ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น - ตอนที่ 7 เล่ม 1 : ดังนั้น พวกเราจึงลาออก(7)
- Home
- ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น
- ตอนที่ 7 เล่ม 1 : ดังนั้น พวกเราจึงลาออก(7)
4 ตุลาคม 2018 (วันพฤหัสบดี)
ต้นสัปดาห์นี้นี่มันหายนะชัดๆ พอผมพยายามที่จะยื่นใบลาออก พวกเบื้องบนก็ผลัดกันมาขอให้อยู่ต่อ “เดี๋ยวก่อนสิ” พวกเขาพูด “ไม่คิดถึงสมาชิกในทีมคนอื่นๆที่ทำโปรเจคอยู่บ้างหรอ”
คนพวกนี้จะงี่เง่าชะมัด
ถ้าไม่อยากให้ออก ทำไมไม่ดูเเลเขาให้ดีตั้งเเต่เเรกเล่า
“ฉันได้ยินมาเเล้วเรื่องความผิดพลาดครั้งล่าสุดของเธอ” HR กล่าว “ทางเราไม่ได้ต้องการให้เธอมารับผิดชอบในเรื่องนี้”
พอได้ยินเเบบนี้ผมพูดไม่ออกเลย
“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด” ผมพูดขึ้นในที่สุด “เอโนกิส่งผมไปขอโทษสิ่งที่เกิดขึ้นในแผนกขาย ลูกค้าก็เลยยกเลิกสัญญา มันก็เเค่นั้นเอง พอคนที่มาขอโทษไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ลูกค้าจะรู้สึกว่าไม่จริงใจ”
“…ฉันพึ่งรู้เรื่องนี้นี่เเหละ”
“นั่นมันเป็นปัญหาของฝั่งคุณ”
ที่ผมอธิบายคือสรุปได้ว่า ‘ผมพอกันทีกับการตามเช็ดขี้ให้เอโนกิ’ ทำให้คำขอลาออกของผมถูกพักเอาไว้ก่อน เเละผมจะได้รับเงินเดือนจนถึงสื้นเดือน
โยโยกิดันเจี้ยน
เเละเเล้ว วันพฤหัสก็มาถึง ผมถือใบอนุญาตที่พึ่งมาส่งเมื่อคืนในมือข้างนึง เตรียมตัวที่จะออกไปโยโยกิดันเจี้ยน
“ว้าว ใบอนุญาตินี้เหมือนกับมันเปล่งประกายอยู่เลย” ผมพูด “เเละผมก็เป็นเเรงค์Gที่ไม่มีใครปราบได้ นี่มันเท่ชะมัด”
“เเล้วทำไมเเรงค์ G -ที่ต่ำที่สุด- ถึงไม่มีใครปราบได้ล่ะ” มิโยชิถาม
“ก็เพราะไม่มีใครมาปราบน่ะสิ”
มิโยชิถอนหายใจกับคำตอบของผม
ในไลท์โนเวลส่วนมาก บัตรนักสำรวจจะสร้างขึ้นโดยวัตถุดิบเเตกต่างกันออกไปตามเเรงค์ เเต่ทว่า ใบอนุญาติของ WDAนั้นธรรมดามาก เป็นIC การ์ดทำจากพลาสติก เเต่มีโฮโลเเกรมบนการ์ดเพื่อป้องกันการปลอมเเปลง แถมเเรงค์ที่เเสดงบนการ์ดนั้นถูกตกเเต่งไว้อย่างสวยงามเกินกว่าที่จะบรรยายได้
“ในอนิเมะหรือมังงะ การ์ดพวกนี้ก็มีลวดลายสวยงามกันหมด”
มิโยชิเปิดดูหนังสือคู่มือที่ส่งมาพร้อมการ์ด เธอดูเหมือนกำลังระลึกถึงความหลัง บางทีอาจจะคิดถึงสมัยมหาลัยที่ไปลงโยโยกิดันเจี้ยน คู่มือนี้มองดูคล้ายคู่มือเกม เต็มไปด้วยคำศัพท์แฟนตาซี ตอนเเรกผมคิดว่าคู่มือนี้จะน่าเบื่อเเละดูเป็นทางการมากกว่านี้ ถึงอย่างนั้นตัวมาสคอตในหน้าสารบัญก็มีชื่อประมาณ “ด้น” กับ “จีน” ซึ่งทำให้ดูเหมือนเป็นเอกสารราชการจริงๆ เเน่นอนว่าเนื้อหาจริงๆข้างในก็เป็นความรู้ทั่วไป
