ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 25 เข้าสู่เขตเก้า ล่อฝูงหมาป่ายมโลก
บทที่ 25 เข้าสู่เขตเก้า ล่อฝูงหมาป่ายมโลก
ความตื่นตระหนกของคนเหล่านั้นไม่อาจเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของลู่เฉินได้
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเดินผ่านป่าทึบมาถึงก้นหน้าผาได้อย่างราบรื่น
เมื่อมองออกไปปราดหนึ่ง จะพบว่ารอบด้านล้วนเป็นหน้าผาตั้งตระหง่านเรียงรายต่อเนื่องกันจนปราศจากทางเดิน
โจวอวี๋เห็นดังนั้นก็พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ไม่มีทางเดินแล้ว กลับได้แล้ว!”
“ใช่ ภูเขาสูงขนาดนั้น เว้นแต่เจ้าจะบินขึ้นไป! ไม่อย่างนั้นก็ไม่อาจขึ้นไปได้!” ปิงหลิวหลีก็คิดเช่นนั้น ส่วนเจี่ยลัวเองก็พ่นคำพูดอู้อี้เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมาด้วย
ลู่เฉินพลันฉีกยิ้ม “นี่เป็นหนึ่งในค่ายกลของเขตเก้า ค่ายกลหน้าผา!”
“ค่ายกลหน้าผา?” ทั้งสองมองหน้ากัน ในขณะที่ลู่เฉินส่งเสียงอืม แล้วเอ่ยว่า “ใช่ ดูเหมือนหน้าผา แต่จริง ๆ แล้วข้ามไปได้!”
“อะไรนะ?” โจวอวี๋เบิกตากว้าง ส่วนเจี่ยลัวนั้นเห็นได้ชัดว่าทราบอยู่ก่อนแล้ว เพียงแค่ยังดูไม่ออกว่าทางเข้าอยู่จุดใด เขาจึงมองลู่เฉินอย่างแปลกใจ
“ตามข้ามา!” ลู่เฉินเอ่ยก่อนจะเดินไปยังบริเวณหนึ่ง ส่วนโจวอวี๋พลันถามอย่างประหลาดใจว่า “ตัวประหลาดเฒ่า ข้าว่านี่มันคือค่ายกลเซียน เจ้าแน่ใจหรือว่ารู้จักทางเข้า?”
ปิงหลิวหลีเองก็เชื่อว่าลู่เฉินไม่มีทางรู้ “ไปกันเถอะ อย่าเสียเวลาเลย!”
ทว่าลู่เฉินไม่สนใจ เขาเดินไปที่แห่งหนึ่ง จากนั้นก็ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้น ทันใดนั้นร่างของเขาก็หายวับไป!
ทั้งสามคนถึงกับตกตะลึง
ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง เสียงของลู่เฉินก็ดังขึ้นจากด้านในของหน้าผา “เข้ามาสิ”
ทั้งสามมองหน้ากันไปมา สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่ต้องเดินไปทีละคน
เมื่อทั้งสามปรากฏตัวอีกครั้ง …คาดไม่ถึงว่ารอบตัวจะกลายเป็นป่าแห่งหนึ่ง!
ป่าผืนนี้เป็นพื้นราบ ไร้ซึ่งหน้าผาสูงชัน มีต้นไม้ใหญ่จำนวนมากบนที่ราบ ยิ่งไปกว่านั้น รอบด้านก็ยังมีพลังปราณหนาแน่น
“ความเข้มข้นของปราณเป็นสิบเท่า?” โจวอวี๋ประหลาดใจ เช่นเดียวกับปิงหลิวหลีที่ถามขึ้น “สิบเท่า?”
ลู่เฉินเดินไปพลางอธิบายไปว่า “เดินจากด้านนอกเข้าไปด้านใน มีห้าชั้น ชั้นแรกสิบเท่า ชั้นสองยี่สิบเท่า ชั้นสามสามสิบเท่า ชั้นสี่สี่สิบเท่า และชั้นห้าห้าสิบเท่า!”
ห้าสิบเท่า?
ทั้งสามคนเบิกตากว้าง ก่อนจะเป็นปิงหลิวหลีที่ไม่อาจสะกดกลั้นความสงสัยไว้ได้ “เจ้า เจ้ารู้แม้กระทั่งเรื่องนี้?”
โจวอวี๋กล่าวอย่างฉงน “ตัวประหลาดเฒ่า เจ้าคงไม่เคยมาที่นี่หรอกกระมัง?”
เจี่ยลัวเองก็สงสัยเช่นกัน ทว่าลู่เฉินนั้นไม่ตอบ
ชายหนุ่มเดินไปได้ระยะหนึ่งก็ได้ยินเสียงหมาป่าหอนดังออกมาจากส่วนลึกด้านใน!
“หมาป่ายมโลกงั้นหรือ?” ขาทั้งสองของโจวอวี๋สั่นเทาด้วยความตกใจ ขณะที่ปิงหลิวหลีเองก็เอ่ยด้วยความหวาดกลัว “หมาป่ายมโลกเก้าหาง?”
