ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด - ตอนที่ 4-7
เมื่อมีอะไรบางอย่างตีลงมาบนหน้าแรงๆ ไดกิก็ลืมตาขึ้นอย่างน่ากลัวราวกับตอนชักคมดาบออกจากฝัก เขามองไปรอบๆ ห้องที่ยังปกคลุมด้วยความมืดมิดเพื่อหาตัวการที่ทำร้ายตน แต่แล้วก็ต้องยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ พวกเขามีเซ็กซ์กันอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งถึงช่วงฟ้าสาง
ตอนแรกเขาอุ้มมินจุนย้ายกลับมาที่ห้องโทมะ เพราะหวังจะให้คนเพลียแสนเพลียได้นอนอีกสักหน่อย แต่ดูเหมือนตัวเขาเองก็ผล็อยหลับในห้องนี้โดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน ลูกชายตัวน้อยที่สะลึมสะลือขึ้นมาช่วงเช้ามืดจึงเข้ามาเบียดตรงกลางระหว่างพวกเขาสองคน แนบใบหน้าเข้ากับมินจุน ยื่นเท้ามาทางเขาแล้วหลับไปอีกครั้ง และเท้าเล็กๆ ที่โผล่พ้นจากชุดยูคาตะก็คือตัวการที่เตะหน้าเขานั่นเอง
ไดกิเพิ่มช่องว่างระหว่างตัวเองกับมินจุนแล้วจัดท่านอนให้โทมะดีๆ ก่อนจะล้มตัวนอนลงข้างๆ ที่นี่ไม่ใช่ที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องตื่นมาทานอาหารเช้าตอนหกโมงครึ่งเป๊ะๆ เข้าเมืองตาหลิวก็ต้องคงต้องหลิวตาตาม เพราะฉะนั้นอาหารเช้าวันนี้ก็เอาไว้ทานตอนแปดโมงตามตารางของเรียวกังก็ได้ ไม่มีใครกล้าว่าอะไรอยู่แล้ว ถ้าเขาต้องการใช้เวลากับความสุขแบบนี้มากขึ้นอีกสักสองสามชั่วโมง ไดกิลูบศีรษะลูกชาย แล้วลูบรอยลูกปิงปองบนหน้าผากของคนทำตัวน่าหมั่นไส้เพื่อรอให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมา
นิ้วมินจุนสางเส้นผมของไดกิอย่างอารมณ์ดีแล้วกดจูบลงไป
“จะกลับไปที่ห้องฉันอีกหรือไง”
พวกเขามีเซ็กซ์ร้อนแรงในห้องของไดกิไปแล้ว ตอนนี้เลยได้แต่มองประตูเลื่อนคั่นกลางจากฝั่งห้องโทมะด้วยสีหน้านึกเสียดาย
“ก็อยากจะทำแบบนั้นนะครับ แต่วันนี้ก็ต้องยังตื่นหกโมงนี่นา”
“แน่นอน”
แค่พูดสักหน่อยว่า ‘ถ้าเหนื่อยจะนอนต่ออีกสักหน่อยก็ได้’ มันจะทำให้พระอาทิตย์ขึ้นมาพร้อมกันสองดวงหรือไง! ยังไงเราก็คงตื่นหกโมงอยู่ดีสินะ มินจุนทำหน้าบึ้ง รีบดึงมือตัวเองออกจากกลุ่มผมของไดกิแล้วพลิกตัวหันหลังให้ทันที
“เข้าใจแล้วครับ งั้นผมนอนแล้ว จะนอนฝันดีหรือมะ…”
“มินจุน”
“ครับ?”
ชั่วพริบตาที่พลิกตัวหันกลับ อีกฝ่ายก็คว้าตัวหมับ ก่อนจะถูกช่วงชิงริมฝีปากไป
“อุ๊บ”
ลิ้นของทั้งคู่ต่างดุนดันพัวพันกันยุ่งเหยิง ดูดซับน้ำลายใสของกันและกัน แลกเปลี่ยนรสจูบดื่มด่ำโดยไม่อาจบอกได้ว่าใครเริ่มก่อน เมื่อไดกิตวัดเรียวลิ้นอยู่ภายในด้วยการเคลื่อนไหวราวกับจะดูดรัด มินจุนก็เริ่มบิดเร้าอยู่ในอ้อมกอด ร่างสูงเลื่อนมือข้างหนึ่งลงไปยังก้นแน่นเปรี้ยะแล้วขยำก้อนเนื้อนุ่มนิ่มผ่านชุดนอน
“อะ…อึก เดี๋ยว…”
“เข้าไปอีกดีไหมมินจุน?”
