ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น - ตอนที่ 55 เล่ม 3 : เฮเว่นส์ลีคส์ (9)
***
มิโยชิมองไปที่หญิงสาวสองคนที่กำลังใช้โทรจิตกันอยู่ จากนั้นก็เดินมาหาผมเเละกระซิบ “รุ่นพี่ เราจับอะไรบางอย่างได้” เธอทำสีหน้าเคร่งเครียด
เหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างตกลงไปในกับดักของพวกอาเธอร์สอีกเเล้ว เเต่ตอนนี้ยังไม่มืดเลย จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ตอนนี้มันสว่างเกินกว่าที่พวกสายลับจะเริ่มทำงาน
“ครั้งนี้รู้สึกเเตกต่างจากครั้งก่อนๆนะ”
ผมพยักหน้า “หวังว่าจะไม่ใช่พนักงงานขายตรงหรือพวกเผยเเพร่ศาสนาก็เเล้วกัน”
“เรามีป้ายเขียนไม่รับเปยเเพร่ศาสนาอยู่ที่รั้วเเล้ว ถ้ามีใครบุกรุกเข้ามา เราก็ไม่ผิดนะ”
“เดี๋ยวไว้ค่อยมาดูทีหลังก็เเล้วกัน”
“เข้าใจเเล้ว”
มิโยชิหันไปหาอีกสองคนเเละพูดด้วยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เอาล่ะ ขอให้พวกเธอสองคนผลัดกันยืนตรงนี้ได้ไหม” เธอชี้ไปที่เเท่นวงเเหวนของเครื่องวัด
ไซวโต้พยักหน้า “งั้นฉันไปก่อนนะ เเค่ยืนตรงนี้ก็พอใช่ไหม” เธอหันมาหาผมเเละพูดเสียงล้อเลียน “หรือจะต้องถอดเสื้อผ้าด้วย” เธอถามเเละทำท่าเหมือนกำลังถอดเสื้อ
ผมคิดว่าจะพูดว่า “ใช่ ถอดเสื้อผ้าด้วย” เเต่ไซโต้ดูเหมือนจะเล่นด้วย ถ้าเกิดเธอถอดขึ้นมาจริงๆ ผมต้องซวยเเน่ ดังนั้นผมจึงเงียบไว้เเละส่ายหน้า
“เสื้อผ้าใส่ไว้ก็ได้ เอาล่ะ เริ่มกันเลยนะ” มิโยชิพูด
ไซโต้ยิ้มเเละเดินไปประจำที่ มองไปข้างหน้า
“จะเริ่มเเล้วนะ” มิโยชิประกาศเเละเริ่มทำการวัด
ผมนั่งลงที่โต๊ะของผมเเละหยิบการดาษจดฌน๊ตขึ้นมาพร้อมกับเปิดเมคกิ้ง
ชื่อ : มิตสึรุกิ ฮารุกะ
SP : 65.36
HP : 29.00
MP : 55.20
STR : [-] 10 [+]
VIT : [-] 12 [+]
INT : [-] 28 [+]
AGI : [-] 22 [+]
DEX : [-] 41 [+]
LUC : [-] 16 [+]
ชื่อ : ไซโต้ เรียวโกะ
SP : 33.23
HP : 28.50
MP : 48.50
STR : [-] 10 [+]
VIT : [-] 12 [+]
INT : [-] 25 [+]
AGI : [-] 17 [+]
DEX : [-] 34 [+]
LUC : [-] 12 [+]
“ว้าว” ผมพึมพัมออกมาก
ถ้านับจนถึงตอนที่เราลงดันเจี้ยนครั้งล่าสุดเพื่อล่าออร์บขุดเหมือง ผมกำจัดมอนสเตอร์ไปเเล้ว 4800 ตัว ตลอดการเป็นนักสำรวจ ผมได้รับ SP มา 74.333 หน่วย เเค่ทว่าจำนวนนี้นั้นรวมเอนไกด้วย ถ้าผมไมไ่ด้กำจัดเทพพระอาทิตย์ อย่างมากผมก้จะมีเเค่ 29.333 เเต้ม อีกทั้ง ถ้าครึ่งนึงของค่าSPที่มิตสึรุกิได้รับนั้นกลายเป็นค่าสเตตัสไปเเล้ว เธอจะต้องเคยมีค่าSP 130 เเต้ม ถ้าคำนวนย้อนกลับไป เธอน่าจะกำจัดสไลม์ไปปเเล้ว 6500 ตัว ถ้ามาเปรียบเทียบกับจำนวนที่เรากำจัดไป เธอกำจัดไปมากกว่าผมมากๆเลย เธอสมควรจะเป็นรักสำรวจระดับสูงสุดเเล้วล่ะ
