ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 115 นี่ไม่เรียกว่าฝัง เรียกว่าการภักดี!
บทที่ 115 นี่ไม่เรียกว่าฝัง เรียกว่าการภักดี!
ลู่เฉินชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะบอกเจี่ยลัวให้วางใจ จากนั้นจึงสาวเท้าก้าวต่อไป
ต้นไม้ผีที่กลายร่างเป็นชายชราเห็นเช่นนั้นก็พลันพึมพำในใจว่า ‘พ่อหนุ่มผู้นี้ ไม่กลัวว่าข้าจะทำร้ายเขาจนตายหรือ?’
“จงยื่นมือออกมา!” ลู่เฉินมาหยุดตรงหน้าชายชรา ทว่าชายชรากลับเอ่ยถามกลับมาว่า “เจ้าคงไม่ถือโอกาสนี้จัดการข้าใช่หรือไม่?”
ลู่เฉินแสยะยิ้ม “ข้ากล้าเดินมาตรงหน้าเจ้า แต่เจ้ากลับไม่กล้ายื่นมือออกมา? หรือว่าความกล้าหาญของเจ้ามีน้อยกว่าข้างั้นหรือ?”
ลู่เฉินเอ่ยยั่วยุ ทำให้ชายชรายื่นมือขวาออกมาทันที และยังขู่ลู่เฉินว่า “ข้าจะบอกเจ้าให้ เข็มเล่มนั้นมันเอาออกได้ไม่ง่ายเลย!”
“ง่ายหรือไม่ง่าย …ให้ข้าลองดูเดี๋ยวก็รู้!” ลู่เฉินเอ่ยจบก็หลับตาลง เขาแทรกจิตเข้าไปภายในร่างกายอีกฝ่าย จากนั้นจึงสำรวจจนกระทั่งพบเข้ากับเข็มสีดำเล่มหนึ่งที่ฝังอยู่ในร่างกายของชายชรา
ที่แท้ปลายเข็มสีดำเล่มนี้ก็ปักอยู่บนจิตวิญญาณต้นไม้ของชายชราผู้นี้!
“นี่หรือ ช่างง่ายนัก เพราะข้าก็แค่ดึงมันออกมาก็จบแล้ว!”
“ไม่มีประโยชน์ เข็มเล่มนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของคนพวกนั้น นอกเหนือจากว่าพวกเขาจะดึงมันออกมาเอง …ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเอามันออกมาได้!”
“เรื่องเล็กน้อย!” พูดจบ ลู่เฉินก็ปล่อยกระแสปราณผ่านเข้าไปในร่างกายของชายชรา ทำให้อีกฝ่ายถึงกับตกใจ “นี่… นี่เจ้าจะทำอะไร?”
“ข้าจะผนึกเข็มนี่เสียก่อน” เขาใช้พลังปราณผนึกอักขระยันต์บนเข็มเล่มนั้น
รอให้เข็มเล่มนั้นถูกผนึกอย่างสมบูรณ์แล้ว จึงใช้วิชาคุมจิตวิญญาณ
เพียงไม่นาน เข็มเล่มนั้นก็พุ่งออกมาจากร่างของชายชรา และไปตกอยู่บนมือลู่เฉินอย่างง่ายดาย!
ชายชราแทบไม่อยากเชื่อกับภาพตรงหน้านี้ เขาเริ่มสำรวจร่างกายของตัวเอง และหลังจากยืนยันได้ว่าเข็มที่หลุดออกมาคือเข็มที่อยู่ภายในร่างกายของตนเองจริง ๆ เขาก็ยิ่งตกตะลึง
“นี่!”
“ตอนนี้เจ้าก็สามารถพูดถึงเรื่องของคนพวกนั้นได้แล้ว”
เมื่อไม่ได้ถูกเข็มพันธนาการไว้ ชายชราจึงอดไม่ไหว เริ่มขยับปากพูดเรื่องทุกอย่างออกมา
“…ที่แดนวิญญาณแห่งนี้ มีเหวอยู่แห่งหนึ่ง ที่นั่นมีกลุ่มคนที่คอยปราบปรามภูตผีและเลี้ยงซากศพ”
“ซากศพ?” ลู่เฉินคิดว่าน่าจะเป็นคนขนซากศพพวกนั้น
“ใช่ ก็คือคนที่ขนย้ายศพพวกนั้น”
“เช่นนั้น จุดประสงค์การขนส่งศพของคนพวกนั้นคืออะไร?”
“เพื่อทำให้ข้าออกผลวิญญาณทมิฬให้พวกเขา!” ชายชราเอ่ย และลู่เฉินก็เหมือนจะนึกขึ้นมาได้ “ที่แท้ก็เพื่อผลวิญญาณทมิฬ”
“ใช่!”