“ไม่… ไม่ได้นะ…”
“ทำไม”
ริมฝีปากร้อนของผ่านติ่งหูก่อนจะก้มลงมาตรงหน้า กัดเข้าตรงช่วงวีไลน์ของคางที่เจ้าตัวแสนจะภูมิใจอย่างรวดเร็ว
“พอจะเลื่อนเวลาให้ได้สักชั่วโมงอยู่นะ”
จริงเหรอ ว้าว… เราเอาชนะไดกิได้แล้ว จิตใจอยากพุ่งไปที่เตียงนั้นอีกครั้งพาให้ร่างกายหวั่นไหว แต่เขาก็ลังเลขึ้นมาเมื่อคิดถึงเด็กน้อยที่หลับเร็วเป็นพิเศษเมื่อคืนนี้ โทมะจะต้องตื่นมาปลุกตอนเช้าแน่นอน… ยิ่งกว่านั้น วันนี้ยังต้องพาโทมะไปโรงพยาบาลเพื่อฉีดวัคซีนด้วย ถึงจะน่าเสียดาย แต่ในฐานะของหม่าม้า เขาจึงต้องปฏิเสธการเชิญชวนของไดกิด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว
“ไม่ได้ครับ”
“ทำไม”
ถึงคราวไดกิเป็นฝ่ายดันร่างบางออกแล้วจ้องอย่างหงุดหงิดแทน
สีหน้าเหมือนกำลังบอกว่าเราบังอาจปฏิเสธการเชิญชวนเลยแฮะ… มินจุนลูบใบหน้าหล่อเหลาด้วยสัมผัสนุ่มนวล ก่อนจะยืดตัวกู๊ดไนต์คิสที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย
“วันนี้โทมะต้องไปโรงพยาบาลครับ มีนัดตอนสิบโมง ผมเองก็ต้องนอนต่อสักหน่อยเหมือนกัน น่าเสียดาย แต่ว่าคงต้องตอบรับคำชวนของคุณป๊ะป๋าคราวหน้าแล้วล่ะครับ”
“อย่ามาพูดว่าจะมีโอกาสหน้า”
“อ้าว งอนอีกแล้ว ไดกิครับ โตแล้วจะเอาแต่งอนเพราะไม่เป็นอย่างที่ตัวเองคิดไม่ได้นะ จิ๊ๆ ท่าทางเหมือนโทมะแบบนี้จะให้ทำยังไง”
จากนั้นก็มีเสียง ครืน จากการเลื่อนปิดบานประตูคั่นกลางระหว่างห้องนั่นเอง โดยคนปิดก็คือไดกิ ชายหนุ่มผู้ไม่คิดจะฟังหรือพูดกับเขาอีกต่อไป มินจุนเกาหัวตัวเองอย่างนึกเสียดาย ทว่าขณะกำลังจะหันกลับไปนอน ประตูก็เปิดออกอีกครั้ง ร่างสูงเดินผ่านเขาอ้อมไปฝั่งโทมะแล้วอุ้มเจ้าตัวน้อยที่หลับอยู่ขึ้นมา เดินผ่านหน้าอีกครั้งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงบึ้งตึง
“ถ้าอยากนอนกับโทมะ ก็มานอนที่ห้องฉัน”
แน่นอนสิครับ นั่นเป็นสิ่งที่ร่างกายผมต้องการอยู่แล้ว…
* * *
“มะเอา มะเอา มะกิงข้าว โทมะมะเจ่บๆ”
“ก็ถูกแล้ว หม่าม้าไม่ได้พาไปฉีดยาเพราะโทมะเจ็บสักหน่อย แต่โทมะก็ต้องฉีดยาเหมือนเด็กคนอื่นๆ นะ ถึงไม่เจ็บก็ต้องฉีด ดูสิ หม่าม้าก็ฉีด”
พอมานั่งลงที่โต๊ะอาหารเช้ามินจุนก็พูดว่า ‘รีบกินข้าว อาบน้ำกัน! วันนี้โทมะต้องไปโรงพยาบาล’ โทมะก็เลยเอาแต่งอแงว่าไม่ฉีดยา แล้วก็เลยพาลไม่ยอมกินข้าวด้วย เขาจึงโชว์รอยฉีดยาหลายจุดที่ยังหลงเหลือร่องรอยจางๆ บนแขนแม้ว่าจะอายุยี่สิบสองแล้วก็ตามให้เด็กน้อยดู จะได้วางใจ แต่โทมะมองแขนเขาสักพัก จู่ๆ ก็เริ่มสะอึกสะอื้นร้องไห้ฟูมฟายออกมา
