ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 58 ดึงประกาศ ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้!
บทที่ 58 ดึงประกาศ ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้!
“ท่านทำได้หรือ?” เมื่อเห็นเนื้อหาในประกาศ ฮวาหลิงมู่จึงถามขึ้น ในขณะที่สตรีคนอื่น ๆ ก็จ้องเขม็งไปที่ลู่เฉินอย่างแปลกใจ
ลู่เฉินมองดูเนื้อหาในนั้นด้วยรอยยิ้ม “ก็แค่ไปรักษามิใช่หรือ?”
“แต่ในนี้มีคำเตือนว่าหากท่านไม่อาจรักษาให้หายได้จะต้องเข้าคุก!” ฮวาหลิงมู่ชี้ไปที่บรรทัดล่างสุดของกระดาษ
ลู่เฉินฉีกยิ้มจนตาหยีและเอ่ยอย่างมั่นใจ “ข้ารักษาได้!”
จากนั้นเขาก็ตะโกนบอกทหารยามลาดตระเวนว่า “ข้าจะไปรักษาคุณชายน้อย บุตรของท่านเจ้าเมืองที่จวนเจ้าเมือง!”
เมื่อพวกทหารยามเห็นก็คิดว่าลู่เฉินเพียงพูดเล่น พวกเขาจึงมองหน้ากันไปมาด้วยความตกใจ และบางคนถึงกับพูดขึ้นว่า “น้องชาย อย่าก่อเรื่องเลย รีบไปเสีย!”
“ใช่แล้ว อาการป่วยของคุณชายน้อยไม่ใช่สิ่งที่ผู้ที่อยู่ในขั้นกลั่นลมปราณจะรักษาได้!”
“ใช่ อาการป่วยของคุณชายน้อยเคยมีหมอเก่ง ๆ มารักษาให้หลายคนแล้ว แต่ก็ไร้ประโยชน์!”
ทหารยามเหล่านี้กระตุ้นให้ลู่เฉินรีบจากไป
ฮวาหลิงมู่และคนอื่น ๆ เองก็เกลี้ยกล่อมให้ลู่เฉินจากไปเช่นกัน แต่ลู่เฉินกลับหยิบกระดาษขึ้นมาแล้วยิ้ม “ในนี้มันบอกว่าใครก็ตามที่ดึงประกาศนี้ออกมาต้องไปที่จวนเจ้าเมือง พวกเจ้าจะไม่พาข้าไปที่นั่นหรือ?”
เมื่อทหารยามเหล่านี้เห็นว่าลู่เฉินดึงประกาศลงมาจริง ๆ ก็ตกใจ
ขณะที่หัวหน้าทหารยามก็เผยสีหน้าจนปัญญา “งั้นก็ตามมา ข้าจะพาเจ้าไป!”
จากนั้นหัวหน้าทหารยามก็ให้ทุกคนลาดตระเวนต่อไป ส่วนตัวเขาก็พาลู่เฉินและคนอื่น ๆ ไปที่จวนเจ้าเมือง
ในขณะที่ฮวาหลิงมู่และพวกสตรีกำลังกังวลใจ หัวหน้าทหารยามก็อ้าปากใหญ่ ๆ พูดคุยไม่หยุด “ว่ากันว่าคุณชายน้อยสัมผัสสิ่งที่ไม่สะอาด เขาจึงถูกผีเข้าสิง!”
“ผี?” ทุกคนพลันมองหน้ากัน
“ใช่แล้ว เขาหน้าดำคล้ำ และตกกลางคืนเขาก็มักเดินละเมอ และออกไปจับเป็ดไก่มาดื่มเลือด” หัวหน้าทหารยามพูดไปพลางทำท่าขนลุก
ฮวาหลิงมู่เริ่มตื่นตระหนก “พี่ใหญ่ประหลาด พวกเราอย่าไปเลย”
สตรีคนอื่น ๆ ก็ทยอยกันเกลี้ยกล่อมเขา ทว่าลู่เฉินได้ตั้งมั่นแล้วว่าจะไป เจตนาการไปของเขาในครานี้เป็นเพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายถูกผีสิงสู่จริงหรือไม่
หากเป็นเช่นนั้นจริง ชาติภพที่แปดของตนก็มีความหวังแล้ว!
เพราะตอนนี้ลู่เฉินขาดพลังของภูตผีและแมลง หากสิ่งเหล่านี้โจมตีมาที่เขา เขาก็มีหวังที่จะรวบรวมพลังทั้งเก้าและทะลวงขั้นสร้างรากฐานได้แล้ว!
