ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 67 หุบเขาแมลงพิษ ตู๋ซานชิง
บทที่ 67 หุบเขาแมลงพิษ ตู๋ซานชิง
หงเหยียนลั่วขมวดคิ้วในพลัน “เกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
”ข้า… ข้าจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น!” ชายคนนั้นเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก
“จำไม่ได้?” หงเหยียนลั่วแสดงท่าทีจริงจัง ส่วนอาจื่อก็ถามอย่างร้อนใจ “หรือว่าหลังจากที่เข้าไป เจ้าก็ไม่อาจรับรู้อันใดได้อีกเลย?”
“ตอนนั้นข้าหมดสติ และเมื่อตื่นขึ้นมาก็อยู่ด้านนอกแล้ว” ชายคนนั้นตอบอย่างเขินอาย
อาจื่อจึงทำได้เพียงพูดกับเขาว่า “เจ้าถอยไปก่อนเถิด!”
ชายคนนั้นจึงรีบหลบไป
หงเหยียนลั่วมองไปที่อาจื่อและซักถาม “จากการณ์ปัจจุบัน เจ้าคิดว่าวิชาแพทย์ของเขาเป็นอย่างไร?”
“หากเป็นเขาที่ลงมือจริง ๆ เช่นนั้นวิชาแพทย์ของเขาก็เป็นรองแค่หัตถ์ภูตหมอเทวดาแห่งราชวงศ์หนานโยว!”
หงเหยียนลั่วขมวดคิ้ว “ข้าเกรงว่าคงไม่ใช่เขาที่ลงมือ แต่เป็นคนอื่นที่เป็นผู้รักษา”
“นายหญิง ท่านหมายความว่ามียอดฝีมือคนอื่นอยู่ภายในนั้นหรือ?” อาจื่อถามด้วยความประหลาดใจ
หงเหยียนลั่วพยักหน้าและกล่าวยืนยันว่า “ถูกต้อง!”
”ถ้าอย่างนั้น เรามาดูกันอีกสักสองสามวันเถิด!” อาจื่อครุ่นคิดแล้วกล่าวขึ้น
ส่วนหงเหยียนลั่ว นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับ “ตกลง รอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
เมื่ออาจื่อได้ยินเช่นนั้น นางก็พลันถอยเข้าไปในความมืดทันที
…
ลู่เฉินยกเลิกวิชาหมื่นวิญญาณและลอบยิ้มอยู่ในใจ “คาดไม่ถึงว่ายังจะสงสัยว่าข้าไม่ใช่คนลงมือ”
ทว่าคิดแล้วก็ดูมีเหตุผล เพราะเขาอยู่ในขั้นกลั่นลมปราณ เดาว่าคงมีไม่กี่คนที่จะเชื่อง่าย ๆ ดังนั้นลู่เฉินจึงไม่สนใจ ได้แต่รอให้อีกฝ่ายมาติดกับ
…เมื่อยามค่ำคืนดำเนินมาถึง
หนานเหยาพลันกระโดดโลดเต้นออกมาจากสร้อยคอ
“ในที่สุดก็ออกมาได้แล้ว!” ภูตสาวว่าพลางเหยียดแขนขาและกระโดดโลดเต้นไปมาอยู่ตรงนั้น
ลู่เฉินยิ้มกับภาพตรงหน้า ทว่าเขาไม่พูดอะไร
ไม่นานหลังจากนั้น… เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น!
“ปรมาจารย์ลู่!”
นี่คือเสียงของหนิวเถิง
ลู่เฉินยืนขึ้นและไปเปิดประตู ยามนี้ที่ด้านนอกมีคนอยู่ผู้เดียวเท่านั้น และลู่เฉินก็ทำได้เพียงปล่อยให้หนิวเถิงเข้ามา
เมื่อหนิวเถิงเข้าไป เขาก็ได้หันมองรอบ ๆ และประจบชายหนุ่ม “ปรมาจารย์ลู่ ท่านร้ายกาจมาก คาดไม่ถึงว่าจะเชิญปรมาจารย์ค่ายกลมาสร้างค่ายกลที่ใหญ่โตเช่นนี้”
เชิญปรมาจารย์? เขาไม่ได้เชิญเสียหน่อย
แต่ลู่เฉินไม่ได้อธิบาย เขาเพียงแค่ยิ้มแล้วถามว่า “บอกมาเถิด เจ้ามากะทันหัน เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“มีเรื่องสำคัญ”
”พูดมา!”