เจี่ยลัวกะพริบตาปริบ ๆ แต่ลู่เฉินกลับยังคงสงบนิ่งและก้าวเดินต่อไป
โจวอวี๋มีท่าทีเคร่งเครียด เขาจะกลายเป็นบ้าไปแล้ว “หากเจอหมาป่ายมโลกจะทำอย่างไร?”
สิ้นเสียงโวยวายของโจวอวี๋ เงาสีม่วงก็ปรากฏขึ้นโดยรอบ ปิงหลิวหลีที่มีขั้นพลังมากว่าทั้งสองคนสัมผัสถึงมันได้อย่างชัดเจนก็เอ่ยขึ้นอย่างตกใจว่า “มาแล้ว!”
ลู่เฉินแอบเผยรอยยิ้มก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “หมาป่ายมโลกพวกนี้ไม่กลัวแม้แต่กลิ่นอายแห่งราชันย์?”
ยามนี้ฝูงหมาป่าสีม่วงขนาดใหญ่พลันปรากฏตัวขึ้น และพวกมันส่วนใหญ่ล้วนมีหลายหางเสียด้วย!
โจวอวี๋ตกใจจนสติแตก “มี… มีห้าหาง!”
“ห้าหาง นั่นเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งกว่าขั้นก่อกำเนิดเสียอีก!” ตาของปิงหลิวหลีแทบจะถลนออกจากเบ้า
โจวอวี๋เอ่ยตะกุกตะกักว่า “ส…สิ่งมีชีวิตที่ใกล้เคียงกับสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์!”
ทันใดนั้น หมาป่ายมโลกห้าหางที่ดูค่อนข้างชราก็เดินออกมา
สายตาของมันจ้องเขม็งไปที่ลู่เฉิน….
มันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวจากลู่เฉิน ก่อนที่มันจะรวบรวมความกล้าแล้วประกาศเสียงกร้าว “ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าจะเป็นใคร ถ้าไม่อยากตาย ก็ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”
โจวอวี๋ตกตะลึง “สัตว์อสูรตนนี้… พูดภาษามนุษย์ได้!”
“มันต้องอยู่ระดับศักดิ์สิทธิ์แน่ ๆ!” ปิงหลิวหลีตกใจจนเม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก
ทว่าลู่เฉินกลับมองไปยังหมาป่าห้าหาง “โยวโยวน้อยเล่า?”
“โยวโยวน้อย?” โจวอวี๋และคนอื่น ๆ ต่างฉงน ไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มหมายถึงสิ่งใด
ทว่ามีเพียงหมาป่าห้าหางที่ถลึงตาใส่ชายหนุ่ม “เจ้ารู้จักนาม ‘โยวโยวน้อย’ ได้อย่างไร?”
“เจ้าให้ข้าพบมัน แล้วมันจะบอกเจ้าเอง!” ลู่เฉินเดาว่าเจ้าห้าหางตนนี้น่าจะเป็นหัวหน้าฝูงในปัจจุบัน
แต่หมาป่ายมโลกห้าหางกลับมีสีหน้าเศร้าสร้อย “มันบาดเจ็บและกำลังกักตน ไม่อาจพบผู้ใดได้!”
“ข้ารักษามันได้!”
ครั้นหมาป่ายมโลกห้าหางได้ยินคำพูดของลู่เฉิน มันก็ถึงกับประหลาดใจ “จริงหรือ?”
“พาข้าไปสิ แล้วเจ้าจะรู้!”
แต่หมาป่ายมโลกห้าหางยังคงลังเล “หากเจ้าทำมิดีมิร้ายกับท่านราชาล่ะ?”
“เจ้าคิดว่าผู้ที่มีขั้นพลังเท่าข้าจะสามารถทำร้ายราชาของเจ้าได้หรือ?” ลู่เฉินลอบเก็บกลิ่นอายแห่งราชันย์ และเมื่อสัตว์อสูรเหล่านั้นพบว่าชายหนุ่มอยู่เพียงขั้นกลั่นลมปราณ พวกมันก็พากันฉงน
ส่วนหมาป่ายมโลกห้าหางก็ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ ดังนั้นหลังจากที่มันปรึกษากับหมาป่าตัวอื่น ๆ แล้ว มันจึงพูดขึ้นว่า “ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่น แต่พวกเขาสามคนด้านหลังนั่นต้องอยู่ที่นี่ ข้าจะจับตาดูไว้! หากเจ้าคิดไม่ซื่อ พวกเราจะฆ่าพวกมันเสีย!”
ลู่เฉินส่งยิ้ม “ได้!”
ทั้งสามคนด้านหลังพลันร้อนใจขึ้นมา ขณะที่ลู่เฉินหันไปกล่าวกับพวกเขาว่า “ไม่ต้องห่วง ข้าจะกลับมา!”
