ตรวนร้ายซาตานทมิฬ ซีรีส์ชุด ซาตานเมดิเตอเรเนียน - ตอนที่ 45
หล่อนผล็อยหลับไปตอนไหนกันนะ…
หญิงสาวเอ่ยถามตัวเองเบาๆ ในอก หลังจากขยับตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยท่าทางมึนงง
เมื่อคืนหล่อนจำได้ว่านั่งรอเนโลคลิส นั่งรอยาวนานเหลือเกิน ก่อนจะเผลอตัวหลับไป
แล้วนี่เขากลับมาหรือยังนะ?
เข็มหอมหันมองที่นอนข้างตัว ความเรียบตึงของผ้าปูที่นอนตอบคำถามที่ค้างคาใจได้เป็นอย่างดี
เนโลคลิสไม่ได้กลับมา…
ดวงตากลมโตมีน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาในทันที ความขมขื่นที่อัดแน่นภายในใจทะลักออกมา สองแก้มนวลถูกลวกด้วยหยาดน้ำตาอุ่นร้อนอย่างสุดจะกลั้น
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหล่อนไม่ได้มีค่าอะไรกับเนโลคลิส ซาเวลลาสเลย
เขาพาหล่อนมาที่กรีซ พาหล่อนบินข้ามขอบฟ้ามายังสถานที่ที่หล่อนไม่คุ้นเคย ก่อนจะทิ้งหล่อนเอาไว้เพียงลำพังอย่างใจดำ
มือขาวสะอาดยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง แต่มันก็ไม่ยอมแห้งเหือดเสียที สุดท้ายก็ต้องร่ำไห้ออกมาอย่างรุนแรงแม้จะรู้ตัวว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะคิดตัดพ้อกับการกระทำของเนโลคลิส แต่หล่อนกลับห้ามความเสียใจที่มันแน่นอกเอาไว้ไม่ได้
ประตูห้องถูกดันให้เปิดกว้างออกเฉียบพลันโดยไร้การเคาะเตือนล่วงหน้า หญิงสาวรีบป้ายน้ำตาทิ้ง มองคนที่ก้าวเข้ามาด้วยความตื่นเต้นตกใจ
“พี่เนล…”
เนโลคลิสยังหล่อเหลาเหมือนเดิม ดูดีทุกกระเบียดนิ้ว สภาพของชายหนุ่มยังคงเหมือนกับตอนจากกันที่สนามบิน แม้แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่ จะมีที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือเส้นผมที่ค่อนข้างยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงเหมือนปกติ และใบหน้าที่อิดโรยลงมากเท่านั้น
เขาเหมือนไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืน…
หญิงสาวก้าวลงจากเตียง และรีบไปหยุดตรงหน้าของผู้ชายที่ทั้งคิดถึงและทั้งที่โมโหทันที
“พี่เนลหายไปไหนมาทั้งคืนคะ รู้ไหมว่าหอมรออยู่”
“พี่ขอโทษ แต่พี่ปลีกตัวมาไม่ได้จริงๆ”
“แต่ก็น่าจะโทรมาบอกกันบ้างนะคะ” หญิงสาวตัดพ้อแผ่วเบา และนั่นก็ทำให้คนตัวโตหันมามอง และพูดเสียงแผ่วเบา
“พี่จะพยายามโทรบอกหอมก็แล้วกัน ถ้าคืนไหนพี่ไม่ได้กลับบ้าน แต่สามสี่วันนี้พี่คงยุ่งมากๆ คงไม่ค่อยได้กลับมาเจอหอมสักเท่าไหร่”
หญิงสาวน้อยใจ แต่พอเห็นใบหน้าอิดโรยของสามีแล้วก็พยายามซ่อนมันเอาไว้
เขาคงเหนื่อยมากจริงๆ
มือเล็กแตะเบาๆ บนท่อนแขนกำยำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองระบายยิ้มให้กำลัง
“ถ้าหอมช่วยอะไรได้ บอกหอมนะคะ หอมยินดีช่วยค่ะ”
“แค่หอมเข้าใจ ก็พอแล้วล่ะครับ”
เนโลคลิสดึงหล่อนเข้าไปกอดแนบอก หล่อนรีบกอดตอบทันทีอย่างโหยหา ร่างกายสั่นเทารวดร้าวด้วยความต้องการมากมายจนน่าละอาย มันทรมานเหลือเกินที่จะต้องเก็บความรู้สึกหวามไหวแบบนี้เอาไว้ให้มิดจากสายตาของเนโลคลิส
“พี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ รู้สึกอ่อนเพลียมากจริงๆ”
“พูดแบบนี้ แสดงว่าพี่เนลจะออกไปอีกเหรอคะ”