ลู่เฉินมองไปรอบ ๆ “แล้วเหตุใดถึงต้องเลือกที่นี่? ไม่เลือกเหวนั่น?”
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้ รู้เพียงแค่พวกเขาให้ข้าปักหลักอยู่ที่นี่”
“นานแค่ไหนแล้ว?”
“หลายร้อยปีแล้ว!” ชายชรากล่าว
ลู่เฉินที่ได้ยินข้อมูลมากมายเช่นนี้พลันคิดหนัก เขาเงียบขรึมลง ในหัวมีสิ่งต่าง ๆ มากมายไหลวนไปทั่ว
ชายชราผู้นั้นมีท่าทีลังเลเล็กน้อย “เช่นนั้น ข้าไปได้หรือยัง?”
“ไป?”
“ข้าถูกพวกเขาขังไว้นานหลายปี ข้าอยากจะออกไปจากที่แห่งนี้” ชายชราพูดอย่างลำบากใจ แต่ลู่เฉินกลับกล่าวว่า “เจ้าไปกับข้าเถอะ มิเช่นนั้น เจ้าอาจจะถูกคนพวกนั้นจับไปอีกก็เป็นได้”
“ไปกับเจ้า?”
“อันใด? เจ้าข้องใจหรือ?”
“หากไปกับเจ้า มันก็ไม่เกิดประโยชน์ใดแก่ข้าสิ!” เมื่อชายชราพูดประโยคนี้ออกมา เจ้าตัวก็พลันรู้สึกผิดเล็กน้อย
“ประโยชน์?”
“ใช่!” ชายชราถอยหลังไปสองสามก้าว กลัวว่าลู่เฉินจะลงมือกับตน แต่ลู่เฉินกลับจ้องเขาพลางเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่าข้าอาจจะจำเป็นต้องเพิ่มอักขระยันต์หุ่นเชิดให้เจ้าอีกสักหน่อย”
“นี่ มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดกัน!” ชายชราเริ่มหาที่หลบ เขามองไปรอบ ๆ คิดอยากจะออกไปจากที่นี่ แต่เพราะมีค่ายกลปกคลุม เจ้าตัวจึงไม่สามารถออกไปได้ ทำได้เพียงคุยกับลู่เฉินอยู่ที่นี่
ลู่เฉินหรี่ตาลงและจ้องมองอีกฝ่าย
กิริยาเช่นนี้ทำให้ชายชราตื่นตระหนกขึ้นมา ส่วนลู่เฉินก็รู้ดีว่าถ้าไม่มีค่ายกล อีกฝ่ายคงเผ่นหนีไปไกลแล้ว เห็นทีคงต้องเพิ่มผนึกอีกสักหน่อยเสียแล้ว!!
แต่ชายชราผู้นี้ไม่ต้องการ “ขอเพียงแค่เจ้าไม่ใช้ผนึกกับข้า ไม่ว่าจะอย่างไรข้าก็จะฟังเจ้า!”
“แน่ใจหรือ?”
“ใช่!” ชายชรายืนยัน แต่ลู่เฉินไม่เชื่อ “เช่นนั้นเจ้าตามข้ามา”
“คิดทำอันใด?”
“ข้าอยากยืนยันว่าเจ้าไม่ได้โกหก” ลู่เฉินหันไปพูดกับชายชรา แต่อีกฝ่ายกลับสงสัยและเอ่ยถามออกมา “หากข้าโกหก เจ้าก็จะรู้?”
“ลองดู เดี๋ยวก็รู้”
ชายชราครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยถาม “ลองเช่นไร?”
“หันหลังให้ข้า”
ชายชราจึงหมุนตัวหันหลัง ในใจก็คิดว่าลู่เฉินจะตรวจสอบว่าตนพูดโกหกเช่นไร
ส่วนลู่เฉิน เมื่อวางมือข้างหนึ่งไว้บนหลังของอีกฝ่าย เขาก็ได้ปล่อยพลังบางอย่างเข้าไป
พลังนั้นห่อหุ้มจิตวิญญาณต้นไม้อีกฝ่ายไว้ จนทำให้ชายชราแปลกใจ “นี่คืออันใด?”
“ผ่อนคลายเข้าไว้”
“นี่… แท้จริงแล้วมันคืออะไร?” ชายชราวิตกกังวลเล็กน้อย เกร็งตัวขัดขวางพลังนั้น ทำให้สิ่งนั้นไม่สามารถเข้าใกล้จิตวิญญาณต้นไม้ได้
“เจ้าต้องอย่าขัดขวาง ทำตัวผ่อนคลายเข้าไว้”
“ให้ข้าปล่อยมันผ่านเข้ามา?”
