ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 268 เมื่อครู่ยังโหดเหี้ยม แต่ครานี้กลับหัวหด!
บทที่ 268 เมื่อครู่ยังโหดเหี้ยม แต่ครานี้กลับหัวหด!
ไม่เพียงเท่านั้น องค์จักรพรรดิยังลุกยืนขึ้นอีกด้วย
องค์รัชทายาทพลันกล่าวอย่างนอบน้อมราวกับทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว “ขอแสดงความยินดีกับเสด็จพ่อที่ทรงหายจากอาการประชวร!”
องค์ชายรอง องค์ชายเจ็ด รวมทั้งพระสนมอู่ต่างก็ตกใจ
ส่วนขุนนางคนอื่น ๆ คุณชายโหว และแม้แต่แม่ทัพก็ตกใจเช่นกัน
เห็นเพียงองค์จักรพรรดิตรัสด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าอยากจะขอบคุณหมอเทวดาผู้นี้ หากไม่ใช่เพราะเขา ข้าคงจะไม่มีวันหายดีเช่นนี้แล้ว!”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หลายคนที่รู้จักดูทิศทางลมก็ยกยอทันที แต่หนานเหยาทนไม่ได้อีกต่อไป นางส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “พวกประจบสอพลอ!”
คนเหล่านั้นรู้สึกเขินอายอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าองค์ชายหกกลับมองไปที่หนานเหยาด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโส พวกเขาใช้ชีวิตกันแบบนี้ อย่าทำให้พวกเขาลำบากใจเลย”
หนานเหยาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “โลกกำลังแย่ลง!”
แต่เห็นได้ชัดว่าพระสนมอู่ไม่ยินดี “องค์จักรพรรดิ เขาดึงสำนักพรรคต่าง ๆ ไปเป็นพรรคพวกมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นยังต่อสู้กับแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาสงัด พวกเราควรจับกุมเขาหรือไม่? เขาจะได้ไม่ก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่!”
“จับ? จับทำไมกัน?” องค์จักรพรรดิถามกลับ
“เขาดึงสำนักพรรคต่าง ๆ มาเป็นพวกนะเพคะ” พระสนมอู่ไม่ลืมที่จะพูดถึงเรื่องของลู่เฉิน แต่องค์จักรพรรดิกลับตรัสด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าชายหลายคนที่นี่ก็จัดตั้งกลุ่มเป็นการส่วนตัว ดังนั้นข้าต้องจับองค์ชายทุกคนด้วยหรือไม่?”
พระสนมอู่หน้าเปลี่ยนสีไปทันที
องค์จักรพรรดิตรัสอีกครั้งว่า “เอาล่ะ มาคุยเรื่องสำคัญกันเถิด!”
“เรื่องสำคัญ?” ทุกคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่องค์จักรพรรดิมองไปยังลู่เฉิน “หมอเทวดา เจ้าก็เห็นแล้วว่าคนเหล่านี้เป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ถ้าเจ้าต้องการอะไรก็ถามได้เลย!”
ทุกคนสงสัยว่าองค์จักรพรรดิต้องการให้เขาทำอะไร
ลู่เฉินกล่าวว่า “เขาซ่อนมันไว้อย่างดี… ทว่าข้าก็ยังจับเขาได้อยู่ดี!”
ทุกคนไม่รู้ว่าลู่เฉินพูดอะไร แต่แล้วองค์ชายเจ็ดก็พูดขึ้นมาอย่างดูถูก “จับอันใด?”
พระสนมอู่ถลึงตามากยิ่งขึ้น “พ่อหนุ่ม เจ้าอย่าเล่นตุกติก!”
องค์จักรพรรดิจึงได้บอกความลับระหว่างตนกับลู่เฉินให้ทุกคนฟัง เมื่อทุกคนรู้ว่างานวันนี้จัดขึ้นโดยลู่เฉินและองค์จักรพรรดิเพื่อใส่ร้ายทุกคน ทุกคนก็พลันตกใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางคนที่ต้องการใส่ร้ายลู่เฉิน พวกเขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะซ่อนอาการ และทำได้เพียงหน้าถอดสี ขณะที่พระสนมอู่ถึงกับถลึงตาใส่ลู่เฉิน “พ่อหนุ่ม เจ้าอย่าใส่ร้ายข้า!”
องค์ชายเจ็ดเองก็หวาดกลัวเช่นกัน ส่วนองค์ชายรองยิ่งมีสีหน้าดูไม่ได้
หนานเหยามองพวกเขาด้วยรอยยิ้ม “เมื่อครู่พวกเจ้ายังปากดีอยู่เลยไม่ใช่หรือ? เหตุใดยามนี้ถึงกลัวนักเล่า?”