ร่างของหล่อนถูกดันให้ออกห่าง และสายตาคมกริบจ้องมองมา “เรื่องที่โรงแรมสำคัญมากจริงๆ พี่ต้องรีบเคลียร์ปัญหาให้ได้ ก่อนที่เราสองคนจะกลับเมืองไทย”
“แต่หอมอยากให้พี่เนลพักผ่อนบ้างนะคะ”
“หลังจากทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี พี่จะพักผ่อนกับหอมไปชั่วชีวิต”
หล่อนรู้ดีว่าต่อให้ยกแม่น้ำทั้งห้าสายมาอ้าง ก็เปลี่ยนใจชายหนุ่มไม่ได้ หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็จะทิ้งหล่อนออกไปหางานอีกครั้ง
“งั้น… ให้หอมช่วยอาบน้ำให้นะคะ”
“พี่เกรงว่าตัวเองจะอดใจไม่ไหว ปล้ำหอมน่ะสิครับ”
“ก็… ไม่ต้องอดใจสิคะ” ไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิง หล่อนถึงกล้าพูดแบบนั้นออกไป พูดแล้วก็อับอายเหลือเกิน แต่ก็ต้องอับอายมากยิ่งขึ้นเมื่อถูกปฏิเสธอย่างไม่ไยดี
“เอาไว้วันหน้านะ วันนี้พี่รีบจริงๆ”
แก้มของหล่อนถูกริมฝีปากของเนโลคลิสจูบแผ่วเบา ก่อนที่เขาจะหมุนตัวหายเข้าไปในห้องน้ำ
หล่อนยืนเซ่อเหมือนถูกตบด้วยฝ่ามือยักษ์จนหน้าสะบัดคอแทบหัก ดวงตากลมโตมองไปที่บานประตูห้องน้ำด้วยความเสียใจ
นี่เนโลคลิสปฏิเสธหล่อนจริงๆ เหรอ…
หยาดน้ำตาพาลจะไหล จำต้องรีบกะพริบไล่อย่างรวดเร็ว
‘ได้แค่นี้ก็ดีแล้วเข็มหอม… จำไม่ได้หรือไงว่ าตัวเองมันก็แค่เมียที่เขาจำต้องจดทะเบียนสมรสด้วยเพราะไม่มีทางเลือกเท่านั้น’
แม้จะปลอบใจตัวเองแบบนั้น แต่ก้อนเนื้อภายในอกก็ยังคงร่ำไห้ทรมานไม่ยอมหยุด
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
รถคันงามแล่นหายออกไปจากปราสาทหลังใหญ่ในเวลาต่อมาไม่นาน เข็มหอมยืนเกาะขอบหน้าต่างมองตามไปทั้งน้ำตา หลังจากเนโลคลิสก้าวออกมาจากห้องน้ำ เขาก็รีบแต่งตัวและออกไปทันที แม้หล่อนจะวิงวอนขอไปด้วย แต่เขาก็ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
หญิงสาวถอนใจเบาๆ เดินออกจากห้องพักลงมายังชั้นล่าง ใบหน้าเศร้าหมองจนคนที่พึ่งเดินมาถึงสังเกตเห็นได้
“คุณเข็มหอมไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าคะ”
เข็มหอมหันไปทางต้นเสียง พอเห็นว่าเป็นเดลล่าก็ปั้นยิ้มบางๆ ออกมาทักทาย
“เดลล่านั่นเอง”
เดลล่ายิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“คุณเนลสั่งให้เดลล่ามาอยู่เป็นเพื่อนคุณเข็มหอมค่ะ”
“หอมไม่รบกวนหรอกค่ะ”
“ไม่รบกวนอะไรหรอกค่ะ ดิฉันยินดีจะเป็นเพื่อนคุยกับคุณหอมค่ะ”
แล้วเดลล่าก็เชื้อเชิญให้เข็มหอมเดินออกไปทางระเบียง มุ่งหน้าตรงไปยังสวนสวยด้านข้างของคฤหาสน์
“ที่นี่สวยจังเลยนะคะ ร่มรื่นมากๆ ด้วย”
“ที่นี่เป็นที่โปรดของคุณชายรองเลยนะคะ เวลาว่างๆ ไม่ทำงานก็มักจะมานั่งอ่านหนังสือที่นี่แหละค่ะ”
เข็มหอมยิ้มบางๆ ไม่สดใสนัก ขณะมองไปรอบๆ ตัว
“พี่เนลมีช่วงเวลาที่ไม่ยุ่งด้วยเหรอคะ”
“เมื่อก่อนไม่ยุ่งเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ตอนนี้มีประท้วงกันที่โรงแรม คุณชายรองเลยต้องรีบแก้ไข”
“เดลล่ารู้ไหมคะว่าพนักงานประท้วงอะไรกัน”
เดลล่าขมวดคิ้วทำท่าครุ่นคิด “ก็ไม่แน่ใจหรอกนักนะคะ แต่ได้ยินคุณชายรองโทรศัพท์ปรึกษากับคุณชายใหญ่ที่ตอนนี้ฮันนีมูนกับแสนดีอยู่ที่เกาะบาหลีว่าเพราะพนักงานไม่เห็นชอบกับผู้บริหารคนใหม่น่ะค่ะ”
“ผู้บริหารคนใหม่?”
