ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 69 ว่างเปล่าในคืนเดียว!
บทที่ 69 ว่างเปล่าในคืนเดียว!
สถานการณ์นี้ดำเนินต่อไปจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น
ในยามเช้า เมื่อลู่เฉินพบว่าพลังทั้งเก้ากลุ่มถูกหลอมรวมไปครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ได้หลอมรวมอย่างสมบูรณ์ เพราะดูคล้ายกับว่ามันทับซ้อนกันแล้วแต่ยังไม่ได้ถูก ‘นวด’ จนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
แต่อย่างน้อยมันก็ไม่แตกสลายไป
ทว่าสำหรับ ‘เคล็ดนพชาติหวนคืน’ นั้น มีเพียงพลังทั้งเก้ารวมกันเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้นจึงจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ!
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พลังปราณรอบ ๆ หอสมบัติสวรรค์ก็แห้งเหือดไปเกือบหมด ลู่เฉินจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสงบสติอารมณ์และวางแผนที่จะรอเป้าหมายต่อไป
ลู่เฉินจึงสงบสติอารมณ์และออกจากที่นี่ไป
ส่วนหนานเหยา นางเองก็ได้กลับเข้าไปในสร้อยคอแล้ว แต่เมื่อนางเห็นลู่เฉินจากไปในที่สุด ภูตสาวจึงถามด้วยความสงสัยว่า “ปราณมากมายของท่านในคืนนี้ ท่านเอามาจากไหนหรือ?”
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “หอสมบัติสวรรค์”
“หอสมบัติสวรรค์ อยู่ที่ใด?” หนานเหยาไม่เข้าใจ ส่วนลู่เฉินก็ไม่ได้อธิบายอันใดอีก เขาเพียงแค่เดินไปบนถนนอย่างองอาจ
เมื่อหงเหยียนลั่วและอาจื่อที่อยู่ไกลออกไปตัดสินใจตามไป คล้อยหลังจากนั้นก็พลันมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นในหอสมบัติสวรรค์
หงเหยียนลั่วถึงกับงงงวย “นี่ไม่ใช่เสียงของเถ้าแก่จางหรอกหรือ?”
”ใช่!” อาจื่อยืนยัน
ยามนี้จางเชียนกำลังยืนตัวสั่นอยู่ที่ลานด้านหน้าหอสมบัติสวรรค์ ปากก็เอ่ยว่า “สมุนไพรของข้า! พวกมัน… พวกมันกลายเป็นอันใดไปแล้ว?”
เหล่าเสี่ยวเอ้อทยอยกันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา
ถึงขนาดที่มีเสี่ยวเอ้อบางคนกล่าวว่า “เถ้าแก่จาง พวกเรามาถึงก็เป็นเช่นนี้แล้วขอรับ!”
จางเชียนรีบตรวจสอบทันที แต่ไม่มีสมุนไพรที่ดีสักต้น ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของพลังปราณ ราวกับว่ามันถูกบีบให้แห้งกรอบ!!
“เถ้าแก่จาง อาจจะเป็นเจ้าหนุ่มคนนั้นหรือไม่?”
จางเชียนกัดฟันทันที “ไอ้สารเลวบัดซบ!”
ยามนี้เสี่ยวเอ้อพลันถามอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า “เถ้าแก่จาง มีอะไรผิดปกติที่ห้องใต้ดินหรือไม่ขอรับ?”
จางเชียนหน้าซีดด้วยความตกใจทันทีและรีบไปที่ห้องใต้ดิน จากนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น
ตู๋ซานชิงที่อยู่ท่ามกลางพวกเขากำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความงงงวย และหลังจากได้ฟังคำอธิบายของทุกคน เขาจึงได้รู้ว่าสมุนไพรในหอสมบัติสวรรค์ใช้การไม่ได้แล้ว!
จากนั้นทุกคนก็เห็นจางเชียนที่มีผมเผ้ายุ่งเหยิงเดินออกมา
”เถ้าแก่จาง หรือว่าในห้องใต้ดินก็?” เสี่ยวเอ้อคนหนึ่งตื่นตระหนก ส่วนเสี่ยวเอ้อคนอื่น ๆ นั้นตกใจยิ่งกว่า เพราะถึงอย่างไรเสียเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่!
จางเชียนกล่าวอย่างตะกุกตะกัก “สมุนไพรหลายหมื่นล้าน… ใช้การไม่ได้แล้ว!”
ทุกคนเบิกตากว้าง
ตู๋ซานชิงเอ่ยอย่างงงงวย “เราอยู่ที่นี่เมื่อคืนนี้ ไม่มีใครเข้ามาเลย!”
