ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 12 มือกระบี่ระดับห้าดาว?!
บทที่ 12 มือกระบี่ระดับห้าดาว?!
กลุ่มคนที่ตามมาคิดว่าลู่เฉินจะหยุด หรือไม่ก็รีบชิ่งหนีไปเมื่อใกล้ออกจากเมือง
ทว่าลู่เฉินไม่ได้หยุด เขาเดินออกจากเมืองและมุ่งตรงไปยังป่าเบื้องหน้า
ศิษย์หน้าใหม่ของสำนักฟ้าศักดิ์สิทธิ์จึงใช้โอกาสนี้ก้าวไปดักข้างหน้าทันทีเพื่อล้อมลู่เฉิน
แล้วก็เป็นหลิวหยุนซานที่หัวเราะอย่างตื่นเต้นออกมาก่อนใคร “ลู่เฉิน! คราวนี้มาดูกันว่าเจ้าจะหนีไปที่ไหนได้อีก!”
“ถ้าเจ้าไม่อยากตาย ยังไม่สายเกินไปที่จะหนีตอนนี้!” คำพูดของลู่เฉินทำให้คนเหล่านี้มองหน้ากันแล้วหัวเราะ
สือเซียวเอามือไพล่หลัง กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร?”
ลู่เฉินไม่ได้สนใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เขามองไปยังปิงหลิวหลี “คนผู้นั้น… ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้วกัน!”
“ไม่ใช่เจ้าบอกว่ามีวิธีรับมือแล้วหรอกหรือ?” เมื่อปิงหลิวหลี เห็นว่าลู่เฉินมอบโจทย์ยากมาให้ นางก็กังวลขึ้นมาทันที
จังหวะนั้นเอง ลู่เฉินพลันประทับฝ่ามือของเขาบนแผ่นหลังของเจ้าสำนักสาว!
การที่มีชายแปลกหน้ามาสัมผัสร่างกายเช่นนี้ ร่างเล็กบอบบางของปิงหลิวหลีจึงสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม “นี่เจ้า!”
“อย่าขยับ!” ลู่เฉินกล่าวราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ทว่าก็เป็นปิงหลิวหลีที่ไม่อาจอดกลั้น นางพูดอย่างเขินอายว่า “ตัวข้าเป็นหญิงบริสุทธิ์นะ!”
ลู่เฉินเมินนาง ในขณะที่ผู้คนรอบข้างพากันหัวเราะ
“ถ้าเช่นนั้นก็นับว่าน่าเสียดายนัก” หลิวหยุนซานหัวเราะ
และยิ่งลู่เฉินยังคงไม่โต้ตอบ หลิวหยุนซานก็ยิ่งได้ใจ เขาล้อเลียนว่า “ดูเหมือนว่าหลังจากคู่หมั้นทิ้งไป เจ้าจะหันไปซบอกสาวใช้แทนสินะ!”
“ใครเป็นสาวใช้ของเขากัน?” ปิงหลิวหลีโกรธขึ้นมาทันที และในขณะที่นางโคจรแผ่ลมปราณออกไปก็พลันต้องตกใจ… เมื่อพบว่าอาการบาดเจ็บของตนเองนั้นบรรเทาลงแล้ว!
ไม่เพียงแค่นั้น ขั้นพลังของนางยังกลับมาอยู่ที่จุดสูงสุดก่อนหน้านี้เสียด้วย!