“ใช่ค่ะ เกี่ยวกับผู้บริหารคนใหม่ พนักงานเลยต่อต้านกัน พากันประท้วงจนปั่นป่วนไปหมดเนี่ยแหละค่ะ”
“แล้วทำไมต้องมีผู้บริหารคนใหม่ด้วยล่ะคะ ในเมื่อพี่เนลก็บริหารอยู่ทั้งคน”
เดลล่าหัวเราะแหะๆ เพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร “ดิฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ รู้มาแค่นี้จริงๆ”
เข็มหอมยิ้มบางๆ “ขอบใจมากนะคะที่เล่าให้หอมฟัง”
“ยินดีค่ะ ถ้ามีอะไรสงสัยอยากสอบถามอีกเชิญได้เลยนะคะ ถ้าดิฉันรู้ ดิฉันก็จะตอบอย่างหมดเปลือกค่ะ”
เข็มหอมทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ เงยหน้าขึ้นมองใบไม้สีเขียวขจีตรงหน้าด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ เพราะเป็นห่วงเนโลคลิสที่ต้องทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ ความน้อยใจค่อยๆ จางหายไป
“โรงแรมของพี่เนลอยู่แถวไหนเหรอคะ”
เดลล่ายิ้มกว้างก่อนจะตอบตามจริง “อยู่ใจกลางเอเธนส์เลยล่ะค่ะ ไม่มีใครไม่รู้จักหรอก แบล็คดาร์กอน โฮเทล”
เข็มหอมพยายามจดจำรายละเอียดเอาไว้ “แล้วปกติธุรกิจโรงแรมพี่เนลจะบริหารเพียงคนเดียวเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ คุณชายทั้งสี่แบ่งหน้าที่กันดูแลธุรกิจค่ะอย่างคุณชายสามกับคุณชายสี่ก็จะดูแลธุรกิจเกี่ยวกับการเงินการธนาคาร ส่วนคุณชายใหญ่กับคุณชายรองจะดูแลธุรกิจโรงแรมด้วยกัน แต่แบ่งโซนกันดูแลและจะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน อย่างคุณชายรองดูแลในเอเธนส์ คุณชายใหญ่ก็จะดูแลโรงแรมตามเกาะที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ น่ะค่ะ ประมาณนี้เลย”
เข็มหอมพยักหน้ารับน้อยๆ “พี่เนลคงทำงานหนักมาก หอมอยากช่วยพี่เนลจังเลยค่ะ”
“แค่อยู่รอที่นี่คุณชายรองก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ”
“แต่หอมอยาก… ไปหาพี่เนลที่โรงแรม”
เดลล่าเบิกตากว้างตกใจ “อย่าเชียวนะคะ คุณชายรองทำงานก็คือทำงาน อย่าไปยุ่งด้วยเด็ดขาด”
เข็มหอมยิ้มเศร้า แต่ก็ยังไม่ล้มเลิกความคิด “งั้นหอมขอออกไปเที่ยวรอบๆ เอเธนส์ได้ไหมคะ อยู่ที่นี่เหงาน่ะค่ะ”
“เดี๋ยวดิฉันต้องเรียนคุณชายรองให้ทราบก่อนค่ะ ถ้าคุณชายรองอนุญาต คุณเข็มหอมก็ออกไปเที่ยวได้เลยค่ะ”
เข็มหอมไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก นอกจากนั่งยิ้มเศร้าๆ รู้สึกได้ถึงคุณค่าของตนเองที่มีน้อยจนแทบมองไม่เห็นเลย