ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 103 คนขนซากศพที่แปลกประหลาด
บทที่ 103 คนขนซากศพที่แปลกประหลาด
หลังจากเฮยเฟิงได้ยินคำพูดของตู๋ซานชิงแล้วก็รู้สึกแปลกใจ ปากก็พึมพำกับตัวเองเบา ๆ ว่า “ชายผู้นี้ จะทำได้จริงหรือ?”
“ท่านจะว่าอย่างไร?” ตู๋ซานชิงเอ่ยถามย้ำออกมาด้วยรอยยิ้มอย่างผู้เหนือกว่า
เฮยเฟิงคิดอยากลอง ดังนั้นจึงกล่าวเตือนว่า “ข้าไม่ได้ขู่เจ้า แต่ผู้อาวุโสท่านนั้นไม่ธรรมดา”
“ท่านแค่นำทางไปก็พอ!”
ครั้นตู๋ซานชิงเอ่ยจบ เฮยเฟิงก็เดินนำพวกเขาขึ้นไปยังบนภูเขาทันที
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง พวกเขาก็เดินทางมาถึงปากถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งมีป้ายหินตั้งไว้ บนนั้นสลักข้อความว่า ‘ห้ามเข้าไปด้านใน’
เฮยเฟิงชี้ไปยังป้ายหินนั้นและเอ่ยว่า “เห็นชัดหรือยัง? ห้ามเข้าไปด้านใน”
“เขาอยู่ข้างใน?”
“ใช่!”
ตู๋ซานชิงได้ยินเช่นนั้นจึงมาหยุดยืนหน้าปากถ้ำ และตะโกนเข้าไปด้านในว่า “ท่านผู้อาวุโสที่อยู่ด้านใน ท่านได้ยินข้าหรือไม่?!”
ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ กลับมา ตู๋ซานชิงจึงจะโกนออกไปให้ดังขึ้น “ผู้อาวุโส!”
หลังจากตะโกนติดต่อกันหลาย ๆ ครั้ง ภายในถ้ำก็พลันบังเกิดเสียงดังสะท้อนกลับมา
“ไสหัวไป!”
ประโยคนี้ทำให้ตู๋ซานชิงมีสีหน้าลำบากใจ ส่วนเฮยเฟิงก็พูดออกมาอย่างไม่มีทางเลือก “เห็นหรือยัง?”
ทว่าตู๋ซานชิงกลับรีบปรับอารมณ์ของตัวเอง ก่อนจะตะโกนออกไปอีกครั้งว่า “ผู้อาวุโส ข้ามีของสิ่งหนึ่ง ท่านจะต้องสนใจเป็นแน่!”
จากนั้นเขาก็หยิบเม็ดยาออกมาจากถุงสุญญะญาณ และพูดอย่างภาคภูมิว่า “เม็ดยาชำระล้างระดับสิบดาว มันหายากยิ่ง และในมหาทวีปจิ่วโหยวก็มีเพียงไม่กี่เม็ดเท่านั้น ซึ่งบังเอิญว่าข้าครอบครองไว้หนึ่งเม็ดพอดี!”
ทันใดนั้น เงาของร่างหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นมา คนผู้นั้นรวดเร็วยิ่ง เพียงชั่วพริบตาก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว
เมื่อเห็นชัดถนัดตา พวกเขาจึงพบว่าอีกฝ่ายปกปิดใบหน้าซีกขวาด้วยหน้ากากสีเงิน เหลือเพียงใบหน้าซีกซ้ายซึ่งมีปลายผมบดบังดวงตา ทำให้เขาดูแปลกประหลาดยิ่งนัก
“พูดมา เจ้าต้องการอันใด!” อีกฝ่ายมีน้ำเสียงเย็นชา
“ช่วยข้าแก้แค้นคนคนหนึ่ง ถ้าหากสำเร็จ เม็ดยานี้จะเป็นของท่าน!”
“ใคร! อยู่ที่ไหน!” ชายคนดังกล่าวเริ่มครุ่นคิดขึ้นมา
“ชายคนหนึ่งในขั้นสร้างรากฐาน อยู่เขตที่หนึ่ง!” ตู๋ซานชิงตอบทันที
สายตาที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั้นมองมายังตู๋ซานชิงด้วยแววตาประหลาดใจ “เจ้าอยู่ขั้นก่อกำเนิด แม้ว่าจะถูกผนึกพลังไว้เพียงขั้นหลอมแก่นแท้ แต่ก็ไม่น่าจะไม่สามารถแก้แค้นผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐานคนหนึ่งได้!”
คำพูดของชายผู้นี้ทำให้ตู๋ซานชิงมีสีหน้าลำบากใจ “เจ้าหนูผู้นั้นไม่ได้แก้แค้นได้ง่าย ๆ”
“เช่นนั้นก็นำทางไป ไปดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เมื่อตู๋ซานชิงเห็นว่าคนผู้นี้ตกลงรับข้อเสนอ เขาจึงเผยท่าทีดีใจออกมา “เชิญท่าน!”
