ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น - ตอนที่ 57 เล่ม 3 : เฮเว่นส์ลีคส์ (11)
ผ่านไปสี่ชั่วโมง มิโยชิก็ตื่นขึ้นมาเเละเริ่มจัดการกับเอกสารของHPCs ที่เธอสมัครไป
“ขอโทษที่ทำตัวโวยวายนะ”
“เเต่คอมพิวเตอร์ของเธอก็ดีมากเเล้วนี่ ถ้าการสร้างกราฟจะใช้เวลาขนาดนั้น มันจะไม่ต้องใช้เวลาในการคำนวนมหาศาลตอนใช้เครื่องวัดเเล้วส่งกลับมาหรอ”
ถ้าเป็นเเบบนั้นเครื่องวัดก็น่าจะไร้ประโยชน์
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอก ถ้าหาค่าคงตัวกับสูตรได้หมดเเล้ว การคำนวนก็ใช้เวลาเเปปเดียว”
หรือก็คือเเนวทางโดยรวมเรื่องสูตรคำนวนได้ถูกกำหนดไว้หมดเเล้วจากกราฟเมื่อวาน เเล้วเธอกำลังคำนวนอะไรอยู่กันเเน่ล่ะเนี่ย
“เเล้วเมื่อคืนเธอทำอะไรอยู่นะ”
เธอคงระเเวงนารุเสะที่อยู่ในห้องเเปล มิโยชิเลยลดเสียงลง
“ฉันพยายามจะระบุตัวตนกับระบุสกิลน่ะ”
“ว่าไงนะ”
“ตอนนี้ฉันใช้ข้อมุลที่ได้มากจากเครื่องเพื่อสร้างกราฟโดยใช้อาเรย์ พอเสร็จเเล้วฉันก็จะมาหาว่าส่วนไหนที่ไม่เปลี่ยนไป”
“อ๋อใช่ ที่เธอพูดเมื่อวานนี้”
“ใช่เลย”
ส่วนที่ไม่เปลี่ยนไปเมื่อสเตตัสเปลี่ยน ถ้ามันมีจริงๆเเละต่างต่างกันไปตามเเต่ละบุคคล ก้น่าจะสามารถเอามาใช้ระบุตัวบุคคลได้
“เเล้วเธอคิดว่ามันเป็นไปได้ไหมล่ะ”
“เรื่องนั้นน่ะ…”
หลังจากที่สร้างกราฟมาหลายๆเเบบเเล้ว มิโยชิก็เขียนโค้ดเพื่อหาส่วนที่ไม่เปลี่ยนเเปลงนั่นเเล้วปล่อยให้มันทำงานทิ้งไว้ เเต่ทว่าโค้ดนั่นก็ไม่ได้ให้ผลลัพธ์อะไรกลับมา
“มันมีบัคติดอินฟินิทลูปอะไรรึเปล่า”
“ล็อคยังพ่นข้อมูลออกมาอยู่เลย ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้นหรอก”
“ก็นะ เราไม่มีข้อพิสูจน์อะไรว่ามันจะมีจริงๆนี่นา”
“การสำรวจทุกอย่างอย่างถี่ถ้วยเป็นพื้นฐานของการคำนวนทางคณิตศาสตร์เลยนะ”
ถึงการสำรวจตัวเลขนับไม่ถ้วนจะไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้กก็เถอะ เเต่ว่าถ้ามองถึงการเอาไปใช้งาน ใช้เเค่จำนวนนึงก็ได้ผลเเล้ว
ผมคิดถึงคำพูดของมิโยชิก่อนที่จะตอบออกไป “เเต่อย่างน้อย จำนวนของที่จะเอามาคำนวนก็ต้องเป็นไปได้ก่อนที่จะเอาไปคำนวนถูกไหม”
“ฉันเเปลงทุกอย่างในลำดับ O(N^3)ได้สำเร็จเล้ว เเต่บัญชีของ HPCIยังลงทะเบียนไม่เสร็จ ฉันก็เลยเปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้อีกสักพัก”
