ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 114 ต้นไม้ผี และบีบบังคับให้ชายชราคนหนึ่งออกมา!
บทที่ 114 ต้นไม้ผี และบีบบังคับให้ชายชราคนหนึ่งออกมา!
ศพสวรรค์หกดาว สิ่งนี้เปรียบได้กับความแข็งแกร่งของขั้นก่อกำเนิด โดยเฉพาะที่แดนวิญญาณแห่งนี้!
ดังนั้นแต่ละคนจึงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
บางคนยังตะโกนออกมาว่า “ผลไม้นั่น สามารถเพิ่มขั้นพลังได้อย่างแท้จริง!”
คำพูดนี้ไม่รู้ผู้ใดเป็นผู้ตะโกนออกมา ทำให้ผู้คนมากมายถึงกับมีท่าทีราวกับปีศาจจอมกระหาย “พวกเราจะเฝ้าอยู่ที่นี่!”
“ใช่ พวกเราก็ต้องการผลไม้นี้เช่นกัน!”
เมื่อเห็นคนพวกนี้ทำตัวราวกับคนงี่เง่า ลู่เฉินจึงได้แต่ถอนหายใจ “เหตุใดคนพวกนี้จึงได้เชื่อนักว่าผลวิญญาณทมิฬนี้มีประโยชน์กับพวกเขา?”
“ผู้อาวุโส เราไปกันเลยหรือไม่?” เจี่ยลัวที่มองสำรวจตนเองแล้วก็เอ่ยถาม
ทว่าลู่เฉินกลับมองไปยังภายในเขตแดน เมื่อพบว่าเหลือไอซากศพไม่มากเท่าไหร่ เขาจึงจ้องมองไปยังต้นไม้นั้น “ไม่รีบ ข้าจะเล่นกับต้นไม้นี้สักหน่อย!”
“เล่น?” เจี่ยลัวไม่เข้าใจ ส่วนคนอื่น ๆ ก็ยิ่งไม่รู้ว่าลู่เฉินพูดว่าอันใด
ทันใดนั้นก็เห็นลู่เฉินเดินมาถึงข้าง ๆ ต้นไม้ใหญ่ และเอามือข้างหนึ่งวางไว้บนลำต้น ค่อย ๆ หลับตาลง จากนั้นก็สัมผัสถึงจิตวิญญาณในต้นไม้นี้
“ข้ารู้ว่าเจ้าสามารถสัมผัสถึงข้าได้” เสียงจิตวิญญาณของลู่เฉินดังกังวานภายในต้นไม้นี้
“เจ้าคิดจะทำอันใด?” เสียงหนึ่งที่ดูมีอายุถามกลับมา
ลู่เฉินจึงตอบกลับไปว่า “ติดตาม”
“ติดตามเจ้า? เหตุใดข้าจึงต้องทำเรื่องบ้าบอเช่นนั้น?” เสียงของชายชรากล่าวอย่างดูถูก ซึ่งลู่เฉินที่รู้บางอย่างเกี่ยวกับต้นไม้ผีนี้ก็ได้เผยยิ้มพลางกล่าวว่า “เพราะเจ้าไม่มีทางเลือก”
“เจ้าคงไม่คิดว่าตัวเจ้าแข็งแกร่งทรงพลังกระมัง?”
“ก็พอไหว”
ต้นไม้ผีตะคอกออกมาดังลั่น “มดแมลงตัวจ้อยเช่นเจ้า ช่างไม่รู้จักตายเสียแล้ว!”
อึดใจถัดมา จู่ ๆ บนพื้นก็ปรากฏเถาวัลย์สีดำ ก่อนที่มันจะพันล้อมลู่เฉินและแขวนร่างเขาให้ลอยขึ้น
ภาพที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ผู้คนต่างตกตะลึง
“ต้นไม้นี้… มันขยับ!” มีคนร้องขึ้นมา
“นี่มัน…” บางคนก็ตกตะลึงไปแล้ว
เจี่ยลัวพลันร้อนใจขึ้นมา “ผู้อาวุโส”
“ข้าไม่เป็นไร เจ้ายืนตรงนั้น ไม่ต้องขยับ!” ลู่เฉินกลัวว่าเจี่ยลัวจะร้อนใจจนรีบเข้ามาช่วย จึงบอกไปให้วางใจ ก่อนจะหันไปจัดการกับต้นไม้ต่อ
เจี่ยลัวที่ได้ยินเช่นนั้นก็วางใจ ทว่าหลี่ว์ซือที่อยู่ด้านนอกนั้นรู้สึกกังวลยิ่งนัก แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าไปได้ จึงทำได้เพียงมองอยู่ด้านนอก
ลู่เฉินนั้นหลับตาลงและหันไปคุยกับต้นไม้ต่อ “เจ้าต้องการเช่นนี้จริง ๆ หรือ?”
