ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 249 ผู้ที่เป็นราชินี คือผู้อื่น!
บทที่ 249 ผู้ที่เป็นราชินี คือผู้อื่น!
“เป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกดีไหม?” ลู่เฉินมองสตรีนางนั้นด้วยรอยยิ้ม มือขวาของสตรีนางนั้นทั้งแดงทั้งบวม ดูแล้วคงเจ็บไม่น้อย ทว่านางกลับยังยืนยันเช่นเดิม “ข้าไม่คิดประนีประนอม!”
ชายหนุ่มยิ้มอย่างชั่วร้าย “เจ้าเป็นขนาดนี้แล้ว ยังไม่คิดประนีประนอมอีกหรือ?”
“ถูกต้อง ข้าจะไม่ประนีประนอม!” นางกล่าวด้วยท่าทีแข็งกร้าว
ลู่เฉินเอ่ยปฏิเสธทันที “เจ้าไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ!”
สตรีนางนั้นพลันมีสีหน้าย่ำแย่
เพียงหนึ่งความคิดของลู่เฉิน เถาวัลย์ก็พลันพุ่งเข้าไปเกี่ยวรัดบนร่างของนาง
สตรีนางนั้นดิ้นรนพลางตะโกนด้วยความโกรธ “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
“บอกข้ามาว่าเจ้าเป็นใคร และมีความสัมพันธ์อันใดกับหมอผี!”
“ข้าไม่บอกเจ้า! ต่อให้ตายก็ไม่บอก!” จู่ ๆ นางก็ผลาญแก่นรากฐานการฝึกขั้นก่อกำเนิดในร่างกายของตนเอง แต่ลู่เฉินกลับเคลื่อนไหวเร็วกว่า หนามของเถาวัลย์ต้นไม้เหล่านั้นทิ่มแทงเข้าไปในร่างกายของนาง ป้องกันไม่ให้นางระเบิดพลังออกมาอย่างรวดเร็ว
สิ่งนี้ทำให้หญิงสาวตกใจจนอุทานว่า “เป็นไปได้อย่างไร!”
“คิดจะตายต่อหน้าข้างั้นหรือ?” ลู่เฉินเย้ยหยัน ในขณะที่สตรีนางนั้นหันมองลู่เฉินด้วยความแปลกใจ “เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?!”
“เจ้าให้คนจากสำนักไสยมนต์ดำมาฆ่าข้า แต่เจ้ากลับไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร?” ลู่เฉินหัวเราะเยาะ ขณะที่อีกฝ่ายถึงกับพูดไม่ออกทันที
ลู่เฉินเอามือไพล่หลังแล้วกล่าวว่า “หากเจ้าไม่อยากตายอย่างน่าสมเพช ก็จงตอบในสิ่งที่ข้าถาม!”
“ไม่!”
ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากหยิบยาเม็ดยาออกมา “ไม่พูดงั้นหรือ ได้!”
หลังจากเอ่ยจบ เม็ดยาห้วงนิทราก็เข้าไปในปากของหญิงสาวทันที นางเริ่มตกใจกลัวกับยาที่ไม่รู้จัก และครู่ต่อมานางก็หลับสนิท
ลู่เฉินจึงเริ่มถามออกมาว่า “พูดมา เจ้าชื่ออะไร?”
“ข้าชื่อฉิน!”
“เป็นอะไรกับหมอผี?”
“ข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหมอผี”
“ไม่เกี่ยวข้อง? แล้วเหตุใดเจ้าถึงไปที่สำนักไสยมนต์ดำและยื่นคำร้องเพื่อฆ่าข้า”
“ราชินี หมอผีขอร้องให้ราชินีทำสิ่งนี้” สตรีผู้มีนามว่าฉินเอ่ยตอบทีละคำถาม
ลู่เฉินสงสัยขึ้นมา “ราชินี?”
“ใช่ ราชินี!”
“นางเป็นใคร และนางอยู่ที่ไหน?” ลู่เฉินกำลังสงสัยว่าราชินีผู้นี้คือพระสนมอู่ ในขณะที่สตรีตรงหน้าตอบเพียงว่า “ข้ารู้แค่ว่านางคือราชินีที่ซ่อนตัวอยู่ในสวนภูเขาหิน!”
“สวนภูเขาหิน?”
“เป็นสวนภูเขาหินในจวนแห่งหนึ่ง!” นางตอบออกมา หลังจากนั้นชายหนุ่มจึงถามตำแหน่งของสวนภูเขาหิน ก่อนจะเดินออกจาก ‘ประตูไร้สิ่งสรรพ’
เมื่อลู่เฉินใช้วิชา ‘เคล็ดวิชาหมื่นลี้’ อีกครั้ง เขาก็มาถึงสวนภูเขาหิน ครั้นเห็นประตูหินดังที่สตรีนางนั้นกล่าวถึงแล้วเดินผ่านประตูหินเข้าไป เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่อยู่ภายในนั้น
ทว่ากลิ่นอายนี้ไม่ใช่พระสนมอู่
สิ่งนี้ทำให้ลู่เฉินมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา “ไม่ใช่พระสนมอู่หรือ?”
ชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิ จากนั้นจึงใช้ ‘วิชาหมื่นวิญญาณ’ เพื่อสัมผัสสถานการณ์ในห้องลับ
ยามนี้ในห้องลับมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งอยู่ทุกหนทุกแห่ง และในรูปปั้นหินแกะสลักสีดำนี้ก็มีเสี้ยววิญญาณที่แข็งแกร่งสิงสู่อยู่
“นี่คือที่ซ่อนตัวของราชินีหรือ?” หลังจากมองดูรูปปั้นหินแกะสลักสีดำแล้ว ลู่เฉินก็คิดถึงวิธีที่จะป้องกันไม่ให้เสี้ยววิญญาณของอีกฝ่ายหนีออกจากรูปปั้น
ชายหนุ่มจึงจัดค่ายกลไว้ที่ด้านนอกประตูหิน
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็มอบอักขระยันต์หุ่นเชิดให้ฉิน เพื่อให้นางเข้าไปในห้องลับพร้อมกับ ‘ประตูไร้สิ่งสรรพ’ ที่หดเล็กลง
ราชินีภายในรูปปั้นหินที่อยู่ภายในห้องลับถามอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า “มีอะไรหรือ?”
“ราชินี เอ่อ…”
“พูดมา เกิดอะไรขึ้นกันแน่!” ราชินีเอ่ยอย่างน่าเกรงขาม ฉินจึงเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก “ดูเหมือนว่าสำนักไสยมนต์ดำจะล้มเหลวเพคะ!”
“เจ้าว่าอันใดนะ? ล้มเหลวงั้นหรือ?” ราชินีผงะไปในทันที
“เพคะ ล้มเหลวแล้ว” ฉินตอบ ทว่าราชินียังคงไม่ยินยอม “ไป! เพิ่มเงินให้มากกว่านี้!”
ฉินเพียงแค่พยักหน้า จากนั้นจึงหันหลังกลับและออกจากที่นี่ หลังจากที่ประตูหินปิดลง ราชินีก็ก่นด่าอยู่ภายในรูปปั้นหิน “สมควรตาย! ไม่มีอะไรที่สามารถแก้ปัญหาได้เลย”
ในเวลานี้เอง จู่ ๆ ลู่เฉินที่ยืนอยู่ด้านหลังรูปปั้นหินก็บรรเลงกู่ฉินเพลิงโบราณ พลังอันทรงพลังพุ่งเข้าใส่รูปปั้นหินทันที ทำให้ ‘ราชินี’ ที่อยู่ภายในรูปปั้นหินนั้นร้องลั่น “ผู้ใด!”
ลู่เฉินไม่สนใจอีกฝ่าย แต่เริ่มโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
‘ราชินี’ ร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด จนกระทั่งนางเห็นลู่เฉินแล้วก็ถึงกับตกใจเป็นอย่างมาก “เจ้า! เจ้าเข้ามาได้อย่างไร!?”
“แน่นอนว่าแอบเข้ามา” ลู่เฉินไม่ได้เปิดเผยเรื่องฉิน เพราะเขาคิดว่านางยังมีประโยชน์
‘ราชินี’ ระเบิดความโกรธออกมาทันที “น่าตายนัก!”
ครู่ต่อมาก็บังเกิดค่ายกลขึ้นในห้องลับ และมันก็ขังลู่เฉินไว้ที่นั่น ขณะที่ ‘ราชินี’ ในรูปปั้นหินพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเจ้าจะเข้ามาได้ตามใจนึก?”
ลู่เฉินยิ้ม “มันเป็นแค่ค่ายกลหนึ่งเท่านั้น”
“เท่านั้น? นี่คือค่ายกลระดับสวรรค์ มันเป็นค่ายกลเก้าดาว!” ‘ราชินี’ ผู้นั้นพูดอย่างเย่อหยิ่ง แต่ลู่เฉินไม่สนใจเรื่องนี้ เขาจึงยิ้มให้ ‘ราชินี’ แล้วเอ่ยว่า “มาพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเจ้ากับหมอผีกันดีกว่า”
“ทำไม? อยากรู้ความสัมพันธ์ของข้ากับหมอผีงั้นหรือ?” ‘ราชินี’ หัวเราะ
“มีความลับอะไรที่ไม่สามารถบอกได้หรือ?”
