ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 248 ไม่เจียมตัวเสียจริง!
บทที่ 248 ไม่เจียมตัวเสียจริง!
หนานหลิวมองไปที่ฝูงชนแล้วถามเสียงแข็ง “วุ่นวายพอแล้วหรือยัง?”
ทุกคนเงียบกริบทันที ในขณะที่หนานเหยามองลู่เฉินแล้วยิ้มออกมา “อาจารย์ ท่านไปไหนมาทั้งคืนหรือ?”
“ไปทำงานนิดหน่อย” ลู่เฉินตอบสั้น ๆ
ส่วนหนานลัวนั้นยังไม่หายสงสัย “คนจากสำนักไสยมนต์ดำไม่ได้ทำอะไรเจ้าใช่หรือไม่?”
“อย่างพวกเขาน่ะหรือ? พวกเขาจะทำอะไรข้าได้” ชายหนุ่มพูดราวกับว่าเขาไม่ได้เห็นคนเหล่านั้นอยู่ในสายตา แต่องค์รักษ์ด้านหนึ่งกลับรู้สึกว่าลู่เฉินกำลังคุยโว และบางคนถึงกับคิดว่าอาจจะมีใครช่วยเหลือลู่เฉินอยู่
หนานเหยามองไปที่หนานลัวด้วยรอยยิ้ม “ข้าบอกแล้ว อาจารย์ของข้าไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย!”
ครั้นได้ยินเช่นนั้น หนานลัวจึงรู้สึกโล่งใจ “เป็นเช่นนั้นก็ดีแล้ว”
“ข้าต้องการใช้ค่ายกลนั่น ดังนั้นพวกเจ้าอย่าเพิ่งรบกวนข้าในตอนนี้” ลู่เฉินมองไปที่หนานลัวและหนานเหยา ทั้งสองพยักหน้า ตรงกันข้ามกับคนอื่น ๆ ที่สงสัยว่าเหตุใดผู้อาวุโสหนานลัวจึงต้องสุภาพกับลู่เฉินถึงเพียงนี้
สำหรับหนานหลิว เขามองไปที่หนานลัวและขอร้องว่า “ผู้อาวุโส เรื่องนั้น…”
“ต้องรอให้คุณชายลู่เสร็จงานก่อน” หนานลัวพูดตัดบท หนานหลิวจึงพยักหน้าตอบรับ
ลู่เฉินเห็นเช่นนั้นจึงถามด้วยความสงสัย “มีอันใด? ต้องการให้ข้าช่วยงั้นหรือ?”
เมื่อเห็นลู่เฉินถามขึ้นมา หนานลัวก็กล่าวออกมาทันทีว่า “เมื่อเร็ว ๆ นี้มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นไม่น้อย และหนึ่งในนั้นเกิดขึ้น ณ เมืองที่องค์ชายหกมีหน้าที่คุ้มครองอยู่ เด็กคนนี้จึงอยากรบกวนให้เจ้าช่วยเขาแก้ไขปัญหา…”
“เรื่องแปลกประหลาด?” ชายหนุ่มมีสีหน้างุนงง
หนานหลิวรีบเดินไปข้างหน้าและอธิบายว่า “มีคนที่ธาตุไฟเข้าแทรกโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุอยู่เสมอ และหลังจากถูกขังไว้สองสามวัน พวกเขาจะกลายเป็นเมฆหมอกโลหิต ก่อนจะสลายหายไปในที่สุด”
“หมอกโลหิต!?…”
“ถูกต้อง!” หนานหลิวพยักหน้า ขณะที่ลู่เฉินถามกลับไปว่า “เมืองของเจ้าอยู่ไกลจากที่นี่หรือไม่?”
“ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันก็ไปถึงเมืองถัดไป”
ลู่เฉินพยักหน้า “เอาล่ะ ข้าจะช่วยเจ้าหลังจากที่ข้าทำงานเสร็จสิ้นแล้ว”
หลังจากเอ่ยจบ ลู่เฉินก็ตรงไปที่ค่ายกลในลานบ้าน และหลังจากที่ทุกคนเห็นเมฆหมอกสีดำ พวกเขาก็มองไม่เห็นลู่เฉินอีกต่อไป
หนานลัวและหนานเหยานั่งลงบนเก้าอี้หินเพื่อรอลู่เฉิน ขณะที่หนานหลิวมองไปที่พวกองครักษ์และเอ่ยตำหนิ “คราวหลังต้องสุภาพกับเขามากกว่านี้ เข้าใจหรือไม่?”