“เอาล่ะ งั้นเราไปกันเลยมั้ย” มิโยชิถาม
“ไปกันเล้ยย”
หลังจากที่ออกจากอพาร์ตเมนของผมในตอนเช้าตรู่ พวกเราก็มุ่งหน้าไปที่โยโยกิดันเจี้ยน
***
ถึงเเม้ว่าโยโยกิดันเจี้ยนนั้นจะค่อนข้างใหญ่ แต่ข้อมูลโดยละเอียดจนถึงชั้น 21 นั้นถูกรวบรวมไว้เเล้ว แผนที่แบบครอบคลุมก็มีอยู่ในเวปไซต์อย่างเป็นทางการ เเละเมื่อเลือกดูดันเจี้ยนวิว คุณก็จะสามารถเห็นบางส่วนภายในดันเจี้ยนได้ พูดอีกเเง่คือเป็นกูเกิ้ลสตรีทวิวเวอร์ชั่นดันเจี้ยนนี่เเหละ เเละดูเหมือนว่ามีนักสำรวจจำนวนไม่น้อยที่ติดกล้อง360องศาไว้บนหัว
“ดันเจี้ยนมีการเดินขึ้นเดินลงไม่เหมือนตามถนน” ผมพูด “เเถมมุมมองกล้องก็จะเปลี่ยนเวลาหลบสิ่งกีดขวางอีก กล้องพวกนี้ทำหน้าที่ได้ทีเดียวกันการนำรูปภาพหลายๆรูปมาต่อกันให้ถูก”
“ไม่มีใครใช้โดรนใช่ไหม” มิโยชิถาม
“มอนสเตอร์ในบางชั้นจะทำลายมันน่ะสิ”
ผมได้อ่าน “เรื่องราวของดันเจี้ยน” ในเวปไซต์อย่างเป็นทางการ เพื่อแก้ไขปัญหามอนสเตอร์พวกนั้น คนก็เลยติดกล้องบนหัวเเทนการใช้โดรน
“เเล้วถ้าเป็นงี้ล่ะ” มิโยชิพูด “ทำไมเราไม่ติดกล้องไว้ทั่วดันเจี้ยน เราจะได้สามารถสอดส่องในดันเจี้ยนได้ตลอดเวลา”
“เพราะดันเจี้ยนนั้นถือว่าอยู่อีกมิตินึง เลยเหมือนจะมีอะไรทำให้สัญญาณไฟฟ้าขาดการเชื่อมต่อตอนเข้าไปข้างในดันเจี้ยน”
บางทีมิโยชิอาจจะจินตนาการถึงร่างกายตัวเอง เธอเลยตัวสั่นเเล้วทำท่ากอดตัวเองเอาไว้ “ตัดการเชื่อมต่อ?”
“มันไม่น่าจะส่งผลกับวัตุทางกายภาพที่ผ่านเข้าไปหรอกนะ”
“ดันเจี้ยนมีอะไรที่เรายังไม่รู้อีกเยอะ เเล้วถ้าร่างกายพวกเราสามารถผ่านไปได้ เราก็น่าจะใช้สายเคเบิ้ลสำหรับกล้องได้สิ ใช่ไหม”
“สายจะกลายเป็นอาหารมอนสเตอร์แทนน่ะสิ”
ถ้าพูดโดยเจาะจงคือ สไลม์นั่นเเหละที่มาทำลายสายพวกนี้ สายเคเบิ้ลเส้นเเรกที่ลากเข้าไปในดันเจี้ยนอยู่ไม่ถึงวันเลยด้วยซ้ำ
ระหว่างที่คุยกันอยู่ เราก็ลงทะเบียนที่เคาเตอร์ต้อนรับ เเล้วจึงลงไปสู้โยโยกิดันเจี้ยนชั้นเเรก นักสำรวจส่วนมากจะลงบันไดไปชั้นสองเลย ชั้นเเรกที่มีเเต่สไลม์กับก๊อบลินเล็กน้อยนั้นไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไรอีกอย่างคือบันไดไปชั้นสองก็อยู่ข้างทางเข้าดันเจี้ยนด้วย ยิ่งทำให้ไม่มีคนมาที่ชั้นหนึ่งเข้าไปอีก
ระหว่างที่มองดูผู้คนที่เข้าไปในดันเจี้ยนด้วยหางตา พวกเราก็เข้ามาในชั้นหนึ่งลึกขึ้นเรื่อยๆ