จากที่มิโยชิบอก ถ้าเธอเจอกราฟดีๆ มันก็จะสร้างสิ่งที่เราต้องการออกมา หวังว่าเธอจะไม่ลงเอยเหมือนกับตัวละครหลักของวีดีโอที่เป็นที่พูดถึงกันช่วงนึง ที่ว่ามีผู้หญิงคนนึงอธิบายเรื่องการระเบิดเเบบผสมผสานให้กับเด็กสองคน หลังจากที่ทำการประมวลผลคำนวนบนเครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ไปสองหมื่นห้าพันไป เธอก็กลายเป็นหุ่นยนตร์เพื่อรอผลลัพธ์
“คุณสองคนคุยกันเสร็จรึยังคะ” นารุเสะถาม บางทีเธออาจจะรอให้เราคุยกันเสร็จก่อนที่จะออกมาจากห้องเเปล
“อ้อ เสร็จเเล้วล่ะ”
นารุเสะกอดอกเเละหรี่ตา ปล่องรังสีความกดดันหนาบเหน็บออกมา “ถ้ารีบมาฮะิบายให้ฉันฟัง บางทีฉันอาจจะสามารถช่วยได้ในฐานะผู้ดูเเลเต็มเวลาก็ได้นะคะ”
“รุ่นพี่ เธอให้ความรู้สึกเหมือนบอสสาวสวยเลยล่ะ”
ผมพยักหน้า “คุกเข่าให้ราชินี”
“คุยอะไรกันคะเนี่ย”
“ไม่มีอะไรๆ” มิโยชิกับผมพูดพร้อมกัน
“ที่คุณวิจัยกันอยู่อาจจะเป็นความลับก็จริง เเต่พวกคุณบังคับให้ฉันวัดอะไรสักอย่างไปเเล้วนะคะ ไม่ใช่ว่าได้เวลาที่จะบอกเเล้วหรอคะ”
“เอ่ออ มิโยชิ?”
ผมที่กำลังมึนส่งไม้ต่อให้มิโยชิ เธอเลยพยักหน้าเเละทำทีเหมือนว่าถึงเวลาที่จะต้องบอกเเล้ว
“ที่จริงเเล้ว ฉันเดาว่าเธอก็น่าจะต้องคุยเรื่องนี้กันตอนประชุมครอบครัวในวันที่ 23 เเหละ”
“อะไรนะคะ ประชุมครอบครัวหรอ หมายความว่ายังไง”
มิโยชิอธิบายเรื่องการร่วมมือกันทางธุรกิจกับมิโดริเเละเป้าหมายของอุปกรณ์ที่สร้าง นารุเสะฟังทั้งหมดนี้อย่างเงียบๆ เเต่พอมิโยชิพูดจบ เธอก็พูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“คุณสามารถวัดสเตตัสเป็นตัวเลขได้หรอคะ!”
“เอ่อ ใช่”
สมกับเป็นพนักงงานของ JDA เธอพูดถึงเรื่องการวัดสเตตัสก่อน ข้ามส่วนที่ว่าห้องวิจัยของน้องสาวเธอเป็นคนสร้างเครื่องนี้โดยสิ้นเชิง
“สามารถดูสเตตัสของฉันได้ไหมคะ”
มิโยชิพยักหน้า “เป็นข้อมูลที่วัดเมื่อวานเเหละ”
มิโยชิหยิบเเท็บเล็ตออกมาเเละเปิดข้อมูลของนารุเสะ มิโยชิได้สร้างกราฟสามมิติจากข้อมูลของนารุเสะที่วัดได้ จากนั้นก็คำนวนค่าสเตตัส เเน่นอนว่าค่า HP กับ MP เป็นค่าที่คำนวนจากสเตตัสอีกที
ถ้ามีใครใช้ออร์บ xHp หรือ xMP การคำนวนเบื้องต้นจะไม่สามาถบอกค่าที่ถูกต้องได้ เพราะงั้นในความเป็นจริงเเล้ว ตัวเลขพวกนี้มันยังเป็นเเค่ตัวเลขครึ่งๆกลางๆ เเต่ถ้าคิดถึงจำนวนคนที่มีสกิลพวกนี้เเละอิทธิพลที่สกิลนี้จะมีผลต่อสเตตัสของคนพวกนั้นเเล้ว เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรของเครื่องนี้
ชื่อ นารุเสะ มิฮารุ
HP : 23
MP : 27
STR : 10
VIT : 9
INT : 15
AGI : 9
DEX : 13
LUC : 11