‘ราชินี’ เย้ยหยันทันทีว่า “เจ้าไม่มีโอกาสมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นหากจะบอกเจ้าก็ไม่นับว่าเป็นอะไร”
ลู่เฉินไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะตรงไปตรงมาถึงเพียงนี้ เขายิ้มอย่างยินดี “เช่นนั้นก็ดี พูดมาเถอะ”
“หมอผีเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า”
“โอ้ คนของเจ้า?”
“ใช่แล้ว! มีปัญหากับหมอผีที่ข้าฝึกฝนงั้นหรือ?” ‘ราชินี’ ถามอย่างดุร้าย ทว่าชายหนุ่มยังคงรู้สึกสงสัย “เช่นนั้นเจ้าหมายความว่าเขาแทรกซึมเข้าไปในวัง และควบคุมองค์จักรพรรดิงั้นหรือ?”
“ข้าปล่อยให้เขาแทรกซึมเข้าไปในวัง ส่วนการควบคุมองค์จักรพรรดินั่นเป็นจุดประสงค์ของสนมนางหนึ่ง”
“พระสนมเป็นคนของเจ้าด้วยหรือ?”
“ถูกต้อง แต่เรามีความสัมพันธ์แบบร่วมมือกัน” ‘ราชินี’ กล่าวอย่างภาคภูมิใจ และลู่เฉินก็พลันยิ้มออกมาเล็กน้อย “ขอบคุณสำหรับคำตอบของเจ้า!”
หลังจากพูดจบ ลู่เฉินก็หยิบศิลาบันทึกภาพออกมา ศิลาชนิดนี้สามารถบันทึกภาพได้ ดังนั้นทุกสิ่งที่ ‘ราชินี’ พูดเมื่อครู่จึงถูกบันทึกไว้ในนั้นทุกอย่าง
ทว่า ‘ราชินี’ ผู้นั้นหัวเราะทันทีเมื่อเห็นมัน “เจ้าบันทึกไปแล้วจะอย่างไรเล่า?”
“ข้ามีวิธีใช้ประโยชน์ของข้าเอง”
“เจ้าออกไปไม่ได้ แล้วจะมีประโยชน์อันใด?” ‘ราชินี’ เอ่ยอย่างดูแคลน ทว่าลู่เฉินเพียงตอบว่า “รอเดี๋ยวเจ้าจะรู้เอง”
‘ราชินี’ รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นตลกกับนาง แต่ครู่ถัดมา นางก็ต้องตกใจเพราะลู่เฉินเดินออกจากค่ายกลไปอย่างง่ายดาย
‘ราชินี’ ที่เห็นฉากนี้พลันตกใจ “เจ้า! เจ้าออกมาได้อย่างไร!?”
“ค่ายกลนี้ไม่สามารถขังข้าได้” ลู่เฉินเอ่ยอย่างมั่นใจ
‘ราชินี’ กำลังร้อนรน แต่ชายหนุ่มกลับยิ้มแปลก ๆ ก่อนที่เขาจะบรรเลงกู่ฉินเพลิงโบราณ
อีกฝ่ายส่งเสียงกรีดร้องออกมาและยังดุด่าเขาไม่หยุด “เจ้า เจ้ารอข้าก่อนเถอะ!”
อึดใจต่อมา เงาของแสงสีขาวก็ลอยออกมาจากรูปปั้นหิน แต่เมื่อมันลอยออกไป มันก็ถูกค่ายกลของลู่เฉินดักไว้อีกครั้ง
ดังนั้นเมื่อชายหนุ่มเดินออกจากห้องลับไป แสงสีขาวนั้นก็สว่างวาบขึ้นกลางอากาศ
“ค่ายกลของข้าร้ายกาจยิ่งกว่าของเจ้าหรือไม่เล่า?” ลู่เฉินมองไปที่เงาของแสงสีขาวด้วยรอยยิ้ม และเงาของแสงสีขาวนั้นก็พูดขึ้นว่า “เจ้าควรปล่อยข้าไป มิฉะนั้นข้าจะไม่มีวันไว้ชีวิตเจ้า!”
“โอ้? งั้นหรือ?” ลู่เฉินไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยเท่านั้น ทว่ายังเพิ่มความแข็งแกร่งเพื่อให้จิตวิญญาณนี้ถูกดูดเข้าไปในกู่ฉิน
ลู่เฉินจ้องมองเข้าไปด้านในของกู่ฉินและเห็นเงาของ ‘ราชินี’ จากนั้นเขาก็คลี่ยิ้มพลางถามว่า “บอกมาว่าเจ้าเป็นใคร?!”
ทว่าไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า ‘ราชินี’ ผู้นี้จะคิดลงมืออย่างโหดเหี้ยมขึ้นมา!