เเต่ว่าที่มิตสึรุกิกำจัดไปนั้นส่วนใหญ่เป็นสไลม์ทั้งหมด ซึ่งเป็นมอนสเตอร์ที่อ่อนแอที่สุด ในระหว่างที่ส่วนมากของเเต้มของผมนั้นมาจากมอนสเตอร์ที่ชั้นสิบขึ้นไป ถ้ามองเเค่วิธีการอัพเลเวล “การเข้าออกตีสไลม์” นั้นยังได้ผลดีที่สุดอยู่ดี
“ทำอะไรอยู่น่ะ” อยู่ดีๆไซโต้ถามผม
ผมเงยหน้าขึ้นมาเห็นเธอยืนอยู่ข้างๆโต๊ะของผม เธอน่าจะสลับที่กับมิตสึรุกิในระหว่างที่ผมไม่ได้สนใจ เเน่นอนว่าผมที่จ้องอยุ่ที่เเทผเล็ตที่มองไม่เห็นนั้นคงจะดูเเปลก ถึงผมจะมีกระดาษโน็ตอยู่บนโต๊ะก็เถอะ
“เอ่ออ ไม่มีอะไร เเต่ฉันมีคำถามอย่ากจะถามเธอหน่อย”
“ว่าไงล่ะ”
“เธอรู้สึกยังไงที่อยู่ๆความสามารถในการเเสดงของเธอพุ่งสูงขึ้น”
“หืออ”
“เอาใหม่นะ ถ้าสามารถเพิ่มความสามารถในการเเสดงได้ หรือเพิ่มความเร็วหรือความอึด หรือความเเข็งเเกร่ง เธออยากจะเลือกอะไร”
โซโต้ดูเหมือนจะกำลังอึ้งเพราะคำถามกระทันหันที่ไม่ค่อยเข้าใจความหมาย เเต่เธอก็เหมือนจะเปลี่ยนวิธีคิดเเละคิดว่าผมถามคำถามเล่นๆ
“ตอบยากอยู่นะ นายกำลังจะบอกว่าความสามารถที่จะเพิ่มขึ้นนี่ฉันไม่ต้องทำอะไรเลยงั้นหรอ ประมาณโชคลาภอะไรเเบบนี้”
“ประมาณนั้น”
เเต่ที่จริงมันเป็นผลจากความพยายามของเธอในโยโยกิดันเจี้ยน เรพาะฉะนั้นก็ไม่ใช่เป็นโชคลาภหรอก เเต่ผมก็ไม่มีวิธีดีๆจะอธิบายเธอ
เธอสำรวจหน้าผมด้วยสายตาสงสัย “โยชิมูระ นายไม่ได้ทำการเเลกเปลี่ยนกับพระเจ้าเเล้วทำให้ดวงวิญญาณของฉันเเปดเปื้อนใช่ไหม”
“ฉันไม่ได้ต้องการดวงวิญญาณของเธอเป็นของตอบเเทน สัญญาเลย” ผมตอบพพร้อมหัวเราะเเห้งๆ
ในฟอสต์ของเกอเธ่, เมฟิสโตเฟเลสได้ทำการเดิมพันอย่างเดียวกันนี้กับพระเจ้าเพื่อดวงวิญญาณของตัวละครหลัก
“งั้นนายอาศัยอยู่ในโรงละครที่ไหนสักที่รึเปล่า เเล้ววางเเปนที่จะช่วยเหลือสาวนักร้องคอรัสที่น่าส่งสารอย่างฉันงั้นหรอ”
“เสียใจด้วยนะที่ฉันไม่มีกล่องดนตรีลิง”
ใน เดอะเเฟนทอมออฟดิโอเปร่า เเฟนทอมที่เป็นตัวเอกนั้นมีกล่องดนตรีที่มีลิงที่ทำจากเปเปอร์มาเช่นั่งอยู่บนออร์เเกน
มาคิดๆดูเเล้ว ไซมอนก็พูดอะไรเกี่ยวกับนักสำรวจเเรงค์หนึ่งที่ถูกเรียกว่า เดอะเเฟนท่อม เหมือนกัน เดอะเเฟนทอมออฟเดอะดันเจี้ยนงั้นหรอ เหมือนปลุกความจูริเบียวในตัวได้เลยนะ
เหมือนจะวัดกันเสร็จเเล้ว มิโญชิกับมิตสึรุกิก็เข้ามาพูดด้วย
“เคยคิดอยากจะใส่หน้ากากขาวบ้างไหม” มิโยชิถาม
“ถ้าไม่มีบริบท มันฟังดูเหมือน หน้ากากโซอนน่า โน เลยนะ”
“ทุต ทุต ไม่ใช่ว่าเรามีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกันมากกว่าเรื่องหน้ากากหรอ” มิตสึรุกิขัด
พวกเราหันมาหาเธอพร้อมกันเพราะเธอเล่นมุกที่ปกติไม่ค่อยจะเล่นนัก
“เอ่อ หมายถึงหน้ากากของราชาทุตรึเปล่า”
