ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 275 แสร้งฉลาดอะไรเยี่ยงนี้!
บทที่ 275 แสร้งฉลาดอะไรเยี่ยงนี้!
เมื่อชิงเฟิงหมิงแสดงพลังออกมา เถาวัลย์เหล่านี้ก็ค่อย ๆ หักออกทีละเส้น
เสียงเถาวัลย์ค่อย ๆ หักออกจากกัน!
ชิงเฟิงหมิงเห็นเช่นนั้นจึงรู้สึกตกตะลึงขึ้นมา “นี่… เกิดอะไรขึ้น?”
ไม่เพียงแค่ชิงเฟิงหมิงเท่านั้น กุ๋ยเจี่ยจื่อที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งก็ตกตะลึงขึ้นมาเช่นกัน ลู่เฉินเอ่ยเยาะเย้ยชิงเฟิงหมิงออกมา “เถาวัลย์ของเจ้าใช้ไอภูตผีในการสร้างขึ้นมา และไอภูตผีเหล่านั้นข้าได้ดูดซับออกมาจนแห้งเหือดไปเสียแล้ว”
“แห้งเหือด? เจ้าคิดว่าข้าโง่อย่างนั้นหรือ?” ชิงเฟิงหมิงยังคงรู้สึกว่าลู่เฉินนั้นกำลังหลอกลวงตน
ลู่เฉินเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา “จะเชื่อหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเจ้า!”
“หึ เจ้าต้องมีสมบัติวิญญาณอะไรบางอย่างเป็นแน่!” ชิงเฟิงหมิงผู้นี้ยังคงไม่เชื่อว่าลู่เฉินจะสามารถดูดซึมซับไอภูตผีในเถาวัลย์นี้จนแห้งเหือดไปได้ เขาจึงขยับไม้เท้าอีกครั้ง เพียงไม่นาน เถาวัลย์เส้นหนาจึงปรากฏออกมา
เมื่อเห็นเถาวัลย์เหล่านี้เปลี่ยนเป็นสีดำ และค่อย ๆ กลายเป็น ‘มือขนาดใหญ่’ ราวกับมีฝ่ามือกำลังจับลู่เฉินไว้อย่างไรอย่างนั้น
เมื่อลู่เฉินเห็นเช่นนั้น จึงอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ “เคล็ดวิชากรงเล็บเถาวัลย์ภูต เคล็ดวิชาภูตผีล้ำค่าเช่นนี้ เจ้ายังสามารถทำได้ นับว่าไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ!”
เมื่อได้ยินชื่อเคล็ดวิชากรงเล็บเถาวัลย์ภูต กุ๋ยเจี่ยจื่อจึงหวาดกลัวขึ้นมา “เคล็ดวิชากรงเล็บเถาวัลย์ภูต ที่สามารถสังหารจิตวิญญาณของคนได้อย่างไม่มีชิ้นดีหรือ?”
ชิงเฟิงหมิงยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางมองมายังลู่เฉิน “เจ้าหนุ่ม เจ้ารู้จักเคล็ดวิชากรงเล็บเถาวัลย์ภูต เช่นนั้นเจ้าก็ควรรู้ว่าเถาวัลย์ชนิดนี้สามารถแทรกเข้าไปภายในร่างกายและคว้าจิตวิญญาณของเจ้า จากนั้นก็สามารถบดขยี้จิตวิญญาณของเจ้าได้อย่างไม่มีชิ้นดี”
“โอ้? เช่นนั้น เจ้าลองแสดงให้ดูเสียหน่อย” ลู่เฉินจ้องมองชิงเฟิงหมิงด้วยสายตาว่างเปล่า เมื่อชิงเฟิงหมิงเห็นว่าลู่เฉินช่างดูอวดดีนัก จึงเบิกตากว้างพลางเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะมอบให้เจ้าดูสักครั้ง!”
