ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 104 ความเร็วที่เร็วมาก!
บทที่ 104 ความเร็วที่เร็วมาก!
คนขนซากศพเหล่านั้นช่างแปลกประหลาดนัก
ลู่เฉินได้แต่สงสัย “คนพวกนี้ แท้จริงแล้วทำอะไรกัน เหตุใดถึงต้องขนซากศพมาไว้ที่นี่?”
ขณะที่ลู่เฉินกำลังสงสัยอยู่นั้น ตู๋ซานชิงและคนอื่น ๆ ก็พลันปรากฏตัวขึ้น
“เจ้าหนูบัดซบนั่นอยู่ตรงนั้น!” ตู๋ซานชิงหันไปพูดกับชายสวมหน้ากากสีเงินที่ปิดบังใบหน้าครึ่งซีก
ดวงตาของชายหน้ากากสีเงินจ้องมองไปยังลู่เฉินที่อยู่ภายใต้ไอซากศพเหล่านั้น พลางครุ่นคิดบางอย่าง
ในขณะที่ผู้คนที่หลบซ่อนตัวอยู่บริเวณรอบ ๆ ก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวออกมาและถกเถียงกัน “นั่น ใช่คนของโถงพิสุทธิ์หรือไม่ ที่ว่าเก็บตัว ไม่ค่อยออกมา?”
“ใช่ เขานั่นแหละ ได้ยินมาว่าเป็นคนของสำนักไร้สุญญะ”
“เขา… มาได้เช่นไร?”
“คิดว่าน่าจะเป็นตัวแทนของโถงพิสุทธิ์กระมัง!”
“แต่เขาก็ไม่ใช่คนของโถงพิสุทธิ์!”
“แต่ข้าได้ยินมาว่าเขาพักอยู่ในโถงพิสุทธิ์มาหลายปีแล้ว!”
….
ลู่เฉินพึมพำขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงคนเหล่านั้นสนทนากัน
“สำนักไร้สุญญะ?”
สถานที่นี้ลู่เฉินเคยได้ยินมาเมื่อหนึ่งแสนปีที่แล้ว แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ามันตั้งอยู่ที่ใด รู้เพียงแค่ใครคือผู้ก่อตั้งสำนักไร้สุญญะ นั่นคือจักรพรรดิหลู่ฮวง ว่ากันว่าเป็นผู้ฝึกกายเนื้อที่สามารถฆ่าเซียนคนหนึ่งตายด้วยหมัดเดียว!
แต่ลู่เฉินไม่เคยพบมาก่อน เพียงแค่ได้ยินมาเท่านั้น เวลานี้เขาจึงเริ่มสงสัยเกี่ยวกับสำนักไร้สุญญะ
“เจ้าหนู กลัวแล้วล่ะสิ?” ตู๋ซานชิงชี้ไปที่ชายหน้ากากสีเงินผู้นั้นด้วยความภาคภูมิใจ
ไม่เพียงแค่ตู๋ซานชิงเท่านั้น เฮยเฟิงเองก็กล่าวออกมาเช่นกัน “เจ้าหนู เคยได้ยินเกี่ยวกับสำนักไร้สุญญะหรือไม่?”
ทว่าลู่เฉินไม่ได้ตอบ เขาเพียงแค่จ้องมองไปยังคนผู้นั้น
เขาพบว่าบนร่างกายของคนผู้นั้นไม่มีพลังปราณแม้เพียงสักนิด และลู่เฉินทราบดีว่าร่างกายของอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งมาก! แข็งแกร่งจนสามารถปลิดชีวิตผู้ฝึกตนขั้นหลอมแก่นแท้ได้ด้วยหมัดเดียวอย่างง่ายดาย!
ดังนั้นลู่เฉินจึงไม่คิดรีบลงมือ เพียงแค่จ้องมองไปยังอีกฝ่ายแล้วถามว่า “เจ้าต้องการลงมือแทนพวกเขา?”
“ข้าเพียงแค่ทำการแลกเปลี่ยนบางอย่างกับพวกเขา” ชายหน้ากากสีเงินผู้นั้นตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แลกเปลี่ยน?”
“ใช่! เพียงแค่เอาชนะเจ้า ข้าก็จะได้รับยาชำระล้างระดับสิบดาวหนึ่งเม็ด!” ชายหน้ากากสีเงินตอบอย่างตรงไปตรงมา และตู๋ซานชิงก็ยังหยิบเม็ดยาออกมาให้เห็น “เจ้าหนู เห็นหรือยัง ยาชำระล้างเป็นของที่ผู้ฝึกกายเนื้อต้องการมากที่สุด!”
ลู่เฉินที่ได้ฟังกลับเผยรอยยิ้มออกมา “ยาชำระล้างใช้เพื่อเปลี่ยนสภาพทางร่างกายของผู้ฝึกกายเนื้อ ว่ากันว่า…แม้แต่ผู้ก่อตั้งสำนักไร้สุญญะก็ยังต้องการเม็ดยาพวกนี้ ใช่หรือไม่?”