“เนื่องจากนี่เป็นการลงดันเจี้ยนครั้งเเรกของเรา มาเริ่มด้วยการลองกำจัดมอนสเตอร์ให้ชินกันเถอะ”
“เคย์ ฉันมีข้อเสนอ เราลองมาตรวจสอบกันว่าสไลม์จะให้ค่าประสบการณ์เท่าไร”
“ทำไมล่ะ”
“เเน่นอนว่าเพราะเทรนด์ของพวกเราในตอนนี้คือการวัดน่ะสิ เราอาจจะขายข้อมูลนี้ทีหลังก็ได้นะ”
“เทรนด์ที่ว่านี่หมายความว่าไงเนี่ย เเล้วคนอื่นจะไม่ถามหรอว่าเรา ‘วัด’ ข้อมูลพวกนี้มาได้ยังไง”
มิโยชิส่งเสียงฮึมมขณะใช้ความคิด “เราอาจจะอ้างว่าพวกเราได้พัฒนาเครื่องวัดด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด”
“หลอกลวงกันชัดๆ เเถมคนอาจจะขอให้เราขายเครื่องนั่นด้วย”
“จะขายคนทั้งคนก็ลำบากอยู่นะ”
“ฉันคือเครื่องวัดหรอกเรอะ!!”
“ไมไ่ด้หลอกลวงสักหน่อย” มิโยชิพูด “ตอนนี้น่ะมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสกิลเยอะเเยะไป เเน่นอนว่าเราไม่สามารถเปิดเผยวิธีวัดได้ เเต่เดี๋ยวนักวิจัยทั่วโลกก็พิสูจน์ข้อมูลของเราเองเเหละ”
ก็คือเธอจะปล่อยให้เป็นหน้าที่คนอื่นว่างั้น
อย่างไรก็ตาม ผมก็เป็นนักวิจัยเหมือนกัน เลยรู้ว่ามันเป็นธรรมชาติที่จะอยากพิสูจน์ทฤษฎีของคนอื่น
“อ๊ะ เจอเเล้ว” ผมพูด
ในระหว่างที่คุยกันอยู่ พวกเราก็ได้พบกับชาวบ้านหมายเลข 1 – ไม่ใช่สิ มอนสเตอร์หมายเลข 1 – กำลังเด้งดึ๋งอยู่ตรงทางโค้ง สไลม์นี่เอง
“เคลื่อนไหวช้าชะมัด” ผมพูด “ต่างกับในนิยาย พวกมันจะไม่พ่นอะไรใส่หรือไม่กระโดดใส่ เเค่อาวุธจะใช้ไม่ค่อยได้ผล”
พวกเราไม่มีเวทมนตร์ด้วย
ถ้าสไลม์เป็นเป้าหมายหลักของพวกเรา ก็น่าจะพกเครื่องพ่นไฟมานะ เเต่ก็ใช่ว่าผมจะมีอยู่ที่บ้าน
เดี๋ยวก่อน ผมน่าจะเคยเห็นวีดีโอที่มีคนทำเครื่องพ่นไฟจากสเปรย์เเก๊สกระป๋องนี่
เเต่ก็อย่างว่า ดูเเล้วไม่น่าจะได้ผลเท่าไร
“เพราะว่าสไลม์นั้นส่วนประกอบเเทบจะเป็นน้ำทั้งหมด การฟาดหรือการตัดเลยไม่ค่อยได้ผล” มิโยชิพูดพลางวางกระเป้าเป้ใบเล็กของเธอลงที่พื้น เเล้วหยิบอะไรบางอย่างที่คล้ายกระป๋องออกมา “ถ้าเราทำลายคอร์ได้ มันก็จะตาย เเต่การจะหาคอร์ทรงกลมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซ็นติเมตรนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย สไลม์ไม่ดรอปไอเทม เเถมไม่ว่าจะกำจัดไปเท่าไรก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองเเข็งเเกร่งขึ้นเลย คนเลยไม่นิยมกัน”
“คือไม่มีอะไรดีเลยว่างั้น”
“ใช่ คนเลยยอมเเพ้เเล้วไปที่อื่นกัน”
“เเล้วพวกเราจะไม่เป็นอย่างนั้นรึไง” ผมถาม
“แต่ฉันมีอาวุธลับนะ”
“โอ้”