“เล่นมุกไก่กาจะทำให้อายุอาชีพนางเเบบสั้นลงนะ ฉันเเนะนำให้รีบเลิกดีกว่า” ไซโต้พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“เดี๋ยวสิ จริงหรอ”
“เมื่อกี๊คุยอะไรกันอยู่หรอรุ่นพี่”
“ก็ประมาณ ถ้าเธออยากจะพัฒนาด้านใดด้านนึงของตัวเอง จะเลือกอะไรน่ะ เเน่นอนว่าเป็นคำถามสมมุตินะ”
มิโยชิจ้องผมเหมือนจะบอกว่า “โกหกให้มันดีกว่านี้หน่อยไมไ่ด้รึไง” เเต่เธอก็พูดออกมาเเค่ว่า “อ๋ออ”
นารุเสะที่เหมือนกำลังพักจากการเเปลก็เข้ามาร่วมคุยด้วย “สมมุติว่าเราสามารถพัฒนาด้านใดด้านนึงของตัวเองได้หรือคะ”
ไซโต้คงไม่คิดว่าจะมีคนอื่นอยู่อีกห้อง เธอจึงมองมาที่ปมเหมือนจะถามว่า “ใครน่ะ”
“อ๋อ เธอเพิ่งเคยเจอกันครั้งเเรกใช่ไหม เธอคือ นารุเสะ มิฮารุ เข้าหน้าที่ของJDAที่เป็นผู้ดูเเลเต็มเวลาของเรา ส่วนนารุเสะ เธอคนนี้คือเพื่อนของเราที่เป็นนักเเสดงชื่อว่า ไซโต้ เรียวโกะ ถ้าเข้าใจไม่ผิดเธอน่าจะรู้จักมิตสึรุกิเเล้วนะ”
“ใช่ค่ะ เราเจอกันที่ร้านซูชิ” นารุเสะตอบ
“อ๋อ ปาร์ตี้นั้นที่ฉันไไม่ได้ไปนี่นา”
“นารุเสะ มิฮารุค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน ไซโต้ เรียวโกะค่ะ”
“ระหว่างที่ทำงานอยู่อีกห้องนึง ฉันก็ได้ยินที่คุยกันน่ะค่ะ มันน่าสนใจดีฉันเลยอยากจะร่วมวงด้วย หวังว่าจะไม่เป็นการรบกวนนะคะ”
ไซโต้ส่ายหัว “ไม่เลยๆ”
นารุเสะชอบคุยเรื่องพวกนี้หรอ น่าประหลาดใจดีเเหะ
“เธออยากจะพัฒนาอะไรล่ะ”
“พละกำลังค่ะ เเน่นอนเลย”
“จริงดิ”
ผมตกใจเอามากกๆเลยนะ ทำไมนารุเสะถึงฟังดูเหมือนตัวเอกจาก วันกัน มิดไนท์ ที่รถเเข่งมือสองของเขากำลังส่งเสียงอย่างบ้าคลั่งขณะที่เพิ่มความเร็ว
“เอ๋ ทำไมถึงอยากเพิ่มพละกำลังล่ะ เรื่องใช้เเรงให้พวกผู้ชายช่วยสิ”
อืม เหมาะกับเธอดีนะ
“เอาจริงๆเลยนะคะ ฉันอยากจะจัดการพวกนักสำรวจที่ไม่ยอมฟังให้หมอบกระเเตไปเลยค่ะ”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” ไซโต้พยักหน้า
เเน่นอนว่าจะต้องมีพวกผู้ชายที่ไม่ฟังที่ผู้จัดการที่เป็นผู้หญิงอายุยังน้อยถึงเธอจะพยายามอธิบายกฏมากขนาดไหน คนพวกนั้นก้จะหัวเราะเยาะอย่างกับพวกนักเลงเเละเมินเธอ คุณคงอยากจะสั่งสอนพวกนั้นให้รู้สำนึกสักหน่อย
ก็เป็นปัญหาใหญ่เหมือนกัน คำพูดของนารุเสะทำให้เห็นภาพเลยล่ะ
มิโยชิพยักหน้าให้กับคำตอบที่รุงเเรงนิดหน่อยของนารุเสะ “การทำงานในส่วนของการจัดการดันเจี้ยนคงเครียดน่าดูเลยเนอะ”
“หน้าที่หลักของพนักงานชั้นล่างคือการจัดการนักสำรวจทั่วๆไปค่ะ ตอนที่ทำงานนี้อยู่ ฉันอยากจะร้องไห้ตลอดเลย เเผนกของเรามีอัตราการลาออกสูงงมากเลยรู้ไหมคะ”