“ข้าขอเตือนอะไรบางอย่าง หากข้าคิดจะฆ่าเจ้าจริง ๆ เจ้าก็คงกลายเป็นศพไปแล้ว!” น้ำเสียงนี้เต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม
“ดูเหมือนว่า ข้าคงจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องทำให้เจ้ารู้ว่าข้าแข็งแกร่งแค่ไหน!” พูดจบ ลู่เฉินก็ใช้ ‘วิชาคุมจิตวิญญาณ’ ทันที
ทุกสรรพสิ่งล้วนมีจิตวิญญาณ
ภายใต้วิชาควบคุมจิตวิญญาณนี้ ลู่เฉินควบคุมเถาวัลย์ของต้นไม้ที่ล้อมรอบตนเอง ก่อนจะดูดซับพลังจากมัน ทำให้เถาวัลย์นี้แห้งลงและแตกหักออก
เขาจึงสามารถหลุดออกมาได้อย่างง่ายดาย!
ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้ทุกคนต่างแปลกใจนักว่าเหตุใดลู่เฉินจึงทำเช่นนี้ได้!
ทางด้านต้นไม้ผี มันเองก็อยู่ในอาการตกตะลึงเช่นกัน ทว่ามันยังไม่ทันได้พูดอันใด ลู่เฉินก็เอามือแนบกับลำต้น ก่อนจะหลับตาพร้อมกล่าวว่า “เจ้าก็เห็นแล้ว ถ้าหากข้าต้องการ อย่าพูดถึงเถาวัลย์พวกนั้นเลย แม้แต่ทั้งต้น… ข้าก็สามารถกลืนกินมันลงไปทั้งหมดได้!”
“ทว่าก่อนที่เจ้าจะกินหมด ข้าเองก็มีวิธีฆ่าเจ้าให้ตายได้ในพริบตา!!” เสียงชายชราพูดอย่างโอ้อวด
ลู่เฉินที่ได้ยินจึงยิ้มออกมา “เมื่อครู่ข้าได้จัดค่ายกลไว้รอบ ๆ ซึ่งนอกจากจะเร่งดูดซึมไอซากศพแล้ว มันยังมีอีกค่ายกลที่สามารถควบคุมเจ้าได้”
“ควบคุมข้า? คิดขมขู่ข้างั้นหรือ?!”
“เจ้าไม่เชื่อ?”
“ถ้าหากมีจริง เมื่อครู่ที่ข้าโจมตีเจ้า เหตุใดจึงไม่ใช้มันเล่า?”
“ข้าเพียงไม่อยากให้เจ้าบาดเจ็บ เพราะไม่เช่นนั้นเจ้าคงจะอับอายมาก”
“อย่าโอ้อวดให้มากนัก!”
“เช่นนั้นเจ้าคิดจะลองดู?”
“มาก็มา!” เมื่อต้นไม้ชราเอ่ยจบ จู่ ๆ ก็เกิดกระแสลมรุนแรงแผ่กระจายบนต้นไม้ และเพียงพริบตาเดียว ร่างของลู่เฉินก็พลันกระเด็ดลอยออกไป
ตูม!
ร่างของลู่เฉินกระแทกเข้ากับเขตแดนค่ายกล
ทำให้ผู้คนที่มองมาต่างพากันอ้าปากค้าง ก่อนจะเป็นหลี่ว์ซือที่ถามด้วยความร้อนใจ “เป็นเช่นไรบ้าง?”
เจี่ยลัวที่เห็นดังนั้น เขาเองก็ไม่รอช้า รีบไปเข้าหาลู่เฉินและประคองชายหนุ่มทันที “ผู้อาวุโส ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
ขณะนั้น ภายในร่างกายของลู่เฉินได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ชายหนุ่มพบว่าเมื่อครู่ที่ถูกโจมตี พลังที่โจมตีเข้ามานั้น จู่ ๆ ก็แตกกระจายออก และพากันแยกไปตามส่วนต่าง ๆ อย่างไม่อาจควบคุม!
ทว่าปรากฏการณ์เช่นนี้ก็มีข้อดีเช่นกัน เพราะแท้จริงแล้วการโดนโจมตีเพียงจุดเดียวจะอันตรายยิ่งกว่า ส่วนการกระจายความเสียหายเช่นนี้ มันจะทำให้บาดเจ็บน้อยกว่า และใช้เวลาเพียงไม่นาน พลังที่ตกค้างอยู่ก็จะค่อย ๆ สลายหายไป
แต่ลู่เฉินก็ยังคงสับสน “นี่คือผลของรากสวรรค์ผกผัน หรือพลังของเคล็ดนพชาติหวนคืน?”
ทว่าไม่มีผู้ใดอธิบายแก่ลู่เฉินได้ ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงสงบสติอารมณ์ ไม่กล้าวู่วามอีก เพราะหากอีกฝ่ายโจมตีอีกครั้ง มีหวังได้ตายแน่!