มิโยชิกระโดดขึ้นจากท่านั่งยองๆ เอามือซ้ายวางไว้ที่สะโพกเเล้วทำท่าเหมือนกำลังดันเเว่นขึ้นด้วยมือขวา
“ฟังให้ดี” เธอพูดเเล้วชี้ไปที่สไลม์ที่อยู่ใกล้ตัว “สไลม์นั้น เป็นมอนเสตอร์ที่มีของเหลวเป็นส่วนประกอบเเทบทั้งหมด ที่มันคงรูปร่างอยู่ได้ก็เพราะพลังงานอิสระพื้นผิวของภายในเเละภายนอกมันไม่เสถียร ทำให้เกิดการลดลงของพื้นที่ผิว”
“เเล้วยังไงต่อครับ ศาสตราจารย์มิโยชิ”
เมื่อเกิดการลดลงของพื้นที่ผิว วัตถุจะกลายเป็นรูปร่างทรงกลม เหมือนสไลม์นั่นที่กำลังเด้งดึ๋งอยู่
นั่นทำให้
“ไม่คิดว่ามันอันตรายหรอที่จะใช้วิทยาศาสตร์กับโลกแฟนตาซีน่ะ” ผมถาม
ปืนหรืออาวุธขนาดเล็กอื่นๆนั้นได้ผลถึงเเค่ชั้น10เท่านั้น หลังจากนั้นประสิทธิภาพของพวกมันจะลดลงอย่างรวดเร็ว นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ดันเจี้ยนระดับความลึกกลางนั้นยากมากที่จะถูกพิชิต ตามทฤษฎีที่น่าเชื่อถือมากที่สุดตอนนี้ ความเเข็งเเกร่งของคนที่เพิ่มขึ้นมาจากการกำจัดมอนสเตอร์นั้นจะไม่ส่งผลกับพลังโจมตีของอาวุธที่ใช้ดินปืน
“ฉันเชื่อว่าลักษณะเฉพาะทางกายภาพจากโลกจริงนั้นมีผลกับในดันเจี้ยนด้วย” มิโยชิพูด “ถ้าสไลม์คงอยู่ในรูปนั้นได้เพราะพลังงานอิสระพื้นผิวเเล้ว พอเราลดพลังงานพื้นผิวได้่ก็จะทำให้มันไม่สามารถคงรูปร่างไว้ได้”
เธอน่าจะกำลังพูดถึงสารลดเเรงตึงผิว
“เธอจะเอาน้ำสบู่พ่นใส่สไลม์รึไง” ผมถาม
“นั่นเเหละเป็นเเผนของเราตอนนี้ ฉันเตรียม สารลดเเรงตึงผิวประจุลบ สารลดเเรงตึงผิวประจุบวก สารลดเเรงตึงผิวประจุคู่ เเล้วก็สารลดเเรงตึงผิวไร้ประจุเอาไว้เเล้ว(1-4)” มิโยชิกดถ่ายวิดีโอที่กล้องบนหัวเธอ ดูเหมือนว่าเธอตั้งใจที่จะอัดวีดีโอ “ถ้าเกิดอะไรขึ้น นายช่วยป้องกันให้ทีนะ”
ผมโบกกระทะขนาด30เซ็นติเมตรที่มิโยชิเอาออกมาจากกระเป๋า “ได้ เเต่เธออยากให้ช่วยป้องกันโดยใช้ ไอ้นี่ เนี่ยนะ”
“เคย์ อาวุธกับชุดป้องกันมันเเพงนะ เเถมกระทะนั่นเป็นไทเทเนียมด้วย ทั้งเเข็ง เบา เเล้วก็ทนทานต่อการสึกกร่อน เพราะไม่ค่อยนำความร้อนเลยทนไฟได้นิดหน่อยด้วย สุดท้ายเเล้ว เพราะเป็นกระทะทอดเเบบจีนมันเลยโค้งเเละสามารถสะท้อนการโจมตีได้อีกตะหาก ดีกว่าโล่ทั่วๆไปเยอะเลยใช่มั้ยล่ะ”
“เเล้วทำไมถึงมีกระทะที่ทำจากวัสดุนำความร้อนต่ำอย่างไทเทเนียมด้วยเนี่ย”
“เพราะมันเป็นฉนวนความร้อนรึปล่าว” มิโยชิเอียงคอสงสัย
ผมขยับไปอยู่หน้าเธอเเล้วยกกระทะขึ้น “ยังไงก็ได้ ฉันพร้อมเเล้ว”
“ดีล่ะ งั้นมาเริ่มกันเลย เริ่มจากประจุลบก่อน โซเดียม โดเดซิล เบนซิน ซัลโฟเนต ยิงได้!”