แต่ทุกคนไม่รู้เรื่องนี้ และคิดว่าลู่เฉินทำไปเพราะความโมโห
ส่วนหัวหน้าทหารยามนั้นเมื่อเห็นลู่เฉินดื้อดึงเช่นนี้ เขาก็เอ่ยอย่างทอดถอนใจว่า “ข้าจะบอกเจ้าให้ คุณชายน้อยป่วยหนักมาสามปีแล้ว และได้พบกับหมอเก่งกาจมานับไม่ถ้วน ผลน่ะหรือ? หมอพวกนั้นหากไม่เป็นบ้าไปก็ตายตก ส่วนพวกที่เป็นบ้าก็ถูกท่านเจ้าเมืองขังเอาไว้”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็อดที่จะสั่นเทาไม่ได้ มีเพียงลู่เฉินเท่านั้นที่ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทว่าในขณะนั้นเอง คนกลุ่มหนึ่งพลันออกมาจากถนนและล้อมลู่เฉินกับพวกเอาไว้ โดยผู้นำของกลุ่มนั้นก็คือจางเชียน อีกฝ่ายเอ่ยอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าหนู เจ้าคิดว่าจะหนีพ้นหรือ?”
หัวหน้าทหารยามพลันขมวดคิ้ว “เถ้าแก่จาง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“หัวหน้าทหารยามหนิว นั่นท่านหรือ?” จางเชียนเปลี่ยนน้ำเสียงทันทีเมื่อเห็นชายตรงหน้า ขณะเดียวกัน เขาก็ได้บ่นในใจว่า ‘ครานี้เหตุใดเจ้านี่ถึงมาอยู่กับหนิวเถิง?’
หนิวเถิงเป็นหัวหน้าทหารยามและอยู่ในขั้นหลอมแก่นแท้
แม้ว่าจางเชียนจะมีนิสัยเย่อหยิ่งจองหอง แต่ในเมืองแห่งนี้ก็ยังต้องเห็นแก่หน้าหัวหน้าทหารยามผู้นี้ เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นคนของจวนเจ้าเมือง
“อันใด เกิดอะไรขึ้น?” หนิวเถิงเห็นคนมากมายขวางถนนอยู่ก็เผยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย ส่วนจางเชียนก็เอ่ยปากพูดทันทีว่า “หัวหน้าทหารยามหนิว ผู้ชายคนนี้ได้ทำลายสมุนไพรวิญญาณที่หอสมบัติสวรรค์ของข้า!”
“ทำลาย มีหลักฐานหรือไม่?” หนิวเถิงเผยสีหน้างงงวยออกมา ส่วนจางเชียนก็ให้คนนำสมุนไพรวิญญาณออกมาและชี้ไปที่พวกมัน “นี่ไงเล่าหลักฐาน!”
หนิวเถิงหยิบมันขึ้นมาดู “นี่น่ะหรือหลักฐาน?”
ทว่าจางเชียนกลับมองไปที่หนิวเถิงและกล่าวว่า “หัวหน้าทหารยามหนิว มาคุยกับพวกเราด้านนี้เถิด” จากนั้นจางเชียนก็ดึงหนิวเถิงออกไป
ฮวาหลิงมู่กำลังโมโห ส่วนบรรดาสตรีเหล่านั้นต่างกังวลว่าหนิวเถิงจะถูกติดสินบน
จางเชียนหยิบถุงสุญญะญาณออกมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม ” หัวหน้าทหารยามหนิว นี่เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ท่านดูสิ”
หนิวเถิงมองไปที่ถุงสุญญะญาณและตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “เถ้าแก่จาง สิ่งของของเจ้ามันน่าดึงดูดจริง ๆ แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเขาจะไปทำอะไร?”
”ไปทำอะไร?”
“พวกเขาจะไปรักษาคุณชายน้อย และเขายังดึงประกาศมาแล้ว ถ้าข้าไม่พาเขาไปที่นั่น ถึงยามนั้นแม้แต่ศีรษะของข้าก็คงรักษาไว้ไม่ได้!” หนิวเถิงปฏิเสธทันที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่กล้าเอาชีวิตของตนมาเสี่ยง
เมื่อจางเชียนได้ยินก็รู้สึกขบขันทันที “เขาหรือ? …จะไปรักษาคุณชายน้อย?”
“อันใด มีปัญหาอะไรหรือ?” หนิวเถิงถามกลับ
จางเชียนชี้ไปที่ลู่เฉินและหัวเราะเยาะ “เขาเพิ่งพูดว่าจะซื้อของของข้าหลายหมื่นล้าน ผลสุดท้ายคือหลอกข้าและจากไป ข้าแนะนำว่าอย่าเชื่อเขา เขาเป็นคนโกหก!”