“แง! หม่าม้า โดนแทง! เยอะ เยอะเลบ ดนฉีดยาเยอะๆ”
“ไม่ ไม่ โทมะฉีดแค่เข็มเดียวเอง”
มินจุนตกอกตกใจยกใหญ่รีบกอดโทมะแน่นพร้อมปลอบประโลม ก่อนจะจ้องพ่อแท้ๆ ของโทมะอย่างไดกิเขม็ง! พลางส่งกระแสจิตขั้นรุนแรงไปหา อีกฝ่ายกำลังนั่งดื่มกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ในชุดสูทสุดเซ็กซี่ถึงขนาดทำให้เขารู้สึกหืดหาดขึ้นมาได้
‘ช่วยหน่อยสิครับ ช่วยหน่อยสิครับ…’
จากนั้นไดกิก็ลุกขึ้น พับหนังสือพิมพ์วางลงบนโต๊ะ มองมินจุนกอดโทมะบนเก้าอี้ทานข้าวอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะก้มตัวลงอุ้มลูกชายขึ้นมา
“โทมะ เป็นผู้ชายต้องฉีดยาอย่างกล้าหาญสิ โทมะเป็นผู้ชายใช่ไหม”
“โทมะมะใจ้ฝาเหยอ”
ทำไมถึงเป็นฝา? จะมาพูดตอนนี้ไม่ได้นะ! ร่างบางนึกถึงตอนเล่นเสียงเปิดฝาขวดกับโทมะเมื่อวานแล้วก็ค่อยๆ หลบสายตาของไดกิ
“มินจุน”
อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาออกมาด้วยเสียงน่ากลัว จากนั้นก็มองไปทางเคนตะแล้วพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
“เคนตะ! ฉันเคยบอกแล้วไงว่าถ้ามินจุนเล่นอะไรแปลกๆ กับโทมะ ให้ถ่ายวิดีโอมาให้ฉันดู”
“ขออภัยครับ”
“ไดกิ คุณจะให้เคนตะเป็นสปายเหรอครับ”
มินจุนลุกพรวดจ้องไดกิทันที
“ก็เล่นกันดีๆ สิ”
“ป๊ะป๋า โทมะเปงฝาเหยอ”
“ไม่ใช่ เป็นผู้ชาย”
“ไม่ใช่ๆ โทมะของพวกเราเป็นผู้ชายกล้าหาญต่างหาก”
เมื่อไดกิกับมินจุนพูดใส่ในเวลาเดียวกัน เด็กชายก็เอียงศีรษะเล็กน้อย
“โทมะเปงปู้จาย ปู้จายมีจุ้ดจู้ ป๊ะป๋าก้ะมี หม่าม้าก้ะมี มะเช้าก้ะเหน ช้ะม้ะฮับ”
อ๋า! นี่มันเรื่องวุ่นวายอะไรกันตั้งแต่เช้าตรู่ละเนี่ย… มินจุนหน้าแดงเงยหน้าแทบไม่ขึ้น เคนตะก็อยู่ เรนก็อยู่ ไหนจะอิสึกิ แล้วฮาคุโตะอีก… ไม่ใช่ว่าเขาเปลือยกายต่อหน้าโทมะตั้งแต่ตื่นนอนหรอกนะ แต่สาเหตุมาจากไดกิบอกว่าโทมะเองก็ควรจะเคยชิน แล้วก็ที่บ่อน้ำพุร้อนโทมะคงจะเห็นตอนหม่าม้านอนตัวเปล่าอยู่กับป๊ะป๋า เพราะอย่างนั้นจึงยิ่งอับอายที่ตัวเองเคยทำแบบนั้นลงไป ไดกิจูบอรุณสวัสดิ์กับลูกชาย ก่อนจะส่งตัวให้เขาต่อ
“ที่เหลือก็จัดการเอาเอง”
หลังจากพูดออกมาสบายๆ เหมือนไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น อีกฝ่ายก็กดจูบลงบนปากจนเกิดเสียงดังจุ๊บ แล้วพากลุ่มของเรนเดินออกจากห้อง มินจุนตบหลังของโทมะที่กำลังสะอึกสะอื้นมุดหน้าอยู่กับซอกคอเขา พลางเหลือบมองเคนตะที่ยังยืนตัวตรงแน่วอยู่ที่เดิม คงจะเขินอายอยู่เหมือนกัน เคนตะถึงหลบสายตาแล้วเพ่งทะลุกำแพงคล้ายมองเห็นไปถึงภูเขาที่ตั้งอยู่ไกลห่างออกไปแทน