ถึงจะเป็นโยโยกิ คุณก้ไม่ค่อยเห็นหญิงสาวอายุน้อยทำงานในเเผนกจัดการหรอก ส่วนมากจะเป็นพนักงานต้อนรับมากกว่า เเต่เหมือนว่าเเผนกต้อนรับจะอยู่ในส่วนของฝ่ายการพาณิชย์ หรือที่เรียกกันว่า “กิลล์”
“ฉันเลยซาบซึ้งกับสิ่งที่ดี-พาวเวอร์สทำให้มากๆเลย” นารุเสะพูดพร้อมกับรอยยิ้ม
ตั้งเเต่ได้รับมอบหมายให้มาเป็นผู้ดูเเลเต็มเวลาของเรา ชีวิตของนารุเสะก็เริ่มดีขึ้น เธอไม่ต้องทำงานเเบบนั้นเเล้ว ตอนที่เราเจอกันที่ผมถูกสงสัยว่าพยายามที่จะฆ่าตัวตาย เธอน่าจะทำงานเเบบนั้นอยู่พอดี
มิตสึรุกิเอานิ้วไปวางที่เเก้มทำท่าคิด “ฉันน่าจะอยากเพิ่มสตามินา”
นางเเบบนั้นต้องการสตามินา หรือก็คือพลังกาย
“นอกจากนางเเบบรันเวย์เเล้ว พวกที่ถ่ายเเบบเเมกกาซีนพวกนั้นส่วนมากเเล้วจะต้องทำงานตั้งเเต่เช้าตรู่ เเล้วก้เสื้อผ้าจะถูกเลือกไว้ก่อนฤดูของมัน ตอนหน้าหนาว พวกเราต้องใส่เสื้อผ้าของฤดูร้อน เเล้วพอตอนที่มันร้อนมากๆ พวกกเราต้องใส่เสื้อผ้าของฤดูหนาว”
เรื่องนี้ต้องการสตามินาเเน่นอน
“ไม่ใช่ว่าที่วิ่งเข้าๆออกๆดันเจี้ยนก็เป็นการเพิ่มสตามินาจำนวนมากเเล้วหรอ” ไซโต้ถาม “สำหรับฉัน เเน่นอนว่าจะต้องอยากเพิ่มทักษะการเเสดง เเล้วก็อยากจะเป็นสาวตลอดไปเเล้วก็อยากได้ชื่อที่ลงท้ายด้วย “โกะ” ด้วย ฉันไม่ใช่เด็กสักหน่อย”
โทษที เเต่เรื่องเป็นสาวกับชื่อน่ะไม่ได้เกี่ยวอะไรสักนิด
“เลิกเวอร์ได้เเล้ว เรียวโกะ”
พวกเราคุยกันอย่างออกรสชาติอีกสักพัก จากนั้นก็จึงสลายปาร์ตี้เเละเริ่มทำการวัดสเตตัสอีกครั้ง
***
รถเเท็กซี่สองคันที่พวกเราเรียกมา มาจอดที่หน้ารั้วตอนก่อน 5 ทุ่มเล็กน้อย
มิตสึรุกิโค้งให้พวกเราอย่างสง่างาม “งั้นก็ ราตรีสวัสดิ์นะคะ”
“ราตรีสวัสดิ์ ขอบคุณสำหรับวันนี้นะ”
ไซโต้ตบหลังผมหลายครั้ง “เพื่อโค้ชที่รักของฉัน ทำได้ทุกอย่างเเหละ”
ดูเหมือนเธอก็รู้สึกผิดเกี่ยวกับการสัมภาษณ์นั่นเหมือนกัน
“เดี๋ยวจะตอบเเทนพวกเธอสองคนด้วยข้าวเย็นตอนวันที่ 23 นะ” มิโญชิพูด
“จะตั้งหน้าตั้งตาคอยนะ ไปล่ะ” ไซโต้พูด
“ไว้เจอกันนะ” มิตสึรุกิพูด
นารุเสะเเปลจารึกเป็นภาษาอังกฤษได้เกือบครบเเล้ว ทุกๆวันนี้พวกเรามีเอไอคอยช่วย ทำให้สามารถทำงานพวกนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เเต่ทว่าบางทีกูเกิ้ลทรานสเลทก็สลับประโยคปฏิเสธกับประโยคบอกเล่า ทำให้ต้องคอยดูให้ดี หลังจากนั้นนารุเสะก็ต้องมาตรวจสอบคำศัพท์ต่างๆให้เหมือนกัน
“ขอบคุณที่เหนื่อยนะวันนี้ เธอจะมาด้วยกันวันที่23ไหม” มิโญชิถาม
“โชคไม่ดีที่วันนั้นฉันมีนัดพอดีค่ะ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรเเต่ว่าฉันต้องกลับไปบ้านพ่อเเม่เพราะว่ามีการประชุมครอบครัว”
การประชชุมครอบครัวนั่นน่าจะเป็นเรื่องการจับมือกันระหว่างบริษัทของเรากับมิโดริ