“ข้าเพิ่งได้รับข่าวหนึ่งมา และข้าคิดว่าท่านน่าจะสนใจข่าวนี้”
”พูดมา”
”คืนนี้ตู๋ซานชิงแห่งหุบเขาแมลงพิษจะเข้ามาในเมือง และตรงไปที่หอสมบัติสวรรค์!”
”หุบเขาแมลงพิษ?” ลู่เฉินไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่หนิวเถิงกล่าวอย่างลึกลับว่า “แหล่งเพาะพันธุ์แมลงอันดับหนึ่งแห่งแดนทักษิณา!”
“แหล่งเพาะพันธุ์แมลงอันดับหนึ่ง?”
”ใช่ ว่ากันว่ามีแมลงมีพิษ และไม่มีพิษ หรือแม้กระทั่งเม็ดยาที่ทำจากแมลง กล่าวได้ว่าเป็นแหล่งรวบรวมแมลงแปลก ๆ ทุกชนิดในแดนทักษิณา” หนิวเถิงอธิบาย
”น่าสนใจ!”
“ท่านไม่กลัวหรือ?”
“กลัว? เพราะเหตุใดจึงต้องกลัว?”
หนิวเถิงเอ่ยอย่างร้อนใจว่า “มีคนบอกว่าเถ้าแก่จางรีบเชิญคนคนนั้นมา ผนวกกับที่วันนี้เขามีเรื่องกับท่านที่หอราตรีหอม ดังนั้นข้าจึงเดาว่าคนคนนั้นต้องมุ่งเป้ามาหาท่านเป็นแน่”
ลู่เฉินได้ยินเช่นนั้นก็มีความสุขขึ้นมาทันที “ยังขาดอีกหนึ่ง!”
”ยังขาดอีกหนึ่ง?” หนิวเถิงไม่รู้ว่าลู่เฉินหมายถึงอะไร
แน่นอนว่าลู่เฉินหมายถึงพลังจากชาติภพที่จุติเป็นแมลง ซึ่งบัดนี้เขายังขาดมันไป
หากตู๋ซานชิงผู้นี้ได้รับเชิญจากหอสมบัติสวรรค์ให้มาจัดการกับตนจริงก็คงจะดีมาก
แต่หนิวเถิงไม่รู้เรื่องนี้
ลู่เฉินกล่าวกับอีกฝ่ายว่า “ไล่ทหารยามที่ลาดตระเวนข้างนอกไปให้หมด!”
“เช่นนั้นท่านจะตกอยู่ในอันตรายได้นะ” หนิวเถิงกล่าวอย่างกังวลใจ
”วางใจ ใครจะตกอยู่ในอันตรายก็ยังไม่แน่!”
หนิวเถิงไม่รู้ว่าลู่เฉินไปเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่เขาก็จำเป็นต้องยอมรับคำสั่งนั้น “ก็ได้ ข้าจะไปแจ้งให้ทหารยามที่ลาดตระเวนแถวนี้ทราบก่อน”
ว่าแล้วหนิวเถิงก็จากไป
ส่วนหนานเหยา นางก็ถามขึ้นตามประสาคนขี้สงสัย “คนจากหุบเขาแมลงพิษงั้นหรือ?”
“อะไรกัน? เจ้าก็กลัวหรือ?”
“ไม่ได้กลัวธรรมดา แต่กลัวมาก” แม้ว่าหนานเหยาจะไม่มีกายเนื้อ แต่เมื่อนึกถึงแมลงเหล่านั้น นางก็พลันรู้สึกขยะแขยงขึ้นมา
ลู่เฉินเพียงยิ้มโดยไม่เอ่ยอะไร จากนั้นเขาก็นั่งขัดสมาธิ และเปิดใช้วิชาหมื่นวิญญาณตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงรอบตัว
…
ภายในหอที่ตั้งอยู่ตรงข้ามคฤหาสน์ อาจื่อในขณะนี้รู้สึกงงงวยยิ่งนัก “นายหญิง ท่านต้องการทราบเรื่องที่หัวหน้าทหารยามผู้นั้นเข้าไปแจ้งหรือไม่?”
”ต้องการ!” สิ้นเสียงตอบรับนี้ อาจื่อพลันทะยานกายออกไป และไม่ถึงหนึ่งเค่อต่อมาก็ได้กลับมาเพื่อรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
“หุบเขาแมลงพิษ ตู๋ซานชิง?” หงเหยียนลั่วพึมพำ
“ใช่ เขามาแล้ว และข้าน้อยก็เดาว่าอีกฝ่ายมาหาเจ้าหนุ่มคนนั้น”
หงเหยียนลั่วที่ได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “เถ้าแก่จางคงไม่คิดจะยินยอมง่าย ๆ”
”แล้วเช่นนี้จะทำอย่างไร?”
”รอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น” หลังจากที่หงเหยียนลั่วพูดจบ นางก็จ้องไปที่คฤหาสน์
กระทั่งกลางดึกหลังจากที่ผู้คนส่วนมากแยกย้ายกันไปนอน จู่ ๆ ก็มีคนสองคนเดินออกมาจากตรอกในบริเวณนั้น
คนหนึ่งคือจางเชียน ส่วนอีกคนสวมชุดคลุมยาวสีดำ สวมงอบและหน้ากากสีดำ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดเจน
แต่หงเหยียนลั่วกลับจ้องเขม็งไปที่พวกเขา
ยามนี้จางเชียนได้เข้ามาใกล้ชายคนนั้นและพูดอย่างสุภาพว่า “พี่ตู๋ คฤหาสน์นี้แหละ”
“คฤหาสน์นี้มีค่ายกลวางอยู่ แต่แมลงของข้าสามารถเข้าไปได้โดยง่าย” เสียงทุ้มต่ำดังมาจากใต้หน้ากาก
จางเชียนที่ได้ยินพลันดีใจ “ถ้าอย่างนั้นก็มอบให้ท่านแล้วกัน”
“เจ้าอยากให้เขาตายอย่างไร?”
“พิษเรื้อรัง ปล่อยให้เขาถูกวางยาสักสองสามวัน แล้วพรุ่งนี้ข้าจะให้เขาคุกเข่าต่อหน้าทุกคนและขอยาถอนพิษกับข้า” จางเชียนรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเมื่อนึกถึงฉากนี้
”ดี!!” หลังจากที่ชายคนนั้นเอ่ยจบ เขาก็หยิบกระบอกไม้ไผ่เล็ก ๆ ออกมาจากอกเสื้อ และหลังจากเปิดฝาออก แมลงที่มีลักษณะเหมือนแมลงวันตัวเล็ก ๆ ฝูงหนึ่งก็ได้บินออกมาและเข้าไปทางช่องว่างระหว่างประตู
หงเหยียนลั่วขมวดคิ้วกับภาพตรงหน้า ส่วนอาจื่อ นางพลันถามอย่างร้อนใจว่า “นายหญิง ยามนี้เราควรจะทำอย่างไร?”
”แมลงเข้าไปแล้ว จะหยุดมันก็สายเกินไป และเมืองแห่งนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ต่อสู้กันบนถนน” หงเหยียนลั่วเอ่ยอย่างจนใจ
“ชายหนุ่มคนนั้น เขาจะไม่ตายหรือ?” อาจื่อร้อนใจ
“สองคนนั้นยังไม่อยากให้เขาตาย ดังนั้นชีวิตของเขาจึงไม่ตกอยู่ในอันตรายชั่วคราว”
หลังจากที่อาจื่อเข้าใจแล้ว นางก็เลือกที่จะสงบนิ่งและเฝ้าดูต่อไป
ทว่าในคฤหาสน์ยามนี้ หนานเหยากลับกำลังร้อนใจ “ดูสิ แมลงนั่นน่ะ พวกมันน่าขยะแขยงพอ ๆ กับแมลงวันไม่มีผิด!”
ลู่เฉินมองไปที่แมลงพวกนั้น เขาเห็นเพียงพวกมันเปล่งแสงสีดำจาง ๆ และยังพุ่งเข้ามาหาตนอย่างรวดเร็ว!
ตอนแรกหนานเหยาคิดว่าลู่เฉินจะหลบ แต่เมื่อนางเห็นว่าลู่เฉินไม่ขยับและปล่อยให้แมลงเข้าใกล้ นางจึงเริ่มร้อนใจ “เฮ้ ท่านไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?”
ลู่เฉินกลับฉีกยิ้มอย่างชั่วร้าย จากนั้นกำแพงโปร่งใสก็เปิดออก
แมลงเหล่านั้นโจมตีม่านโปร่งใสอย่างบ้าคลั่ง
แต่หลังจากที่ลู่เฉินเห็นว่าจุดชีวิตอันสุดท้ายยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง เขาก็เอ่ยพึมพำว่า “มันยังอ่อนแอเกินไป!”
หนานเหยาไม่รู้ว่าลู่เฉินพูดถึงอะไร แต่ขณะนี้นางกำลังร้อนใจยิ่ง “ท่านนี่มันบ้าจริง ๆ!”
ทว่าตู๋ซานชิงที่อยู่ข้างนอกกลับรู้สึกงงงวย “เหตุใดจึงยังไม่สำเร็จ?”
“ไม่สำเร็จ?” จางเชียนได้ยินแล้วก็ร้อนใจขึ้นมาทันที