“อย่างกับบทร่ายเวทเลย”
สารลดเเรงตึงผิวประจุลบถูกพ่นออกมาจากกระป๋องสเปรย์ในมือมิโยชิเเละโดนสไลม์ที่ตรงกลางเต็มๆ มอนเสตอร์นั้นตัวสั่น พื้นผิวฉีกขาดเล็กน้อย
“อันนี้ใช้ไม่ได้เเฮะ” ผมพูด
“เห็นด้วย ทั้งที่มาม่าเลมอนใช้ได้ดีกับพวกเเมลงสาบเเท้ๆ” มิโยชิพูดอย่างผิดหวังพลางจดลงไปในเเทปเล็ตของเธอ “เเละอย่างต่อไป ประจุบวก!”
“ประสิทธิภาพมันจะไม่ลดลงหรอถ้าเราผสมประจุบวกกับลบเข้าด้วยกัน”
“ไม่ต้องเป็นห่วง นี่เป็นเเค่การทดลองเล่นๆเฉยๆ อีกอย่างเราไปเอาผ้าเช็ดมันออกไม่ได้นี่”
“นี่เธอไม่ได้จริงจังหรอกเรอะ!”
เเต่อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์นั้นชัดเจนมาก พอมิโยชิพ่นสารลดเเรงตึงผิวประจุบวกใส่สไลม์ มันก็เเตกออกเป็นเสี่ยงๆโดยไม่มีเสียง
“โห นั่นมันอะไรน่ะ” ผมถาม “น้ำลายเอเลี่ยนรึไง”
“ส่วนประกอบหลักคือ เบนเซโทเนียมคลอไรด์”
“โห ดูสุดยอดมากเลย”
“ใช่ไหมล่ะ เเต่พอวางขายมันคือ มาคิรอน”
“ที่เป็นยาฆ่าเชื้อโรคอะนะ”
“ใช่เเล้ว”
“ตกลงว่าสไลม์นั้นเเพ้มาคิรอนหรอเนี่ย”
“ก็เหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้น” มิโยชิพูด
“หรือควรจะไปซื้อหุ้นของบริษัท ไดอิจิ ซันเคียว ดี”
“ถึงโลกจะรู้เรื่องนี้ คนที่ต้องการมันคงไมไ่ด้เพิ่มขึ้นหรอก”
มิโยชิหยิบค้อนขนาดใหญ่ที่มีปลายเเหลมขึ้นมาเเละฟาดลงไปที่คอร์ของสไลม์บนพื้น ทันใดนั้นคอร์ที่เเตกก็สลายกลายเป็นอนุภาคสีดำเล็กๆ
“ด้วยเจ้านี่ ตอนนี้เราก็สามารถกำจัดสไลม์จำนวนมากได้เเล้ว” มิโยชิประกาศ
“ถ้าเธอเเค่ไม่ต้องไปสนใจมัน มันก็ไม่ได้เป็นศัตรูเราตั้งเเต่เเรกเเล้วนะ”
“ฉันจะพูดอีกทีนะเคย์ นี่เเหละเป็นสาเหตุที่นายยังโสด” มิโยชิยื่นค้อนกับกระป๋องมาคิรอนให้ผม “สกิลนายสามารถวัดค่าประสบการณ์ได้ใช่ไหม”
“พูดอย่างเจาะจงคือ มันนับค่าที่ฉันสามารถเอาไปเเบ่งให้สเตตัสต่างๆได้”
“นั่นเเหละ เพื่อความสะดวก เราเรียกเหมือนคนอื่นว่าเป็นค่าประสบการณ์เเล้วกัน”
“ได้”
เพื่อที่จะวัดค่าประสบการณ์ที่ได้จากสไลม์ พวกเราก็เดินไปเรื่อยๆ ปัจจุบันนั้นมีการยืนยันเเล้วว่าไม่มีกับดักอยู่ในดันเจี้ยน เพราะฉะนั้นตราบเท่าที่เรายังคอยระวังมอนสเตอร์อยู่ ก็จะไม่มีปัญหาในการเคลื่อนที่ ลึกเข้าไปอีกหน่อย มิโยชิก็เจอเหยื่อรายต่อไป
“เจอสไลม์ตัวที่สองของเราเเล้ว” เธอพูด
“เมคกิ้ง” ผมกระซิบ ผมตรวจสอบสเตตัสของผมก่อนที่จะกำจัดสไลม์ เเละจะตรวจสอบอีกครั้งหลังจากกำจัดสไลม์ไปเเล้ว เพื่อดูว่าค่าประสบการณ์นั้นจะเพิ่มเท่าไร
ชื่อ : โยชิมูระ เคโกะ
เเรงค์ : 1
SP : 1173.03
HP : 36.00
MP : 33.00
STR : 14 [+]
VIT : 15 [+]
INT : 18 [+]
AGI : 10 [+]
DEX : 16 [+]
LUC : 14 [+]
“เอาล่ะ เริ่มเลยมั้ย” ผมถาม
“เอาเลย”
“จงออกมา อะไรเนี่ยมๆสักอย่างคลอไรด์!!”