“เเย่เลยนะ งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้” ผมพูด
“ค่ะ เจอกันพรุ่งนี้”
มิโยชิกับผมยืนอยู่ที่รั้วจนรถเเทกซี่ของนารุเสะเลี้ยวตรงหัวมุมเเละหายไป
“เท่านี้สินะ เธอได้ข้อมูลไหม”
“สมบูรณ์เเบบเลย เเต่เราเหลือเรื่องที่ต้องทำอีกเรื่องนึง” มิโยชิเดินจากทางเข้าไปทางสวน เเละหยิบอะไรสักอย่างที่ดูเหมือนกล้องขึ้นมา
“ตรงนี้เเหละ”
อ๋ออ คนปริศนานั่นที่ถูกพวกอาเธอร์สจับมา
“กล้องหรอ คิดว่าเป็นพวกนักข่าวรึเปล่า” ผมถาม
“ไม่รู้สิ มาดูกันเถอะว่าถ่ายอะไรเอาไว้”
“ดี”
เรากลับไปที่ออฟฟิศเเละวางกล้องไว้บนโต๊ะ หยิบกาน้ำมาวางที่เตาเเละเริ่มชงกาเเฟ
“จะว่าไป รุ่นพี่ไปเล่นอะไรกับสเตตัสของพวกเธอสินะ”
“ชัดเจนขนาดนั้นเลยหรอ ก็นะ เป็นเหมือนของขวัญคริสมาสตร์ให้กับลูกศิษย์ทั้งสองคนไง”
พอพวกเธอบอกสิ่งที่อยากได้ ผมก็จัดให้ตามที่ขอ
“ปรับไปขนาดไหนล่ะ”
“ก็ออกมาเป็นเเบบนี้”
ชื่อ : มิตสึรุกิ ฮารุกะ
SP : 0.36
HP : 48.50
MP : 71.90
STR : [-] 10 [+]
VIT : [-] 25 [+]
INT : [-] 34 [+]
AGI : [-] 35 [+]
DEX : [-] 70 [+]
LUC : [-] 20 [+]
ชื่อ : ไซโต้ เรียวโกะ
SP : 0.23
HP : 34.90
MP : 60.50
STR : [-] 10 [+]
VIT : [-] 16 [+]
INT : [-] 30 [+]
AGI : [-] 25 [+]
DEX : [-] 50 [+]
LUC : [-] 12 [+]
พอมิโยชิเห็นข้อมูลที่ผมเขียน เธอก็ทำท่าเกาหัวเเบบเวอร์ๆ
“เป็นอะไรไป”
“รุ่นพี่ทำเกินไปเยอะเลยนะ เมื่อวันก่อนเราพึ่งคุยกันเรื่องนักสำรวจระดับเเนวหน้าเพิ่มสเตตัสไปเท่าไรภายในสามปีนี้กันเองนะ”
จากการวิจัยเเละจากSPที่ได้รับมา เราประเมินว่านักกสำรวจเเนวหน้าน่าจะมีSPประมาณ 180-200เเต้ม ค่าสเตตัสโดยเฉลี่ยนก้จะเป็น 30-40เเต้ม ถึงจะมีค่าสเตตัสใดที่SPไปลงมากกว่าค่าอื่น เราก็สรุปกันว่าค่านั้นน่าจะอยู่ที่ประมาณ 50-60เเต้ม
“ตอนนี้มิตสึรุกิเป็นเเชมเปี้ยนระดับโลกของค่าDEXเเล้วนะ ทิ้งห่างคนอื่นเยอะด้วย เเต่เเน่นอนว่าไม่นับรุ่นพี่”
“อะ-อื้ออ ก็สูงจริงๆเเหละ เเต่สำหรับคนที่เน้นค่าสเตตัสไปที่ค่าใดค่านึง เเค่นี้ก้ไม่-”
“รุ่นพี่”
“ว่าไง”
“วันก่อนเราเพิ่งรู้ว่าครึ่งนึงของค่าSPทั้งหมดจะถูกเเจกจ่ายโดยะรรมชาติไม่ใช่รึไง”
“เอ่อ…”
ผมเริ่มเถียงไม่ออก การประเมินของนักสำรวจเเนวหน้านั้น พวกเราทำจากการคำนวนย้อนกลับจากจำนวนSPที่พวกเขาน่าจะได้ เเต่ถ้าเป็นเเบบนี้ สเตตัสของพวกเขาจริงๆจะเป็น…
“ครึ่งนึงของที่พวกเราประเมินไว้หรอ”
“น่าจะใช่”
“ถ้าเป็นเเบบนั้น ค่าที่มากที่สุดก็น่าจะเป็นประมาณ 30 ไไม่สิ เดี๋ยวก่อน ถ้านักสำรวจเเนวหน้าได้SPมา200เเต้ม เเต่ถ้าเเค่100เเต้มนั้นถูกไปใส่ลงสเตตัสเเล้ว-”
“หมายความว่าค่าสเตตัสรวมทั้งหมดของมิตสึรุกิจะสูงกว่าทุกคนในทีมไซมอนงั้นหรอ!!”