เลี่ยอิงไม่เข้าใจเล็กน้อย “องค์ชายหก เด็กคนนี้เป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐาน เขาจะสามารถช่วยเราแก้ปัญหาได้จริงหรือ?”
“เขาเป็นหมอเทวดา” หนานหลิวพูดอย่างตื่นเต้น
“หมอเทวดา?”
เลี่ยอิงและคนอื่น ๆ ไม่เชื่อ อีกทั้งยังมองหน้ากันไปมา
หนานหลิวเดินมาที่ด้านข้างของหนานเหยา และพูดกับหนานเหยาอย่างสุภาพว่า “เอ่อ ข้าควรจะเรียกท่านว่า?”
“เรียกข้าว่าผู้อาวุโสก็พอ!” หนานเหยาไม่ต้องการบอกคนอื่นเรื่องตัวตนของนาง
หนานหลิวจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้อาวุโส อาจารย์ของท่านสามารถช่วยข้าแก้ปัญหาเหล่านั้นได้จริงหรือ?”
“อย่ากังวล เมื่อมีอาจารย์ของข้าอยู่ มารปีศาจล้วนไม่อาจย่างกราย” หนานเหยากล่าวอย่างมั่นใจ
หนานหลิวได้ยินเช่นนี้ก็พอใจมาก จากนั้นเขาก็หันไปมองค่ายกลที่แปลกประหลาดและถามว่า “อาจารย์ของท่านมาทำอันใดที่นี่หรือ?”
“ทำธุระ!” หนานเหยาไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่นั่งรออย่างเงียบ ๆ
ทางฝั่งลู่เฉินนั้น เขาหยิบขนนกสีดำและรูปเหมือนที่นักบวชชรามอบให้ไว้ออกมา
ภาพนี้เป็นภาพของสตรีนางหนึ่ง และลู่เฉินก็ใช้กลิ่นอายนี้กับภาพเหมือนของสตรีผู้นี้เพื่อปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขาออกไป
กระทั่งผ่านไปครึ่งชั่วยาม จิตวิญญาณของลู่เฉินก็อยู่เหนือจวนหรูหราแห่งหนึ่ง ไม่นานนักเขาก็ได้เห็นผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่นี่
ชายหนุ่มเห็นว่าสตรีนางนี้เป็นบ่าวรับใช้ของจวนแห่งหนึ่ง และฐานะของนางก็ดูไม่ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้ารับใช้คนอื่นเห็นนาง พวกเขาล้วนสุภาพเป็นอย่างมาก
ครั้นเห็นเช่นนี้แล้ว ลู่เฉินก็นึกสงสัย “สตรีนางนี้คือผู้ใดกัน?”
เมื่อหนานเหยาเห็นลู่เฉินกลับออกมา นางก็คิดว่าลู่เฉินพบหมอผีแล้ว นางจึงลุกขึ้นและพูดอย่างมีความสุขว่า “อาจารย์ พบหมอผีแล้วหรือ?”
“ไม่! แต่ข้ามีเบาะแสบางอย่าง” ลู่เฉินคิดว่าตราบเท่าที่เขาไปที่จวนและพบสาวใช้นางนั้น เขาอาจจะสามารถค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างว่านฉงหยางกับนางได้
ดังนั้นหลังจากที่ลู่เฉินเอ่ยจบ เขาก็ปล่อยให้หนานเหยาและคนอื่น ๆ อยู่ที่นี่ในขณะที่เขาเดินออกไป
ขณะที่หนานหลิวกำลังจะพูดอะไรบางอย่างนั้น ลู่เฉินก็ได้จากไปเสียแล้ว
หนานเหยาจึงพูดขึ้นว่า “รออาจารย์ของข้าทำธุระเสร็จสิ้นแล้วค่อยให้เขาช่วยเจ้า”
“ไม่เป็นไร” หนานหลิวยิ้มอย่างเคอะเขิน ในขณะที่องค์รักษ์เหล่านั้นกลับอารมณ์เสีย โดยเฉพาะเลี่ยอิงที่ขมวดคิ้ว “องค์ชายหก เขาไม่เห็นท่านในสายตาเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“หุบปาก!” หนานหลิวจ้องเขม็ง เลี่ยอิงจึงไม่กล้าพูดอะไรไปมากกว่านี้ ส่วนคนอื่น ๆ ก็ทำได้เพียงแค่หดหู่ใจเท่านั้น
หนานเหยาอยู่ที่นั่นเพื่อปลอบขวัญหนานหลิว ในขณะที่หนานลัวอยากรู้ว่าลู่เฉินหายไปไหน