เมื่อเห็น ‘มือขนาดใหญ่’ เหล่านั้น แทรกเข้ามาภายในกายเนื้อของลู่เฉิน แต่ไม่ว่า ‘มือขนาดใหญ่’ นั้นจะพยายามจับเช่นไร ก็ไม่สามารถคว้าจิตวิญญาณของลู่เฉินไว้ได้ ทำให้ชิงเฟิงหมิงรู้สึกแปลกใจขึ้นมา “เจ้าไม่มีจิตวิญญาณงั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ว่าไม่มีจิตวิญญาณ แต่เป็นเพราะเคล็ดวิชากรงเล็บเถาวัลย์ภูตของเจ้านั้นยังอ่อนแอเกินไป” หลังจากที่ลู่เฉินเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา เขาก็ปรบมือหนึ่งครั้ง เถาวัลย์เหล่านั้นจึงค่อย ๆ สลายกลายเป็นอากาศและหายไปในที่สุด
ชิงเฟิงหมิงเบิกตากว้าง “เมื่อครู่เจ้าทำสิ่งใดกัน?”
“ทำให้ไอภูตผีที่แห้งเหือดของเจ้ากลายเป็นเพียงตำราภูตผี ตบเพียงครั้งเดียวก็หายไปเสียแล้ว” ลู่เฉินแสยะยิ้ม แต่ชิงเฟิงหมิงยังคงไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้ เจ้า เจ้าไม่สามารถทำเช่นนี้ได้!”
“สองครั้งแล้ว ยังไม่เชื่ออย่างนั้นหรือ?” ลู่เฉินอดยิ้มออกมาไม่ได้
เป็นธรรมดาที่ชิงเฟิงหมิงนั้นไม่สามารถเชื่อเช่นนั้นได้ เขาจึงตะโกนขึ้นมา “ข้าจะต้องสังหารเจ้าให้ได้!”
ชิงเฟิงหมิงเอ่ยจบก็นำโลงศพหินด้านหลังวางลงบนพื้น ดูดซึมซับไอภูตผีรอบกาย ทำให้เขามีพลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างมหาศาล และรากวิญญาณก็ได้เปลี่ยนเป็นรากวิญญาณสวรรค์ธาตุมืดเก้าดาว ทำให้ดูทรงอนุภาพมากยิ่งขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น ชิงเฟิงหมิงยังขยับไม้เท้าในมือของตน เพียงไม่นาน บนพื้นก็ปรากฏเถาวัลย์เส้นหนาขึ้นมา และกลายเป็นต้นไม้ต้นหนึ่ง
ต้นไม้นี้มีความสูงประมาณตึกห้าถึงหกชั้น ขณะเดียวกัน ลำต้นทั้งสองต้นยังมีขนาดใหญ่ ลำต้นถูกพันล้อมไปด้วยเถาวัลย์สีดำขนาดใหญ่ ดูราวกับ ‘คน’ ที่ถือแส้ไว้สองเส้น
กุ๋ยเจี่ยจื่อถึงกับอ้าปากค้าง “นี่”
เมื่อชิงเฟิงหมิงเห็นผลงานชิ้นเอกของตน จึงกล่าวด้วยความพึงพอใจออกมา “เจ้าหนุ่ม รู้หรือไม่ว่านี่คือสิ่งใด?”