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้ปิงหลิวหลีมองเข้าไปในร่างกายของตนเองอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ อัคคีเพลิงบริเวณรากวิญญาณได้ถูกแสงสีทองแปลก ๆ พันโดยรอบ ทำให้เปลวไฟนั้นอ่อนลง และทันทีที่มันอ่อนลง พลังภายในรากวิญญาณก็ค่อย ๆ แทรกผ่านออกมาอย่างต่อเนื่อง
สิ่งนี้ทำให้ปิงหลิวหลีถึงกับประหลาดใจ แววตาที่ฉายชัดถึงความตกตะลึงของนางกำลังจับจ้องไปที่ลู่เฉิน
“นับว่าพอใช้ได้” การกระทำของลู่เฉินทำให้ปิงหลิวหลีพึมพำออกมาเสียงเบา
ทางด้านสือเซียว หลังจากที่พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาก็รีบสั่งให้ทุกคนถอยออกไปทันที
ปิงหลิวหลีใช้จังหวะนี้เดินออกไปด้านหน้า นางยิ้มให้บรรดาศิษย์จากสำนักฟ้าศักดิ์สิทธิ์ “ใครอยากจะตายก่อน?”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น สือเซียวก็เอ่ยตอบกลับมาว่า “แม้เจ้าจะอยู่ในขั้นก่อกำเนิด ข้าก็ไม่กลัว!”
“โอ้! เจ้าดูมั่นใจดีหนิ?” ปิงหลิวหลีเอ่ยเย้า และในจังหวะนั้นเอง พลังปราณของสือเซียวพลันแผ่กระจายออกมา ก่อตัวเป็นชั้นแสงสีน้ำตาลเข้าปกคลุมทั่วร่างกายของเขา!
จากนั้น มันก็ได้กลายเป็นกองทรายพุ่งเข้าล้อมร่างปิงหลิวหลี!
”เจ้าเกี่ยวข้องอันใดกับราชาศิลาทราย?”
“เขาคือพ่อของข้า!” สือเซียวตอบอย่างเย่อหยิ่ง และเมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวก็หันไปมองลู่เฉินทันที “เห็นทีเรื่องนี้คงไม่ง่ายแล้ว!”
“มันก็แค่การละเล่นดินทรายเองไม่ใช่หรือ?”
“ไม่ นี่ไม่ใช่เคล็ดวิชาธรรมดาทั่วไป!” ปิงหลิวหลีกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ลู่เฉินถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “ข้าก็คิดว่าเจ้าจะแข็งแกร่ง… ทว่าแท้จริงแล้วกลับคาดหวังไม่ได้เลย!”
“เจ้า!” หลังจากที่ปิงหลิวหลีถูกกระตุ้น เคล็ดวิชากระบี่เก้าสุขสงบก็ปะทุออกมา ก่อนที่นางจะทะยานพุ่งเข้าไปหาสือเซียว
และในจังหวะนั้นเอง สือเซียวก็ได้ตะโกนบอกบรรดาศิษย์ใหม่ของสำนักว่า “ข้าจะทิ้งขยะนี้ให้พวกเจ้าจัดการ!”
หลังกล่าวจบ ทั้งสองก็เข้าปะทะกันทันที สือเซียวตั้งใจนำปิงหลิวหลีให้ทิ้งระยะห่างออกไปจากจุดเดิม เพื่อให้หลิวหยุนซานและคนอื่น ๆ สามารถล้อมจัดการลู่เฉินได้ง่าย ๆ
เมื่อหลิวหยุนซานเห็นว่าปิงหลิวหลีไม่ได้อยู่ในบริเวณใกล้เคียงแล้ว เขาก็เอ่ยออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “พี่น้อง! จับตัวเขาให้ข้าที!”
“ได้!” ศิษย์หน้าใหม่ที่เหลือรับคำ จากนั้นก็พากันทะยานพุ่งตรงไปหาเป้าหมาย
ลู่เฉินยิ้มให้กับภาพเบื้องหน้า เขาหยิบกริชออกมา ก่อนจะเร่งเปลี่ยนมันให้กลายเป็นกระบี่
ทว่าเหล่าศัตรูที่ทะยานเข้ามานั้นไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย เพราะในสายตาของพวกเขา ลู่เฉินคนนี้ไม่มีแม้แต่รากวิญญาณ และสำหรับผู้ที่ปราศจากรากวิญญาณแล้ว คนผู้นั้นก็ไม่อาจฝึกฝนไปได้ไกลกว่าขั้นกลั่นลมปราณระดับสาม!
