ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 22 เขา... จะไปกับข้าด้วย
บทที่ 22 เขา… จะไปกับข้าด้วย
ทุกคนต่างงุนงงกับภาพตรงหน้า แต่เถ้าแก่อู๋กลับยิ้มและมองไปยังเจี่ยลัวที่อยู่ด้านหลังลู่เฉิน แล้วกล่าวว่า “ศิษย์น้องเจี่ย… ในที่สุดข้าก็พบเจ้าแล้ว!”
สีหน้าของเจี่ยลัวเปลี่ยนไปในพลัน!
ลู่เฉินไม่คาดคิดมาก่อนว่า แม้เจี่ยลัวจะอยู่ในสภาพชุดขาดรุ่งริ่ง ผมเผ้ายาวรุงรัง แต่อีกฝ่ายก็ยังจำได้!
ไม่เพียงเท่านั้น เถ้าแก่อู๋ยังนำผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐานมาด้วยอีกหลายคน!
ทว่าแม้จะอีกฝ่ายจะถามเขาก็คงเปล่าประโยชน์ เนื่องจากแม้ภายนอกเขาจะกลับไปเป็น ‘คนปกติ’ แล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถเอ่ยคำพูดเยี่ยงคนปกติได้อยู่ดี!
และหากการปะทะเกิดขึ้น ตัวของเจี่ยลัวก็คงไม่อาจต้านรับพวกเขาเขาได้ทั้งหมด ดังนั้นคงลงเอยด้วยการที่ตัวเขานั้นต้อง ‘ตาย’ อีกครั้งเป็นแน่
เจี่ยลัวจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงแค่ยืนอยู่ข้างหลังลู่เฉิน และดึงแขนเสื้อชายหนุ่มคล้ายต้องการจะบอกอะไรบางอย่าง แต่ก็เป็นลู่เฉินที่กล่าวปลอบโยนออกมาเสียก่อน “ไม่ต้องกังวลไป ข้าอยู่ที่นี่แล้ว!”
เมื่อได้ยินคำพูดของลู่เฉิน เขาก็โล่งใจ ส่วนเถ้าแก่อู๋ เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หันมองไปยังลู่เฉิน “เด็กน้อย เจ้าเป็นใคร?”
“ไม่ใช่ว่าข้าต้องเป็นฝ่ายถามพวกเจ้าก่อนหรอกหรือ?” ลู่เฉินมองเถ้าแก่อู๋อย่างท้าทาย
หลังจากได้ยินเช่นนั้น เถ้าแก่อู๋พลันเอ่ยเสียงเย้ยหยันออกมาทันทีว่า “ข้าคือศิษย์สำนักค่ายกลสวรรค์ นามอู๋ฉี! และนั่นคือเจี่ยลัว ศิษย์ทรยศของสำนักข้า!”
ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างเมื่อได้ยินนามเจี่ยลัว
“เจี่ยลัว? ใช่ปรมาจารย์ค่ายกลระดับเก้าดาวอันดับหนึ่งของแดนทักษิณาหรือไม่?” ใครบางคนถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“เขามาที่นี่ทำไมกัน?” บางคนประหลาดใจ และบางคนถึงกับพึมพำออกมา “ข้าได้ยินมาว่า เจี่ยลัวผู้นี้ฆ่าอาจารย์ของตนเอง และขโมยคัมภีร์จากอาจารย์ก่อนจะหลบหนีมา!”
”ไม่มีทางหรอกน่า!”
เมื่อเจี่ยลัวได้ยินเรื่องนี้ เจ้าตัวพลันกังวลขึ้นมา เขาจับแขนเสื้อของลู่เฉินแล้วเขย่ารัวเร็ว ซึ่งชายหนุ่มก็คล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
ลู่เฉินขมวดคิ้วแน่น พลางคิดว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล เนื่องจากก่อนหน้านี้ เหตุที่เจี่ยลัวบอกปัดไม่คิดเข้าร่วมสำนัก… ก็เพราะอีกฝ่ายไม่ต้องการทรยศสำนักค่ายกลสวรรค์!
