ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 26 กลิ่นอายของราชันย์แมลงบรรพากาล!
บทที่ 26 กลิ่นอายของราชันย์แมลงบรรพากาล!
ค่ายกลทั้งหมดในเขตเก้าล้วนเป็นสิ่งที่ลู่เฉินวางเอาไว้ เขาย่อมเข้าและออกได้ตามต้องการอยู่แล้ว
แต่หมาป่ายมโลกห้าหางนั้นไม่รู้ และถึงกับพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจว่า “คิดไม่ถึงเลยว่านอกจากฝ่าบาทแล้ว ยังมีมนุษย์ที่สามารถเข้าออกที่นี่ได้อย่างอิสระอีก!”
…
หลังจากที่ลู่เฉินเข้าไปในตำหนัก เขาก็ตรงไปที่ใจกลางตำหนักทันที
ทว่าตำหนักนี้ใหญ่โตมโหฬารนัก ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีค่ายกลขนาดใหญ่อยู่รอบ ๆ ดังนั้นถ้าหากไม่ระวังและเดินไปผิดที่ผิดทาง คนผู้นั้นก็จะถูกต้อนเข้าไปในค่ายกลโจมตี และลงเอยด้วยการถูกค่ายกลที่ว่านั้นทำให้ร่างกายแหลกละเอียด!
แม้แต่ลู่เฉินที่รู้จักค่ายกลนี้เป็นอย่างดีก็ยังต้องระมัดระวัง
เพราะนี่คือค่ายกลเซียน! และค่ายกลบางตำแหน่งยังเคลื่อนที่ไปมา หากไม่อาจผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก็จะถูกต้อนเข้าไปในค่ายกลทันที!!
ด้วยเหตุนี้ลู่เฉินจึงตื่นตัวตลอดเวลา เขาเดินผ่านเส้นทางและมุมต่าง ๆ อย่างระมัดระวัง
หนึ่งเค่อต่อมา ลู่เฉินก็ได้เดินออกจากค่ายกลและมองเห็นหมาป่าสีม่วงขนาดยักษ์นอนหมอบอยู่ และยังเห็นหางทั้งเก้าของมันสยายแผ่ออกอยู่ที่พื้น!
นี่คือหมาป่ายมโลกเก้าหาง แต่ตอนนี้มันได้รับบาดเจ็บสาหัส จนแม้แต่ดวงตาก็ไม่อาจลืมขึ้นได้
ไม่เพียงแค่นั้น บริเวณหลังของมันยังมีบาดแผลสีดำอยู่แห่งหนึ่ง และจุดที่เป็นปากแผลมักมี ‘หนอน’ ตัวสีดำเกาะอยู่
หนอนตัวนั้นกำลังกลืนกินพลังของมันทีละนิด ทำให้เมื่อหมาป่ายมโลกเก้าหางหายใจสิบครั้ง มันจะต้องส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างทนไม่ไหว ราวกับว่าการมีชีวิตอยู่นั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย
“แมลงดูดวิญญาณจากแดนทมิฬ!” เมื่อลู่เฉินเห็นสิ่งนี้ก็ตกตะลึง
และทันทีที่ชายหนุ่มพูดขึ้น หมาป่าเก้าหางก็คล้ายจะตื่นจากภวังค์ มันลืมตาขึ้นเล็กน้อย และถามอย่างแตกตื่นว่า “ใคร ใครบังอาจเข้ามา!”
จากนั้นหมาป่ายมโลกเก้าหางก็ถลึงตามองลู่เฉินอย่างอ่อนแรงและถึงขั้นพยายามจะลุกขึ้นมา แต่เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัส มันจึงไม่อาจขยับตัวได้ ทำได้เพียงแยกเขี้ยวข่มขู่เท่านั้น
“โยวโยวน้อย” เมื่อลู่เฉินเอ่ยขึ้น ดวงตาของหมาป่ายมโลกเก้าหางก็ไหวระริก จากนั้นมันก็มองไปที่ลู่เฉิน ซึ่งชายหนุ่มก็จงใจแผ่กลิ่นอายของตนเองออกมา
เหมือน… เหมือนมาก!
หมาป่ายมโลกเก้าหางไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป น้ำตาของมันรินไหลออกมาจากดวงตาขนาดยักษ์ “นายท่าน!”