ลู่เฉินหันไปเอ่ยกับปิงหลิวหลีที่กำลังต่อสู้กับสือเซียว “สาวน้อย คอยดูข้าให้ดีนะ!”
“สาวน้อย?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ปิงหลิวหลีก็ยิ่งโกรธจัด “ข้าอาวุโสกว่าเจ้านะ!”
ทว่าในเวลานี้เอง ทุกคนก็ได้เห็นฉากที่น่าตกตะลึง…
เงาของกระบี่กว่าห้าร้อยเล่มปรากฏขึ้น!
นี่คือปราณกระบี่จากเคล็ดวิชากระบี่เก้าสุขสงบ และที่น่าตกใจคือ ปราณประบี่นี้ถูกใช้โดยลู่เฉินที่อยู่เพียงขั้นกลั่นลมปราณระดับห้าเท่านั้น!
สำหรับปิงหลิวหลีแล้ว ปราณกระบี่ห้าร้อยเล่มนี้… กล่าวได้ว่าน่าสะพรึงยิ่งนัก!
เพราะทั่วทั้งสำนักเก้าสุขสงบ มีไม่ถึงห้าคนเท่านั้นที่สามารถเรียกปราณกระบี่ออกมาได้ถึงห้าร้อยเล่ม!!
ทว่าลู่เฉิน… ผู้ที่ไม่มีแม้แต่รากวิญญาณ และอยู่เพียงขั้นกลั่นลมปราณระดับห้า กลับสามารถเรียกและควบคุมปราณกระบี่ได้มากถึงห้าร้อยเล่ม!!!
ไม่เพียงแต่ปิงหลิวหลีเท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่สือเซียวเองก็สังเกตเห็นความผิดปกติเช่นกัน เจ้าตัวจึงรีบร้องตะโกนบอกหลิวหยุนซานและคนอื่น ๆ ว่า “ถอย!”
ทว่ามันก็สายเกินไปแล้ว!
ปราณกระบี่ทั้งห้าร้อยเล่มนี้ถูกบีบอัดเข้าด้วยกันจนกลายเป็นปราณกระบี่หนึ่งร้อยเล่ม ก่อนที่ทั้งหนึ่งร้อยเล่มนี้จะบีบอัดเข้าด้วยกันอีกครั้ง จนกลายเป็นปราณกระบี่เพียงยี่สิบเล่ม!
“บีบอัดห้าเท่า!” ดวงตาของปิงหลิวหลีเบิกกว้าง
การที่จะบีบอัดปราณกระบี่ได้นั้น ต้องเป็นมือกระบี่ระดับหนึ่งดาวเป็นอย่างน้อย และหากต้องการจะบีบอัดถึงห้าเท่า คนผู้นั้นก็ต้องเป็นมือกระบี่ระดับห้าดาวเป็นอย่างต่ำ!
ในแดนทักษิณา ไม่ต้องพูดถึงสำนักเก้าสุขสงบ แม้แต่สำนักฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังไม่มีใครไปถึงมือกระบี่ระดับห้าดาวมาก่อน!
ทว่าลู่เฉินกลับกลายเป็นมือกระบี่ระดับห้าดาวที่อยู่เพียงขั้นกลั่นลมปราณระดับห้าเท่านั้น เรื่องนี้ทำให้ปิงหลิวหลี สือเซียว และคนอื่น ๆ ในที่นี้ตื่นตกใจและหวาดกลัวยิ่ง!
หลิวหยุนซานเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก “น… นะ… นี่มันเป็นไปได้ยังไง!”
ลู่เฉินเผยรอยยิ้มประหลาด ก่อนจะฟาดกระบี่ออกไป
หลังจากบีบอัดถึงห้าเท่า ปราณกระบี่ทั้งยี่สิบเล่มก็แข็งแกร่งกว่าปราณกระบี่ห้าร้อยเล่มนับสิบเท่า!
กอปรกับความช่วยเหลือของสวีปิงจากเบื้องหลัง ลู่เฉินและกระบี่จึงได้ก้าวไปถึงระดับหลอมรวมเจตกระบี่ ‘คนกระบี่รวมเป็นหนึ่ง’ แล้ว!