ครั้นเอ่ยจบ ชายหนุ่มก็เดินตามหมาป่ายมโลกห้าหางไป ในขณะที่หมาป่ายมโลกตัวอื่น ๆ พากันเข้าล้อมพวกโจวอวี๋ไว้
ภาพตรงหน้านี้ทำให้ทั้งสามคนกลัวจนไม่กล้าขยับเขยื้อน แล้วก็เป็นโจวอวี๋ที่บ่นขึ้นว่า “เจ้าตัวประหลาดเฒ่านั่นบอกว่าจะสอนวิธีใช้รากวิญญาณคู่ให้ข้า แต่ยามนี้กลับพาข้ามาที่เขตเก้า ส่วนตัวเองก็หนีไปแล้ว!”
”เขา… น่าจะกลับมา” ปิงหลิวหลีรู้สึกได้ว่าเรื่องราวต่าง ๆ ย่อมไม่ธรรมดาอย่างที่ตาเห็น
“เจ้าเชื่อใจเขาขนาดนั้นเลยหรือ?” โจวอวี๋ประหลาดใจ
ส่วนปิงหลิวหลีนั้น เมื่อความหวาดกลัวเริ่มจางหายไป นางก็ขมวดคิ้วเพราะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “จุดประสงค์หลักที่เขามาที่นี่… บางทีคงเป็นการมาพบกับหมาป่ายมโลกเก้าหาง!”
“อะไรนะ?” โจวอวี๋ตกตะลึง
ปิงหลิวหลีอธิบายว่า “ลองคิดดู พอเขามาที่นี่ หมาป่ายมโลกพวกนั้นก็ไม่กล้าแตะต้องเขา ยิ่งไปกว่านั้น เขายังบอกว่าตัวเองรักษาหมาป่ายมโลกเก้าหางตัวนั้นได้!”
“รักษา เขาน่ะหรือ?” เห็นได้ชัดว่าโจวอวี๋เองก็รู้เรื่องที่หมาป่ายมโลกเก้าหางได้รับบาดเจ็บสาหัส
ปิงหลิวหลีเหลือบมองดูหมาป่ายมโลกที่ล้อมรอบพวกเขาไว้ แม้ว่าพวกมันจะดูดุร้าย แต่พวกมันก็มีระเบียบวินัย
สิ่งที่พวกมันทำนั้นอย่างมากก็คือนอนหมอบพร้อมกับจ้องมองพวกเขาอยู่ตรงนั้น ไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายพวกเขาแต่อย่างใด
“เจ้าดูสิ หมาป่ายมโลกพวกนี้ดูเหมือนจะให้เกียรติพวกเราไม่น้อยเลย” ปิงหลิวหลีรู้ว่ายิ่งสัตว์อสูรแข็งแกร่งมากเท่าใด พวกมันก็ยิ่งมีอำนาจและเกลียดชังมนุษย์มากขึ้นเท่านั้น
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้กลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
โจวอวี๋เองก็คิดว่ามีบางอย่างผิดปกติตามที่เจ้าสำนักสาวตั้งข้อสังเกต “อืม ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ!”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าตัวประหลาดเฒ่านั่นน่าจะเคยมาที่นี่ หรือมีบางอย่างที่หมาป่ายมโลกกลัว!” ปิงหลิวหลีวิเคราะห์ต่อไป
“เจ้าหมายถึง ตัวประหลาดเฒ่านั่นรู้วิธีจัดการพวกมันหรือ?”
เมื่อพูดถึงวิธีจัดการสัตว์อสูร ปิงหลิวหลีก็นึกถึงการเลียนเสียงของลู่เฉินในครั้งนั้น นางจึงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “ไม่มีทาง การเลียนเสียงของเขาจะหลอกสัตว์อสูรเหล่านี้ได้หรือ?”
“การเลียนเสียง?” โจวอวี๋ยังคงสับสน
จากนั้นทั้งสองก็ถกกันเป็นเวลานาน
…
หมาป่ายมโลกห้าหางพาลู่เฉินมาที่ตำหนักใหญ่ ภายในตำหนักนี้ดูเหมือนจะว่างเปล่า แต่แท้จริงแล้วด้านในมีค่ายกลซ่อนอยู่
หลังจากที่หมาป่าห้าหางเดินไปถึงประตู มันก็จ้องมองลู่เฉินและกล่าวว่า “ฝ่าบาทกำลังรักษาตัวอยู่ด้านใน แต่จะได้พบเขาหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าเอง ว่าจะฝ่าค่ายกลไปได้หรือไม่!”
หลังจากที่หมาป่ายมโลกห้าหางเอ่ยจบ เดิมทีมันคิดว่าลู่เฉินคงจะหวาดกลัว หรือไม่ก็เป็นกังวล
แต่ผู้ใดจะรู้ว่า… ลู่เฉินกลับเดินเข้าไปในตำหนักและหายตัวไปต่อหน้าหมาป่ายมโลกห้าหางทันที!
“นี่มัน!” หมาป่ายมโลกห้าหางพลันตกตะลึงกับการกระทำของชายหนุ่ม