มิโยชิพยักหน้า “ในที่สุดก็เข้าใจสักที”
“งั้นค่า INT ของเธอกับค่าDEXของไซโต้กับมิตสึรุกิก็-”
“สูงที่สุดในโลก เเน่นอนว่าไม่รวมรุ่นพี่”
มิโยชิมีINT50 ไซโต้มีDEX50 มิตสึรุกิมีDEX70
“เเค่3เเต้มก้เห็นความเเตกต่างเเล้วนะรู้ไหม ถ้าอยู่ๆสเตตัสก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างกระทันหัน จะต้องมีปัญหาในการควบคุมร่างกายเเน่ๆ สองคนนั้นจะเป็นอะไรไหมนะ”
“ไม่เอาน่า ถ้าจะไปถามเรื่องนั้นคงเเปลกน่าดู”
คงไม่มีอะไรน่าสงสัยไปกว่าการไปบอกว่า “เธอจะเเม่นยำขึ้นมากๆเลยนะ ระวังด้วยล่ะ!”
ระหว่างที่คิดอยู่ ผมก็นึกขึ้นได้ “บางทีเราอาจจะพูดประมาณว่า การทดสอบร่างกายที่ทำวันนี้เป็นการปลดล็อคสมถภา-”
“รุ่นพี่จะสร้างนิกายใหม่รึไง”
มิโยชิถอนใจเเละตีหัวผมด้วยม้วนกระดาษ จากนั้นเธอก้ไปเกากาน้ำออกจากเตาเเละเริ่มเทกาเเฟ
“ถ้าเราจะทำดันเจี้ยนบูทเเคมป์ รุ่นพี่ต้องจำกัดการเพิ่มเเค่ 10 เเต้มนะ” มิโยชิเตือน
“เข้าใจเเล้ว เเต่นักสำรวจธรรมดาก็คงไม่มีค่าSPเหลือเยอะขนาดนั้นหรอก”
นั่งเสียใจไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ผมเลยก็อปปี้วีดีโอจากเมมโมรี่การ์ดของกล้องนั่นเเละเริ่มตรวจดูข้อมูลข้างใน
“หมอนี่เป็นใครกัน สตอร์คเกอร์ของไซโต้หรอ”
เมมโมรี่การ์ดนั้นมีฟุตเทจที่ถูกถ่ายโดยคนที่สะกดรอบตามไซโต้อยู่
“ว้าวว มีวีดีโอไหนที่ไม่เหมาะกับผุ้ชมที่มีอายุต่ำกว่า18รึเปล่า” มิโยชิพูด
“ฉันจะทำเป็นไม่ได้ยินที่เธอพูดเมื่อกี้ก็เเล้วกัน”
“เเต่ถ้ามีอะไรเเนวนั้น เราาก็เเค่ไปเเจ้งตำรวจไง”
ก็จริง เเต่ถ้าไม่ลบมันไปผมคงรู้สึกไม่ดี
ผมส่ายหัว “ฉันไม่ได้ลองดูทุกวีดีโอก็เลยไม่รู้ เเต่ไม่คิดว่าจะมีนะ”
“เเต่หมอนี่รู้ตารางของไซโต้ได้ยังไง ถ้าเขาไม่รู้ว่าเธอจะไปที่ไหนบ้าง ก็ไม่น่าจะถ่ายทั้งหมดนี่ได้ใช่ไหม”
“งั้นก็อาจจะเป็นคนที่เธอทำงานด้วย เเต่คนรู้จักจะมาทำอะไรเเบบนี้งั้นหรอ”
“คนรู้จักพัฒนามาเป็ฯสตอร์คเกอร์ก็เป็นไปได้นะ”
ผมหยักหน้า “จากดอกเตอร์ฮานิบาล เลคเตอร์ คนเราจะเริ่มอยากได้สิ่งที่เห็นอยู่ทุกๆวัน”
“ตอนนี้เราควรจะค้นตัวผู้ชายคนนนี้ไหม”
“เเน่นอน เเต่เรื่องเวลาจะไม่เป็นไรหรอ นี่ก็ผ่านไปสักพักเเล้วหลังจากที่พวกอาเธอร์สจับมา”
มิโยชิยักไหล่ “เเปปเดียวก็เสร็จเเล้ว เเล้วถ้าเกิดเขาได้สติมาในระหว่างนั้น เราก็ทำพาราไลซ์เขาก็ได้”
“เราเริ่มเหมือนเป็นองค์กรชั่วร้ายเเล้วนะ”
มิโยชิเรียกคาวัลที่เป็นคนจับชายคนนั้นมาที่ออฟฟิศ
ชายคนนั้นมีความสูงปานกลางเเละตัวไม่ใหญ่มาก ให้ความรู้สึกเป็นคนมีสไตล์ ถึงผมตอนนี้จะยุ่งไปหน่อย เเต่มันก็ตัดเป็นทรงอันเดอร์เสยหลัง เขายังสวมเสื้อสเวตเตอร์คอสูง โค้ทยาว เเละกางเกงเเสลคหลวมๆที่เข้ากันได้ดี