สีหน้าของคนเหล่านี้มืดมนยิ่ง แต่พวกเขาก็อดทนไว้ อย่างไรเสียพวกเขาในยามนี้ก็ไม่กล้าออกหน้า และไม่อยากเป็นกระสอบทรายของลู่เฉิน ขณะที่องค์จักรพรรดิยิ้มให้ลู่เฉินแล้วถามว่า “หมอเทวดา บอกข้าทีว่ามันคือใคร?”
ลู่เฉินจึงเดินไปหาพวกเขาทั้งสี่คน
ทั้งสี่คนนี้เป็นคุณชายจากทั้งสี่ทิศ ในบรรดาพวกเขา คุณชายเป่ยโหวถูกลู่เฉินจับได้เมื่อคืน ดังนั้นเขาจึงถูกลู่เฉินตัดออก และลู่เฉินได้ชี้ไปที่เขาแล้วเอ่ยว่า “เจ้า ถอยไป!”
คุณชายเป่ยโหวรู้ว่าลู่เฉินไม่มีทางใส่ร้ายตัวเอง ดังนั้นเขาจึงถอยไปอย่างเชื่อฟัง แต่คุณชายโหวอีกสามคนกลับหน้าเปลี่ยนสี
ทั้งสามคนนี้ คนหนึ่งมีผิวแห้งแตกทั่วใบหน้า นั่นคือคุณชายซีโหว
ส่วนอีกสองคน คนหนึ่งมีกลิ่นคาวปลารุนแรง แม้จะใช้กลิ่นยาหอมมากมาย แต่ก็หลีกเลี่ยงสัมผัสของลู่เฉินไม่ได้ คนผู้นี้ก็คือคุณชายตงโหว เพราะเขาอยู่ริมทะเลตลอดทั้งปี อีกทั้งยังเลี้ยงอสูรทะเลและปลาแปลกประหลาดมากมาย ดังนั้นกลิ่นคาวปลาบนตัวเขาจึงรุนแรงมาก
คนสุดท้ายมีร่างกายแคระเตี้ย ตาซ้ายบอด หัวล้าน สวมชุดที่ทำจากหญ้า นับว่าดูเรียบง่ายสามัญ คนนี้คือคุณชายหนานโหว
ทั้งสามคนนี้จ้องเขม็งมาที่ลู่เฉินด้วยความรู้สึกใจฝ่อ แต่พระสนมอู่และพวกกลับไม่กล้าขยับเขยื้อน จนกระทั่งลู่เฉินชี้ไปที่คุณชายหนานโหวแล้วฉีกยิ้ม “เป็นเจ้านี่แหละ!”
“ข้า ข้าเกี่ยวอะไรด้วย?” คุณชายหนานโหวกระวนกระวายทันที
คุณชายหนานโหวผู้นี้เป็นคนขององค์ชายรอง ดังนั้นองค์ชายรองจึงกระโดดออกมาทันที “พ่อหนุ่ม ไม่ใช่ว่าเจ้าใส่ร้ายคุณชายหนานโหวเพียงเพราะข้าพูดว่าเจ้าไม่ได้เรื่องและดูถูกเจ้าหรอกนะ”
“อันใดนะ? เขาเป็นคนของเจ้าหรือ?” ลู่เฉินยิ้มให้องค์ชายรอง
องค์ชายรองพูดด้วยความโกรธว่า “ไร้สาระ ทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้!”
องค์จักรพรรดิกระแอมไอเบา ๆ และองค์ชายรองก็กล่าวด้วยความขัดเขินทันทีว่า “ข้าหมายถึงว่าคุณชายหนานโหวกับข้ามีความสัมพันธ์ที่ไม่เลว และแน่นอนว่าเขาเป็นคนจากราชวงศ์หนานโยว”
พระสนมอู่ที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาง แต่นางยังต้องการระบายความคับข้องใจ จึงได้ทูลองค์จักรพรรดิว่า “องค์จักรพรรดิ ข้าคิดว่าชายผู้นี้แค่อยากล้างแค้นส่วนตัวเท่านั้น”
หนานเหยาเห็นว่าพระสนมอู่กำลังจะเป็นราชินีปีศาจอีกครั้ง นางจึงพูดว่า “เจ้าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดหรือ?”
“นางบ้า! อย่าใส่ร้ายคนอื่น!” พระสนมอู่ตวาด ในขณะที่หนานเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม “วันนั้น หลังจากที่หมอผีถูกพวกเราพาตัวไป พวกเราถูกสำนักไสยมนตร์ดำไล่สังหาร แต่ยามนั้นผู้ที่รู้ว่าพวกเรามาที่พระราชวังเพื่อรักษาองค์จักรพรรดิมีแค่หมอผีและเจ้า!”