นารุเสะมองตัวเลขพวกนี้อยู่สักพักด้วยความตื่นเต้น สักพักเธอก็มองขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่สบายใจ ถ้าค่าพวกนี้เเทนค่าสเตตัสจริงๆ เครื่องนี้จะมีประโยน์กับนักสำรวจมหาศาลเลยนะคะ
เธอพูดถูก
สมมุติว่า WDAประกาศค่าสเตตัสเเนะนำสำหรับดันเจี้ยนเเละเเต่ละชั้น จำนวนนักสำรวจที่บาดเจ็บเเละเสียชีวิตก็จะลดลงทันที เเถมนักสำรวจก็อาจจะคิดค้นวิธีการเพิ่มค่าสเตตัสค่าใดค่าหนึ่งโดยเฉพาะขึ้นมาก็ได้
การวัดปริมาณอะไรสักอย่างคือการทำให้มันเป็นนามธรรม เเละทำให้ปรากฏการณ์นี้มีบรรทัดฐาน พอไม่มีความคลุมเครือจากมุมมองส่วนบุคคล คนเราก็จะมุ่งหน้าไปสู่ความเข้าใจเเบบเดียวกัน พอหลุดพ้นจากโลกของเวทมนตร์เเละกลายเป็นโลกของวิทยาศาสตร์ ถึงเรายังจะใช้ศัพท์ตอนที่มันยังเป็นเวทมนตร์อยู่ เเต่มันก็จะนำพาไปสู่คำสาบเเบบใหม่ เเต่ถึงอย่างนั้นมนุษยชาติก้น่าจะสามารถไปสู่ผลลัพธ์ได้จากการลองผิดลองถูก พวกเราจะมุ่งหน้าไปสู่วิธีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการพิชิตดันเจี้ยน ผมมั่นใจว่าเป็นอย่างนั้น
“เเต่ว่าเครื่องนี้ก็จะมีผลกระทบที่ไม่อยากให้มีเหมือนกันค่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็..มันหมายความว่าเรากำลังจัดลำดับคน ใช่ไหมล่ะคะ”
ใช่ ไม่ว่าใครก็น่าจะคิดเเบบเดียวกัน มิโยชิกับผมเคยจินตนาการถึงคนเอาไปใช้ทำเลียนเเบบดรากอนบอล
“ตอนเเรกก้น่าจะเป็นเเบบนั้น เเต่สุดท้ายเเล้ว เครื่องนี้ก็ไม่ต่างไปจากเครื่องชั่งน้ำหนัก” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม “เเต่มันก็ยังเเพงเกินกว่าจะเป็นของเล่นเด็กเเหละนะ”
เครื่องชั่งน้ำหนักก็เป็นอีกเครื่องนึงที่เอาไว้วัดคุณสมบัติหนึ่งของมนุษย์ เเต่ทว่านอกจากนักวิจัยบางประเภทเเล้ว ก็ไม่มีใครมาจัดอันดับคนจากค่านี้หรอก
“เอามาเทียบกับน้ำหนักไมไ่ด้หรอกนะคะ”
ผมส่ายหัว “เอาจริงๆมันค่อนข้างเหมือนจำนวนไขมันในร่างกายเลยล่ะ”
“หาา ยังไงนะคะ”
เปอร์เซ็นไขมันในร่างกายนั้นสามารถถูกวัดได้จากการส่งกระเเสไฟฟ้าอ่อนๆไปทั่วร่างกาย เเต่เพราะเเต่ละคนมีขนาดร่างกายเเตกต่างกัน การวัดเนื้อเยื่อไขมันโดยใช้เเค่ความต้านทานไฟฟ้านั้นจะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ สุดท้ายเเล้วก้มีฐานข้อมูลที่ถูกสร้างมาจากค่าที่วัดได้นั้นของคนจำนวนมาก ซึ่งหลังจากนั้นก็จะถูกใช้เพื่อวัดสัดส่วนไขมันในร่างกาย ในความเป็นจริงเเล้ว วิธีที่เราใช้ในการวัดสเตตัสก้เป็นเเบบนี้
“เเถม คนเราก็ถูกจัดลำดับด้วยตัวเลขหลายๆอย่างอยู่เเล้ว อย่างพวกลำดับมหาเศรษฐีหรือคะเเนนสอบก็เป็นอีกตัวอย่างใช่ไหมล่ะ”