ดังนั้นลู่เฉินจึงเอามือข้างหนึ่งวางไว้บนเขตแดนค่ายกล กระตุ้นให้มันปล่อยหมอกขาว จนผู้คนภายนอกไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ด้านในได้!
“นี่มันเกิดอันใดขึ้น?” มีคนตะโกนขึ้นมา
หลี่ว์ซือเองก็รู้สึกสับสน จึงเริ่มตะโกนออกมา แต่ด้านนอกและด้านในราวกับคนละโลก เพราะแม้แต่เสียงก็ไม่สามารถดังออกมาภายนอกได้
ทว่าลู่เฉินสามารถได้ยินเสียงจากภายนอก!
ส่วนเจี่ยลัว สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เขาตกตะลึง จึงร้องถามออกไปว่า “ผู้อาวุโส ท่านคิดใช้ค่ายกลจัดการมัน?”
“ใช่!” พูดจบ แสงสีทองก็พุ่งไปยังต้นไม้ผี ทำให้มันสาปแช่งออกมาราวกับว่าเกลียดแสงสีทองนี้มาก “นี่มันคือเรื่องบัดซบอันใดกัน?”
“แน่นอนว่าเป็นการโจมตีของค่ายกลอย่างที่ข้าเคยบอก แต่ข้าได้เพิ่มบางอย่างที่สามารถควบคุมวิญญาณต้นไม้เช่นเจ้าเข้าไปด้วย!”
ครั้นได้ฟังถึงตรงนี้ ต้นไม้ผีก็รู้สึกกังวลใจ มันจึงเปลี่ยนร่างเป็นชายชราที่ทั่วทั้งร่างแผ่ไอพลังสีดำออกมา ก่อนจะตั้งท่าหนีไป
แต่เมื่อมีค่ายกลนี้อยู่ ชายชราจึงไม่สามารถหนีออกไปได้ ทำได้เพียงเบิกตาโพลงอยู่ที่นั่น “เจ้า!”
“ข้าบอกแล้ว เจ้ามีเพียงทางเลือกเดียว!”
“ข้าจะฆ่าเจ้า!” จู่ ๆ ชายชราก็เดินเข้ามาประชิดด้านหน้าลู่เฉินทันที ซึ่งเจี่ยลัวก็ได้พุ่งหมัดออกไป บีบให้ชายชราผู้นี้ถอยหลัง ทำให้ชายชราก่นด่าสาปแช่งออกมา “พวกเจ้า…”
ลู่เฉินรู้ถึงคุณค่าของต้นไม้ผีนี้ดี ดังนั้นเขาจึงไม่คิดฆ่าอีกฝ่าย และหันไปพูดกับต้นไม้นั่นว่า “จงติดตามข้า นี่คือทางเลือกเพียงทางเดียวที่เจ้ามี!”
“ถ้าหากไม่ทำ เจ้าจะฆ่าข้าหรือไม่?”
“ฆ่าเจ้า? …คงไม่ แต่ข้าจะปิดผนึกความทรงจำของเจ้า ถึงเวลานั้นค่อยเพิ่มอักขระยันต์หุ่นเชิดอีกสักหน่อย หลังจากนั้นเจ้าก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดของข้า!”
“เจ้า!” ชายชราได้แต่ตกตะลึง
“เป็นเช่นไร?” ลู่เฉินแสดงสีหน้ารอคอยด้วยความหวัง
ทว่าชายชรากลับตอบอย่างหดหู่ใจว่า “บอกตามตรง ภายในร่างกายของข้ามีเข็มเล่มหนึ่ง และเข็มเล่มนี้คอยควบคุมข้าอยู่ตลอด ทำให้ข้าไม่สามารถหักหลังพวกเขาได้!”
“พวกเขา?” ลู่เฉินย้อนถามด้วยความแปลกใจ
“ใช่ ก็คือหญิงสาวผู้นั้น!”
ลู่เฉินพลันหวนคิดถึงหญิงสาวเป่าขลุ่ยทันที “พวกเขาเป็นใคร ทำอะไรกับพวกเจ้า?”
“พวกเขาควบคุมข้า ทำให้ข้าไม่สามารถพูดความลับนั้นได้ มิเช่นนั้น ข้าจะกลายเป็นเถ้าถ่าน!” ชายชรากล่าวอย่างหมดสิ้นหนทาง
“เช่นนั้นก็ง่ายมาก ข้าเอาเข็มเล่มนั้นออกก็จบแล้ว”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ชายชราพลันมองลู่เฉินด้วยสายตาประหลาดใจ “เจ้าอย่าคิดเล่นตลกกับข้า”
“เล่นตลก? เจ้าคิดว่าข้าเหมือนกำลังเล่นตลกอยู่งั้นหรือ? ลู่เฉินย้อนถามและก้าวเข้าไปทีละก้าว ทำให้เจี่ยลัวรู้สึกกังวลใจขึ้นมาจนต้องกล่าวว่า “ผู้อาวุโส… ระวัง!”