“เจ้าเองก็รู้เยอะเหมือนกันนี่” ชายหน้ากากสีเงินผู้นั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เช่นนี้แล้วกัน อย่าว่าแต่หนึ่งเม็ดเลย ข้าให้เจ้าหนึ่งร้อยเม็ดก็ยังได้!”
จบประโยคดังกล่าวของลู่เฉิน ดวงตาของชายหน้ากากสีเงินก็แวววับขึ้นมา ส่วนตู๋ซานชิงกลับยิ้มเย้ยหยันแล้วเอ่ยว่า “เจ้าหนู ยาชำระล้างนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถกลั่นออกมาได้ และหลังจากปีนั้นที่กลั่นยาออกมาหลายสิบเม็ดก็ไม่มีใครสามารถทำได้อีก มันจึงมีจำนวนน้อยยิ่งนัก!”
“เช่นนั้นแล้วยังไงล่ะ?”
“คนผู้นั้นกลายเป็นเซียนไปแล้ว! เจ้าคิดว่าหนึ่งร้อยเม็ดของเจ้าจะมาจากที่ใดกัน?” ตู๋ซานชิงนึกดูถูก แม้แต่จางเชียนก็ยังหัวเราะออกมาแล้วเสริมว่า “โอ้อวดเช่นนี้ ช่างกล้าเสียจริง!”
เฮยเฟิงเองก็กล่าวเยาะเย้ยเช่นกัน “เจ้าหนู ยาชำระล้างนี้ ใคร ๆ ก็รู้ว่าเมื่อหนึ่งแสนปีก่อนมีเพียงจอมมารที่สามารถกลั่นออกมาได้ ดังนั้นเจ้าอย่ามาหลอกคนที่นี่เสียเลย!”
จอมมารที่เอ่ยถึงคือตัวเขาเองใช่ไหม?
แน่นอนว่าลู่เฉินไม่มีทางบอกความจริงข้อนี้ เพียงแต่พูดออกไปอย่างมั่นใจว่า “ต้องขออภัย ข้าก็สามารถกลั่นได้ ขอเพียงแค่มีส่วนผสมที่เพียงพอและให้เวลาข้า อย่าว่าแต่ระดับสูงเลย แม้แต่ระดับศักดิ์สิทธิ์ ข้าก็กล้าทำ!”
คำพูดของลู่เฉินไม่เพียงแต่ทำให้ทุกคนตกใจ แต่ยังทำให้ทุกคนหัวเราะออกมา แม้แต่คนที่มองดูอยู่รอบ ๆ ก็พากันหัวเราะเสียงดัง
“เจ้าหนูนี่ …ช่างบ้าคลั่งเสียจริง!”
“ใช่ บนแผ่นดินนี้ ปรมาจารย์หลอมกลั่นยาหลายคนไม่สามารถกลั่นเม็ดยานี้ออกมาได้ แต่เขา… เขา… เขามันบ้าไปแล้ว!”
ตู๋ซานชิงถือโอกาสนี้หัวเราะเยาะ “เจ้าอย่ามาโอ้อวดเช่นนี้ได้หรือไม่?”
“โอ้อวดหรือไม่โอ้อวดนั้น ข้าคิดว่าเขาน่าจะเข้าใจมากกว่าข้า!” ลู่เฉินจ้องไปยังชายหน้ากากสีเงินพลางยิ้มออกมา ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่คิดว่าลู่เฉินนั้นสามารถทำได้จริง จึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากเม็ดยานี้กลั่นง่ายนัก ข้าก็คงไม่ต้องอยู่ที่แดนวิญญาณหลายปีเช่นนี้หรอก!”
“ไม่เชื่อข้างั้นรึ?”
“ใช่ ไม่เชื่อ!”
“ได้ เช่นนั้นก็หันหลังซะ ข้าจะทำให้เจ้าหนึ่งเม็ด”
“ได้ มาลองกัน!” ชายหน้ากากสีเงินพูดจบก็ไปอยู่ตรงหน้าลู่เฉินทันที และแม้แต่ผู้คนรอบ ๆ ที่มองดูอยู่นั้น พวกเขาก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายเข้าไปได้เช่นไร
ลู่เฉินถึงกับประหลาดใจ “ความเร็วนี้?!”
“เพียงแค่เจ้ายอมแพ้ ข้าก็สามารถได้เม็ดยานั่นมาแล้ว!” ชายผู้นี้สนใจเพียงเม็ดยาเท่านั้น ไม่แม้แต่จะสนใจว่าเรื่องอื่นจะเป็นเช่นไร
แต่ตู๋ซานชิงกลับร้อนใจขึ้นมาแทน “ผู้อาวุโส ท่านต้องทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส จึงจะสามารถรับยานี้ไปได้!”
“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้พูดเช่นนี้!”
ตู๋ซานชิงจึงรีบอธิบายทันทีว่า “ข้าพูดไปแล้วว่าให้ช่วยข้าแก้แค้นคนคนหนึ่ง!”