“เเต่พวกนั้นมันมองไม่เห็นนะคะ” นารุเสะประท้วง
“มองเห็นสิ จากบรรทัดฐานของผู้คนกับจากโรงเรียนไง”
ในความเป็นจริงเเล้ว มยุษย์นั้นถูกจัดลำดับหลายๆเเบบอยู่เเล้ว มันก็ใช่ที่ว่าคนที่ทำมากเกินไปก็จะเป็นปัญหา เเต่ในจุดนี้ เเค่จำนวนลพดับเพิ่มขึ้นหนึ่งอย่างมันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก
นารุเสะถอนหายใจเป็นทำนองยอมเเพ้ “งั้นพวกคุณจะเปิดเผยทฤษฏีหรือสูตรคำนวนที่ทำให้เครื่องนี้สามารถวัดค่าสเตตัสได้หรือคะ”
มิโยชิส่ายหัว
“เเต่ถ้าเป็นเเบบนั้น ก็จะไม่มีใครรู้ว่ามันวัดถูกจริงหรือ-”
“นารุเสะ” มิโยชิพูดเเทรกขึ้นมา มิโยชิได้ตัดสินใจเเล้วตอนอยู่ในโยโยกิดันเจี้ยน เเละก็ถึงเวลาเเล้วที่เธอจะทำอย่างที่คิดไว้ “เทคโนโยลีนี้เป็นเเค่การสรุปโดยอุนัยจากค่าสเตตัสที่วิจัยมาเท่านั้นเอง”
สิ่งที่มิโยชิพูดออกมาทำให้นารุเสะมึนงง “สรุปเเบบอุปนัยหรอคะ?”
“นารุเสะ ฉันน่ะเป็น-” มิโญชิหยุดพูดเเละละสายตาไปจากนารุเสะ ทำท่าเหมือนจะพูดเรื่องใหญ่โต พอความกดดันถึงขีดสุด เธอก็กลับมามองที่นารุเสะ เเละพูดออกไปด้วยสายตาเร่าร้อน
“ฉันเป็นผู้ใช้สกิลประเมิน”
ในจังหวะนั้นผมจินตนาการถึงเสียงเปียโนออเคสตร้า คอนเซอโต อิน เอ ไมเนอร์ ผลงานหมายเลข54 ซึ่งเป็นเปียโนคอนเซอโตเดียววที่ถูกเขียนโดย โรเบิร์ต ชูมันน์
“หา?!”
มิโยชินำดี-การ์ดที่เตรียมไว้อยู่เเล้วให้นารุเสะดู เธอทำท่าทางเหมือนกำลังช้อค มิโยชิซ่อนสกิลอื่นเอาไว้ ซึ่งดูน่าสงสัยสุดๆ เเต่มาถึงขนาดนี้เเล้ว ใครๆเขาก็รู้กันหมดเเล้วล่ะ
หลังจากที่มองเห็นชื่อสกิลเเล้ว นารุเสะก็มองหน้ามิโยชิ เเล้วก็มองไปที่ดี-การ์ดอีกครั้ง ผ่านไปเเล้วสามปีหลังจากที่ดันเจี้ยนปรากฏขึ้นมา นี่เป็นครั้งเเรกที่การมีตัวตนของผู้ใช้สกิลประเมินได้ถูกยืนยันเเล้ว
หลังจากนั้นอีกหลายวัน ผลลัพธ์ก็โปรเเกรมที่มิโยชิประมวลผลเอาไว้ก็เเสดงล็อกขึ้นมาบนหน้าจอ เเต่เเน่นอนว่าไม่มีใครเห็นในตอนนั้น
“ความสอดคล้อง : KY2538-21104 (1284,7743,6430-1312,6661,6434)”
โรงพยาบาลตำรวจโตเกียวเมโทรโพลิเเทน, นากาโนะ
บ่ายวันนั้น ผมเดินทางไปยังโยโยกิดันเจี้ยนเพื่อที่จะไปหาออร์บสโตเรจที่คูลดาว์นหมดเเล้ว หลังจากที่นารุเสะเขียนรายงานเสร็จ เธอก็รีบกลับไปที่อิจิกายะ
มิโยชิก็เลยไปที่โรงพยาบาลตำรวจที่นากาโนะคนเดียว
“คาวัล ฟังอยู่รึเปล่า” มิโยชิถามเฮลฮาวด์ที่ซ่อนอยู่ในเงาของเธอ “”ฉันอยากให้นายพาฉันไปที่ห้องของเขาหน่อย
จากนั้นเธอก็จมลงไปในเงา หายวับไปจากสายตา