“เคย์…ต้องตะโกนอย่างนั้นด้วยหรอ”
สไลม์เเตกกระจายเมื่อถูกพ่นด้วยมาคิรอน
“ที่ญี่ปุ่น การพูดชื่อท่าตอนโจมตีนั้นเป็นพื้นฐานนะ”
หลังจากนั้นก็เหลือเเค่การทำลายคอร์
โผล๊ะ
ชื่อ : โยชิมูระ เคโกะ
เเรงค์ : 1
SP : 1173.05 (+0.02)
HP : 36.00
MP : 33.00
STR : 14 [+]
VIT : 15 [+]
INT : 18 [+]
AGI : 10 [+]
DEX : 16 [+]
LUC : 14 [+]
“เป็นไง” มิโยชิถาม
“อืมม.. SP เพิ่มขึ้น 0.02”
“0.02 หรอ…” มิโยชิทวนเเละใส่ตัวเลขลงในโปรเเกรมสเปรดชีทสักอย่าง “เอาล่ะ มาต่อกันเถอะ”
หลังจากนั้นพวกเราก็กำจัดสไลม์อย่างต่อเนื่องจนเเทปเล็ตของมิโยชิเเบตใกล้จะหมด
โยโยกิ-ฮาจิมัน
พอผมกับมิโยชิกลับถึงอพาร์ตเมนของผม มิโยชิก็เริ่มโอนข้อมูลจากเเทปเล็ตของเธอไปยังเเลปทอปเเละเริ่มรันการประมวลผลทางสถิติ
“เป็นไง”
มิดยชิส่งเเทปเล็ตมา ซึ่งเต็มไปด้วยผมจากการทดลองกับสไลม์ “ไม่ต้องใช้โปรเเกรมก็ได้” เเค่ดูก็เข้าใจเเล้ว
1. 0.020
2. 0.010
3. 0.007
4. 0.005
5. 0.004
6. 0.003
7. 0.003
8. 0.003
9. 0.002
10. 0.002
11. 0.002
12. 0.002
…
70. 0.002
71.0.001
72. 0.002
สรุปคือ ผมจัดการสไลม์ไป 72 ตัว เเต่ได้ประสบการณ์เเค่ 0.182SP งั้นหรอ
“โอเค มันอาจจะเป็นเเค่สไลม์ เเต่ตั้ง 72 ตัวเลยนะ” ผมถาม
ระหว่างที่คุยกันอยู่ มิโยชิก็ทำอะไรสักอย่างกับถังโพลีเอทเทอรีนขนาด5ลิตรที่เธอซื้อมาเมื่อวันก่อน เหมือนเธอกำลังผลิตอะไรสักอย่างผมไม่เเน่ใจ “ไม่เเปลกใจเลยที่คนอื่นจะไม่สนใจสไลม์”
“เเต่ว่า ตัวเเรกนั้นได้ 0.02 พ๊อย …เดี๋ยวก่อนนะ ไม่ใช่ว่าค่าประสบการณ์10ตัวเเรกนั้นคำนวนจากจำนวนสไลม์ที่เราจัดการไปหรอกหรอ”
“ใช่ ดูเหมือนว่ายิ่งกำจัดมอนสเตอร์ไปมากเท่าไร จำนวนประสบการณ์ที่ได้ก็จะถูกหารตามจำนวนมอนสเตอร์ที่กำจัดไป เเละหลังจากตัวที่10เป็นต้นไป ค่าประสบการณ์ที่ได้จะเป็นเเค่1ใน10ของค่าตั้งต้น”
“ถ้าเกิดเราได้ 0.02 ทุกตัว สไลม์72ตัวควรจะได้ 1.44SP”
“เดี๋ยวก่อน อะไรคือSPนะ”