จากนั้นตู๋ซานชิงจึงเดินนำคนผู้นี้ออกไป แต่เฮยเฟิงมีท่าทีราวกับฝันไป เขาคิดไม่ถึงว่าตู๋ซานชิงจะสามารถทำให้ผู้อาวุโสท่านนี้ออกมาภายนอกได้!
ว่าแล้วเฮยเฟิงจึงรีบติดตามไปทันที
…
ขณะนั้นเอง ลู่เฉินที่ตามเจี่ยลัวมานั้นได้มาถึงสถานที่ที่เต็มไปด้วยผืนหมอกหนาสีดำ และหมอกสีดำเหล่านั้นก็ล้วนเป็นไอซากศพ
เมื่อเจี่ยลัวเห็นก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
“คือที่นี่!”
ภายใต้หมอกหนานี้มีซากศพจำนวนมาก และระยะเวลาการตายก็ไม่น่าจะเกินสามวัน
“นี่คือที่ใด เหตุใดจึงมีซากศพมากมายเช่นนี้ อีกทั้งคนพวกนี้ก็ล้วนตายได้เพียงแค่สามวันเท่านั้น” ลู่เฉินกวาดสายตามองก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ
เจี่ยลัวเองก็ไม่ค่อยรู้ชัดเจนนัก รู้เพียงแค่ที่นี่มีซากศพเกิดขึ้นทุกวัน “ที่นี่มักจะมีคนโยนศพเข้ามาบ่อย ๆ”
“บ่อย ๆ?” ลู่เฉินถึงกับประหลาดใจ
เจี่ยลัวขานรับ “เมื่อวาน ข้าก็พบกับคนหลายกลุ่ม พวกเขาเอาซากศพมาทิ้งไว้ที่นี่แล้วก็จากไป”
ลู่เฉินได้ฟังแล้วก็ยิ่งรู้สึกสงสัย
“ผู้อาวุโส เข้าไปดีหรือไม่?” เจี่ยลัวแสดงสีหน้ามีความหวัง
“ไปเถอะ”
จากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าไป
ส่วนคนที่ติดตามมาใกล้ ๆ พวกเขาต่างก็พากันตกตะลึงกับการกระทำเช่นนั้น
“ดูสิ พ่อหนุ่มคนนั้น กล้าเข้าไปจริง ๆ ด้วย!”
“ข้างในนั้นมีไอซากศพที่แข็งแกร่งมาก ถ้าหากไม่ใช่ผู้ฝึกวิถีภูตผีก็คงไม่มีทางที่จะสามารถเข้าไปด้านในได้”
“แล้วถ้าหากเขามีสมบัติวิญญาณล่ะ?”
“แม้จะมีสมบัติวิญญาณ มันก็ยังยาก!”
ขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น ลู่เฉินและเจี่ยลัวก็ได้หายเข้าไปในหมอกหนาแล้ว
ทุกคนจึงทำได้เพียงยืนรออยู่ที่เดิม
ทางด้านลู่เฉินที่เดินตามเจี่ยลัวอยู่นั้น พวกเขาได้มาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่สีดำต้นหนึ่ง
“ข้าพบผลไม้สีดำนั่นบนต้นไม้นี้”
“โอ้ ต้นไม้ต้นนี้รึ?” ลู่เฉินมองไปรอบ ๆ เขาพบว่าที่นี่แทบจะไม่มีหญ้าขึ้นเลย แต่ต้นไม้ต้นนี้กลับดูอุดมสมบูรณ์และยังมีใบไม้สีดำผลิบานไปทั่ว
เจี่ยลัวขานรับ “ใช่ ต้นนี้”
ครั้นได้ยินดังนั้นลู่เฉินก็ใช้มือข้างหนึ่งค่อย ๆ สัมผัสมัน จากนั้นก็เพ่งมองไปยังภายใน เขาพบว่าต้นไม้นี้กำลังดูดซับไอซากศพที่อยู่รอบ ๆ อย่างบ้าคลั่ง
“ต้นไม้ภูตผี!” เมื่อตระหนักถึงความจริงข้อนี้ ลู่เฉินก็พลันตกใจขึ้นมา
“ต้นไม้ภูตผี? คืออันใด?” เจี่ยลัวสงสัย
ปกติแล้วต้นไม้ภูตผีมักจะพบในพื้นที่ซึ่งมีไอซากศพแข็งแกร่งอย่างในแดนชุมนุมภูตผี แต่ที่นี่คือมหาทวีปจิ่วโหยว ดินแดนแห่งโลกคนเป็น เหตุใดจึงมีต้นไม้ชนิดนี้?