“อย่าตื่นเต้น มิฉะนั้นแมลงดูดวิญญาณจากแดนทมิฬจะดูดพลังในร่างเจ้าเร็วขึ้น!” ลู่เฉินรีบกล่าวเตือน และ ‘โยวโยวน้อย’ ก็ทำตามทันที จะเหลือก็แต่จมูกของมันที่ขยับฟุดฟิดเล็กน้อย ราวกับเด็กที่สะอึกสะอื้นเพราะถูกรังแก
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ลู่เฉินพลันรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา “ไม่ต้องกังวล ข้าจะกำจัดแมลงตัวนี้ก่อน!”
“ไม่มีประโยชน์ หนอนตัวนี้โหดเหี้ยมมาก หากข้าโคจรพลังปราณ หรือให้คนอื่นช่วยก็แล้ว มันก็จะเข้าไปซ่อนอยู่ในร่างกายของข้าแล้วดูดซับพลังของข้าอย่างบ้าคลั่ง!” หมาป่ายมโลกเก้าหางกล่าวอย่างเจ็บปวด
“วางใจเถอะ ไม่มีแมลงตัวใดที่ข้าจัดการไม่ได้!”
ลู่เฉินเอ่ยจบก็สูดหายใจเข้าลึก และชักนำพลังจากหนึ่งในเก้าจุดชีวิตของตนทันที!
นั่นคือภพของแดนแมลงบรรพกาลที่ลู่เฉินจุติเป็นราชันย์แมลงบรรพกาล!
เมื่อลู่เฉินสำแดงพลังของราชันย์แมลงบรรพกาลออกมา กลิ่นอายแห่งราชันย์ ก็ทำให้หนอนดูดวิญญาณจากแดนทมิฬตกใจจนไม่กล้าเคลื่อนไหว
“นี่มัน!” หมาป่ายมโลกเก้าหางตกใจ ส่วนลู่เฉินก็เดินไปจับแมลงตัวนั้นไว้ด้วยมือข้างเดียวอย่างง่ายดาย
แต่ในขณะที่สัมผัสหนอน เงาลวงตาสายหนึ่งพลันก่อตัวขึ้นกลางอากาศ และเงาลวงตานี้… มันก็คือจิตสำนึกที่ผู้เป็นเจ้าของหนอนทิ้งไว้!
เห็นเพียงจิตสำนึกของเงาดำลอยอยู่ตรงนั้นราวกับภาพมายา ก่อนที่จะมีเสียงอันสง่างามเปล่งออกมา “ใครก็ตามที่กล้าช่วยหมาป่ายมโลกเก้าหาง มันผู้นั้นจะถือเป็นศัตรูข้า!”
“เจ้าทำร้ายมันหรือ?” เมื่อเห็นเงาดำนั้น สีหน้าของลู่เฉินก็พลันกลายเป็นเย็นเยือก
เสียงหึ่ง ๆ ดังขึ้น “อันใดเล่า? เจ้าไม่พอใจหรือ?”
“เจ้ารู้ผลที่ตามมาจากการรังแกมันหรือไม่?” ดวงตาของลู่เฉินเปล่งประกายเย็นชา ก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะเอ่ยอย่างขำขัน “ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร ทางที่ดีที่สุดคืออย่ายุ่งดีกว่า มิเช่นนั้นเมื่อข้ารู้ว่าผู้ใดเป็นคนช่วยมัน ข้าก็จะทำให้แน่ใจว่าคนผู้นั้นจะมีชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!!”
“ข้าว่าคนที่จะเป็นเช่นนั้น …คือเจ้าต่างหาก!” ลู่เฉินไม่สนใจ เขาหยิบกริชออกมา ก่อนจะเปลี่ยนมันเป็นกระบี่แล้วแทงเข้าไปยังหนอนตัวนั้น!
หนอนกรีดร้องเสียงแหลมราวกับกำลังเจ็บปวด ส่วนเงาลวงนั่นก็กลายเป็นสั่นพร่า มันพูดว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”
“ไม่ว่าผู้ใด หากกล้ารังแกมัน เช่นนั้นก็ต้องตายเท่านั้น!” ลู่เฉินตัดสินใจส่งปราณกระบี่เข้าไปในร่างหนอนในพลัน!
แรงอัดกระแทกนี้ทำให้หนอนตัวนั้นแหลกสลาย ส่วนเงาลวงตาก็กลายเป็นเลือนราง ก่อนสุดท้ายจะสลายหายไปพร้อมกับพูดว่า “คอยดู… ข้าจะต้องหาเจ้าพบแน่!”