“ในการใช้เคล็ดวิชาร้องเรียกภูตนั้น มีจำนวนไม่น้อยที่จะเรียกต้นไม้ภูต ส่วนสิ่งนี้ของเจ้า มีเถาวัลย์ต้นไม้ภูต เช่นนั้นก็น่าจะเป็นเคล็ดวิชาร้องเรียกเถาวัลย์ต้นไม้ภูตที่เล่าลือกัน”
ลู่เฉินเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทางสงบนิ่ง ชิงเฟิงหมิงจึงเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา “อายุยังน้อยนัก นับว่ารู้อะไรไม่น้อยเลยทีเดียว”
“ข้าไม่ได้รู้เพียงที่มาของมันเท่านั้น ข้ายังรู้ว่า ถ้าหากเจ้ายังคิดจะใช้เคล็ดวิชาภูตผีจัดการข้าต่อไป เช่นนั้นก็คงเสียเวลาไปเปล่า ๆ” จบประโยคของเขา ก็ทำให้ชิงเฟิงหมิงมองด้วยสายตาเยือกเย็น “เจ้ายังเด็กนัก จองหองเช่นนี้ไม่กลัวตายอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าไม่ได้จองหอง เพียงแค่พูดเรื่องจริงเท่านั้น”
“ดี ดีมาก!” ชิงเฟิงหมิงบันดาลโทสะขึ้นมา ไม่นานนัก ต้นไม้ภูตผีนี้ก็ควบคุมเถาวัลย์ต้นไม้ภูต ให้เข้าไปฟาดตีลู่เฉินอย่างบ้าคลั่ง และการฟาดตีนี้ก็ได้ฟาดลงไปบนจิตวิญญาณของลู่เฉินด้วย
ลู่เฉินส่ายศีรษะ “ไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ”
ชิงเฟิงหมิงตกตะลึงขึ้นมาและยังคงลงมือต่อไป แต่ผลลัพธ์กลับออกมาเช่นเดิม ไม่ว่าจะโจมตีเช่นไร ชายหนุ่มผู้นี้ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ ชิงเฟิงหมิงจึงรู้สึกสงสัยขึ้นมา “หรือว่าเขามีสิ่งป้องกันจิตวิญญาณอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ชิงเฟิงหมิงจึงหยุดใช้เคล็ดวิชาภูตผี ในขณะที่ลู่เฉินยิ้มพลางเอ่ยออกมาทันที “อะไรกัน? ไม่ลงมือต่อไปแล้วหรือ?”
“ข้าเดาว่า สมบัติวิญญาณของเจ้านั้น ต้องเป็นสิ่งป้องกันจิตวิญญาณเป็นแน่” ชิงเฟิงหมิงกล่าวอย่างมั่นใจ เมื่อลู่เฉินได้ยินเช่นนั้นจึงยิ้มออกมา “โอ้? สิ่งป้องกันจิตวิญญาณงั้นหรือ?”
“ใช่ เช่นนั้น เจ้าคงไม่สามารถต้านทานเคล็ดวิชาภูตของข้าได้” ชิงเฟิงหมิงยังคงพูดด้วยความมั่นใจ
ไม่เพียงแค่ชิงเฟิงหมิงเท่านั้น แม้แต่กุ๋ยเจี่ยจื่อยังรู้สึกว่าลู่เฉินน่าจะมีสิ่งป้องกันจิตวิญญาณบางอย่าง มิเช่นนั้นคงไม่สามารถต้านทานได้อย่างง่ายดายเพียงนี้ แต่ลู่เฉินกลับยิ้มออกมา และเป็นรอยยิ้มที่ดูประหลาดนัก
ชิงเฟิงหมิงเบิกตากว้างพลางเอ่ยถามทันที “ยิ้มอะไรกัน?”
“ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าข้าไม่ได้ใช้สมบัติวิญญาณใด ๆ” ลู่เฉินยิ้ม ในมือปรากฏกระบี่สยบเก้าทิศ จากนั้นจึงรวบรวมพลัง
และเพราะอยู่ในขั้นสร้างรากฐานครั้งที่เจ็ดสิบเก้า ทำให้พลังปราณภายในร่างกายของลู่เฉินนั้นมีความแข็งแกร่งถึงเก้าสิบเก้าเท่า
ดังนั้นเมื่อปราณกระบี่ผ่านการหลอมแล้ว จึงมีผลให้มันทรงพลังอย่างมหาศาล และเมื่อปราณกระบี่เหล่านี้รวมเข้าด้วยกัน จากกระบี่สามพันสายหลอมรวมกันกันเป็นหนึ่งร้อยสาย และหนึ่งร้อยสายได้กลายเป็นสามสายในที่สุด
ปราณกระบี่สามสายนี้ทรงพลังเป็นอย่างมาก
แต่ชิงเฟิงหมิงกลับยิ้มอย่างขบขัน “เป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐานคนหนึ่ง จะคิดต่อต้านอย่างนั้นหรือ?”
“เช่นนั้น เจ้ากล้าลองหรือไม่?” ลู่เฉินเผยยิ้มชั่วร้าย แต่ชิงเฟิงหมิงกลับเผยรอยยิ้มเยือกเย็นออกมา “อย่างไรข้าก็ไม่เชื่อว่าผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐานเช่นเจ้า จะสามารถทำให้ข้าบาดเจ็บได้!”