***
หลังจากที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ฮิมูโระก็ได้รับการตรวจเเละคำอธิบายจากหมอ ซึ่งไม่พบอะไรผิดปกติในร่างกาย เขาเลยกำหนดให้ฮิมูโระออกจากโรงพยาบาลได้ภายในวันนี้
พอหมอออกจากห้องไป ก็มีชายที่ดูไม่สะดุดตาคนหนึ่งมาสอบสวนเขา ถึงฮิมูโระจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงถูกสอบสวน เเต่สิ่งที่ชายคนนั้นรู้เกี่ยวกับตัวเขานั้นทำให้เขาทึ่งมาก อย่างเช่นคนๆนั้นรู้เเม้กระทั่งชื่อของหญิงสาวที่ฮิมูโระเดทด้วยอยู่ 1 เดือนตอนอยู่มหาวิทยาลัย
เเต่ดูท่าทางเขาไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตั้งข้อหาอะไร จากที่ชายสองคนที่เฝ้าอยู่ที่ประตูบอก พอออกจากโรงพยาบาลตำรวจก็ไม่กักตัวเขาไว้เเล้ว
“เเต่ทำไมถึงโดนสอบสวนซะละเอียดขนาดนั้นกันนะ” ฮิมูโระพูดกับตัวเอง
เขารู้สึกอึดอัด คล้ายกับหมูที่ได้กลิ่นเห็ดทรัฟเฟิลเเต่ไม่รู้ว่าต้องไปขุดตรงไหนดี ระหว่างที่คิดอยู่นั้น เขาก็เตรียมตัวที่จะออกจากโรงพยาบาล
“สวัสดี”
ฮิมูโระได้ยินเสียงเรียกเขาทั้งๆที่เขายังไม่ได้ยินเสียงประตูเปิดเลย หัวใจเขาหยุดเต้นชั่วขณะในระหว่างที่หันขวับไปทางเสียงที่เรียกนั่น มีหญิงสาวรูปร่างเล็กดูกระฉับกระเฉงยืนอยู่ตรงนั้น ถ้าเธอเป็นคนรู้จัก ตอนนี้เขาก็นึกไม่ออกว่าเธอเป็นใคร
“เธอโผล่มาจากไหนกัน” ฮิมูโระพึมพำกับตัวเอง
จะเป็นที่ไหนได้ล่ะนอกจากทางเข้า เขาคิดต่อ กลับมาทำใจเย็นได้อีกครั้ง
“ผมกำลังจะออกจากโรงพยาบาลเเล้ว เธอเข้าผิดห้องรึเปล่า” ฮิมูโระพูดกับผู้หญิงคนนั้น
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ได้เข้าผิดห้องอะไรหรอก ฮิมูโระซัง”
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มเเละเรียกเขาด้วยชื่อตัว เขารู้สึกว่าเคยได้ยินเสียงผู้หญิงคนนี้จากที่ไหนสักเเห่ง เเต่ก็นึกไม่ออกว่าคือที่ไหน
“ขอโทษนะครับ เเต่ว่าคุณคือใคร”
ทำไมผู้หญิงคนนี้ – จะเป็นใครก็ช่าง – ถึงรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ ฮิมูดระคิด เพราะงานที่บริษัทโปรดักชั่นนั้นจะเริ่มสาย ถึงจะเป็นวันจันทร์ ฮิมูโระก็ยังไม่ได้ติดต่อใครทั้งนั้น เพราะว่าจากเวลาตอนนั้นยังไม่เป็นปัญหาเรื่องงาน
“ตลกจังนะ ฉันก็อยากถามนายคำถามนั้นเหมือนกัน” ระหว่างที่พูด ผู้หญิงคนนั้นก็วางกล้องของฮิมูโระที่หายไปไว้บนโต๊ะ “นี่ของนายใช่ไหมล่ะ นายทำตกไว้ที่สวนในบ้านของเรา”
เขาหยิบกล้องขึ้นมัน มันมีสติ๊กเกอร์ว่า มีเดีย24 แปะติดอยู่ ตรงเลนส์มีรอยเเตกที่น่าจะเป็นผลมาจากกล้องตะกระเเทก ดูเเล้วการซ่อมหรือซื้อใหม่น่าจะใช้เงินพอๆกัน เเน่นอนว่าฮิมูโระสามารถอ้างได้ว่าไม่ใช่กล้องของเขา เเต่เขาอยากได้เมมโมรี่การ์ดข้างในกล้องนั่น