“มันต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าหนุ่มคนนั้นแน่!” ใบหน้าของจางเชียนกระตุก
แม้ว่าตู๋ซานชิงต้องการสังหารลู่เฉิน แต่เขาก็ยังสงสัย “เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นเขา?”
จางเชียนจึงเล่าเรื่องความแค้นของตนให้ฟัง และเขาจึงได้รู้ว่าวันที่ลู่เฉินมาถึงเมือง อีกฝ่ายก็ได้ทำอะไรบางอย่างกับสมุนไพรของหอสมบัติสวรรค์เช่นกัน ดังนั้นชายหนุ่มผู้นั้นจึงน่าสงสัยที่สุด!
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าสมุนไพรทั้งหมดจะเกิดปัญหา!
”ดูแล้ว คงมีคนช่วยเขาแน่!” ตู๋ซานชิงยิ่งแน่ใจว่ามีคนอยู่เบื้องหลังลู่เฉิน ส่วนจางเชียน เขาก็ได้แต่เอ่ยด้วยความโกรธว่า “ใครกันที่สามารถเข้ามาที่นี่ได้โดยไม่มีผู้ใดรู้? จนแม้แต่พวกเราก็ยังไม่อาจสัมผัสถึงความผิดปกติได้!”
ตู๋ซานชิงส่ายหัวและพูดว่า “บางที มันก็ไม่จำเป็นต้องแอบเข้ามา!”
”หมายความว่าอย่างไร?”
”ตัวอย่างเช่นแมลงของข้าสามารถแอบเข้ามาในสวนของเจ้า แล้วกินสมุนไพรของเจ้าโดยที่เจ้าไม่ทันระวัง” ตู๋ซานชิงอธิบาย
ดวงตาของจางเชียนเบิกกว้าง “เจ้าคิดว่าเขาเลี้ยงแมลงหรือ?”
“เมื่อวานเขาเผาแมลงของข้าได้ หมายความว่ามีคนเลี้ยงแมลงอยู่เบื้องหลังเขา และคนคนนั้นควบคุมแมลงได้ดี ข้าคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเขาน่าจะควบคุมแมลงให้มากินสมุนไพรของเจ้า!” ตู๋ซานชิงวิเคราะห์
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จางเชียนก็เอ่ยอย่างกระวนกระวายว่า “พี่ตู๋ ท่านต้องล้างแค้นให้ข้า มิฉะนั้นหากหอสมบัติสวรรค์สาขาหลักไต่สวนลงมา ข้าจะเจอปัญหาใหญ่!”
”วางใจ ข้าจะหาทางค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้น!” ตู๋ซานชิงในยามนี้เกลียดลู่เฉินเข้ากระดูกดำ ดังนั้นเขาจึงพาจางเชียนจากไปทันที
ส่วนข่าวเรื่องสมุนไพรเหี่ยวเฉาของหอสมบัติสวรรค์น่ะหรือ? แน่นอนว่ามันย่อมแพร่กระจายไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็วอย่างไม่อาจควบคุม!
แม้กระทั่งเรื่องที่ตู๋ซานชิงสงสัยว่าเบื้องหลังของลู่เฉินคือผู้ใช้แมลงก็ยังแพร่กระจายออกไป
หงเหยียนลั่วซึ่งอยู่บนหอคอยฝั่งตรงข้ามคฤหาสน์ได้ยินเรื่องนี้ก็พลันขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “แต่เมื่อคืนนี้เราจับตามองเขาตลอด และไม่เห็นใครช่วยเขาเลย!”
อาจื่อกล่าวเสริมขึ้นว่า “ถ้าบอกว่ามีคนช่วยเหลือ สู้บอกว่าเขามีสมบัติล้ำค่าที่ร้ายกาจติดตัว ทำให้เขาสามารถดูดซับพลังปราณของสมุนไพรวิญญาณในหอผ่านสุญญะได้จะดีกว่า”
“ดูดซับผ่านสุญญะ?” หงเหยียนลั่วเริ่มสงสัย
อาจื่อพยักหน้าและกล่าวว่า “เมื่อคืนนี้ เขานั่งสมาธิอยู่ใกล้กับหอสมบัติสวรรค์ และพลังปราณของเขายังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นข้าจึงเดาว่ามันน่าจะเป็นสมบัติล้ำค่าบางอย่าง”
”คำพูดของเจ้าน่าจะเป็นไปได้”
“แต่มันเป็นสมบัติล้ำค่าอันใดกันเล่า? คาดไม่ถึงว่ามันจะทรงพลังมากจนสามารถกลืนกินพลังปราณของสมุนไพรวิญญาณกลางสุญญะได้” อาจื่อรู้สึกเหลือเชื่อ
”ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะมหัศจรรย์กว่าที่พวกเราคิดไว้มาก” หงเหยียนลั่วพึมพำ
“นายหญิง จากนี้จะทำอย่างไรต่อไป?”