“น่าจะอายุราวๆ40 เเต่ยังเเต่งตัวเป็นวัยรุ่นอยู่ น่าจะเป็นคนในวงการบันเทิงไหม”
“ถ้าเป็นคนรู้จักจากที่ทำงานก็เป็นไปได้นะ” มิโยชิหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“นั่นมัน- ถุงมือยางงั้นหรอ”
มิโยชิหัวเราะอย่างชั่วร้าย “ขาดไมไ่ด้สำหรับนักสืบเลยนะ”
เท่าที่ดู มิโยชิพยายามสำรวจชายคนนี้โดยที่ไม่ให้เหลือรอยนิ้วมือเอาไว้ เเต่ต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรอ
“นี่ คาวัล” ผมพูด “นายยึดของต่างๆมาจากพวกคนที่จับได้ตลอดเลยนี่ ทำได้ยังไงน่ะ”
คาวัลหันไปหามิโยชิเหมือนจะขออนุญาต
พอมิโยชิพยักหน้า ชายคนนั้นก็จมลงไปในความมืด เเละข้าวของของเขาก็พุ่งออกมาจากเงานั่น
“สุดยอดไปเลยเเหะ ทุกอย่างนอกจากร่างกายจะถูกนำออกจากกับดักเงาหรอ”
นอกจากข้าวของที่พกไว้เเล้ว เเม้เเต่เสื้อผ้าเเละถุงเท้าก็กระจายเต็มพื้นเลยด้วย
พอเห็นเสื้อผ้าบางอย่าง มิโยชิก้ทำหน้าย่น “เเหยะ ไม่ต้องถึงขนาดเอากางเกงในออกมาก็ได้”
พอตรวจสอบเสื้อผ้าเเละข้าวของ เราก็พบว่าเขาชื่อฮิมูโระ ทาคัตสึกุ ถ้านามบัตรนี่เป็นของเเท้เเล้วล่ะก็ เขาจะเป็นผู้กำกับจากสถานีโทรทัศน์ที่มีชื่อว่า มีเดีย24 โดยลูกค้าหลักจะเป็นเซ็นทรัลทีวี
“เซ็นทรัลทีวีเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนภาพยนตร์ที่ไซโต้เเสดงอยู่” มิโยชิพูด
“งั้นเขาก็เป็นคนรู้จักที่กลายเป็นสตอร์คเกอร์จริงๆหรอ”
ผมเอื้อมมือไปจะหยิบเครื่องอัดเสียงที่อยู่ท่ามกลางข้าวของของชายคนนี้ เเต่มิโยชิหยุดผมไว้
“รุ่นพี่ ใช้นี่สิ”
เธอยื่นถุงมือผ่าตัดให้ผมคู่นึง ผมยอมเเพ้ ใส่มันเเละหยิบเครื่องอัดเสียงมา ถึงผมจะอยากรู้เเค่ไหนว่ามันบันทึกอะไรไว้ เเต่ก็ไม่น่าจะมีเวลามานั่งฟัง ผมเลยลบข้อมูลทั้งหมดเเละคืนมันไป เครื่องนี้มีเมมโมรีการ์ดด้วย ผมเลยลบมันได้เกลี้ยงโดยใช้คอมพิวเตอร์ ในระหว่างนั้นมิโยชิก็เอามือถือของชายคนนี้มาเเละทำอะไรสักอย่าง
โอ้พระเจ้า เธอกำลังลงสปายเเวร์งั้นหรอ
“อย่าทำอาชญากรรมอะไรที่เหลือหลักฐานไว้ล่ะ”
“ค่า ค่า รู้เเล้ว”
รอยยิ้มของเธอทำให้ผมเสียวสันหลัง ผมทำเป็นไม่เห็นเเละหันไปหาคาวัล “นี่เพื่อนยาก นายเอาทุกอย่างกลับไปไว้ที่เดิมได้ไหม”
คาวัลพยักหน้าเเละดูดข้าวของทุกอย่างลงกับดักเงา
“กับดักเงานี่มันสะดวกจริงๆนะเนี่ย เอาสิ่งมีชีวิตใส่เข้าไปก็ยังได้ ไม่เหมือนสโตเรจ”
“เเต่มันมีข้อจำกัดเรื่องน้ำหนักนะ เเล้วถ้าทิ้งคนไว้ในนั้นมันเป็นการขัดขวางพวกอาเธอร์สด้วย”
ระหว่างที่พูด มิโยชิก็เอาเเบตเตอรี่จองมือถือเเละเครื่องอัพเสียงออกมาเเละโยนเข้ากับดักเงาเเยกกัน ทำไปเพื่ออะไรนะ ผมสงสัย เเต่อย่างมิโยชิคงมีเเผนอะไรอยู่เเล้ว
“ขัดขวางหรอ” ผมถาม