พระสนมอู่รีบอธิบายทันที “ในพระราชวังมีคนมากมาย เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าเป็นข้า!”
หนานเหยายิ้มแปลก ๆ “หรือว่าหมอผียังมีผู้ช่วยในวังแห่งนี้? ”
“ข้าไม่รู้!” พระสนมอู่แยกความสัมพันธ์ของนางออกมาทันที เพราะกลัวว่าหนานเหยาจะใส่ร้ายนาง แต่หนานเหยากลับมองไปที่องค์จักรพรรดิแล้วถามว่า “องค์จักรพรรดิ ท่านคิดอย่างไร?”
ทุกคนคิดไม่ถึงว่าหนานเหยาจะกล้าพูดกับองค์จักรพรรดิด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ และองค์จักรพรรดิที่รู้จักฐานะของหนานเหยาก็ตอบว่า “จัดการเรื่องคุณชายหนานโหวก่อน แล้วค่อยพูดถึงเรื่องหมอผี!”
หนานเหยาพยักหน้า “ได้”
พระสนมอู่มีสีหน้าดูไม่ได้ทันที ส่วนองค์ชายรองก็ร้อนใจ
คุณชายหนานโหวเห็นเช่นนั้นจึงรีบอธิบายกับองค์จักรพรรดิอย่างรวดเร็ว “องค์จักรพรรดิ ข้าไม่ได้ทำร้ายพระองค์ นับประสาอะไรกับแมลงที่ควบคุมพระองค์!”
องค์จักรพรรดิมองไปที่ลู่เฉินทันที “หมอเทวดา เจ้าพูดให้เขาเลิกคิดเสียเถิด”
ลู่เฉินจึงมองไปที่คุณชายหนานโหว ขณะที่คุณชายหนานโหวก็พูดอย่างดุเดือดว่า “เจ้าเลิกใส่ร้ายข้าเสียที!”
ลู่เฉินพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ว่าข้าจะใส่ร้ายเจ้าหรือไม่ อีกเดี๋ยวก็รู้แล้ว!”
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินไปหาองค์จักรพรรดิ ทุกคนต่างสงสัยว่าลู่เฉินกำลังจะทำอะไร
ชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าองค์จักรพรรดิและกล่าวว่า “ต้องขอความร่วมมือจากเจ้าแล้ว!”
“พูดมา”
“แมลงในร่างกายเจ้าถูกข้าผนึกไว้แล้ว แต่ข้าต้องกระตุ้นพวกมัน หลังจากกระตุ้นแล้ว แมลงเหล่านี้ต้องการพลังจากเจ้านายของพวกมัน ในเวลานั้นแมลงเหล่านี้จะออกจากร่างกายของเจ้า แต่กระบวนการนี้นับว่าเจ็บปวดมาก”
องค์จักรพรรดิหน้าเปลี่ยนสีและตรัสว่า “มาเถอะ! ข้าทนได้!”
ทุกคนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง ส่วนคุณชายหนานโหวยังคงสุขุม “ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า”
ทว่าครู่ต่อมา ทุกคนกลับเห็นกลุ่มแมลงโปร่งใสเปื้อนเลือดบินออกมาจากร่างกายขององค์จักรพรรดิ และพวกมันก็บินออกไปทีละตัวเหมือนแมลงวันตัวเล็ก ๆ และที่สำคัญ มันยังบินไปหาคุณชายหนานโหว!
คุณชายหนานโหวพลันร้อนใจ ก่อนจะเผากายเนื้อทันที
ไม่เพียงแค่นั้น จู่ ๆ ร่างที่ลุกเป็นไฟก็พุ่งเข้าหาองค์จักรพรรดิผู้อ่อนแอและลู่เฉินที่ยืนอยู่ ณ จุดนั้น
เซวียจินตกตะลึงและต้องการจะหยุดยั้ง ทว่ามันก็สายเกินไปแล้ว
คุณชายหนานโหว ‘ระเบิด’ ร่างในพื้นที่ขององค์จักรพรรดิทันที
ตู้ม!
เปลวเพลิงอันทรงพลังกระจายออกไป และทุกคนในห้องโถงก็กระเด็นไปคนละทิศคนละทาง
ห้องโถงกลายเป็นทะเลเพลิงในทันที
“ท่านอาจารย์!” ยามที่หนานเหยากระเด็นออกไป นางก็ร้องตะโกนออกมาด้วย
ขณะที่พระสนมอู่กระเด็นออกไปจากตำหนักก็ทั้งตกตะลึงระคนดีใจ แม้กระทั่งคิดอย่างตื่นเต้นว่า ‘พวกเขาตายกันหมดแล้วหรือ?’
ส่วนเจ้าชายองค์อื่น ๆ นั้นพลันตกตะลึงจนตาค้าง