“ใช่!”
ชายชราคาดเดาว่าสิ่งนี้ไม่น่าจะมีภัยใดร้ายแรง เพราะอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐานเท่านั้น เขาจึงค่อย ๆ คลายกังวลลง
และขณะนั้นเอง อักขระยันต์หุ่นเชิดของลู่เฉินก็ได้ฝังเข้าไปในจิตวิญญาณนั้นอย่างรวดเร็ว!
ฉับพลันนั้น ชายชราก็สัมผัสได้ถึงสิ่งแปลก ๆ เขากล่าวอย่างตื่นตระหนกทันที “นี่เจ้า!”
“ใช่ มันคืออักขระยันต์หุ่นเชิด” ลู่เฉินว่าพลางเก็บมือกลับไป ส่วนชายชราก็ได้แต่ตาเบิกกว้าง “เจ้า… เจ้าโกหกข้า?”
“ใช่แล้ว เพราะมันคือสายสัมพันธ์ระหว่างเราที่ทำให้ข้าเชื่อใจเจ้าได้”
ชายชราที่ได้ยินก็พลันระเบิดโทสะออกมา หน้าของเขาถึงกับแดงก่ำ “เจ้ามันไอ้บัดซบจอมกะล่อนปลิ้นปล้อน!”
“เมื่อครู่เจ้ารับปากเองว่าจะติดตามข้า ตอนนี้กลับเปลี่ยนใจแล้วหรือ?”
“ข้ารับปาก แต่ไม่ได้พูดว่าจะเป็นหุ่นเชิดของเจ้า!” ชายชราไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ลู่เฉินที่ไม่อยากอธิบายให้มากความจึงพูดเพียงว่า “จงเปลี่ยนเป็นสิ่งนี้เสียดี ๆ!”
“เปลี่ยนเป็นสิ่งของ?” ชายชราไม่เข้าใจ
“เจ้าคงไม่ได้ตั้งใจจะตามข้าไปในสภาพนี้ใช่หรือไม่?”
“เช่นนี้แล้วมีปัญหาอันใด?” สีหน้าของชายชราเต็มไปด้วยความสงสัย
“เจ้าเป็นต้นไม้ผี แต่ตอนนี้แปลงกายเป็นมนุษย์ และการคงร่างนี้ไว้ก็ต้องใช้พลังไม่น้อย ถ้าหากเจ้าเป็นเช่นนี้ตลอด ผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร ตัวเจ้าก็น่าจะรู้ดี”
ชายชราถึงกับชะงัก จากนั้นจึงเอ่ยถามว่า “เจ้าอยากให้ข้าเปลี่ยนเป็นอะไร?”
“กระบี่ไม้!”
“กระบี่ไม้? เหตุใด?” ชายชรามีสีหน้างุนงง
ลู่เฉินคร้านจะอธิบายให้ฟัง เขาจึงสั่งให้เปลี่ยนกระบี่ไม้สีดำ ก่อนจะมอบมันให้เจี่ยลัว
“ข้ามอบให้เจ้าใช้เป็นอาวุธ”
“ข้า?” เจี่ยลัวตกใจ
ชายชราในสภาพกระบี่ไม้สีดำพลันกังวลใจ “เหตุใดถึงมอบข้าให้เขา?”
“เขายังขาดอาวุธ ส่วนเจ้าก็เก่งในการซึมซับไอซากศพ ถ้าหากพวกเจ้าร่วมมือกัน มันก็จะเกิดผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง”
“แต่ แต่ข้าไม่มีประโยชน์ใด!” เมื่อชายชราพบว่าตัวเองเป็นเพียงสิ่งของของผู้อื่น เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ
ทว่าลู่เฉินกลับยิ้มออกมา “วางใจเถอะ ข้าจะสอนวิธีการดูดซับไอซากศพให้เร็วมากขึ้นวิธีหนึ่ง มันจะต้องเกิดประโยชน์แก่เจ้าแน่ ๆ!”
“เจ้าคงไม่ได้หลอกข้านะ?”
“เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าเสียตอนนี้ เจ้าจงตั้งใจฟังให้ดี” ลู่เฉินเก็บรอยยิ้มเข้าไป และเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง
สีหน้าเช่นนี้ทำให้ชายชราและเจี่ยลัวต่างก็แปลกใจ พวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดลู่เฉินจึงทำตัวคล้ายกับมีลับลมคมในนัก!!