คาวัลพยักหน้าเเละพ่นผู้บุกรุกออกมาจากเงาอีกครั้ง ชายคนนั้นกลับมาอยู่ในสภาพเหมือนก่อนที่จะถูกถอดเสื้อผ้า ว้าว คงสะดวกในการเปลี่ยนเสื้อผ้าในตอนเช้าน่าดู ผมคิดระหว่างมองสิ่งที่เกิดขึ้น เเล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“ถ้าฉันขอ พวกอาเธอร์สจะช่วยเปลี่ยนชุดปลอมตัวให้ฉันทันทีได้รึเปล่า”
“รุ่นพี่จะปลอมตัวไปทำอะไรน่ะ จะเป็นเเฟนทอมงั้นหรอ”
“ใช่”
“เดี๋ยวนะ เอาจริงดิ”
จนถึงตอนนี้ ผมซ่อนตัวเองในเงาของมิโยชิมาตลอด เเต่คนอย่างไซมอนกับมิตสึรุกิก็พอจะเดาความลับของผมออกเเล้ว ถ้าผมเริ่มไปช่วยในการพิชิตดันเจี้ยนในอนาคต ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปก็อาจจะมีปัญหาได้ เเต่ผมก็ไม่อยากทิ้งชีวิตสไลว์ไลฟของนักสำรวจเเรงค์จีไป ผมก็เลยจะปลอมตัวเเล้วทำตัวเป็นฮัโร่เหมือน คลาค เคนท์เเละ คนโด ชิซึยะ
“ความคิดไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ” ผมถาม
“เรื่องเเบบนี้รุ่นพี่ทำตัวเหมือนเด็กเลยนะ”
“เงียบน่า มันเป็นปกติของฮีโร่อยู่เเล้วที่ต้องซ่อนตัวจริงของตัวเอง”
“สมัยนี้ก็ไม่เเล้วนะ”
เถียงไม่ออกเลยเเฮะ
“ยังไงก็เถอะ ถ้าเป็นเเบบนี้ต่อไปก็น่าจะยาก”
มิโยชิพยักหน้า “จนถึงตอนนี้ เราไปเเค่ชั้นที่ไม่ค่อยมีคนอย่างชั้นหนึง ชั้นสิบ เเล้วก็ชั้นสิบเเปด ก็เลยยังไม่เจอปัญหา”
“เเต่จากนี้ไป พวกเรื่องพื้นที่ปลอดภัยอะไรพวกนี้จะทำให้สถานการณ์ซับซ้อนขึ้น มีเรื่องยากรอเราอยู่”
“ไว้ฉันจะคิดเรื่องนี้ดู เเต่มีคอสตูมไว้ก็ดีเหมือนกัน ฉันมีเพื่อนคนนึงเป็นฟุโจชิ เธอน่าจะช่วยเราได้”
“เดี๋ยวนะ ฉันได้ยินผิดไปรึเปล่า ฟุโจชิที่เป็นผู้หญิงที่ชอบมังงะBLอะนะ เธอจะช่วยเราได้ยังไง”
“อย่าสนใจเรื่องหยุมหยิบสิรุ่นพี่ ที่ฉันได้ยินมา คอสเพลย์มันก็สนุกดีนะ”
“คะ-คอสเพลย์หรอ”
ผมที่กำลังจะอายุ 29 ปี ไอเดียที่ว่าจะต้องไปคอสเพลย์นั้นทำให้ผมกังวล เเต่ว่าไอเดียจากมิโยชิไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลยสักครั้ง ถ้าจะให้วิจารณ์สักเรื่องนึง ก็น่าจะเป็นเรื่องที่เธอค่อนข้างบ้าบิ้นไปหน่อย ในหลายๆครั้งเลย
“เอ่ออ ช่วยอ่อนโยนกับฉันด้วยก็เเล้วกัน เเต่ว่าเราจะทำยังไงกับหมอนี่ดี เรายังไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร เเต่เดี๋ยวเขาก้ตื่นขึ้นมาเเล้วนี่ เอาไปทิ้งไว้ที่รั้วดีไหม”
มิโยชิยิ้ม “ทำไมเราไม่ถามเจ้าตัวเอาล่ะว่ามีเป้าหมายอะไร”
“เอ่อ- อะไรนะ”
“ไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องนี้เอง”
“เอ่อออ ก็ได้…”
ผมรู้สึกว่าจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น เเต่ตอนนี้ก็ปล่อยให้มิโยชิจัดการไปก่อน
เธอยิ้มอย่างร่าเริงเเละกลับไปนั่งที่เพื่อมาวิเคราะห์ข้อมูลต่อจนกว่าชายคนนั้นจะตื่นขึ้นมา