“ใช่ ของผมเอง” เขาตอบอย่างลังเล
เเน่นอนเขาไม่สามารถพูดออกไปตรงๆว่า “อ๋อ ฉันแอบถ่ายเธอเองเเหละ” ในขณะเดียวกัน ความทรงจำจากเมื่อคืนก็ทำให้เขาลังเลอยู่ขณะนึง
เมื่อเช้านี้ ฮิมูโระเล่าสิ่งที่เขาประสบมาให้หมอฟัง หมอเเค่ฟังเเละยิ้มอย่างใจดี “คุณน่าจะเเค่เพ้อไป” หมอสรุปไว้อย่างนั้น เพราะไม่มีใครมีสิ่งปลูกสร้างอะไรที่จะขังเขาไว้ตามที่เขาอ้างได้ เเถมโทรศัพท์ของเขาก็ยังใช้การได้ดีตรงกันข้ามกับที่เขาพูด
เเถมตอนที่ฮิมูโระใช้ฟังชั่น กูเกิ้ลเเมพไทม์ไลน์จากในมือถือ ก็เหมือนเป็นการตอกฝาโลง เพราะมันเเสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ขยับออกจากบ้านหลังนั้นเลยเเม้เเต่นิดเดียว
เเต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เชื่อว่าความมืดนั่นจะเป็นสิ่งที่เขาคิดไปเอง นอกจากความตายที่เขารู้สึกว่าเข้ามาใกล้เขาเเล้ว สิ่งบ่งชี้รอบตัวต่างๆกลับบอกว่ามันเป็นเเค่ความฝัน เเต่ยังไง ฮิมูโระก็มีความสามารถที่จะลืมเรื่องที่ไม่น่าพอใจเหล่านี้ได้จากประสบการณ์การทำงานสายนี้อยู่เเล้ว เหมือนกับได้รับพรมา
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมเข้าใจผิดว่าบ้านคุณเป็นบ้านคนอื่นอีกคนนึง”
เขาจำไมไ่ด้ว่าเมื่อคืนเขาหลุดปากพูดอะไรไปบ้าง เเต่เขาก็ยังจะพยายามหลีกเลี่ยงปัญหาทั้งหมดในเเบบที่เคยทำมา คือ ยิ้มเเละทำเป็นไม่รู้เรื่อง
ทว่า พอฮิมูโระพยายามทำตัวไม่รู้เรื่อง เขาพบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางความมืดอีกครั้ง
“หน่ะ-นี่มันอะไรกันเนี่ย” เขาตะโกน
ระหว่างที่คุยกันนั้น เขายืนอยู่บนพื้นห้องโรงพยาบาลสว่างๆ เเต่ว่าตอนนี้ความมืดมิดกำลังบดขยี้ตัวเขาอยู่ เหมือนว่าเขากลับไปเป็นตอนเมื่อคืนอีกครั้ง เเต่ในจังหวะที่เขากำลังจะเกิดอาการเเพนิคอยู่นั้น เขาก็กลับมายังห้องในโรงพยาบาลดังเดิม – ที่เดิม – กับเมื่อกี๊นี้ เเละกำลังทรุดตัวคุกเข่าอยู่
ฮิมูโระไออย่างรุนเเรง หางตาของเขาบิดเบี้ยวอย่างกับเลนส์ตาปลา สายตาเขามองเห็นได้เเคบลง หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นดูเหมือนสัตว์ประหลาดที่มาจากอีกโลกนึง
“เป็นอะไรไปล่ะ” เธอถาม
พอเขาได้ยินเสียงของเธออีกครั้ง ฮิมูโระก็จำได้ว่าเขาเคยได้ยิมาจากที่ไหน เเละในขณะเดียวกัน เขาก็จำตอนที่ขยับไมไ่ด้เเละหายใจไม่ออกด้วย ทำให้เหงื่อเริ่มผุดจากทั่วร่างกาย
“กะ-เเกเป็นตัวอะไรกันเเน่!”