ทว่าตอนนี้ทุกคนกลับบอกว่าเจี่ยลัวทรยศอาจารย์ และยังขโมยคัมภีร์หนีมา ดังนั้นลู่เฉินจึงรู้สึกว่าเบื้องลึกเบื้องหลังต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่!!
ว่าแล้วชายหนุ่มก็หันไปถามอย่างสงสัย “เจ้าไม่ได้ฆ่าอาจารย์ของเจ้าใช่หรือไม่?”
เจี่ยลัวพยักหน้าอย่างหนักแน่น
ใครจะรู้ว่าเถ้าแก่อู๋กลับตะโกนสวนมาว่า “อาจารย์ถูกเจ้าฆ่า แต่เจ้ากลับกล้าปฏิเสธ เจ้านี่มัน ไอ้บัดซบศิษย์อกตัญญู!”
เจี่ยลัวต้องการจะพูด แต่ลู่เฉินไม่อยากให้เรื่องยุ่งยาก เขาจึงกล่าวขัดขึ้นเสียก่อน “ไม่ต้องกังวล ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง!”
เจี่ยลัวพยักหน้าอีกครั้ง ขณะที่ลู่เฉินหันไปหาเถ้าแก่อู๋ “ข่าวเรื่องสุสานโบราณ เป็นเจ้าที่สร้างขึ้น?”
“ใช่ แล้วไง?”
“ค่ายกล เจ้าก็สร้างมันขึ้นด้วยงั้นหรือ?”
“ใช่!” เถ้าแก่อู๋ตอบรับ ทว่าเมื่อได้ยินเช่นนั้น ลู่เฉินกลับเผยรอยยิ้มหยันออกมา “เจ้าคิดว่าผู้อื่นโง่งมนักหรือ?”
“เจ้าหนู หากไม่อยากตาย ก็จงไสหัวออกไปจากที่นี่เสีย อย่าให้ข้าต้องมาพูดเปลืองน้ำลายอีก!” เถ้าแก่อู๋เริ่มหมดความอดทน
ลู่เฉินชี้ไปหาเจี่ยลัว “เขา… จะไปกับข้าด้วย!”
เมื่อเถ้าแก่อู๋ได้ยินดังนั้น เจ้าตัวก็พลันหัวเราะลั่น “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเนี่ยนะ… จะปกป้องเขา?”
กลุ่มคนที่ติดตามด้านหลังเถ้าแก่อู๋ซึ่งอยู่ในขั้นสร้างรากฐานก็ยิ้มกว้างคล้ายขบขันในสิ่งที่ลู่เฉินกล่าวเช่นกัน
ลู่เฉินพยักหน้ารับ “ใช่!”
“ลำพังแค่ตัวเจ้า? เจ้าที่อยู่ในขั้นกลั่นลมปราณ?” เถ้าแก่อู๋กล่าวอย่างดูถูก
ลู่เฉินพลันมองไปทางโจวอวี๋แล้วยิ้ม “ข้าจะยกพวกเขาให้เป็นหน้าที่เจ้าแล้วกัน!”
สีหน้าของโจวอวี๋เปลี่ยนไปในฉับพลัน
ผู้เห็นเหตุการณ์กระซิบ “ชายคนนี้บ้าหรือเปล่า เขาคิดขอให้โจวอวี๋ช่วยงั้นหรือ?”
“เป็นไปไม่ได้ โจวอวี๋จะช่วยเขาไปทำไมกัน?”
“ไร้สาระ แม้แต่สามแดนศักดิ์สิทธิ์เขายังไม่ฟัง แล้วชายคนนี้เป็นใครหน้าไหนทำไมโจวอวี๋ถึงต้องฟัง?”