ครู่ต่อมาเสียงนี้ก็สลายหายไป
ลู่เฉินเผยแววตาเย็นชา “ข้าจะคอยดูว่าเจ้าเป็นใครกันแน่! ทำไมถึงได้อาจหาญนัก!”
หลังเรื่องราวจบลง หมาป่ายมโลกเก้าหางรู้สึกมีความสุขอย่างหาใดเปรียบ ทว่าเมื่อนึกถึงเงาลวงนั้นก็พลันร้อนใจขึ้นมา “นายท่าน คนผู้นั้นร้าจกาจมาก!”
“ต่อให้ร้ายกาจแค่ไหน ข้าก็ไม่กลัว!” ลู่เฉินพูดอย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัว แต่หมาป่ายมโลกเก้าหางหมายจะพูดอันใดสักอย่าง มันตั้งท่าขยับปาก…
แต่ลู่เฉินกลับพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อนว่า “แม้ว่าจะจัดการหนอนได้แล้ว แต่เจ้าได้รับบาดเจ็บนานเกินไป ดังนั้นต้องได้รับการรักษาต่อ!”
“ขอแค่หนอนหายไป ข้าย่อมสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว!” หมาป่ายมโลกเก้าหางกล่าวอย่างมั่นใจ ซึ่งลู่เฉินเองก็ตระหนักในเรื่องนี้ดี เขาจึงพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดีแล้ว”
หลังจากที่หมาป่ายมโลกเก้าหางหายตื่นเต้น มันก็มองไปทางลู่เฉินอย่างสงสัย “นายท่าน พลังของท่าน…”
“ข้ามีปัญหากับการฝึกฝน ข้าจึงเริ่มฝึกฝนใหม่อีกครา” ลู่เฉินไม่ได้อธิบายอะไรมาก ส่วนหมาป่ายมโลกเก้าหางก็พยักหน้าแต่โดยดี ก่อนที่มันจะเริ่มเล่าเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น
จากคำอธิบายของหมาป่ายมโลกเก้าหาง ลู่เฉินจึงได้รู้ว่ามีคนจำนวนมากพยายามจะจับมัน
ทว่าลู่เฉินกลับรู้สึกงุนงงเล็กน้อย “เจ้าไม่ได้อยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดหรอกหรือ เหตุใดจึงถูกหลอกและวิ่งออกไปข้างนอกกัน?”
“พวกเขาใช้ข่าวที่ท่านกลับมายังมหาทวีปจิ่วโหยวเพื่อหลอกข้า” หมาป่ายมโลกเก้าหางพูดอย่างหดหู่ใจ ส่วนลู่เฉินก็ขมวดคิ้ว “ข่าวของข้า?”
“ใช่ ปีนั้นในหุบเขาอสูรเมฆามีข่าวเกี่ยวกับการกลับมาของนายท่านแพร่กระจายไปทั่ว ข้าจึงออกตามหาท่าน แต่หลังจากออกไปก็ถูกซุ่มโจมตีทันที!” หมาป่ายมโลกเก้าหางพูดด้วยสีหน้าเศร้าใจ
ลู่เฉินพลันตกอยู่ในภวังค์ความคิดและเอ่ยออกมาว่า “ดูเหมือนคนพวกนั้นจะรู้จักเจ้าและข้าเป็นอย่างดี”
“นายท่าน ท่านต้องระวัง ข้ารู้สึกเหมือนมีคนกำลังตามหาท่านอยู่!”
“ตามหาข้าหรือ?” ลู่เฉินไปจากที่นี่ตั้งแต่เมื่อแสนปีก่อน ดังนั้นยังจะมีผู้ใดที่จดจำหรือรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่กัน?
“ใช่ ยามที่แมลงนั่นทำร้ายข้า เงาลวงตาก็มักจะปรากฏตัวเสมอ จากนั้นอีกฝ่ายก็ถามข้าว่าเคยเห็นท่านหรือไม่!” หมาป่ายมโลกเก้าหางอธิบาย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู่เฉินก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ผู้ใดกันนะ? จากแดนเซียนหรือว่ามหาทวีปจิ่วโหยวแห่งนี้กัน? พวกเขาตามหาข้าเพื่ออะไร?”
อย่างไรก็ตามไม่มีใครอธิบายให้ลู่เฉินฟังได้ และมันก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจ เนื่องจากคนกลุ่มนั้นไปเอาความมั่นใจมาจากไหน… ว่าเขายังชีวิตอยู่!!