ฉับพลันนั้นเอง ปราณกระบี่ทั้งยี่สิบเล่มก็พุ่งทะยานดุจธนูแล่นจากคันศร มันมุ่งไปหาศัตรูที่อยู่รายล้อมอย่างดุดัน!
ฉึก ฉึก ฉึก!
“โอ๊ย!”
“อ๊ากกก!”
คนเหล่านั้นต่างกรีดร้องออกมา ศิษย์บางคนซึ่งมีขั้นพลังอ่อนแอไม่อาจต้านรับอาการบาดเจ็บนี้ได้ สุดท้ายก็สิ้นลมหายใจไปอย่างรวดเร็ว
หลิวหยุนซานได้รับบาดเจ็บที่ตาข้างหนึ่ง และด้วยความกลัวที่เข้าครอบงำ เขาไม่รอช้า เร่งบดขยี้ยันต์หลบหลีกที่อยู่ในมือ แล้วหนีหายไปทันที!
ส่วนสือเซียว เขาเองก็ไม่กล้าฝืนต่อสู้อีกต่อไป รีบหันหลังจากไปทันที!
อย่างไรก็ตาม ศิษย์ใหม่จากสำนักฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ล้มลงกับพื้นไม่ได้โชคดีนัก…
เพราะเมื่อลู่เฉินเข้าถึงตัวคนเหล่านั้น ชายหนุ่มก็ทำลายการบ่มเพาะของพวกเขา ทว่าคนเหล่านั้นกลับไม่กล้าแม้แต่จะโกรธเคือง
ในทางกลับกัน พวกเขาต่างกล่าวขอบคุณที่ลู่เฉินไว้ชีวิตกันเสียยกใหญ่!
ราวกับว่าลู่เฉินไม่เห็นคนเหล่านั้นอยู่ในสายตา เขาไม่ยินดียินร้าย ไม่เอ่ยตอบคำใด เพียงแต่ทำลายการฝึกฝน แล้วปล่อยให้คนเหล่านั้นวิ่งหนีหายไป
จนกระทั่งผู้คนจากหายไปหมด ชายหนุ่มก็พลันถอนหายใจออกมา
‘ขั้นกลั่นลมปราณระดับห้ายังอ่อนแอเกินไป!’ เขาคิด
หากจะใช้ปราณกระบี่แบบเมื่อครู่นี้อีกครั้ง เกรงว่าคงไม่อาจทำได้ เพราะรากฐานของเขาในตอนนี้อ่อนแอเกินไป ทั้งในส่วนของขั้นพลัง และการปราศจากรากวิญญาณ!
ปิงหลิวหลีจ้องไปยังลู่เฉินด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เจ้า… เจ้าไปเรียนเคล็ดวิชากระบี่เก้าสุขสงบมาจากที่ใด?”
“มันก็แค่เคล็ดวิชากระบี่เท่านั้นไม่ใช่หรือ?”
เมื่อเห็นว่าลู่เฉินตอบไม่ตรงคำถาม นางจึงเอ่ยออกมาอีกครา “บอกข้ามา เจ้าเป็นมือกระบี่ระดับห้าดาวใช่หรือไม่?”
มือกระบี่ระดับห้าดาว?
ลู่เฉินยิ้มโดยไม่ตอบอะไรกลับไป
เนื่องจากมือกระบี่ระดับห้าดาวนั้นนับว่าต้อยต่ำยิ่งนักในสายตาเขา และเหตุผลที่เขาใช้เพียงการบีบอัดห้าเท่า… ก็เพราะการฝึกฝนของเขาตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป!
หากรากฐานการฝึกฝนแข็งแกร่งมากขึ้น และมีพลังปราณที่มากกว่านี้ ชายหนุ่มย่อมสามารถแสดงเคล็ดวิชากระบี่เก้าสุขสงบในระดับที่สูงกว่า หรือแม้แต่ออกด้วย ‘การบีบอัด’ ของเซียนกระบี่ได้!