ลู่เฉินอธิบายแก่เจี่ยลัว จากนั้นจึงพึมพำออกมาว่า “แล้วยังมีคนพวกนั้นอีก เหตุใดจึงนำเอาซากศพมาทิ้งไว้ที่นี่?”
เจี่ยลัวไม่รู้จะอธิบายเช่นไร จึงได้แต่ถามกลับไปว่า “ผู้อาวุโส ท่านว่าผลวิญญาณทมิฬจะปรากฏออกมาอีกหรือไม่?”
“เคยปรากฏมาหนึ่งครั้ง เช่นนั้นก็ต้องปรากฏออกมาเป็นครั้งที่สอง”
“เช่นนั้นพวกเราควรรออยู่ที่นี่?”
“เจ้าฝึกฝนอยู่ที่นี่ ข้าจะไปดูรอบ ๆ”
เจี่ยลัวขานรับ จากนั้นจึงค่อย ๆ นั่งทอดกายลงแล้วหลับตา ซึมซับไอซากศพที่อยู่รอบ ๆ
ส่วนลู่เฉินก็เดินสำรวจในบริเวณรอบ ๆ เขาพบว่าที่นี่เต็มไปด้วยซากศพกองไว้ดั่งภูเขาย่อม ๆ แต่เมื่อเข้าใกล้บริเวณต้นไม้ ชายหนุ่มกลับพบว่ามัน ‘สะอาด’ อย่างมาก มองไม่เห็นแม้ซากศพ
ไม่เพียงเท่านั้น ซากศพที่อยู่ใกล้ ๆ บริเวณนี้ก็ยังหายไปอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นไอหมอกสีดำปกคลุมบริเวณรอบ ๆ นี้แทน
“เวลาเพียงเท่านี้ก็ย่อยสลายตัวแล้ว?” ลู่เฉินรู้สึกว่าระดับการสลายตัวนี้รวดเร็วเกินไป
ดังนั้นเขาจึงหมุนตัวไปจ้องมองต้นไม้ภูตผีต้นนั้น “ตามระดับการสลายตัว ต้นไม้ต้นนี้ อย่างน้อยต้องมีอายุมากกว่าหนึ่งล้านปี!”
ทว่าเมื่อหนึ่งแสนปีก่อน ลู่เฉินกลับไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ทำไมมันถึงมาปรากฏที่นี่ได้?”
ไม่มีใครอธิบายให้ลู่เฉินทราบ เขาจึงทำได้เพียงออกไปสำรวจดูด้านนอก เพื่อดูว่ามีคนขนซากศพดังที่เจี่ยลัวพูดถึงหรือไม่
ทว่าเมื่อไปดูแล้วกลับไม่พบใคร จนกระทั่งเขามองเห็นคนจากไกล ๆ แต่คนพวกนั้นก็ไม่กล้าแม้แต่จะเข้ามาใกล้
ราว ๆ หนึ่งก้านธูปต่อมาก็มีคนปรากฏตัวขึ้น
คนพวกนี้มีใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือด สีหน้าดูไร้อารมณ์ และบนร่างแต่ละคนก็แบกถุงสีดำไว้
ไม่เพียงเท่านั้น ลู่เฉินยังสัมผัสได้ว่าบนร่างกายของคนพวกนี้มีกลิ่นอายภูตผี ดูคล้ายกับไอซากศพที่อยู่รอบ ๆ นี้
“น่าจะเป็นผู้ฝึกวิถีภูตผี เพียงแค่คนพวกนี้ดูราวกับหุ่นเชิด ช่างผิดธรรมชาตินัก”
เมื่อเห็นคนเหล่านั้นดูเหมือนหุ่นไม้แข็งทื่อ ลู่เฉินจึงค่อย ๆ ก้าวเข้าไปทีละก้าว
ทว่าคนพวกนั้นดูเหมือนจะไม่รู้ว่าลู่เฉินก็อยู่ที่นี่ด้วย
พวกเขาเพียงแค่เปิดถุงสีดำออกพร้อม ๆ กัน และโยนซากศพที่อยู่ในถุงออกไป
จากนั้นคนพวกนี้ก็หมุนตัวกลับและเดินจากไป
ลู่เฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้เถาวัลย์ธรณีพันล้อมคนพวกนั้นไว้
ทว่าใครจะคาดคิดว่า จู่ ๆ คนพวกนั้นก็กลายเป็นกระแสลมสีดำและค่อย ๆ จางหายไป
“ไม่อยู่แล้ว?” ลู่เฉินประหลาดใจ จากนั้นจึงคิดจะใช้เคล็ดวิชาหมื่นวิญญาณเพื่อไปสัมผัสดู แต่กลับพบว่าคนพวกนั้นอยู่ห่างออกไปสองลี้ และค่อย ๆ ไกลออกไป