ชิงเฟิงหมิงกล่าวจบก็รวบรวมม่านป้องกันสีดำสายหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มหยันออกมา
กุ๋ยเจี่ยจื่อแปลกใจในปราณกระบี่ของลู่เฉิน เพราะท้ายที่สุดแล้วก็ไม่รู้ว่ามันสามารถโจมตีชิงเฟิงหมิงได้จริงหรือไม่
และในขณะนั้นเอง ลู่เฉินพลันเริ่มเคลื่อนไหว ปราณกระบี่ทั้งสามสายพุ่งออกไปทีละสาย
สายที่หนึ่งพุ่งไปยังม่านป้องกันนั้น ทำให้ม่านป้องกันเกิดรอยร้าวขึ้นมา ส่งผลให้รอยยิ้มของชิงเฟิงหมิงหายไปทันที ในขณะที่ปราณกระบี่สายที่สองพุ่งออกไป ก็ทำให้ม่านป้องกันถูกทำลายลงในที่สุด ชิงเฟิงหมิงจึงตกตะลึงขึ้นมา
และเมื่อปราณกระบี่สายที่สามพุ่งออกไป มันก็ได้โจมตีใส่ร่างของชิงเฟิงหมิงทันที
ปราณกระบี่พุ่งเข้าไปภายในร่างกายของเขาทันที เลือดพุ่งออกมาเป็นสาย ชิงเฟิงหมิงร้องเสียงดังลั่น ทั้งร่างสั่นสะเทือนจนเซถอยหลังไปหลายก้าว เลือดบนร่างกายค่อย ๆ ไหลทะลักออกมา
ชิงเฟิงหมิงมีสีหน้าไม่ดีนัก และยังคงมองลู่เฉินด้วยแววตาโกรธแค้น “เจ้าสารเลว!”
กุ๋ยเจี่ยจื่อตกตะลึง “ช่างเก่งกาจนัก!”
ลู่เฉินยิ้มประหลาดออกมา และหลอมปราณกระบี่ทั้งสามอีกครั้ง ทำให้ชิงเฟิงหมิงหวาดกลัวขึ้นมา จึงรีบกระโดดไปหลบซ่อนตัวภายในโลงศพหินของตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงพูดด้วยความมั่นใจขึ้นมาว่า “หึ ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะทำลายโลงศพหินนี้ได้”
ลู่เฉินจึงลองโจมตีไปออกไป เมื่อปราณกระบี่โจมตีไปโลงศพหินนั้น ปราณกระบี่เหล่านั้นต่างก็ถูกตีกลับออกมา ทำให้ชิงเฟิงหมิงหัวเราะอย่างพึงใจอยู่ในภายในโลงศพหิน “เป็นเช่นไร? คิดไม่ถึงเลยสินะ!”
ลู่เฉินได้ยินเช่นนั้นก็เก็บกระบี่กลับเข้ามาพลางเผยรอยยิ้ม “เจ้าคิดว่าหลบซ่อนอยู่ภายในนั้นจะปลอดภัยอย่างนั้นหรือ?”
“ไร้สาระ โลงศพหินนี้เป็นหนึ่งในสมบัติวิญญาณที่แข็งแกร่งของสำนักภูเขาภูตของเรา” ชิงเฟิงหมิงกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
ทว่าลู่เฉินกลับเอ่ยเยาะเย้ยออกมา “อย่างเจ้าต้องเรียกว่าแสร้งฉลาด”
“แสร้งฉลาด?” ชิงเฟิงหมิงไม่รู้ว่าลู่เฉินนั้นกำลังพูดถึงสิ่งใด แต่ลู่เฉินกลับเดินไปพลางยิ้มและเอ่ยขึ้นมาว่า “หากเข้าไปแล้ว คิดอยากจะออกมาก็คงลำบากเสียแล้ว!”
“นี่คือสมบัติวิญญาณของข้า ข้าอยากจะออกไปเมื่อใดก็ได้!” ชิงเฟิงหมิงพูดด้วยความมั่นใจ