายุห้าร้อยปีขึ้นไปอย่างน้อยสิบต้นมาให้ข้า รวมถึงเม็ดยาชั้นเลิศห้าสิบเม็ด และศาสตราวุธวิญญาณสิบชิ้น!”
จบประโยคของลู่เฉิน สีหน้าของตู๋ซานชิงก็เปลี่ยนไป ส่วนจางเชียนเองก็ตอบกลับด้วยความโมโห “เจ้าตั้งใจใช่หรือไม่!”
“ก็พวกเจ้าคิดจะจัดการข้า ฉะนั้นข้าไม่ควรขึ้นราคาหรือ?”
ทั้งสองได้ยินแล้วก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“ถ้าหากมีไม่พอ เช่นนั้นก็ช่างมันเถิด” ลู่เฉินถอนหายใจ
ตู๋ซานชิงจึงรีบหันไปปรึกษากับจางเชียนทันที
จากนั้นทั้งสองจึงเสาะหาของมีค่าในถุงสุญญะญาณ ก่อนจะควักเม็ดยาชั้นเลิศจำนวนยี่สิบเม็ด ศาสตราวุธวิญญาณสิบกว่าชิ้น ส่วนสมุนไพรวิญญาณอายุสามพันปีขึ้นไปมีสองถึงสามต้น ที่เหลือเป็นอายุหนึ่งพันปี
“มีเท่านี้” เมื่อตู๋ซานชิงมองไปยังของที่กองอยู่ สีหน้าก็เคร่งเครียดขึ้นมา
จางเชียนตอบอย่างหดหู่ใจ “นอกจากนี้ พวกข้าก็ไม่มีแล้ว!”
“เช่นนั้นจงหยิบศิลาวิญญาณออกมาด้วย” ลู่เฉินเอ่ยออกมาเช่นนั้นก็ทำให้ทั้งสองแทบจะระเบิดโทสะ แต่ทั้งสองต่างก็คิดว่า ขอเพียงสามารถควบคุมลู่เฉินได้ ถึงเวลานั้นของพวกนี้ก็จะสามารถนำกลับคืนมาได้แล้ว
ทั้งสองจึงนำศิลาวิญญาณระดับต่ำมูลค่านับสิบล้านออกมา
ลู่เฉินรับมาแล้วฉีกยิ้มพลางมองไปยังตู๋ซานชิง “เชิญ ข้าจะตรวจดูให้!”
ตู๋ซานชิงดีใจจึงรีบเดินเข้าไป
เมื่อหนานเหยาเห็นรอยยิ้มของตู๋ซานชิง นางพลันรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายเช่นนั้น จึงเตือนลู่เฉินทันที “ระวัง ชายผู้นี้ดูก็รู้ว่าเขาคิดลวงท่าน!”