…
หลังจากนั้นไม่นาน ลู่เฉินก็มาถึงบริเวณใกล้เคียงจวนหรูหราแห่งนั้น แต่แทนที่จะเข้าไปทางประตูหลัก เขากลับมาที่ประตูหลังของจวน เก็บกลิ่นอายของตนเองแล้วทะลุผ่านค่ายกลของจวน สุดท้ายจึงพาตัวเองมาถึงจวนหลักได้อย่างง่ายดาย
ทว่ารอบ ๆ จวนนั้นมีองครักษ์แอบซ่อนอยู่มากมาย ด้วยเหตุนี้ลู่เฉินจึงทำได้เพียงใช้ ‘เคล็ดวิชาหมื่นลี้’ ร่วมกับ ‘เคล็ดวิชาหมื่นวิญญาณ’ เพื่อหลีกเลี่ยงคนเหล่านั้นทีละคน และในที่สุดก็มาถึงตัวอาคาร
ยามนี้สาวรับใช้ที่ว่านั้นกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในหอ
ทันทีที่ลู่เฉินปรากฏตัว เขาก็ขว้าง ‘ประตูไร้สิ่งสรรพ’ ออกไปเพื่อป้องกันไม่ให้นางติดต่อกับคนอื่น และทันทีที่สาวคนนี้ใช้เห็นลู่เฉิน นางก็ต้องการจะส่งเสียงตะโกน ทว่าก็สายเกินไปเสียแล้ว
ดังนั้นในอึดใจต่อมา สาวรับใช้ผู้นี้ก็มาถึงค่ายกลหลังประตูไร้สิ่งสรรพ
เรื่องนี้ทำให้นางโมโหเสียจนต้องตะโกนออกมาว่า “ปล่อยข้าออกไป!”
ลู่เฉินยืนอยู่นอกค่ายกล ชายหนุ่มยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วกล่าวว่า “บอกมา เจ้าชื่ออะไร และความสัมพันธ์ของเจ้ากับหมอผีเป็นอย่างไรกันแน่?”
“เจ้าอย่าแม้แต่จะคิดว่าจะได้ข้อมูลใด ๆ จากข้าไป!” ฝ่ายสตรีพูดอย่างดื้อรั้น ส่วนลู่เฉินถามกลับอย่างเฉยเมย “เพราะเหตุใด? ไม่ยอมบอกจริง ๆ งั้นหรือ?”
“ถูกต้อง ข้าไม่มีวันบอกเจ้า!”
“แม้ตายก็ไม่คิดเอ่ยปาก?”
“ไร้สาระ!” สาวรับใช้ตวาดเสียงกร้าว
ลู่เฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดใช้งานค่ายกล แล้วฟาดสายฟ้าลงมา
สตรีตรงหน้าพลันโกรธมากยิ่งขึ้น “แม้ว่าเจ้าจะฆ่าข้า ข้าก็ไม่มีวันบอก!”
“อ้อ? ไม่กลัวตายเสียด้วย?” ลู่เฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
นางพูดอย่างโกรธเคืองว่า “เอาสิ ฆ่าข้าเลย!”
ชายหนุ่มแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมา “ดูเหมือนว่าจะใช้ได้แค่วิธีพิเศษเท่านั้น”
“ไม่มีประโยชน์ที่เจ้าจะฆ่าข้า!” สาวรับใช้ยังคงดื้อรั้น
ลู่เฉินไม่แยแส เขาเพียงเดินเข้าไปในค่ายกล และทันทีที่นางเห็นบุรุษตรงหน้าเดินเข้ามาใกล้ นางก็ระเบิดพลังออกมาจนถึงขีดสุด แล้วพุ่งเข้าใส่ลู่เฉินพร้อมกับกริชเล่มหนึ่งในมือ
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มร้ายกาจ
นางไม่รู้ว่าบุรุษผู้นี้ยิ้มหาพระแสงอะไร แต่เมื่อกริชกระทบกับอีกฝ่าย ‘กำแพงพันชั้น’ ก็ปรากฏขึ้น ทำให้กริชของนางกระแทกเข้าไปราวกับกระแทกหินแข็ง
หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “นี่! เกิดอะไรขึ้น?”
“ลองอีกไหม?” ลู่เฉินยิ้ม
สาวรับใช้ร้อนรนมากยิ่งขึ้น จึงวางแผนที่จะลองอีกครั้ง ทว่าในครั้งที่สองนี้ กริชกลับบินหลุดออกจากมือ ส่งผลให้นางเผลอชกเข้ากับ ‘กำแพงพันชั้น’
ในตอนนั้นเอง พลันมีเสียงกระดูกหักดัง ‘กร๊อบ!’ …