“อ้าว ฉันยังไม่เคยบอกหรอ” ผมถาม “สิ่งที่เราเรียกว่าค่าประสบการณ์มันคือค่าSPถ้าดูจากเมคกิ้งน่ะ”
“อืมม ย่อมาจาก สเตตัสพ๊อยรึปล่าว”
“น่าจะเป็นอย่างนั้น”
“งั้นต่อจากนี้ เราเรียกค่าประสบการณ์ว่า SP ก็เเล้วกัน”
“ได้ เเต่ว่าฉันควรจะได้ 1.44 พ๊อยนะ เหลือ0.182มันลดเยอะเกินไปมั้ย”
“เเต่ในเกมก็จะได้ค่าประสบการณ์น้อยลงเมื่อเเข็งเเกร่งขึ้นเหมือนกันไม่ใช่หรอ”
“พอตัวละครในเกมเลเวลสูงขึ้น จำนวนค่าประสบการณ์ที่ใช้ในการไปเลเวลถัดไปก็จะเพิ่มขึ้น” ผมอธิบาย “นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเกม ปกติเเล้วเวลากำจัดมอนสเตอร์ประเภทเดิม ค่าประสบการณ์ที่ได้ก็จะเหมือนเดิม”
“ฟังดูมีเหตุผล” มิโยชิพูด “ถ้างั้นเลิกพูดถึงค่าประสบการณ์ในเกมเเล้วมาดูค่าSPที่ได้จากดันเจี้ยนจริงๆกันเถอะ ตอนนี้มีสันนิษฐานอยู่สองเเบบ อย่างเเรกคือ เมื่อกำจัดมอนเสตอร์ประเภทเดียวกันติดต่อกัน ค่าSPที่ได้จะลดลง กับสอง ค่าSPที่ได้จากมอนเตอร์หลังตัวที่สิบคือค่าที่ได้จริงๆ เเต่ตัวที่หนึ่งถึงเก้าจะมีโบนัส”
“เว้นเสียเเต่ว่ามีมอนสเตอร์ตัวอื่นโผล่มาระหว่างเรากำลังล่าสไลม์ เราก็ไม่สามารถพิสูจน์สันนิษฐานเเรกของเธอได้”
“ชั้นหนึ่งก็มีก๊อบลินไม่ใช่หรอ”
“มีเเค่บริเวณใกล้กับทางที่จะไปชั้นสอง” ผมถอนหายใจ “เเละพอมันโผล่มา ก็จะมีใครสักคนจัดการมันทันที”
“เเต่ยังไงสุดท้ายเเล้วนายก็ไปตรวจสอบได้นี่”
“หา เธอจะไม่มาด้วยกันหรอ”
“ฉันไปสมัครใบอนุญาตทำการค้าไว้เเล้วจะไปเอาพรุ่งนี้ ถ้าพลาดล่ะเเย่เลยเพราะในเดือนนึงจะมีเเค่ครั้งเดียว ฉันตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเป็นราชินีการค้านะ!”
“ขอบคุณสำหรับเรื่องนั้นละกัน เเต่เเล้วงานล่ะ”
มิโยชิหัวเราะออกมาด้วยท่าทางพอใจ “ฉันใช้วันลา ลาหยุดวันพฤหัสบดีกับศุกร์ล่ะ”
“พวกเบื้องบนยอมได้ยังไงเนี่ย”
“ต้องขอบคุณนายที่ทำให้โปรเจคหยุด ตอนนี้พวกพนักงานตัวน้อยสามารถลาหยุดได้เท่าที่อยากลาเลยล่ะ”
“เอ่อ ขอบคุณฉันหรอ..”