”เขาต้องการดึงข้าเป็นพวกและขอให้ข้ายอมสวามิภักดิ์ต่อเขา ดังนั้นข้าจะใช้โอกาสนี้ทดสอบ!” หลังจากหงเหยียนลั่วกล่าวจบ นางก็ขอให้อาจื่อเตรียมของขวัญมากมาย
หลังจากนั้นไม่นาน หงเหยียนลั่วก็พาอาจื่อมาอยู่ที่ด้านนอกคฤหาสน์ของลู่เฉิน
ขณะที่ไกลออกไปนั้น จางเชียนและตู๋ซานชิงกำลังแอบดูพวกนางอยู่
”สตรีผู้นี้ ช่างยุ่งยากเสียจริง” จางเชียนพูดอย่างหดหู่ใจหลังจากเห็นหงเหยียนลั่วปรากฏตัวอีกครั้ง
ส่วนตู๋ซานชิง เขาพลันแค่นเสียงหึแล้วเอ่ยว่า “อย่าไปสนใจนาง!”
”แล้วตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไร?”
”ยามนี้ข้าจะปล่อยให้แมลงเหล่านี้เข้าไปตรวจสอบในนั้น” หลังจากตู๋ซานชิงพูดจบ เขาก็พาจางเชียนไปที่บริเวณใกล้เคียงคฤหาสน์ ก่อนจะเปิดกระบอกไม้ไผ่และปล่อยแมลงที่มองไม่เห็นออกมา
จางเชียนพลันฉงน “มีแมลงอะไรออกมาหรือไม่?”
”มี มันเร้นกายได้ แม้แต่ขั้นก่อกำเนิดก็ยังสัมผัสถึงมันได้ยาก ทว่ามันไม่อาจโจมตีผู้ใดได้ มันใช้เพื่อการตรวจสอบเท่านั้น!” หลังจากตู๋ซานชิงกล่าวจบ เขาก็นั่งขัดสมาธิแล้วให้จางเชียนคอยคุ้มกันไม่ให้ใครมารบกวน
หลังจากนั้นจิตสัมผัสของตู๋ซานชิงก็ติดอยู่กับแมลงเหล่านี้ และเข้าใกล้ประตูของคฤหาสน์อย่างช้า ๆ
หลังจากที่ประตูเปิดออกในยามนี้ สตรีสองสามคนก็ได้เข้ามาพิจารณาหงเหยียนลั่วอย่างอยากรู้อยากเห็น
”ข้าต้องการพบคุณชายลู่” หงเหยียนลั่วเอ่ยอย่างเย็นชา
สตรีผู้นี้เป็นผู้ที่ลู่เฉินจัดวางไว้แล้ว ดังนั้นพวกนางจึงเปิดประตูและพูดกับทั้งสองคนว่า “เขากำลังรอพวกเจ้าอยู่ที่ห้องรับแขก!”
“รอพวกเรา?” หงเหยียนลั่วงงงวย
อาจื่อเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
“เขารู้แล้วว่าพวกเจ้าจะมา ดังนั้นจึงให้พวกเรารออยู่ที่นี่” สตรีคนหนึ่งตอบด้วยรอยยิ้ม
หงเหยียนลั่วพลันขมวดคิ้ว ส่วนอาจื่อก็กระซิบว่า “นายหญิง เขาอาจกำลังคิดหลอกลวงเราอยู่เป็นแน่! ”
”ไม่ว่าจะมีเจตนาหรือไม่ เราก็ไปดูก่อนก็แล้วกัน” จากนั้นนางก็ปล่อยให้คนเหล่านั้นนำทางไป
ไม่นานประตูก็ปิดลง
ส่วนแมลงก็ได้บินมาอยู่กลางอากาศเหนือสวน มันเฝ้าติดตามหงเหยียนลั่วไปไม่ห่าง
หลังจากนั้นไม่นาน หงเหยียนลั่วก็มาถึงห้องโถง ขณะที่ลู่เฉินนั่งอยู่ที่นั่นนานแล้วและเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มว่า “ยกน้ำชา!”
ไม่นนานนักก็มีคนยกน้ำชามาให้หงเหยียนลั่วกับอาจื่อ และหลังจากที่ทั้งสองคนนั่งลงแล้ว ลู่เฉินก็เอ่ยกับพวกนางด้วยรอยยิ้ม “เถ้าแก่หง เจ้าช่างรวดเร็วยิ่ง!”
”ข้าก็ยังไม่เร็วเท่าเจ้าหรอก” หงเหยียนลั่วมองไปที่ลู่เฉินด้วยรอยยิ้ม
”บอกมาเถิดว่าเกิดอะไรขึ้น” ลู่เฉินเอ่ยตรงประเด็นในทันที