เถ้าแก่อู๋ถึงกับหยอกล้อลู่เฉินว่า “เจ้าหนู เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร แล้วคุณชายโจวเป็นใคร …เขาเป็นคนรับใช้ของเจ้าหรือไร?”
“เขาจะช่วยข้าจริง ๆ” ลู่เฉินยิ้ม
เถ้าแก่อู๋ไม่เชื่อ เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบ ทว่าในจังหวะนั้นเอง โจวอวี๋กลับเดินเข้ามาพร้อมกับหอกในมือ! ก่อนจะชี้ไปทางเถ้าแก่อู๋แล้วกล่าวว่า “ถ้าเจ้าไม่อยากตาย ก็จงไสหัวไปซะ!”
ทุกคนถึงกับตกใจ และมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ
“โจวอวี๋ นี่เจ้าฟังเขาจริงหรือ?”
“นี่มันเรื่องบ้าอันใดกัน?”
เถ้าแก่อู๋ไม่พอใจ “นายน้อยโจว ข้าไม่อยากยุ่งกับท่าน ดังนั้นขออย่าได้มายุ่งกับข้าจะดีกว่า!”
“อะไรนะ? …คิดขู่ข้าหรือ?” โจวอวี๋ถามกลับอย่างไม่ใส่ใจ
“ข้ามาจากสำนักค่ายกลสวรรค์ และมีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถทำลายค่ายกลบริเวณนี้ได้ ดังนั้นหากเจ้าต้องการออกไป เจ้าต้องเชื่อฟังข้า!” เถ้าแก่อู๋ข่มขู่
โจวอวี๋หัวเราะ “เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับค่ายกล!”
เพียงแค่มีลู่เฉินอยู่ด้วย แล้วโจวอวี๋ยังจะต้องไปกลัวเรื่องค่ายกลอยู่อีกหรือ?
เมื่อเถ้าแก่อู๋ได้ยินเช่นนั้นจึงถามออกมาว่า “เจ้าต้องการสู้กับพวกเราจริงหรือ?”
“แล้วเจ้าคิดว่ายังไง?” โจวอวี๋สะบัดหอกในมือ
เถ้าแก่อู๋กัดฟันด้วยความโกรธจัด “เอามันมาให้ข้า!”
”ขอรับ!”
คนที่อยู่ด้านหลังเถ้าแก่อู๋ก้าวไปข้างหน้า พากันเข้าล้อมโจวอวี๋ในทันที ทว่ามีหรือที่โจวอวี๋จะต้องกลัว? …เพราะเขาคนนี้มีรากวิญญาณคู่!
ผลลัพธ์ออกมาเป็นไปตามคาด …นั่นคือคนเหล่านั้นต่างพ่ายแพ้โจวอวี๋อย่างราบคาบ!
เถ้าแก่อู๋กัดฟันด้วยความโกรธ จากนั้นจึงถอยกลับเข้าไปในหมอกควัน ก่อนจะเอ่ยออกมาท่ามกลางความมืด “ข้าเป็นคนสร้างค่ายกลแห่งนี้ หากอยากออกไป เจ้าก็ต้องเชื่อฟังข้า!”
ผู้คนที่ติดอยู่ที่นี่ต่างก็พากันตกใจ แต่โจวอวี๋กลับเก็บหอกของเขาแล้วยิ้มพลางเอ่ยว่า “ทุกคนไม่ต้องกังวล ตราบใดที่เจ้าตามเขาไป… ย่อมออกไปได้แน่!”
พูดจบ โจวอวี๋ก็ชี้ไปที่ลู่เฉิน
“ตามเขาไป?” ทุกคนมองหน้ากัน ขณะที่เถ้าแก่อู๋หัวเราะลั่น “คุณชายโจว ค่ายกลแห่งนี้อยู่ในระดับหกดาว และเขาก็อยู่เพียงขั้นกลั่นลมปราณเท่านั้น คิดว่าคนเช่นนี้จะสามารถทำลายค่ายกลของข้าได้งั้นหรือ?”