“ทำให้เขายอมแพ้ นั่นก็คือการแก้แค้นสำเร็จ” ชายหน้ากากสีเงินกล่าว
ตู๋ซานชิงได้ยินเช่นนั้นก็ร้อนใจจนต้องหันไปเอ่ยกับเฮยเฟิง “ท่าน ท่านช่วยจัดการให้ข้าที!”
“เขาก็มีนิสัยเช่นนี้ ข้า… ข้าก็ไม่สามารถทำอะไรได้” เฮยเฟิงคาดไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ ตู๋ซานชิงจึงเริ่ม ‘ข่มขู่’ ชายหน้ากากสีเงิน “ถ้าหากไม่ทำให้เขาบาดเจ็บ ข้าจะไม่มอบเม็ดยาให้ท่าน!”
ทว่าใครจะคิดว่าจู่ ๆ ชายหน้ากากสีเงินพลันไปปรากฏตัวตรงหน้าตู๋ซานชิงทันที
ตู๋ซานชิงจึงตกใจจนแทบจะวิ่งหนี “ท่าน ท่านคิดจะทำอันใด?”
“ข้าต้องการเม็ดยาของเจ้า และเพียงหมัดเดียว ข้าก็สามารถขยี้เจ้าได้ ดังนั้นคงไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความ” เพียงประโยคเดียวของชายผู้นี้ก็ทำให้ทุกคนต่างพากันอ้าปากค้าง
เฮยเฟิงรีบเอ่ยเตือนตู๋ซานชิงทันที “เจ้าอย่าทำให้ท่านผู้อาวุโสเกิดโทสะเลย!”
ตู๋ซานชิงที่ได้ฟังถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก “เช่นนั้นท่านทำให้เขายอมแพ้เสียสิ”
ชายหน้ากากสีเงินจึงหมุนตัวกลับไปหาลู่เฉิน
ไม่มีการเคลื่อนโคจรพลังปราณแต่อย่างใด อาศัยเพียงพลังกายในการเคลื่อนไหวไปมาเท่านั้น!
ลู่เฉินที่เห็นดังนั้นจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “วิชาของผู้ฝึกกายเนื้อจากสำนักไร้สุญญะ ช่างลึกลับเสียจริง!”
“ยอมแพ้เสีย” ชายหน้ากากสีเงินเอ่ยสั่งเพียงสามคำสั้น ๆ
ทว่าลู่เฉินกลับจ้องไปยังชายตรงหน้าแล้วเอ่ยว่า “ตลอดชีวิตของข้า ข้าไม่เคยยอมแพ้มาก่อน เจ้าคิดว่าเจ้ามีวิธีที่จะทำให้ข้ายอมแพ้ได้งั้นหรือ?”
เมื่อเห็นท่าทางบ้าบิ่นของลู่เฉิน ตู๋ซานชิงก็รู้สึกถึงความสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้นทันที แม้แต่เฮยเฟิงยังกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นว่า “มาแล้ว มาแล้ว! ผู้อาวุโสกำลังขุ่นเคืองใจแล้ว!”
ทว่าจางเชียนกลับดีใจไม่ออก
ส่วนผู้คนที่เฝ้ามองอยู่รอบข้างต่างก็กำลังรอดูความสนุกในครั้งนี้
“เช่นนั้น ข้าคงทำได้เพียงให้เจ้าได้ลิ้มลองหมัดของข้า” เมื่อชายหน้ากากสีเงินพูดจบ เขาก็ปล่อยหมัดออกมา หมัดนั้นมีความเร็วมาก จนแม้แต่ลู่เฉินยังไม่กล้าใช้ ‘กำแพงพันชั้น’ มารับมือ ทำได้เพียงรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็วและหายเข้าไปยังหมอกหนาสีดำ
ชายหน้ากากสีเงินขมวดคิ้วทันที “เจ้าไม่กล้าต่อสู้?”
ตู๋ซานชิงเย้ยหยันออกมา “เจ้าหนู เจ้ากล้ามากไม่ใช่หรือ?”
เฮยเฟิงเองก็เอ่ยเสริมว่า “ขี้ขลาด เจ้าไม่กล้าออกมาแล้วหรือ?”
“คนขี้ขลาด!” จางเชียนตะโกนขึ้นมาอย่างสะใจ
ส่วนผู้คนที่เฝ้ามองดูอยู่รอบ ๆ ก็พากันกระซิบกระซาบ
ทว่าลู่เฉินกลับนิ่งเฉยอย่างมาก เขามองไปยังชายหน้ากากสีเงินพลางกล่าวว่า “ไม่ใช่ไม่กล้าต่อสู้ ข้าเพียงแค่กำลังคิดว่าจะใช้วิธีใด จึงจะสามารถทำลายความเร็วของเจ้าได้!”
ชายหน้ากากสีเงินได้ยินเช่นนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยความมั่นใจอันเปี่ยมล้น “ความเร็วของข้า ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกตนอย่างพวกเจ้าจะเทียบได้!”