“อะไรล่ะนั่น” หญิงสาวถามอีกครั้ง “นายเป็นอะไรรึเปล่า ทีนี้บอกมาอีกทีสิ – ว่าจำบ้านของเราผิดกับบ้านคนอื่นหรอ”
ถ้าเขายังยืนยันคำเดิมอยู่ เขาจะต้องถูกผลักลงไปในความมืดนั่นอีกครั้งเเน่ เขาไม่รู้ว่าความมืดนั้นอยู่ที่ไหนเเละหัวเด็ดตีนขาดเขาก็ปฏิเสธที่จะกลับไป ถึงมันจะเป็นเเค่ภาพลวงตาก็ตาม
“ฉันคงโทษนายเรื่องนั้นไม่ได้ล่ะมั้ง เเต่ตอนนี้เราก็เป็นคนรู้จักกันเเล้ว ญาติดีกันไว้ดีกว่านะ บางทีนายอาจจะมาช่วยฉันในอนาคตก็ได้”
“อยากให้ญาติดีกันไว้กันเรอะ…”
เขาพยักหน้าเเม้จะไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้พูดก็ตาม
“ว้าว ขอบคุณมากเลย อ้อ ใช่ ฉันเขาของขวัญมาเยี่ยมไข้ด้วยนะ”
เธอหยิบกระถางต้นไม้เล็กออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ พอเห็นดังนั้น ฮิมูโระก็นึกขึ้นได้กระทันหันว่า ปกติเเล้วใครกันจะเอาต้นไม้ทั้งกระถางมาเยี่ยมไข้ที่โรงพยาบาล นี่มันเป็นการคุกคามเเบบไหนกัน จากข้อห้ามของโรงพยาบาลที่มีคนเอาให้เขาดูเมือเช้านี้ การเอาดอกไม้เข้ามานั้นผิดกฏ ถึงจะไม่มีรากหรือดินก็ตาม
มันเป็นพุ่มไม้เล็กๆที่มีใบจำนวนมากโปล่มาจากกระถาง ฉันเคยใช้ต้นนี้ตอนถ่ายหนังครั้งนึงใช่ไหมนะ ฮิมูโระคิดพลางมองไปที่ต้นไม้นั่นอย่างไม่คิดอะไร มันเรียกว่าอะไรนะ ถ้าจำไม่ผิด เขาคิดอยากจะใช้ดอกไม้สีม่วงสำหรับตอนฤดูร้อน ตอนนที่เขาเลือกที่จะใช้พุ่มไม้นี้ เขาก็หาข้อมูลของมันเตรียมไว้ด้วยเพราะความเคยชิน
“ดะ-ดูรานตาหรอ”
“งั้นก็ ไว้ฉันจะติดต่อมานะ”
เสียงของผู้หญิงคนนั้นทำให้เรารู้สึกตัวอีกครั้ง เเต่พอเขามองขึ้นมา เธอก้ไม่อยู่ตรงนั้นเเล้ว
“จะติดต่อมางั้นเรอะ”
ฮิมูโระรีบไปที่ประตูห้องผู้ป่วยของเขา เปิดออกอย่างรุนเเรงเเละยื่นหัวออกไปที่ทางเดินสำรวจรอบๆ ชายสองคนจากหน่วยข่าวกรองลุกขึ้นนั่งทันที
“เห้ย เเกคิดจะทำอะไร” ชายคนหนึ่งถาม
“เมื่อกี๊มีผู้หญิงคนนึงออกมาจากห้องนี้รึเปล่า” ฮิมูโระร้องถาม
“ผู้หญิงงั้นเรอะ”
หลังจากมองหน้ากัน ชายสองคนนั้นก็มองฮิมูโระอย่างสงสัย สายตาเหมือนคิดว่าเขาใช้ยาเสพติด พอเห็นดังนั้น ฮิมูโระจึงไม่ถามต่อเพราะไม่งั้นอาจจะโดนสอบสวนเพิ่มเติมได้
“เอ่อ โทษที ไม่มีอะไร” เขาตอบเเละกลับเข้าไปในห้อง
“ญาติดีกันเเละช่วยเหลือเธอในอนาคตหรอ”
คิดจะให้ทำอะไรกันเเน่ เขาคิดในระหว่างปิดประตู ความรู้สึกน่าขนลุกเกิดขึ้นทั่วร่างกาย
กระถางต้นไม้ที่ตั้งอยู่หน้าฮิมูโระ เขาคิดว่ามันกำลังจับตาดูเขาอยู่ เขารีบเอาผ้าคลุมที่นอนมาคลุมกระถางไว้เเละถอนหายใจเสียงดัง