ก่อนหน้านี้ก็เป็นลู่เฉินที่นำทางโจวอวี๋มา ดังนั้นเขาจึงเชื่อในตัวของลู่เฉิน! “แล้วเจ้าจะได้รู้กัน!”
เมื่อเห็นว่าโจวอวี๋ดูมั่นใจ เถ้าแก่อู๋พลันหันไปกระตุ้นคนอื่น ๆ แทน “ทุกท่าน ข้ามาจากสำนักค่ายกลสวรรค์ ดังนั้นพวกท่านจะเชื่อใครมากกว่ากัน ระหว่างข้า กับคนที่อยู่เพียงขั้นกลั่นลมปราณ!”
แน่นอนว่าทุกคนเชื่อในตัวเถ้าแก่อู๋ แต่เมื่อโจวอวี๋หยิบหอกออกมา ทุกคนก็ไม่กล้าที่จะทำอันใด ได้แต่มองหน้ากันไปมาเท่านั้น
ลู่เฉินมองไปที่เจี่ยลัว “ไปกันเถอะ!”
เจี่ยลัวพยักหน้าและเดินตามลู่เฉินไป
เช่นเดียวกันกับโจวอวี๋ที่ติดตามไปอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งหันมองไปยังคนอื่น ๆ แล้วกล่าวว่า “ถ้าไม่อยากถูกขังอยู่ในค่ายกลนี้ ก็จงตามมา!”
ผู้คนที่อยู่โดยรอบคล้ายจะไม่มีทางเลือกอื่น จึงพากันติดตามไปอย่างเงียบ ๆ
หลังจากเข้าไปในม่านหมอก เปลวไฟจำนวนมากพลันปรากฏขึ้นรอบบริเวณนั้นทันที
ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ทำให้ทุกคนต่างตกใจกลัว พวกเขาพากันเกาะกลุ่มอย่างกังวล “ข้ากำลังจะตาย…”
บางคนถึงกับโจมตีไปยังเปลวไฟเหล่านี้ หากแต่เปลวไฟเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยค่ายกล ดังนั้นพวกมันย่อมไม่ถูกทำลาย!
จังหวะนั้นเอง เสียงหัวเราะของเถ้าแก่อู๋ก็ดังขึ้นในความมืด “ตอนนี้พวกเจ้ารู้หรือยัง ว่าค่ายกลนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของข้า!”
ทุกคนเชื่อแล้ว! แต่เมื่อนึกถึงหอกของโจวอวี๋ พวกเขาก็ไม่กล้าโจมตีลู่เฉิน จึงทำได้เพียงร้อนรนเท่านั้น
เถ้าแก่อู๋ที่เห็นดังนั้นก็ยั่วยุเข้าไปอีก “ถ้าเจ้าไม่อยากตาย ก็จงฆ่าพวกมันให้ข้าซะ!”
ทุกคนมองหน้ากันอย่างตกตะลึง ขณะที่บางคนถึงกับถามโจวอวี๋อย่างกังวลใจว่า “คุณชายโจว ท่านบอกว่าหลังจากติดตามเขาไป พวกเราจะออกไปได้จริงหรือ?”
“คุณชายโจว ท่านไม่ได้โกหกพวกเราใช่หรือไม่?”
ทุกคนเริ่มไม่พอใจโจวอวี๋
เมื่อโดนต่อว่าเยอะเข้า โจวอวี๋พลันจ้องไปที่คนเหล่านั้นทันที “จะรีบอะไรนักหนา!”
ครั้นกล่าวจบ โจวอวี๋ก็มองไปยังลู่เฉิน ทว่าชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ในขณะที่เถ้าแก่อู๋ก็หัวเราะเยาะขึ้น พลางกล่าวว่า “หยุดฝันเสียเถอะ ค่ายกลนี้ถูกควบคุมโดยข้า และมีแต่ข้าเท่านั้นที่สามารถปล่อยพวกเจ้าออกไปได้!!”