“ไม่ว่าเขาจะโกหกหรือไม่ ท่านเจ้าเมืองจะเป็นคนตัดสินเอง!” หนิวเถิงรู้ว่าหากไม่พาลู่เฉินไป เจ้าเมืองคงจะจัดการเขาแน่ ดังนั้นเขาจึงบอกปัด
เห็นได้ชัดว่าจางเชียนรู้เรื่องการรักษานี้เป็นอย่างดี เขาจึงมองไปที่ลู่เฉินและแซวว่า “เจ้าหนู ถ้าเจ้าไปที่จวนเจ้าเมือง เดาว่าคืนนี้เจ้าคงออกมาไม่ได้อีก แต่ถ้าเจ้าตามข้ามา ข้ารับรองได้ว่าเจ้าจะไม่ตาย!”
ทุกคนคิดว่าลู่เฉินคงจะเลือกไปกับจางเชียน ถึงอย่างไรเสียทุกคนย่อมรู้ดีว่าเรื่องที่จวนเจ้าเมืองนั้นเป็นไปไม่ได้
ทว่าใครจะรู้ว่าลู่เฉินกลับฉีกยิ้ม “ตามเจ้าไป? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร?”
จางเชียนคิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะกล้าเย้ยหยันใส่ตน “เจ้าคิดว่าเจ้าไปที่จวนท่านเจ้าเมืองแล้วจะหนีข้าพ้นหรือ?”
“ข้าไปที่จวนเจ้าเมืองไม่ได้เพราะจะหนีเจ้า”
“ขี้โม้!”
ยามนี้จางเชียนคิดว่าอีกฝ่ายไปที่จวนเจ้าเมืองเพียงเพื่อหลีกเลี่ยงเขาเท่านั้น
ไม่เพียงแต่จางเชียนเท่านั้น ทว่าผู้คนรอบ ๆ ที่มาชมความสนุกอยู่ก็รู้สึกแบบเดียวกัน
ดังนั้นคนที่เดินผ่านไปมาจึงเกลี้ยกล่อมลู่เฉินว่า “น้องชาย ถ้าเจ้าตามเถ้าแก่จางไป มากสุดเจ้าก็เพียงได้รับบทเรียน แต่ถ้าเจ้าไปที่จวนเจ้าเมือง เจ้าจะไม่มีวันได้กลับมา”
“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้หมอที่เก่งกาจหลายคน พวกเขาไม่เป็นบ้าก็ตายไปแล้ว ส่วนคนที่เป็นบ้าก็ยังถูกขังเอาไว้”
“ข้าว่าเจ้ายังเด็กนัก อย่าเดินผิดทางเลย”
บางคนถึงกับเกลี้ยกล่อมว่า “เจ้ายอมรับความผิดกับเถ้าแก่จางเถิด ข้าว่าเขาคงใจกว้างมากพอและปล่อยเจ้าไป”
“ใช่ ดีกว่าไปตายนะ!”
เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดของคนเหล่านี้ ลู่เฉินก็ยังไม่ได้สนใจ เขามองไปที่หนิวเถิงด้วยรอยยิ้ม “หัวหน้าทหารยามหนิว นำทางไปเถิด”
เดิมทีหนิวเถิงคิดว่าลู่เฉินจะหวาดกลัว แต่ผลคือชายหนุ่มไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย เจ้าตัวจึงทำได้เพียงเอ่ยอย่างจนใจว่า “เอาล่ะ ไปกันเถอะ!”
ครั้นเห็นความดื้อดึงของลู่เฉิน จางเชียนก็หัวเราะอย่างเย็นชา “ถ้าอย่างนั้นวันนี้พวกเรามาดูกันว่าเจ้าจะตายอย่างไรในจวนท่านเจ้าเมือง!”
จากนั้นจางเชียนก็นำฝูงชนเดินไป ตรงปลายแถวเป็นผู้ที่มาล้อมชมความตื่นเต้นด้วย ส่วนฮวาหลิงมู่นั้นเมื่อได้ยินที่ทุกคนพูดถึงเรื่องแปลก ๆ ของคุณชายน้อยแห่งจวนเจ้าเมือง นางก็พลันมีสีหน้าตึงเครียดขึ้นมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางได้ยินว่าหมอที่เก่งกาจเหล่านั้นรักษาแล้วก็คลุ้มคลั่งเป็นบ้าไป นางก็เริ่มวิตกอย่างยิ่ง “พี่ชายประหลาด เจ้าได้ยินที่เขาพูดหรือไม่?”