เธอต้องบอกว่า ขอบคุณเอโนกิรึปล่าว เเต่ช่างเถอะ ผมไม่มีปัญหาอะไรกับการฟาร์มหรอกนะ ผมจะไปลงโยโยกิต่อละกัน เเล้วก็…
“เฮ้ ทำไมตัวที่ 71 ถึงได้SPน้อยกว่าตัวอื่นล่ะ” ผมถาม
“อ๋อ ใช่ๆ จำได้ไหมที่ตอนนั้นฉันเผลอไปเตะก้อนหินโดนสไลม์น่ะ ต้องเป็นตัวนั้นเเน่ๆ”
“หมายความว่า ถ้ามีสองคนโจมตีสไลม์ตัวเดียวกัน SPที่ได้ก็จะหารครึ่งอย่างนี้หรอ เเบบนี้ก็สุดยอดเลยนะ”
“สุดยอด? ทำไมล่ะ”
“ไม่ว่าเธอจะทำความเสียหายใส่เป้าหมายน้อยขนาดไหน SPที่ได้ก็จะถูกหารตามจำนวนคน สรุปเเล้วเธอเเค่พยายามทำแดเมจเล็กน้อยอะไรก็ได้ให้มากที่สุด”
ระหว่างที่คนอื่นกำลังต่อสู้อยู่ คุณสามารถเตะก้อนหินไปโดนเเล้วทำเหมือนกับว่าเป็นอุบัติเหตุ แทนที่จะเเสดงออกตรงๆว่าพยายามเเย่งค่าประสบการณ์จากคนอื่น
“ใช่ เเต่เรื่องมันคืองี้” มิโยชิพูด
“อะฮะ”
“ถ้าเกิดเรื่องนี้เเพร่งพรายออกไป ต้องเป็นเรื่องใหญ่เเน่ๆ”
ใช่เเล้ว ถ้าไม่มีใครสามารถวัดค่าSPได้ ก็ไม่มีใครรู้ว่ามีการหารเกิดขึ้น ถ้าเกิดเรื่องนี้รู้กันไปทั่วเมื่อไร ต้องมีการเเย่งพื้นที่การล่ากันยิ่งกว่าในเกมMMORPGเเน่ๆ
“มิโยชิ” ผมพูด
“อื้อ”
“มีหลายอย่างที่ไม่ควรจะให้คนอื่นรู้ ก่อนที่จะประกาศอะไรไป เรามาปรึกษากันก่อนเถอะ”
“เข้าใจเเล้ว”
ถ้าเกิดว่านักสำรวจคนเเรกลงดันเจี้ยนทุกวันตั้งเเต่วันเเรกจนถึงวันนี้ ก็จะประมาณ1100วันเเล้ว ถ้าเกิดว่าได้SPวันละหนึ่งเเต้มโดยเฉลี่ย ก็ควรจะสะสมSPได้เยอะพอสมควร ถ้ามองในเเง่นี้เเล้ว การที่ผมเป็นเเรงค์หนึ่งในตอนนี้ก็ดูเเปลกอยู่
0.182 น่าจะไม่ใช่ปกติใช่ไหม สุดท้ายเเล้วมันก็เป็นเเค่สไลม์
“จะว่าไป เธอกำลังทำอะไรอยู่กับไอนั่นล่ะ” ผมถาม พูดถึงถังโพลีเอทเทอรีนที่มิโยชิกำลังยุ่งด้วยอยู่
“เพราะฉันต้องกลับไปทำงานอีกสักพักนึง เลยกำลังผลิตน้ำลายเอเลียนเพิ่มให้นายอยู่ไง ฉันมีถัง5ลิตรนี้อยู่ห้าถัง น่าจะพอสำหรับตอนนี้เเล้วมั้ง?”
“น่าจะได้ ขอบคุณมาก”
ในตอนนั้น ผมไม่รู้ว่าการกำจัดมอนเตอร์ 72 ตัวภายในวันเดียว – เเม้ว่าจะเป็นสไลม์ก็ตาม – นั้นเป็นเรื่องไม่ปกติ ไม่รู้เเม้เเต่ว่าปกติเเล้ว คนจะลงดันเจี้ยนกันเป็นปาร์ตี้ขนาดใหญ่
(1) สารลดเเรงตึงผิวประจุลบ – พบในสบู่ เเชมพู ผงซักฟอก
(2) สารลดเเรงตึงผิวประจุบวก – พบในผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม น้ำยาฆ่าเชื้อ และผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม
(3) สารลดเเรงตึงผิวประจุคู่ – พบในผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความอ่อนโยน เช่น แชมพูเด็ก และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่ระคายเคือง
(4) สารลดเเรงตึงผิวไร้ประจุ – พบในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนต่อผิว เช่น น้ำยาล้างจาน และเครื่องสำอาง เนื่องจากมีความสามารถในการทำความสะอาดที่ดีและไม่ทำให้เกิดฟองมาก