“นายท่าน แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับท่าน?” หมาป่ายมโลกเก้าหางถามอย่างสงสัย
เมื่อลู่เฉินได้สติคืนมา เขาเพียงกล่าวสั้น ๆ ว่า “ไม่มีอะไร แค่คิดอะไรบางอย่าง”
หลังจากที่หมาป่ายมโลกเก้าหางส่งเสียงอืมเพื่อตอบรับ มันก็ได้บอกเล่าเรื่องราวแก่ลู่เฉินอีกมากมาย ทั้งสองแลกเปลี่ยนวาจา ก่อนจะเป็นลู่เฉินที่บอกหมาป่ายมโลกเก้าหางว่าตนเองต้องการจะพาคนมาฝึกฝนที่เขตเก้าจำนวนสองสามคน ซึ่งหมาป่ายมโลกเก้าหางก็เอ่ยอย่างตื่นเต้นทันทีว่า “ข้าจะให้คนในเผ่าเตรียมการให้!”
หลังจากพูดจบ หมาป่ายมโลกเก้าหางก็ยืนขึ้น จากนั้นมันก็ค่อย ๆ หดตัวเล็กลง ในที่สุดก็กลายเป็นหมาป่าขนาดธรรมดาทั่วไป และพูดอย่างมีความสุขว่า “นายท่าน ไปกันเถอะ!”
“ตัวตนของข้าจะต้องเก็บเป็นความลับไว้ชั่วคราว”
แม้หมาป่ายมโลกเก้าหางจะไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของลู่เฉินคืออะไร แต่มันก็สนับสนุนการตัดสินใจของชายหนุ่มเต็มที่ มันขานรับและออกจากที่นี่ไปพร้อมกับลู่เฉิน
…
นอกตำหนักใหญ่ หมาป่ายมโลกห้าหางกำลังเดินไปมาอย่างกระวนกระวาย
กระทั่งมีหมาป่ายมโลกอีกสองสามตัวที่เฝ้ามองพฤติกรรมนี้ได้กระซิบกระซาบพูดคุยบางอย่าง
หมาป่ายมโลกตนหนึ่งไม่อาจอดใจไหว มันถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านหัวหน้าเผ่า มนุษย์คนนี้จะเชื่อถือได้หรือไม่?”
“จะเชื่อถือได้หรือไม่ เราต้องรอให้เขาออกมา” หมาป่ายมโลกห้าหางตอบออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“แล้วถ้าเขาสังหารฝ่าบาทเล่า?” หมาป่ายมโลกอีกตนเอ่ยถามอย่างกังวล ซึ่งมันก็ทำให้หมาป่ายมโลกตัวอื่น ๆ ตึงเครียดขึ้นมาทันที
หลังจากได้ยินวาจานี้ หมาป่ายมโลกห้าหางก็เริ่มจริงจังขึ้นมา “เช่นนั้นก็จงพาสามคนนี้มาที่นี่ก่อน”
”ขอรับ!”
หลังจากนั้นไม่นาน พวกโจวอวี๋ก็ถูกพาตัวมาที่หน้าตำหนัก
และเมื่อพวกเขาเห็นหมาป่ายมโลกที่ทรงพลังจำนวนมากเฝ้าดูอยู่ พวกเขาก็ประหม่าขึ้นมาอีกครั้ง
“บอกข้าที ตัวประหลาดเฒ่านั่นรู้จักกับพวกมันได้อย่างไร?” โจวอวี๋กระซิบถาม ส่วนปิงหลิวหลีก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญา “ข้าไม่รู้!”
เจี่ยลัวส่งเสียงอู้อ้า อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พวกเขาก็ไม่เข้าใจ
เวลานี้หมาป่ายมโลกห้าหางพลันพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “หากภายในหนึ่งชั่วยามเขายังไม่ออกมา เราก็คงทำได้แค่ต้องจัดการพวกเจ้าแล้ว!!”
“การรักษาย่อมใช้เวลานาน ในความคิดของข้า หนึ่งชั่วยามนั้นไม่พอแน่!” โจวอวี๋คิดว่าถ้าลู่เฉินไม่ออกมา เขาคงจะต้องตายแน่ จึงนึกกลัวและคิดซื้อเวลาให้ตัวเอง
“หนึ่งชั่วยาม แค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้นไม่ขาดไม่เกิน!” หมาป่ายมโลกห้าหางพูดอย่างเย็นชา ขณะที่โจวอวี๋บ่นขึ้นว่า “เห็นทีข้าคงจะต้องตายเพราะตัวประหลาดเฒ่านั่นแน่ ๆ!”